๑๑๐. เจ้าพระยาบดินทรเดชาเกณฑ์สร้างป้อมกำแพงเมืองบัตบอง

ฝ่ายเจ้าพระยาบดินทรเดชา ยกออกไปถึงเมืองบัตบอง ณวันเดือน ๓ ขึ้น ๕ ค่ำ[๑] แล้วบอกเข้ามาว่า ค่ายเมืองบัตบองทำไว้แต่ก่อนยาว ๒๓ เส้น ๑๐ วา กว้าง ๑๐ เส้น ชำรุดหักพังไปเป็นอันมาก ที่หน้าเมืองเก่าถึงฤดูน้ำฤดูฝนหน้าตลิ่งพัง จะขอทำอิฐเผาปูนก่อป้อมกำแพงสร้างเมืองขึ้นไปข้างเหนือน้ำที่เจ้าองค์อิ่มตั้งอยู่ เป็นที่ดอนน้ำไม่ท่วมตลิ่งไม่พัง ขอตัวอย่างป้อมกำแพงออกไป ทรงทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ก็โปรดอนุญาตยอมให้ทำขึ้น เจ้าพระยาบดินทรเดชาจึ่งกะเกณฑ์เลขหัวเมืองทำอิฐเผาปูนตระเตรียมไว้

ฝ่ายที่กรุงเทพพระมหานคร เมื่อณวันเดือน ๓ ขึ้น ๑๑ ค่ำ[๒] พระประทุมเทวา เจ้าเมืองหนองคาย บอกลงมาว่าพระลครบ้านพร้าวชักเอาไพร่เมืองหนองคาย เมืองหนองหาร ครัวเวียง ครัวพวน ไปถวายสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์เป็นอันมาก พระพิเรนทรเทพข้าหลวงขึ้นไปชำระบัญชีคนก็ไม่รู้ที่จะทำอย่างไรได้ โปรดให้มีตราตอบขึ้นไปถึงพระพิเรนทรเทพ พระประทุมเทวาว่า พระลครเอาครัวลาวเมืองหนองคาย เมืองหนองหาร ครัวพวน ครัวเวียง ไปให้เป็นข้าเจ้าต่างกรมทั้งนี้ให้ชำระดู ถ้าได้ความจริงแล้ว พระลครล่วงพระราชอาชญามีโทษมากอยู่ รายหนึ่งขุนประเสริฐเมืองภูเขียว ไปเกลี้ยกล่อมชักชวนเลขเมืองสุวรรณภูมิ เมืองเขมราฐไปถวายไว้ในกรมเหมือนอย่างนี้ ก็ได้ให้ลูกขุนปรึกษาโทษ ลูกขุนปรึกษาว่าผิดเป็นมหันตโทษให้ประหารชีวิตเสีย ก็ได้ส่งตัวขุนประเสริฐขึ้นมาให้เจ้าเมืองสุวรรณภูมิประหารชีวิตเสียแล้ว ตัวพระลครนั้นก็ให้พระพิเรนทรเทพริบราชบาตร แล้วให้ทำโทษให้เหมือนกันกับขุนประเสริฐ การที่เก็บความขึ้นมากล่าวไว้ดังนี้ มีความปรารถนาให้เจ้าและขุนนางต่อไปภายหน้ารู้ไว้ จะได้ไม่คิดตั้งซ่องสุมผู้คนหาผลประโยชน์

ลุศักราช ๑๑๙๙[๓] ปีระกานพศก เป็นปีที่ ๑๔ เจ้าพระยาบดินทรเดชาก็ยกไปเมืองขุขันธ์ แต่งให้ข้าหลวงแยกย้ายกันไปทำบัญชีไพร่หัวเมือง ให้ได้จำนวนชายฉกรรจ์ไว้ให้แน่นอน พระยามหาอำมาตย์ พระพิเรนทรเทพ ก็ไปทำบัญชีในหน้าที่ของตัว ได้บัญชีคนครั้งนั้นทั้ง ๓ กอง เป็นคน ๘๐,๐๐๐ เศษ แล้วเจ้าพระยา บดินทรเดชา กลับมาทำป้อมกำแพงเมืองบัตบองยาวตามลำน้ำ ๑๓ เส้น สกัดขึ้นไปบนบก ๑๖ เส้น มีป้อม ๖ ป้อม



[๑] ศุกรที่ ๑๐ กุมภาพันธ์

[๒] พฤหัสบดีที่ ๑๖ กุมภาพันธ์

[๓] พ.ศ. ๒๓๗๐

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ