๑๘๒. หนังสือบอกจมื่นไวยวรนารถถึงเจ้าพระยาบดินทรเดชาเรื่องถอยทัพเรือ

ลุศักราช ๑๒๐๔[๑] ปีขาลจัตวาศก เป็นปีที่ ๑๙ จมื่นไวยวรนารถ กลับเข้ามาเฝ้าสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ที่เกาะกะทะคว่ำ มีรับสั่งให้บอกข้อราชการไปให้เจ้าพระยาบดินทรเดชา ได้รู้ความว่าจะต้องล่าถอยไป

ครั้นณวันจันทร์เดือน ๕ แรม ๒ ค่ำ[๒] จมื่นไวยวรนารถได้ทำหนังสือบอกไปถึงเจ้าพระยาบดินทรเดชาใจความว่า ด้วยข้าพเจ้าบอกขึ้นมาแต่ก่อนว่า ได้ถอยกองทัพพระยาพิไชยรณฤทธิ พระอนุรักษโยธา ซึ่งขึ้นไปทำทางบกทางหอลำผีถอนปืนถอนคนลงมาประจำเรือ เข้าไปหนุนกองทัพพระยาราชวังสัน ปิดปากน้ำเมืองบันทายมาศให้แน่นหนาขึ้น ญวนยกมาจะได้สู้รบเต็มมือ แจ้งอยู่ในหนังสือบอกนั้นแล้ว บัดนี้พระยาราชวังสัน พระยาพิไชยรณฤทธิ์ พระพรหมธิบาล พระอนุรักษโยธา พระนเรนทรโกษา พระอินทรอาษา พระปลัดเมืองสมุทรปราการทอดอยู่ที่แหลมหอลำผี ข้าพเจ้ากลับเข้าไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ปรึกษาราชการ ข้าพเจ้ามาถึงเกาะกะทะคว่ำที่เสด็จประทับอยู่ ณเดือน ๕ ขึ้น ๑๑ ค่ำ[๓] เวลา ๒ ยามเศษ รับสั่งว่าการซึ่งจะทำเมืองบันทายมาศ อ้ายญวนก็เพิ่มเติมมารักษาบ้านเมืองมั่นคง การเป็นปลายมรสุมสิ้นที่อยู่แล้ว เดี๋ยวนี้ลมตะวันตกก็พัดกล้าขึ้น จะรั้งรออยู่ช้านักเรือรบเรือไล่ของหลวงก็ออกมามาก จะยับเยินเสียด้วยคลื่นลม จะเสด็จกลับเข้าไปคอยท่าเรือนายทัพนายกองอยู่หน้าเมืองกะพงโสม ให้ข้าพเจ้าจัดส่งข้าวส่งเกลือที่เมืองกำปอดก่อน เมื่อลมตะวันตกพัดกล้าหนักมา เรือรบเรือไล่จะทอดทุ่นอยู่มิได้ จึ่งให้นายทัพนายกองเลิกถอยกองทัพตามเสด็จเข้าไป ครั้นณเดือน ๕ แรม ๑๒ ค่ำ[๔] เวลาเช้ามืด สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ เสด็จกลับเข้าไปด้วยเรือกำปั่นวิทยาคม เรือรบเรือไล่เรือค่าย ข้าในกรมก็ตามเสด็จเข้าไปสิ้น และเมื่อณเดือน ๕ ขึ้น ๑๒ ค่ำ ข้าพเจ้าให้ขุนอักษรสมบัติ เสมียนตรากรมพระราชวังบวรสถานมงคล เข้าไปเมืองกำปอด ขึ้นไปสืบทัพพระยาอภัยพิพิธ ขุนอักษรสมบัติเสมียนตราใช้คนมาแจ้งความว่า พระยาอภัยพิพิธถอยมาตั้งอยู่ค่ายลำภู ให้พระเทพสงครามปลัดเมืองจันทบุรี พระทุกขราษฎร์ไพร่ ๕๐๐ คน อยู่รักษาค่ายเขาลกสอ ให้พระยาโสรัชชะ ออกญาเสนาอันชิต เจ้าเมืองกำปอดคุมเขมร ๑,๒๐๐ คนตั้งอยู่เขาเมรี ค่ายโกนทมของอ้ายญวนนั้น พระยาโสรัชชะ ออกญาเสนาอันชิต เขมรเผาเสียแล้ว ครั้นณเดือน ๕ แรม ๑ ค่ำ ข้าพเจ้ากับพระยาราชวังสันกลับออกมาว่า กองทัพเรือทอดปิดปากน้ำเมืองบันทายมาศอยู่ที่แหลมหอลำผี ครั้นณเดือน ๕ ขึ้น ๑๓ ค่ำ[๕] ลมสลาตันตะวันตกพัดกล้าคลื่นใหญ่ เรือรบทอดทุ่นอยู่ไม่ได้ จึ่งแล่นก้าวออกมาบังลมอยู่ที่เกาะสี่ เกาะห้า ลมตะกันตกก็ยิ่งพัดกล้าเป็นพายุฝนมาจนเดือน ๕ ขึ้น ๑๕ ค่ำ[๖] ที่เกาะสี่ เกาะห้า ไม่มีบ่อน่าจืดรับประทาน จึ่งถอยกองทัพออกมาทอดบังลมอยู่ที่เกาะโดดตรงหน้าเมืองบันทายมาศ เป็นที่มีน้ำจืด และการซึ่งถอยกองทัพออกมาให้ห่างเมืองบันทายมาศ เพราะเหตุคลื่นลมพัดดังนี้ พระราชอาชญามิพ้นเกล้าพ้นกระหม่อม แต่เดี๋ยวนี้ยังเป็นต้นมรสุมลมสลาตันตะวันตกอยู่ ลมตะวันตกยังพัดไม่ยืนประตู เมื่อแปรเป็นลมลำเภาเมื่อไรก็จะกลับเข้าไปตีเมืองบันทายมาศอีก ให้อ้ายญวนพะว้าพะวัง อย่าให้ถอยกองทัพขึ้นไปช่วยกันรักษาคลองขุด คงจะให้กองทัพเจ้าพระยายมราช พระพรหมบริรักษ์ กระทำสู้รบกับญวน ถมคลองขุดให้ถนัด เมือลมตะวันตกพัดยืนประตูเข้าแล้ว การทัพเจ้าพระยายมราช พระพรหมบริรักษ์ ยังทำไม่เสร็จ เรือรบทนคลื่นลมอยู่มิได้จะถอยเข้าพักอยู่ในคลองเมืองกำปอด ปากคลองน้ำตื้น น้ำขึ้นมากลึก ๒ ศอกคืบเศษ เรือรบเข้าไม่ได้จะถอยแอบบังอยู่ที่เกาะโดด การจะอยู่ช้าเรือรบจะชำรุดลง ที่จะอาศัยซ่อมแซมก็ไม่มี ข้าพเจ้าปรึกษาพร้อมกันเห็นว่า กองทัพยกออกมาครั้งนี้การไม่สำเร็จ จะเลิกถอนกองทัพเข้าไป พระราชอาชญาไม่พ้นเกล้าพ้นกระหม่อม ถ้าการไม่สำเร็จจวนมรสุมลมตะวันตกพัดกล้าขึ้นแล้ว ขอรับพระราชทานถอยกองทัพเข้ามายั้งซ่อมแซมเรือรบเรือไล่อยู่ที่เมืองจันทบุรี เมื่อสิ้นเทศกาลลมตะวันตกแล้ว จะนัดหมายยกกองทัพออกมาทำการฉลองพระเดชพระคุณให้สำเร็จให้จงได้



[๑] พ.ศ. ๒๓๘๕

[๒] วันที่ ๒๘ มีนาคม

[๓] อังคารที่ ๒๒ มีนาคม

[๔] พฤหัสบดีที่ ๗ เมษายน

[๕] พฤหัสบดีที่ ๒๔ มีนาคม

[๖] เสาร์ที่ ๒๖ มีนาคม

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ