- คำนำ
- ๑. พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ เสวยราชย์
- ๒. พระราชพิธีบรมราชาภิเศก
- ๓. พระราชพิธีอุปราชาภิเศก
- ๔. ทรงตั้งพระราชาคณะ
- ๕. ทรงสถาปนาสมเด็จพระพันปีหลวงและพระบรมวงศานุวงศ์
- ๖. ทรงตั้งข้าราชการ
- ๗. เจ้าพระยาพระคลังประดิษฐ์แคร่กัญญา
- ๘. วอประเวศวัง
- ๙. โปรดให้ยกทัพไปช่วยอังกฤษ
- ๑๐. เกิดจีนตั้วเหี่ย
- ๑๑. สร้างและซ่อมพระราชวัง
- ๑๒. ราชสาสนพะม่า
- ๑๓. ราชสาสน์และราชบรรณาการญวน
- ๑๔. จัดการพระบรมศพ
- ๑๕. ราชทูตไทยไปเมืองจีน
- ๑๖. เจ้าอนุเวียงจันท์ลงมาช่วยการพระบรมศพ
- ๑๗. อังกฤษได้เขตต์แดนพะม่า
- ๑๘. พิธีจองเปรียง
- ๑๙. เตรียมรับราชทูต
- ๒๐. สมเด็จพระอมรินทรามาตย์สวรรคต
- ๒๑. เจ้าเมืองบังกลาให้ทำหนังสือสัญญาค้าขายกับพะม่า
- ๒๒. เจ้าอนุเวียงจันท์เป็นกบฏ
- ๒๓. เจ้าอุปราชเกลี้ยกล่อมหัวเมืองขึ้นกรุงเทพฯ
- ๒๔. เจ้าอนุยกทัพออกจากเวียงจันท์
- ๒๕. อนุให้กวาดครอบครัวเมืองนครราชสีมา
- ๒๖. พระยาปลัดเข้าหาอนุ
- ๒๗. ท่านผู้หญิงโม้ต่อสู้กองทัพอนุ
- ๒๘. อนุถอยทัพ
- ๒๙. อนุตั้งค่ายใหญ่บนเขาสาร
- ๓๐. ราชทูตกลับจากเมืองจีน
- ๓๑. กรมพระราชวังบวรสถานมงคลยกทัพออกจากกรุง
- ๓๒. ใบบอกเจ้าพระยานครศรีธรรมราช
- ๓๓. พระยาราชสุภาวดีตีทัพเจ้าโถงแตก
- ๓๔. พระยาราชสุภาวดีตีค่ายเวียงคุกเมืองยโสธรแตก
- ๓๕. อนุทิ้งที่สำคัญหนีไปเวียงจันท์
- ๓๖. กองทัพไทยถูกล้อม
- ๓๗. ได้เมืองเวียงจันท์
- ๓๘. กรมพระราชวังบวรสถานมงคล มีจดหมายรับสั่งให้กราบบังคมทูลฯเรื่องเมืองเวียงจันท์
- ๓๙. ตีทัพพระยาเชียงสา
- ๔๐. เลื่อนพระยาราชสุภาวดีเป็นเจ้าพระยา
- ๔๑. งานพระบรมศพสมเด็จพระอมรินทรามาตย์
- ๔๒. เจ้าเวียดนามให้ญวนพาอนุและราชวงศ์มาส่งเมืองเวียงจันท์
- ๔๓. อนุและราชวงศ์ยกคนเข้าล้อมกองทัพไทย
- ๔๔. พระเจ้ากรุงเวียดนามมีพระราชสาสน์ให้ทูตเข้ามาขอโทษเจ้าอนุ
- ๔๕. ทูตญวนกลับ
- ๔๖. ทัพเจ้าพระยาราชสุภาวดีสู้รบกับทัพเจ้าราชวงศ์
- ๔๗. ทัพราชวงศ์แตกหนี
- ๔๘. อนุหนีจากเมืองเวียงจันท์
- ๔๙. แม่ทัพไทยลวงฆ่าพวกญวน
- ๕๐. จับเจ้าอนุได้
- ๕๑. ส่งอนุกับครอบครัวลงมากรุงเทพ ฯ
- ๕๒. สร้างป้อมและขุดคลอง
- ๕๓. เกณฑ์ให้ต่อเรือรบ ๓๐ ลำ
- ๕๔. ทูตญวนเข้ามาและทูตไทยไปเมืองญวน
- ๕๕. แห่สระสนานครั้งใหญ่
- ๕๖. นักองค์จันท์ส่งเครื่องบรรณาการ
- ๕๗. ตั้งเจ้าพระยาราชสุภาวดีเป็นเจ้าพระยาบดินทรเดชาที่สมุหนายก
- ๕๘. ราชทูตไทยกลับจากเมืองญวน เจ้าเวียดนามตอบราชสาสน์
- ๕๙. พระราชสาสน์ถึงพระเจ้าเวียดนาม
- ๖๐. กรมหมื่นสุรินทรรักษ์สิ้นพระชนม์
- ๖๑. เจ้าพระยาพระคลังว่าที่สมุหพระกลาโหม
- ๖๒. ราชทูตไทยกลับจากเมืองญวน
- ๖๓. ใบบอกพระยาสงขลาเรื่องเมืองไทร
- ๖๔. โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลอง
- ๖๕. เพลิงไหม้ในกำแพงพระนคร
- ๖๖. งานพระศพเจ้านาย
- ๖๗. น้ำท่วม
- ๖๘. การปฏิสังขรณ์และฉลองพระอารามต่างๆ
- ๖๙. ทรงกระทำสัตสดกมหาทาน
- ๗๐. เจ้าพระยานครศรีธรรมราชตีเมืองไทรได้
- ๗๑. กรมพระราชวังบวรสถานมงคลทรงประชวรสวรรคต
- ๗๒. เจ้าพระยาพระคลังและเจ้าพระยานครศรีธรรมราชยกกองทัพไปปราบแขกในหัวเมืองฝ่ายใต้
- ๗๓. ไพร่หลวงเกณฑ์บุญ
- ๗๔. สร้างป้อมพิฆาตข้าศึก
- ๗๕. ทูตอเมริกันเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรี
- ๗๖. พระยาลีงาทูลเกล้าฯ ถวายหนังสือ
- ๗๗. การจลาจลในเมืองญวน
- ๗๘. โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาบดินทรเดชาและเจ้าพระยาพระคลังไปรบญวน
- ๗๙. กองทัพไทยกับกองทัพญวนเข้าสู้รบกัน
- ๘๐. ญวนถอยทัพจากเมืองโจฎก
- ๘๑. เขมรเป็นกบฏ
- ๘๒. กองทัพไทยเข้าตั้งในเมืองบัตบอง
- ๘๓. เจ้าเมืองพวนยอมสวามิภักดิ์
- ๘๔. เจ้าเมืองพวนรับรองกองทัพไทย
- ๘๕. พระยาอภัยภูเบศรถึงอสัญญกรรม
- ๘๖. กรมหลวงเสนีบริรักษ์สิ้นพระชนม์
- ๘๗. แต่งคนขึ้นไปเกลี้ยกล่อมพวกหัวพันห้าทั้งหก
- ๘๘. เกณฑ์ต่อเรือป้อมอย่างญวน
- ๘๙. เจ้าพระยาพระคลังเป็นแม่กองสร้างเมืองจันทบุรีและวัดโยธานิมิตร
- ๙๐. สร้างป้อมเมืองฉะเชิงเทราและป้อมคงกระพัน
- ๙๑. องเตียนกุนจับองภอเบโคยกับพรรคพวกได้
- ๙๒. องค์จันทร์ถึงพิราลัย
- ๙๓. พระยาพระเขมรขอเข้ามาพึ่งพระบรมเดชานุภาพ
- ๙๔. ขุนตระเวนนาเวศกับพวกถูกญวนจับได้
- ๙๕. เจ้าพระยาพระคลังให้ล่ามแปลหนังสือขององตุมผู
- ๙๖. ได้พระยามงคลนาคินทร์ช้างพลายเมืองนครราชสีมา
- ๙๗. ซ่อมพระอุโบสถและสร้างพระเจดีย์ในวัดพระเชตุพน
- ๙๘. พระยาราชนิกูลยกทัพไปรักษาเมืองอุบล เมืองจำปาศักดิ์
- ๙๙. พระองค์เจ้าลักขณานุคุณสิ้นพระชนม์
- ๑๐๐. ปรึกษาเรื่องจัดหัวเมืองพันห้าทั้งหก
- ๑๐๑. องเตียนกุนเตรียมฝึกซ้อมทหารญวนทหารเขมร
- ๑๐๒. งานพระศพพระองค์เจ้าลักขณา
- ๑๐๓. ได้พระบรมไกรสรช้างพลายกระ
- ๑๐๔. ทูตอเมริกันเข้ามาเปลี่ยนหนังสือสัญญา
- ๑๐๕. ทูตอเมริกันพักที่ตึกหน้าบ้านพระยาราชสุภาวดี
- ๑๐๖. ทูตอเมริกันกลับ
- ๑๐๗. สมเด็จพระพันวัสสาสวรรคต
- ๑๐๘. ฉลองวัดประยูรวงศ์
- ๑๐๙. ข้าหลวงออกไปทำบัญชีเขมรป่าดง ๓๑ เมือง
- ๑๑๐. เจ้าพระยาบดินทรเดชาเกณฑ์สร้างป้อมกำแพงเมืองบัตบอง
- ๑๑๑. งานพระบรมศพสมเด็จพระพันวัสสา
- ๑๑๒. เสด็จก่อพระฤกษ์พระโตวัดกัลยาณมิตร
- ๑๑๓. สมเด็จพระศรีสุลาลัยสวรรคต
- ๑๑๔. องค์ด้วงเที่ยวเกลี้ยกล่อมชาวเมือง
- ๑๑๕. องค์ด้วงถูกคุมตัวลงมากรุงเทพ ฯ
- ๑๑๖. การฉลองวัดหนัง
- ๑๑๗. ขุดคลองบางขนากและแก้คลองพระโขนง
- ๑๑๘. ใบบอกเจ้าพระยาบดินทรเดชาเรื่องสร้างเมืองบัตบอง
- ๑๑๙. งานพระบรมศพกรมสมเด็จพระศรีสุลาลัย และฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
- ๑๒๐. งานพระศพกรมหลวงเทพพลภักดิ์
- ๑๒๑. สร้างป้อมกำแพงเมืองนครเสียมราฐ
- ๑๒๒. เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีสิ้นพระชนม์
- ๑๒๓. แขกสลัดยกเข้าตีเมืองตรังเมืองไทรบุรี
- ๑๒๔. มิสเตอร์ฤทธิ์สชอนอังกฤษนำอักษรสาสน์เข้ามา
- ๑๒๕. จัดที่พักให้มิสเตอร์ฤทธิ์สชอน
- ๑๒๖. โปรดให้มิสเตอร์ฤทธิ์สชอนเฝ้า และถวายบรรณาการ
- ๑๒๗. พระยาสุเรนทรราชเสนาเชิญศุภอักษรไปเชียงใหม่
- ๑๒๘. แผ่นดินไหว
- ๑๒๙. บอกพระยาราชสุภาวดีเรื่องสร้างนครเสียมราฐ
- ๑๓๐. งานพระศพสมเด็จเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี
- ๑๓๑. พระยากลันตันกับพระยาบาโงยวิวาทกัน
- ๑๓๒. พระยาศรีพิพัฒน์มีตราให้หาเจ้าเมืองแขกซึ่งวิวาทกัน
- ๑๓๓. พระยาศรีพิพัฒน์บังคับให้เลิกรบทั้ง ๒ ฝ่าย
- ๑๓๔. เจ้าพระยานครถึงอนิจจกรรม
- ๑๓๕. ตั้งตนกูอาหนุ่มเป็นผู้ว่าราชการเมืองไทร
- ๑๓๖. พระยาศรีพิพัฒน์สร้างพระเจดีย์บนยอดเขา
- ๑๓๗. พระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์สิ้นพระชนม์
- ๑๓๘. นักองค์อิ่มจับกรมการเมืองบัตบองและกวาดครอบครัวหนีไปพนมเป็ญ
- ๑๓๙. ใบบอกกรมการเมืองบัตบอง
- ๑๔๐. ผูกพัทธสีมาพระอุโบสถวัดพระเชตุพน
- ๑๔๑. เจ้าพระยาบดินทรเดชาออกไปจัดการเมืองบัตบอง
- ๑๔๒. พระสงฆ์ลังกาเข้ามากรุงเทพมหานคร
- ๑๔๓. เจ้าเมืองโปริสาทพาครอบครัวมาหาเจ้าพระยาบดินทรเดชา
- ๑๔๔. บอกเจ้าพระยาบดินทรเดชาเรื่องจัดการทัพไว้ต่อสู้ญวน
- ๑๔๕. ทัพไทยตีค่ายกะพงทมและค่ายญวนเมืองชีแครง
- ๑๔๖. พระยาพระเขมรมีหนังสือมาขอองค์ด้วง
- ๑๔๗. เจ้าพระยาบดินทรเดชาให้ระดมตีทัพญวน
- ๑๔๘. เจ้าพระยาบดินทรเดชาปรึกษาเรื่องการทัพญวน
- ๑๔๙. ญวนยอมทำพระราชไมตรีตามเดิม
- ๑๕๐. เจ้าพระยาบดินทรเดชามีหนังสือถึงเสนาบดีเมืองเว้
- ๑๕๑. เจ้าพระยาบดินทรเดชาจัดการส่งขุนนางญวน
- ๑๕๒. องเตียนกุนโกรธองเดดก
- ๑๕๓. ญวนให้พระสงฆ์ถือหนังสือไปหาพระยาพระเขมร
- ๑๕๔. พระสงฆ์ลังกาเข้ามาถึงกรุงเทพฯ
- ๑๕๕. พระยากลันตันกับพระยาบาโงยเกิดวิวาทกันอีก
- ๑๕๖. พระองค์ด้วงครองเมืองบัตบอง
- ๑๕๗. เจ้าพระยาบดินทรเดชาขอเจ้าพระยายมราชออกไปช่วยราชการ
- ๑๕๘. เจ้าเวียดนามมินมางทิวงคต
- ๑๕๙. เตืองคำสือมืนคงได้เป็นเจ้าเวียดนาม
- ๑๖๐. เจ้าพระยาบดินทรเดชาส่งญวนมากรุงเทพ ฯ
- ๑๖๑. หนังสือขององเกรินตาเตืองกุนถึงเจ้าพระยาบดินทรเดชา
- ๑๖๒. คำอธิบายชื่อในหนังสือองเกรินตาเตืองกุน
- ๑๖๓. ใบบอกพระยาเสนาภูเบศรเรื่องรบกับทัพญวน
- ๑๖๔. เจ้าพระยาบดินทรเดชาสร้างเมืองให้พระองค์ด้วง
- ๑๖๕. พระมหาสงครามไปกวาดครอบครัวเมืองเวียงจันท์
- ๑๖๖. ตนกูอับดุลลาเป็นพระยาไทรบุรี
- ๑๖๗. พระองค์ด้วงพาไพร่พลไปตั้งอยู่ที่เมืองอุดงฦๅชัย
- ๑๖๘. พระองค์ด้วงตั้งแต่งขุนนางแล้วส่งไปรักษาเขตต์แดน
- ๑๖๙. ทัพเขมรรบกับทัพญวน
- ๑๗๐. คำให้การของมองสวยตองเรื่องการเมืองพะม่า
- ๑๗๑โปรดเกล้าฯ ให้มองสวยตองไปอยู่คอกกระบือ ภายหลังถูกจำคุก
- ๑๗๒. องค์อิ่มทำหนังสือไปเกลี้ยกล่อมพระยาพระเขมร
- ๑๗๓. กองทัพญวนขัดสนสะเบียงอาหาร
- ๑๗๔. องเตียนกุนกินยาตาย
- ๑๗๕. ท้องตราถึงเจ้าพระยาบดินทรเดชา
- ๑๗๖. เจ้าพระยาบดินทรเดชาให้กราบทูลถึงเรื่องถมคลองขุด
- ๑๗๗. เจ้าอุปราชเกณฑ์ทัพหัวเมืองตีเมืองฟากโขง
- ๑๗๘. สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนอิศเรศรังสรรค์เป็นแม่ทัพเรือ
- ๑๗๙. เจ้าพระยายมราชคุมกองทัพไปตั้งค่ายที่เขาเชิงกะชุม
- ๑๘๐. กองทัพเรือไทยเผาค่ายญวน
- ๑๘๑. จมื่นไวยวรนารถให้ยกทัพเรือทัพบกเข้าประชิดค่ายญวน
- ๑๘๒. หนังสือบอกจมื่นไวยวรนารถถึงเจ้าพระยาบดินทรเดชาเรื่องถอยทัพเรือ
- ๑๘๓. กองทัพไทยแตกที่เมืองโจฎก
- ๑๘๔. ลำเลียงข้าวเกลือส่งเมืองกำปอด
- ๑๘๕. เกิดจีนตั้วเหี่ยขึ้นที่เมืองนครชัยศรีและสาครบุรี
- ๑๘๖. เจ้าพระยาบดินทรเดชาให้เจ้าพระยายมราชคุมคนไปสร้างเมืองที่อุดงฦๅไชย
- ๑๘๗. ทรงกริ้วเจ้าพระยายมราชและนายทัพนายกอง
- ๑๘๘. เจ้าเวียดนามให้เกลี้ยกล่อมพระยาพระเขมร
- ๑๘๙. ดาวหางขึ้น
- ๑๙๐. บอกเจ้าพระยาบดินทรเดชา
- ๑๙๑. มีพระราชปฏิสันถารกับพระสงฆ์ลังกา
- ๑๙๒. เจ้าเมืองสิงคโปร์ตอบหนังสือเจ้าพระยาพระคลัง
- ๑๙๓. พระสงฆ์ไทยออกไปเมืองลังกา
- ๑๙๔. ชำระพระสงฆ์ประพฤติอนาจาร
- ๑๙๕. พระสงฆ์ไทยออกไปส่งพระลังกากลับถึงกรุงเทพ ฯ
- ๑๙๖. เจ้าพระยาบดินทรเดชาขอเข้ามาแจ้งราชการณกรุงเทพฯ
- ๑๙๗. ท้องตราถึงเจ้าพระยาบดินทรเดชา
- ๑๙๘. เพลิงไหม้พระมหามนเทียร
- ๑๙๙. ได้ช้างสำคัญ ๓ ช้าง
- ๒๐๐. ข้าวแพง
- ๒๐๑. พระสงฆ์ไทยไปลังกา
- ๒๐๒. เจ้าพระยาบดินทรเดชาบอกเรื่องการทัพญวน
- ๒๐๓. จับจีนขายฝิ่นที่ปากน้ำบางปะกง
- ๒๐๔. พระราชทานที่ให้พวกครัวที่กวาตต้อนมาอยู่ตามใจสมัคร
- ๒๐๕. พระสงฆ์ไทยกลับจากลังกา
- ๒๐๖. เกิดเหตุกับฮันเตอร์ (พ่อค้า)
- ๒๐๗. เตรียมการป้องกันอังกฤษ
- ๒๐๘. หัวเมืองตะวันตกเกิดจีนตั้วเหี่ย
- ๒๐๙. จับจีนตั้วเหี่ยได้
- ๒๑๐. จับขุนนางเขมรที่เป็นกบฏได้ ๑๑ คน
- ๒๑๑. ญวนยกทัพเรือมารบเขมร
- ๒๑๒. เจ้าพระยาบดินทรเดชายกทัพไปเมืองอุดงฦๅไชย
- ๒๑๓. ญวนตีค่ายเมืองพนมเป็ญแตก
- ๒๑๔. เจ้าพระยาบดินทรเดชาตีทัพญวนแตกถอยไป
- ๒๑๕. พระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นอับษรสุดาเทพสิ้นพระชนม์
- ๒๑๖. ความอัศจรรย์ของพระยามหาเทพ
- ๒๑๗. บอกพระยาเชียงใหม่
- ๒๑๘. ญวนพูดกับเจ้าพระยาบดินทรเดชาเป็นทางไมตรี
- ๒๑๙. ญวนรื้อค่ายไปตั้งอยู่เมืองพนมเป็ญ
- ๒๒๐. งานพระศพพระเจ้าลูกเธอ กรมหมื่นอัปษรสุดาเทพ
- ๒๒๑. โสกันต์พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี
- ๒๒๒. ญวนให้มีราชสาสน์ไปทูลขอเจ้าหญิงต่อเจ้าเวียดนาม
- ๒๒๓. ชักพระพุทธรูปไปวัดราชนัดดาราม
- ๒๒๔. ญวนมาเตือนพระองค์ด้วงให้ส่งญวน ๔๔ คน
- ๒๒๕. ท้องตราตอบหนังสือเจ้าพระยาบดินทรเดชา
- ๒๒๖. เจ้าพระยาบดินทรเดชามีหนังสือถึงองญวน
- ๒๒๗. พระองค์ด้วงแต่งทูตให้เชิญศุภอักษรไปเมืองเว้
- ๒๒๘. เจ้าพระยาบดินทรเดชากราบบังคมทูลเรื่องทัพญวน
- ๒๒๙. งานพระศพกรมขุนกัลยาสุนทร
- ๒๓๐. พระกระแสรับสั่งตอบเจ้าพระยาบดินทรเดชา
- ๒๓๑. ราชทูตที่ไปเมืองเว้เฝ้าเจ้าเวียดนาม
- ๒๓๒. เจ้าเวียดนามให้พระองค์ด้วงเป็นเกามันกวัดเวือง
- ๒๓๓. เจ้าเวียดนามเทียวตรีสิ้นพระชนม์ เจ้ายอมราชบุตรเป็นเจ้าเวียดนามตือดึก
- ๒๓๔. พระองค์ด้วงเป็นพระเจ้ากรุงกัมพูชา
- ๒๓๕. เมืองสาครบุรีเกิดจีนตั้วเหี่ย
- ๒๓๖. เมืองฉะเชิงเทราเกิดจีนตั้วเหี่ย
- ๒๓๗. เจ้าพระยาพระคลังกับเจ้าพระยาบดินทรเดชาปราบจีนตั้วเหี่ยเมืองฉะเชิงเทรา
- ๒๓๘. งานฉลองวัดพระเชตุพน
- ๒๓๙. ได้พระยามงคลคชพงศ์ช้างพลาย
- ๒๔๐. ลงพระราชอาชญาสำเร็จโทษกรมหลวงรักษรณเรศ และประหารชีวิตบ่าว ๓ คน
- ๒๔๑. เจ้าพระยาพระคลังออกไปสักเลกหัวเมืองตะวันตก
- ๒๔๒. ซ่อมพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทและทำป้อมบางจะเกร็ง
- ๒๔๓. โปรดให้หาฤกษ์บรรจุพระบรมธาตุในพระพุทธรูป
- ๒๔๔. บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและฉลองพระเจดีย์
- ๒๔๕. จลาจลในเมืองเชียงรุ้ง
- ๒๔๖. เจ้าแสนหวีฟ้ามีอักขรกถาถึงเจ้าเมืองหลวงพระบาง
- ๒๔๗. ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลในคราวเกิดไข้ปวง
- ๒๔๘. เกณฑ์ทัพเมืองเหนือไปตีเมืองเชียงตุง
- ๒๔๙. ทูตอเมริกันเชิญราชสาสน์เข้ามา
- ๒๕๐. ทูตอเมริกันฟ้องพระยาศรีพิพัฒน
- ๒๕๑. งานศพเจ้าพระยาบดินทรเดชา
- ๒๕๒. เจ้าเชียงใหม่กล่าวโทษเจ้าอุปราชเข้ามากรุงเทพฯ
- ๒๕๓. ทูตอังกฤษเข้ามาขอแก้หนังสือสัญญา
- ๒๕๔. ทูตอังกฤษกลับ
- ๒๕๕. ใจความในพระราชสาสน์ของพระเจ้าฮำฮอง
- ๒๕๖. สร้างป้อมเสือซ่อนเล็บและขุดคลองเมืองนครเขื่อนขันธ์
- ๒๕๗. การปฏิสังขรณ์และสร้างพระอาราม
- ๒๕๘. โปรดให้ต่อกำปั่นและเรือพระที่นั่ง
- ๒๕๙. ยกบ้านขึ้นเป็นเมือง
- ๒๖๐. เจ้าพระยาพระคลังถวายกลองวินิจฉัยเภรี
- ๒๖๑. พระราชกรณียกิจที่ทรงกระทำ
- ๒๖๒. ภาษีอากรที่เกิดมีขึ้นใหม่
- ๒๖๓. ทรงพระประชวร
- ๒๖๔. กระแสพระราชดำริถึงผู้สืบราชสมบัติ
- ๒๖๕. พระสงฆ์อธิษฐานให้พระโรคหาย
- ๒๖๖. เกณฑ์ข้าราชการเข้าประจำซองรักษาพระราชนิเวศน์
- ๒๖๗. เจ้าพระยาพระคลังให้จมื่นราชามาตย์ไปทูลเชิญสมเด็จพระอนุชาธิราชเสด็จครองราชสมบัติ
- ๒๖๘. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต
๒๕๗. การปฏิสังขรณ์และสร้างพระอาราม
การพระราชกุศลนั้น ก็ได้ให้บูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามใหญ่น้อยบ้าง สร้างขึ้นใหม่บ้าง ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (พระอุโบสถ) ก็ให้เปลี่ยนเครื่องบน ที่ชำรุดก็เปลี่ยนตัวไม้สิ้นทั้งหลัง และทำพระพิหารยอดขึ้นข้างทิศเหนือองค์ ๑ และซ่อมแซมปฏิสังขรณ์ในวัดทั่วทุกแห่งทุกตำบล พระระเบียงนั้นให้เขียนใหม่ แล้วทรงพระราชดำริว่า พระพุทธปฏิมากรแก้วมรกต พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รับสั่งให้ช่างทำพระมณฑปหุ้มทองคำเสร็จแล้ว ประดิษฐานพระแก้วเข้าไว้ในนั้น แล้วทำเครื่องต้นถวายเมื่อเวลาคิมหันตฤดูๆ ๑ เวลาวัสสันตฤดูทรงห่มดอง เหมันตฤดูนั้นหามีไม่ จึ่งได้ทำถวายสำหรับเหมันตฤดูอีกฤดู ๑ ทรงคลุม จึ่งได้เปลี่ยนพระเครื่องทั้ง ๓ ฤดูมาจนทุกวันนี้ ได้ทรงสร้างพระฉลองพระองค์หุ้มทองคำเครื่องต้นก็หลายพระองค์ และพระพุทธรูปหล่อด้วยเงินเท่าพระชันษาหนักองค์ละ ๑๐ ตำลึง เป็น ๖๔ พระองค์ อยู่ในราชสมบัติมีเศวตฉัตรกั้น ๒๗ พระองค์ และทรงสร้างพระปริยัติธรรมที่มีอยู่ในกรุงเทพมหานคร แล วิจิตรไปด้วยผ้าห่อและสายรัด ครอบสลักทำด้วยงาบ้าง ลายมุกด์บ้าง ขุดไม้ฝังลายบ้าง
พระพุทธบาทที่เมืองปรันตปะนั้น พระมณฑปชั้นในไฟไหม้ โปรดให้พระยาพิชัยสงคราม (เพ็ชร์) ขึ้นไปทำใหม่ ทั้งมณฑปชั้นนอกซ่อมแซมด้วย สถาปนาขึ้นให้งามดีดังเก่า
การในพระนครที่ปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนนั้น ก็ทำเพิ่มเติมขึ้นอีกเป็นอันมาก ทั้งบริเวณพระอุโบสถนั้นก็ทำใหม่ให้ใหญ่สูงขึ้น แล้วได้ทำพระพิหารพระพุทธไสยาศน์หลัง ๑ ทรงสร้างพระพุทธไสยาศน์ขึ้นพระองค์ ๑ ยาว ๙๐ ศอก พระเจดีย์สูง ๑ เส้น ๒ ศอก ๒ พระองค์ พระเจดีย์รายรอบพระระเบียงชั้นนอกอีกชั้น ๑ ก่อภูเขาทำศาลารายเพิ่มเติมให้ดีขึ้นไปทุกสิ่ง การสิ่งใดนอกจากจดหมายไว้ในแผ่นศิลา เมื่อแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดให้จารึกไว้แล้ว ก็เป็นส่วนของในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทั้งสิ้น จะพรรณนาก็ยืดยาวนัก ฝ่ายข้างกุฏิสงฆ์ก็ทำเป็นตึกขึ้นทั้งสิ้น
ทรงพระราชดำริว่า วัดพระโตเสาชิงช้า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าสุลาลัย เมื่อปลายแผ่นดินก็โปรดให้ทำพิหารใหญ่ขึ้น การยังไม่ทันแล้วเสร็จ เชิญเสด็จพระศรีศากยมุนีขึ้นประดิษฐานไว้ การที่อื่นยังมิได้ทำ ก็พอสิ้นแผ่นดินไป ครั้งนี้จะต้องทำเสียให้เป็นวัดขึ้นให้ได้ จึ่งให้พระยาศรีพิพัฒนรัตนราชโกษาเป็นแม่กองดูทั่วไปทั้งวัด ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทักษเทเวศร ทำพระอุโบสถใหญ่และพระระเบียงล้อมพระวิหาร การนั้นก็แล้วสำเร็จทั่วทุกแห่งทั้งกุฏิสงฆ์ด้วย จึ่งให้อาราธนาพระธรรมไตรโลกอยู่วัดเกาะแก้ว ตั้งเป็นพระพิมลธรรมเป็นเจ้าอธิการ จัดเอาพระภิกษุในวัดพระเชตุพน วัดมหาธาตุ วัดราชบุรณะ รวมได้ ๓๐๐ รูปไปอยู่เป็นอันดับ พระราชทานชื่อวัดสุทัศน์เทพวราราม
วัดมหาธาตุนั้น พระอุโบสถวิหารนั้นซ่อนแซมของเก่า กุฏิสงฆ์นั้นทำเป็นตึกทั้งสิ้น
วัดราชบุรณะนั้น ซ่อมแซมของเก่า ทำเพิ่มเติมขึ้นใหม่แต่พระปรางค์องค์ ๑
วัดชะนะสงครามนั้น ซ่อมแซมของเก่าที่ชำรุดไปให้ดีขึ้น สร้างขึ้นใหม่ วัดเทพธิดา ๑ วัดราชนัดดา ๑
นอกกำแพงพระนคร วัดสระเกศนั้น โปรดให้พระยาศรีพิพัฒนรัตนราชโกษา เป็นแม่กองทำพระปราค์ใหญ่องค์ ๑ ฐานเป็นไม้ ๑๒ เหลี่ยม ด้าน ๑ ยาว ๕๐ วา ขุดรากลึกลงไปถึงที่โคลนแล้วเอาหลักแพตั้งต้นเป็นเข็ม ห่มลงไปจนเต็มที่แล้ว เอาไม้ซุงทำและปูเป็นตารางแล้ว เอาศิลาแลงก่อขึ้นมาเกือบเสมอดินจึ่งก่อด้วยอิฐ ในระหว่างองค์พระนั้น เอาศิลาก้อนซึ่งราษฎรเก็บมาขายบรรจุลงไปจนเต็ม การก่อขึ้นไปได้ถึงชั้นทักษิณที่ ๒ ศิลาที่บรรจุข้างในกดหนักลงไปจนระเบิดออกและทรุดลงไปถึง ๙ วา อิฐที่ก่อหุ้มข้างนอกนั้นก็แตกร้าวรอบไปทั้งองค์ ของนี้ไม่ทะลาย ก็เพราะทรุดกลางกดกันลงไป พระยาศรีพิพัฒน์รัตนราชโกษาให้ขุดดินริมฐานพระชันสูตรดู ก็พบศีร์ษะและระเบิดขึ้นมาหมด จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ขอแรงพระราชวงศานุวงศ์ และขุนนางข้าราชการที่ตามเสด็จพระราชทานพระกฐิน ผู้คนยังพรักพร้อมอยู่ ให้ปักเสาหลักแพเป็นหลักมั่นกันแน่นหลายชั้น กันฐานพระไม่ให้ดินถีบออกไป สิ้นไม้หลักแพหลายพัน แล้วก็จับการก่อแก้ไขที่ทรุดแตกร้าวนั้นเสียให้ดี องค์พระปรางค์ก็ทรุดหนักลงมาอีก ๓ วา เห็นจะแก้ไขไม่ได้แล้วก็เลิกการนั้นเสีย จึ่งทำแต่การอื่นต่อไป สร้างพระวิหารไว้ พระอัฏฐารส ศรีสุคตทศพลญาณบพิตร สูง ๒๔ ศอก ๔ นิ้ว ซึ่งได้มาแต่วัดพิหารทองเมืองพิษณุโลก แล้วก็ให้ทำกุฏิสงฆ์เป็นตึกทั้งสิ้น และการอื่น ๆ ทั่วทั้งวัด ให้ทำเมรุมีพลับพลาโรงครัวระทาดอกไม้ไว้พร้อมทุกสิ่งสำหรับเป็นทาน
วัดบพิตรพิมุข เป็นวัดของกรมพระราชวังหลังบุรณะวัด ๑ วัดเกาะแก้ว ๑ เป็นวัดของกรมหลวงพิทักษ์มนตรีปฏิสังขรณ์ไว้แต่ก่อน ชำรุดไป ให้ซ่อมแซมและทำกุฏิสงฆ์ขึ้น
วัดคอกกระบือนั้น ให้ทำสำเภาด้วยเครื่องก่อไว้หลังพระอุโบสถลำ ๑ ยาว ๑ เส้น ด้วยทรงเห็นว่านานไปจะไม่มีผู้เห็นสำเภา จึงให้ทำขึ้นไว้เป็นสำเภาโลกอุดร พระราชทานชื่อว่าวัดยานนาวา
ฝั่งตะวันตกนั้น วัดทองธรรมชาติวัด ๑ นั้น เดิมพระองค์เจ้ากุ[๑] และกรมหมื่นนรินทรพิทักษ์บุรณะมาแต่ก่อน ครั้นทรุดโทรมไปก็โปรดพระราชทานเงินหลวงให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเดชอดิศรเป็นแม่กองไปทำขึ้นฉลองพระเดชพระคุณที่ได้ไปอยู่วังของท่าน
วัดอรุณราชวรารามวัด ๑ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าสุลาลัยทรงปฏิสังขรณไว้ยังไม่สำเรจ บุรณะต่อไป พระปรางค์เดิมเป็นของโบราณ สูง ๘ วา ให้ก่อหุ้มขึ้นใหม่ สูง ๓๕ วา[๒] กุฏิสงฆ์เป็นฝาขัดแตะถือปูน ก็ให้ทำเป็นตึกทั้งสิ้น การอื่นก็เพิ่มเติมขึ้นอีกเป็นหลายสิ่งทั่วไปทั้งพระอาราม วัดโมฬีโลกวัด ๑
แต่วัดหงส์นั้นเป็นของสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์บุรณะมาแต่ก่อน ก็โปรดให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์เป็นแม่กองทำเพิ่มเติมขึ้นอีก วัดราชสิทธิ์ ๑
แต่วัดสังข์กระจายนั้นเป็นของคุณแว่น พระสนมเอกในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกบุรณะไว้ ก็โปรดให้สถาปนาขึ้นใหม่ วัดปากน้ำ ๑
วัดหมูนั้นโปรดให้สถาปนาขึ้นใหม่ พระราชทานให้เจ้าจอมน้อยพระสนมเอกเป็นเจ้าของ พระราชทานชื่อวัดอับสรสวรรค์
วัดหนังนั้น เป็นของสมเด็จพระศรีสุลาลัยบุรณะขึ้นไว้ วัดนางนองเป็นของหลวงบุรณะ ก็ได้ทรงปฏิสังขรณ์
วัดจอมทองเป็นวัดข้าหลวงเดิม ได้ทรงกระทำมาแต่ยังเป็นกรมอยู่ ทำแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าสุลาลัย พระราชทานชื่อวัดราชโอรสสุธาราม
ในคลองบางกอกน้อยนั้น บุรณะวัดอมรินทราราม เป็นของกรมพระราชวังหลัง ๑ วัดสุวรรณ ๑
ในคลองมอญวัด ๑ เจ้าจอมเครือวัลย์บุตรีเจ้าพระยาอภัยภูธรสร้างใหม่ การยังไม่แล้ว ก็ถึงแก่กรรมเสีย จึ่งโปรดให้ทำต่อไป วัดนั้นแล้วพระราชทานชื่อวัดเครือวัลย์วรวิหาร วัดพระยาทำ ๑ วัดนาคกลาง ๑
ในคลองบางพรหมก็ให้บุรณะวัดเงิน วัดทอง ๒ วัดนี้ เป็นวัดของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์บุรณะปฏิสังขรณ์ไว้แต่ก่อน
ลำแม่น้ำเหนือเมือง วัดภคินีนาถวัด ๑ เป็นวัดของสมเด็จเจ้าฟ้า กรมหลวงเทพยวดีฝ่ายใน วัดดุสิตวัด ๑ วัดบวรมงคลวัด ๑ เป็นวัดของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลแผ่นดินที่ ๒ ฝั่งข้างตะวันออกกรุงเทพมหานคร วัดสมอราย ๑
เมืองนนท์ สร้างใหม่วัดเฉลิมพระเกียรติ ก่อพระเจดีย์ใหญ่ สูง ๑ เส้น ๗ วา หล่อพระประธาน หน้าตักกว้าง ๖ ศอก ไว้ในพระอุโบสถองค์ ๑
กรุงเก่า วัดสุวรรณดาราราม เป็นวัดของสมเด็จพระอัยยกาธิราชครั้งกรุงเก่า
วัดอัมพวันเจติยาราม เมืองสมุทรสงครามวัด ๑ เป็นวัดของสมเด็จพระอัยยิกาฝ่ายสมเด็จพระอมรินทรามาตย์
รวมวัดที่ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ในพระนครนอกพระนคร ๓๕ วัด สร้างขึ้นใหม่ ๔ วัด รวม ๓๙ วัด[๓] สิ้นพระราชทรัพย์เป็นอันมาก
วัดเจ้าและวัดขุนนางสร้างถวายเป็นวัดหลวงก็มี ไม่ได้ถวายก็มี กรมพระราชวังบวรสถานมงคลสร้างใหม่ วัดบวรนิเวศวัด ๑ วัดบวรสถานฝ่ายในพระบวรราชวังวัด ๑ วัดไพชยนต์พลเสพวัด ๑ กรมขุนอิศรานุรักษ์สร้างวัดรังศรีสุทธาวาสวัด ๑ บุรณะวัดทองในคลองบางจากวัด ๑ กรมหมื่นเสนีเทพ สร้างขึ้นที่สามง่ามในกรุงวัด ๑ ยังค้างอยู่ พระยามหาอำมาตย์สร้างต่อ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อวัดบุรณศิริมาตยาราม ตามชื่อเดิมของพระยามหาอำมาตย์ ชื่อบุญศิริ พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้าอรณพสร้างใหม่วัด ๑ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อวัดมหรรณพาราม พระราชทานเงินช่วยถึง ๑,๐๐๐ ชั่ง กรมสมเด็จพระปรมานุชิตสร้างวัด ๑ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อวัดชิโนรสาราม กรมหมื่นสุรินทรรักษ์สร้างวัด ๑ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อวัดเศวตฉัตร กรมขุนเดชอดิศรปฏิสังขรณ์วัดราชคฤหวัด ๑ เป็นวัดของเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เจ้าขรัวตาของท่าน กรมหมื่นพิทักษเทเวศบุรณะวัดสมอแครงวัด ๑ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อวัดเทวราชกุญชร เจ้าพระยาพระคลังสร้างขึ้นใหม่ วัดประยูรวงศาวาสวัด ๑ พระเจดีย์องค์ ๑ สูง ๑ เส้น ๑๐ วา ศอก ๑ คืบ บุรณะวัดมะกอกซึ่งเป็นวัดของเจ้าคุณมารดาท่าน ครั้นแล้วพระราชทานชื่อวัดนวลนรดิศวัด ๑ พระยาศรีพิพัฒน์สร้าง วัดมหาพิชัยญาติวัด ๑ สร้างพระปรางค์ สูง ๑ เส้น ๕ วา บุรณะวัดประดู่วัด ๑ คุณหญิงน้อยสร้างใหม่วัดอนงคนิกายาราม เจ้าพระยาบดินทรเดชาบุรณะวัดสามปลื้ม เป็นวัดของบิดาท่านบุรณะมาแต่ก่อน พระราชทานชื่อวัดจักรวรรดิ์ สร้างขึ้นใหม่อีกวัด ๑ พระราชทานชื่อวัดปรินายก ค้างอยู่ไม่สำเร็จ เจ้าพระยานิกรบดินทร์ยกที่บ้านเดิมของท่านแล้วซื้อบ้านข้าราชการและบ้านเจ๊สัว เจ้าภาษี นายอากรอื่นอีกหลายบ้านสร้างเป็นวัดใหญ่ พระราชทานชื่อวัดกัลยาณมิตรวัด ๑ แต่วิหารใหญ่เป็นของหลวง เจ้าพระยาธรรมา (เสือ) บุรณะวัดไก่เตี้ยวัด ๑ พระยาศรีสุริยวงศ์กับจมื่นราชามาตย์ ช่วยกันบุรณะวัดดอกไม้ เป็นวัดโบราณ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อวัดบุบผาราม พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (ทองจีน) บุรณะวัดทองนพคุณวัด ๑ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (บุญมา) สร้างใหม่ วัดโชตินารามวัด ๑ พระยาสุรเสนา (ขุนเณร) บุรณะวัดจันทารามบางยี่เรือวัด ๑ พระยาศรีสหเทพ (เพง) บุรณะวัดอินทารามบางยี่เรืออีกวัด ๑ พระยามหาอำมาตย์ (ป้อม) บุรณะวัดขุนจันทร์วัด ๑ พระยามหาเทพ (ปาน) บุรณะวัดดาวดึงศ์ เป็นของคุณแว่นเจ้าจอมสนมเอกบุรณะมาแต่ก่อนวัด ๑ พระยาโชฎึกราชเศรษฐี (จ๋อง) บุรณะวัดนางชีวัด ๑ วัดในคลองบางยี่ขันซึ่งเป็นวัดของท่านมารดาวัด ๑ วัดคูหาสวรรค์นั้นโปรดให้เจ้าพระยามหาโยธาไปบุรณะขึ้นวัด ๑ พระยาสวัสดิ์วารีบุรณะวัดปทุมคงคาวัด ๑ พระยาเพ็ชรพิไชย (เกษ) สร้างวัดในคลองลัดใหม่ ชื่อวัดโปรดเกศเชษฐารามวัด ๑
รวมเจ้าและขุนนางสร้างขึ้นใหม่สิ้น ๕ วัด บุรณะวัด ๒๕ วัด รวม ๓๐ วัด ที่ถวายเป็นพระอารามหลวงก็ได้พระราชทานเงินช่วย
เจ้าและขุนนางเจ๊สัวราษฎรผู้มีทรัพย์ พระราชาคณะสร้างไว้ในสวนในบางและหัวเมืองก็หลายที่หลายแห่ง ไม่เป็นวัดใหญ่จึงไม่ได้พรรณนาไว้
ด้วยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชศรัทธาชักโยงพระวงศานุวงศ์และข้าราชการเศรษฐีผู้มีทรัพย์ทำบุญให้ทานสร้างวัดวาอารามมีเทศนา วังเจ้าและบ้านขุนนางตามชาวบ้านชาวแพเป็นอันมาก เป็นสมัยกาลสัทธาพากันสร้างวัดมีเทศนา ในแผ่นดินนั้น พระสงฆ์สามเณรอุตสาหะเล่าเรียนพระไตรปิฎกทั้งในกรุงนอกกรุงและหัวเมืองเป็นอันมาก ถึงคราวไล่หนังสือ พระสงฆ์สามเณรก็ได้เป็นเปรียญเอก โท ตรี คราว ๑ เป็นอันมาก ถ้าพระสงฆ์ที่ได้แปลพระคัมภีร์เป็นเปรียญ และพระเปรียญได้เลื่อนเป็นพระราชาคณะแล้ว ญาติโยมที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นไพร่หลวงไพร่สมอยู่ก็ดี โปรดยกพระราชทานให้เป็นโยมสงฆ์ ถ้าลาสิกขาบทแล้วจะไปทำราชการอยู่ในกรมใดก็โปรดให้ตามใจสมัคร
แล้วโปรดให้หล่อพระพุทธรูปที่ใหญ่ ไว้ในพระอุโบสถวัดสุทัศน์ ๑ วัดเฉลิมพระเกียรติ ๑ วัด ราชนัดดาราม ๑ วัดปรินายก ๑ พระทรงเครื่องไว้วัดนางนอง ๑
เมื่อยังไม่ได้ผ่านพิภพ เสด็จอยู่วังนอกก็ได้ตั้งโรงทานให้ทานจตุปัจจัยสมณบริกขาร ให้มีเทศนาเป็นธรรมทาน ให้อาจารย์บอกพระคัมภีร์ ให้เลี้ยงยาจกวณิพกทุกเวลา ให้ทานยาแก้โรคต่างๆ ถึงวันพระก็ให้ปล่อยสัตว แจกเงินแก่คนสูงอายุและคนยากเดือนละ ๘ ครั้ง คนละเฟื้องเสมอเป็นนิตย์ ครั้นได้เถลิงศิริราชสมบัติแล้วก็ได้โปรดให้ทำเก๋งโรงทานขึ้นใหม่ที่ริมกำแพงพระราชวังด้านข้างแม่น้ำให้ทานเหมือนอย่างแต่ก่อน แต่บริจาคพระราชทรัพย์มากออกไป
ฤดูสำเภาออก ก็พระราชทานข้าวกล้องมอบให้จุ้นจู๊ลำละ ๕๐ ถังบ้าง เกวียน ๑ บ้าง ออกไปให้ทานคนโซที่เมืองจีนทุกๆ ลำ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอื่นอีกเป็นหลายอย่างหลายประการ เป็นอเนกปริยายเหลือที่จะพรรณนา
ไม่ได้เสด็จพระราชดำเนินไปประพาศที่ใดตำบลใดเลย เสด็จแต่ฤดูประทานผ้าพระกฐินคราวหนึ่งเท่านั้น เมื่อต้นแผ่นดินก็ได้เสด็จไปประทานผ้าพระกฐินวัดนอกเมืองสมุทรปราการครั้ง ๑ ไปกระบวนพยุหเรือ เรือกระบวนนำและตามสวมเสื้อหมวกสอดกางเกงทุกลำ ข้าราชการที่ตามเสด็จสวมเสื้อเข้มขาบ คาดรัดประคต โพกฟ้าสีทับทิมติดขลิบทุกนาย
ละครผู้หญิงก็ไม่ได้ทรง ทรงแต่พระราชกุศลและการแผ่นดิน
สมเด็จพระบรมนารถบพิตรพระเจ้าอยู่หัว มีช้างเผือกตรีสีทองแดงเลบครบ เล็บรอบ เอกทันต์ ช้างกระ รวมพลายพัง ๒๐ ช้าง พระเทพกุญชรเผือก ๑ พระยาเศวตกุญชร ๑ พระบรมฉัททันต์สีทองแดง ๑ เป็นราชพาหนะช้างต้นมาแต่แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ม้าต้นม้าเทศม้าไทยขึ้นระวางตามชื่อในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็มีเป็นอันมาก พระยาถลางจัดซื้อม้าเทศที่เมืองเกาะหมากม้า ๑ ราคา ๘๐๐ เหรียญ ขาวบริสุทธิ์ทั้งตัว จักษุขาวขนขาวละเอียดอ่อน สูง ๓ ศอก ๑๐ นิ้ว รูปงามนัก จะว่าม้าเผือกก็ว่าได้ โปรดให้ขึ้นระวาง พระราชทานชื่อพระสังขรัศมี ครั้นล้มเสียแล้ว โปรดให้หาจัดซื้ออย่างนั้นอีกก็ไม่ได้
[๑] กรมหลวงนรินทรเทวี
[๒] สูง ๑ เส้น ๑๓ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ๑ นิ้ว
[๓] ปรากฏในตำนานวัตถุสถานที่ทรงสร้างในรัชชกาลที่ ๓ รวมจำนวนได้ ๗๓ วัด