๓๙. ตีทัพพระยาเชียงสา

ได้ทรงทราบว่า อ้ายพระยาเชียงสายังตั้งแข็งอยู่ที่บ้านโพนเชียงหวัง ไม่มาสามิภักดิ์ จึ่งโปรดให้พระยาไกรโกษายกทัพไปตี อ้ายพระยาเชียงสาสู้รบ พระยาไกรโกษาแตกหนีมา ทรงขัดเคืองจะให้ประหารชีวิตเสีย เห็นว่าเป็นคนเก่า จึ่งโปรดให้ลงพระราชอาชญาจำถอดเสียจากที่ จึ่งให้พระยาเพ็ชรพิไชย พระยาเกษตร พระยาอัษฎาเรืองเดช นายทัพนายกองยกไปตีทัพอ้ายพระยาเชียงสา พบอ้ายพระยาเชียงสาตั้งอยู่ที่บ้านโพนเชียงหวัง กองหน้าตีทัพอ้ายพระยาเชียงสาแตก กองทัพก็ตามพระยาเชียงสาไป กองคำตั้งอยู่เมืองเพงยกมาช่วยอ้ายพระยาเชียงสา ตัดหลังทัพพระยาเพ็ชรพิไชยเข้าไป พวกกองทัพพระยาเพ็ชรพิไชยไม่รู้ตัวก็ระสํ่าระสายจวนจะเสียที พระยาเพ็ชรพิไชยบุตรหลานญาติพี่น้องช่วยกันต้อนคนกลับหน้ามารบจนถึงตะลุมบอน พออ้ายกองคำถูกปืนตาย ทัพลาวก็แตกเข้าป่าไปหมด กองทัพพักพลอยู่ที่นั่นคืนหนึ่ง รุ่งเช้าก็ตามอ้ายพระยาเชียงสาไป ครั้นเวลาบ่ายไปทันอ้ายพระยาเชียงสาที่ห้วยหลวง ได้รบกันอีกครั้งหนึ่ง เสียพระอินทรเดชะน้องพระยาเพ็ชรพิไชยถูกปืนตายในที่รบ พระยากำแพงเพ็ชร พระหฤทัยถูกปืนแต่หาเป็นอันตรายไม่ ทัพไทยตีอ้ายพระยาเชียงสาแตกไปแล้วก็ตั้งมั่นอยู่ที่นั้น

ฝายอ้ายพระยาเชียงสาหนีทัพไทยเลียบริมน้ำโขงลงไปพบทัพพระยาราชสุภาวดีคิดไม่สู้รบ ก็เข้าหาพระยาราชสุภาวดี ฝ่ายพระยาเพ็ชรพิไชยนายทัพนายกองแจ้งว่า อ้ายพระยาเชียงสาเข้าหาพระยาราชสุภาวดีแล้ว ก็กลับมาค่ายหลวง

ฝ่ายพระยาราชสุภาวดีตั้งอยู่เมืองยโสธร คิดจะยกขึ้นไปตีเมืองจำปาศักดิ์ ราชบุตรเจ้าเมืองจำปาศักดิ์ตั้งค่ายอยู่เมืองศีร์ษะเกษแจ้งเหตุดังนั้น ก็ยกมาตั้งค่ายใหญ่อยู่เมืองอุบล แล้วก็เกณฑ์ให้เจ้าปาน เจ้าสุวรรณผู้น้อง คุมกองทัพมาตั้งค่ายรับอยู่เมืองยโสธร พระยาราชสุภาวดีนายทัพนายกองยกขึ้นไปตีเจ้าปาน เจ้าสุวรรณเวลาเดียว เจ้าปานเจ้าสุวรรณแตกกระจัดกระจาย จับได้นายทัพนายกองลาวหลายคน แล้วพระยาราชสุภาวดีก็ยกขึ้นไปตีเมืองอุบล ลาวในกองทัพพวกเมืองอุบลก็เกิดกบฏ ฆ่าฟันพวกราชบุตรเจ้าเมืองจำปาศักดิ์เป็นอลหม่านขึ้นในค่าย ราชบุตรก็พาพรรคพวกหนีไปเมืองจำปาศักดิ์ ครัวเมืองต่าง ๆ ที่ราชบุตรกวาดไปไว้ในเมืองก็กำเริบขึ้น เอาไฟจุดเผาบ้านเผาเรือนราษฎรไหม้ขึ้นเป็นอันมาก ราชบุตรเห็นดังนั้นจะเข้าเมืองมิได้ รวบรวมได้บ่าวคนสนิทประมาณ ๓๐-๔๐ คน พากันลงเรือข้ามฟากน้ำโขงไปฟากตะวันออก พระยาราชสุภาวดีก็เข้าตั้งอยู่ในเมืองจำปาศักดิ์ แล้วบนบานให้พวกลาวให้ข้ามฟากไปจับได้ตัวราชบุตรกับเจ้าปาน เจ้าสุวรรณมาจำไว้ แล้วพระยาราชสุภาวดีรู้ว่าทัพหลวงไปตั้งอยู่พันพร้าวก็ยกมาตั้งอยู่เมืองนครพนม จัดการบ้านเมืองอยู่

พอญวนแม่ทัพหน้าองกินเลือกชื่อสัตตะคุณเตียนยิน มีหนังสือมาถึงพระสุริยภักดีฉะบับหนึ่งใจความว่า เมืองเวียงจันท์กับกรุงเทพมหานครเป็นเมืองไมตรีสนิท เปรียบเหมือนฝีปากกับฟันไม่มีเหตุอันใด เหตุใดจึ่งยกกองทัพขึ้นมาทำลายรื้อเมืองเวียงจันท์เสีย ไพร่บ้านพลเมืองแตกตื่นไป และเมืองเวียงจันท์ก็เป็นแดนกรุงเวียดนาม บัดนี้แม่ทัพใหญ่ใช้ให้ข้าพเจ้าคุมกองทัพบกมา ๒๐,๐๐๐ เศษ มาตั้งอยู่เมืองตามดอง จึ่งมีหนังสือมาให้แจ้ง ให้ท่านยกกองทัพกลับไปอยู่แดนของท่าน และท่านกวาดเอาครอบครัวแดนญวนไปไว้เท่าใด ขอให้ส่งคืนมาแดนญวน ทางไมตรีจะได้รอบคอบยืนยาวเสมอไป ถ้าท่านไม่ฟังข้าพเจ้าก็ไม่ละ ถ้าองกินเลือกแม่ทัพใหญ่ยกลงมาถึงแล้วก็จะไม่ฟังกัน แต่หญ้าต้นหนึ่งก็ไม่ให้เหลือไว้ บอกมาทั้งนี้เป็นความสัตย์จริง ให้ทำตามคำข้าพเจ้า

พระยาราชสุภาวดีก็มิได้ตอบ เร่งจะมาเฝ้าให้ทันทัพหลวงเสด็จลงมากรุง เดินกองทัพลงมา

ฝ่ายพระยาเชียงสาซึ่งแตกพระยาเพ็ชรพิไชยเข้าหาพระยาราชสุภาวดี ๆ ก็พาพระยาเชียงสาลงมาเฝ้าที่ค่ายหลวง กราบทูลว่า ราชบุตรสู้รบจนจับตัวได้ใส่กรงมาถวาย โปรดให้พระยาเชียงสาอยู่ทำราชการด้วยพระยาราชสุภาวดี จึ่งรับสั่งให้ส่งตัวราชบุตร เจ้าปาน เจ้าสุวรรณลงมาณกรุงก่อน แต่พระยาราชสุภาวดีนั้นอยู่กวาดครอบครัว จัดการหัวเมืองลาวเมืองจำปาศักดิ์เขมรป่าดงให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วจึ่งให้กลับลงไป โปรดให้พระยาเพ็ชรพิไชย พระยาสมบัติธิบาล แยกไปจัดเมืองหล่มเลย แล้วให้กลับไปในฤดูฝน

ครั้งนั้นเจ้าพระยาอภัยภูธรที่สมุหนายก คุมกองทัพหัวเมืองขึ้นไปถึงเมืองพันพร้าวป่วยถึงอนิจจกรรม จึ่งรับสั่งให้บุตรหลานญาติพี่น้องนำศพลงมาณกรุงเทพมหานคร ทัพกรุงยกขึ้นไปเมืองเวียงจันท์ครั้งนั้น ไพร่พลตายในที่รบนั้นน้อย ตายด้วยไข้ป่วงไข้ป่าและอดอยากเป็นอันมาก แต่ทัพพระยาราชนิกูล พระยารามกำแหง พระยาราชรองเมือง พระยาจันทบุรี ซึ่งยกขึ้นไปทางเมืองเขมรป่าดงนั้น ไม่ได้ยินกล่าวว่าไปตั้งอยู่ที่ใด

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ