๗๑. กรมพระราชวังบวรสถานมงคลทรงประชวรสวรรคต

ฝ่ายที่กรุง กรมพระราชวังบวรสถานมงคลประชวรพระโรคมานน้ำมาปีเศษ แพทย์และหมอชะเลยศักดิ์และพระอาจารย์ในกรุงนอกกรุงชุมนุมปรึกษาประกอบพระโอสถและน้ำพระปริตรถวาย พระอาการก็ไม่คลาย ครั้นณวันอังคารเดือน ๖ ขึ้น ๒ ค่ำ[๑] เวลา ๘ ทุ่มสวรรคต พระองค์ประสูติเมื่อณวันศุกร เดือน ๑๑ แรม ๓ ค่ำ ปีมะเส็งสัปตศก ศักราช ๑๑๔๗[๒] เมื่อได้อุปราชาภิเศก พระชนม์ ๓๘ พรรษา ๑๐ เดือน ๘ วัน ดำรงอยู่ในที่อุปราช ๗ พรรษา ๘ เดือน ๖ วัน สิริพระชนมายุ ๔๖ พรรษากับ ๖ เดือน ๑๔ วัน พระองค์ได้สถาปนาท้องพระโรงขึ้นต่ออุตราภิมุขออกมาองค์ ๑ พระราชทานชื่อ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยพระราชวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายในก็เข้าไปสรงน้ำทรงเครื่องพระศพ เสร็จแล้วยกประดิษฐานไวในพระโกศทอง แล้วเชิญมาไว้ในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย โปรดให้โกนผมแต่ข้าในกรมพระราชวัง มิได้โกนทั่วทั้งพระนคร กรมพระราชวังบวรมีพระราชบุตร พระองค์เจ้าชาย ๑๓ พระองค์ พระองค์เจ้าหญิง ๖ พระองค์ รวม ๑๙ พระองค์

ครั้งนั้นข้าไทยเจ้าต่างกรม ๆ ใหญ่ ๆ ตื่นกันว่า เจ้าของตัวจะได้เป็นที่วังหน้า บ้างก็หาเครื่องยศและผ้าสมปัก ที่อยากเป็นตำรวจก็หาหอกรัดประคตเอิกเกริกกันไปทั้งเมือง สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบ ปรึกษาด้วยท่านเสนาบดีผู้ใหญ่ ท่านพระยาศรีพิพัฒนรัตนราชโกษากราบทูลว่า ถ้าไม่ทรงตั้งกรมพระราชวังแล้ว ขอให้ยกเจ้าต่างกรมผู้ใหญ่เลื่อนขึ้นเป็นกรมหลวง กรมขุนขึ้น ข้าไทยจะได้เห็นว่าเจ้านายของตัว ได้เลื่อนที่มียศเพียงนั้น ๆ แล้วจะได้หายตื่น ทรงพระราชดำริเห็นด้วย จึ่งเลื่อนกรมหมื่นเทพพลภักดิ์ ๑ กรมหมื่นรักษรณเรศร ๑ กรมหมื่นเสนีบริรักษ์ ๑ สามพระองค์นี้ขึ้นเป็นกรมหลวง กรมหมื่นรามอิศเรศร ๑ กรมหมื่นเดชอดิศร ๑ กรมหมื่นพิพิธภูเบนทร์ ๑ เลื่อนขึ้นเป็นกรมขุน แล้วทรงตั้งสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าพระองค์น้อยขึ้นเป็นกรมขุนอิศเรศรรังสรรค์



[๑] วันที่ ๑ พฤษภาคม

[๒] วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๒๘

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ