๑๘๗. ทรงกริ้วเจ้าพระยายมราชและนายทัพนายกอง

ครั้นมาถึงเดือน ๘ เจ้าพระยาบดินทรเดชาบอกเข้ามาว่าที่เมืองเขมรไม่ได้ทำไร่นามาถึง ๒ ปีแล้ว ขัดสนด้วยสะเบียงอาหาร ราษฎรและพระภิกษุสามเณรพากันออกไปตั้งอยู่ในป่าหาหน่อไม้มันกลอยรับประทาน คนในกองทัพก็อดอยากชวดโซล้มตายลง ๑,๐๐๐ เศษ เจ้าพระยาบดินทรเดชาจึ่งให้ข้าหลวงขึ้นไปซื้อข้าวแขวงเมืองลาวยังไม่กลับมา มีความเป็นหลายประการ จึงโปรดให้ตอบไปว่า ได้ทรงคะเนการทราบอยู่แล้วว่าไพร่จะอดอยากด้วยตรากตรำมาหลายปี ทัพเรือยกไปเมืองบันทายมาศ ก็ได้พระราชทานข้าวสาร ๘๘๓ เกวียน ๕๕ ถัง เกลือ ๑๖๐ เกวียน ๕๐ ถัง ให้ออกไปส่งที่เมืองกำปอด กองทัพเรือส่งข้าวเกลือเข้าไปที่เมืองกำปอดก็หาได้ครึ่งหนึ่งไม่ พาเอาข้าวเกลือกลับคืนเข้าไปกรุงเทพมหานคร แล้วแก้ตัวว่าไม่มีเรือเล็กจะลำเลียงเข้าไปในปากน้ำเมืองกำปอด การที่ยกลงไปก็ไม่ได้นัดหมายให้พร้อมกันไปทำก็ไม่เป็นราชการได้ ตื่นข่าวคราวเลิกถอนเสียก่อน กองทัพบกยังเข้าประชิดติดพันอยู่ ฝ่ายทัพบกไพร่พลก็มีมาก จะคิดอ่านรีบรัดกระทำกับญวนประการใดก็ไม่ทำ ตั้งเก้อ ๆ อยู่ไม่เป็นการ เหมือนจะคอยแตกคอยวิ่งเล่นสนุก ไม่ระวังรักษาตัวหมิ่นประมาทต่อราชการศึกสงคราม เจ้าพระยายมราชเป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ทั้งอายุก็มากแล้ว เขาก็ว่าตระกูลสุริยวงศ์เป็นข้าหลวงเดิม ไม่รู้เท่าทันกับอุบายความคิดญวน จนกองทัพญวนยกมาไม่รู้ตัวจึ่งเสียทีกับญวนจนยับเยิน ถ้าไม่มีความประมาทรู้เท่าทันชั้นเชิงญวนอยู่แล้ว ถึงญวนจะยกมามากสักเท่าใด ๆ ก็ดี กองทัพอยู่ในค่ายได้เปรียบญวน ปืนใหญ่ปืนน้อยก็มี ถึงญวนจะมีอิทธิฤทธิ์เหมือนรี้พลขุนแผนกเอาเถิด อ้ายญวนก็คงจะล้มตายด้วยเครื่องศาตราวุธพอ ๆ อยู่ นี่พากันเสียทีอ้ายญวนยับเยิน ครั้งนี้จะให้ไปส่งข้าวที่เมืองกำปอด ไปมายากเกลือกจะไม่เป็นการงาน ทรงเข็ดสติปัญญานายทัพนายกองเสียแล้ว ถ้าได้ส่งแต่เพียงเมืองกะพงโสมค่อยไกลๆ กลิ่นอุจจาระปัสสาวะญวนเข้ามา พอจะกดขี่ให้เอาข้าวเกลือออกไปส่ง ลองดูตามบุญตามกรรมอีกสักครั้งหนึ่ง บัดนี้ได้ส่งสำเนาหนังสือพระยาอภัยพิพิธวิจิตรพันธุพงศาปัญญาโกงโหงพรายกระต่ายผลุด[๑] แม่ทัพเรือหัวเมืองออกมาให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา ดูสติปัญญาด้วย



[๑] เป็นข้อความที่เขียนด้วยกำลังกริ้ว จึ่งได้มีถ้อยคำสนุกสนานเช่นนี้

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ