- คำนำ
- ๑. อัญเชิญสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ามงกุฎฯ เสด็จจากวัดบวรนิเวศ
- ๒. กราบทูลอัญเชิญสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ ขึ้นเสวยราชย์
- ๓. ทรงแก้ไขธรรมเนียมข้าราชการเข้าเฝ้าให้สรวมเสื้อ
- ๔. พระราชพิธีบรมราชาภิเศก
- ๕. ข้าราชการฝ่ายในถวายตัว
- ๖. เสด็จเลียบพระนครทางสถลมารค
- ๗. เสด็จเลียบพระนครทางชลมารค
- ๘. พระราชพิธีบวรราชาภิเศก
- ๙. พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเลียบพระนคร
- ๑๐. ราชทูตไทยไปเมืองจีน
- ๑๑. ตั้งพระราชาคณะ
- ๑๒. ตั้งกรมเจ้านาย
- ๑๓. เจ้าประเทศราชเข้ามาเฝ้า
- ๑๔. ตำนานเมืองน่าน
- ๑๕. ตำนานเมืองแพร่
- ๑๖. ทรงแก้สร้อยพระนาม องค์สมเด็จหริรักษรามา เจ้ากรุงกัมพูชา
- ๑๗. ทรงแต่งตั้งขุนนาง
- ๑๘. ขุดคลองคูพระนครชั้นนอก
- ๑๙. การเทศนากระจาดใหญ่
- ๒๐. ถวายพระนามพระเจ้าแผ่นดิน พระบรมราชชนนี และกรมพระราชวังบวรที่สวรรคตแล้ว
- ๒๑. งานพระบรมศพ
- ๒๒. ราชทูตไทยไปเมืองจีน
- ๒๓. ขุดคลองผดุงกรุงเกษมและสร้างป้อม
- ๒๔. สมเด็จพระนางโสมนัสวัฒนาวดีสิ้นพระชนม์
- ๒๕. เริ่มการศึกเชียงตุง
- ๒๖. บรรจุดวงพระชาตาพระนคร
- ๒๗. สมณทูตไทยไปลังกาทวีป
- ๒๘. งานพระศพสมเด็จพระนางโสมนัสวัฒนาวดี
- ๒๙. สมณทูตกลับจากลังกาทวีป
- ๓๐. ได้พระวิมลรัตนกริณี ช้างพังเผือกตรี
- ๓๑. สมเด็จพระนางรำเพยภมราภิรมย์ประสูติเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์
- ๓๒. การทัพศึกเมืองเชียงตุง
- ๓๓. เรื่องเรือกะทงลอยพระประทีป
- ๓๔. สร้างพระเจดีย์และถวายพระนามพระประธานในวัดพระเชตุพน
- ๓๕. กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสและกรมหลวงพิเศษศรีสวัสดิ์สิ้นพระชนม์
- ๓๖. สร้างสระปทุมวันและวัดปทุมวนาราม
- ๓๗. การทัพศึกเมืองเชียงตุง (ต่อ)
- ๓๘. เตรียมการต้อนรับเซอร์ยอนโบวริง
- ๓๙. การฉลองคลองคูพระนครชั้นนอก (คลองผดุงกรุงเกษม)
- ๔๐. สร้างพระอภิเนาวนิเวศน์
- ๔๑. ได้พระวิสุทธรัตนกริณี ช้างพังเผือกโท
- ๔๒. เซอร์ยอนโบวริงเข้ามาทำหนังสือสัญญา
- ๔๓. สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ถึงแก่พิราลัย
- ๔๔. มิสเตอร์ฮาริปักเข้ามาแก้หนังสือสัญญา
- ๔๕. ทูตอเมริกันเข้ามาทำหนังสือสัญญา
- ๔๖. การถวายสลากภัตรในวัดพระเชตุพน
- ๔๗. ทูตฝรั่งเศสเข้ามาทำสัญญา ๓๒ ข้อ
- ๔๘. พม่าถือหนังสือเสนาบดีผู้ใหญ่เมืองพม่าเข้ามาถวายพระสังฆราช
- ๔๙. หนังสือเดินทางของพม่า
- ๕๐. ลิขิตสมณศาสน์ตอบหนังสือเสนาบดีพม่า
- ๕๑. ทูตฝรั่งเศสไปเมืองเขมรและเมืองญวน
- ๕๒. หนังสือองค์พระหริรักษ์ถึงพระเจ้านโปเลียนที่ ๓
- ๕๓. ราชทูตไทยไปประเทศอังกฤษ
- ๕๔. สร้างสวนอนันตอุทยาน
- ๕๕. ขุดคลองมหาสวัสดิ์
- ๕๖. เสด็จประพาสหัวเมืองตะวันออก
- ๕๗. พระราชทานที่ให้ชาวต่างประเทศตั้งห้างและขุดคลองถนนตรง
- ๕๘. พระราชทานทรัพย์สร้างศาลาที่เมืองร่างกุ้ง
- ๕๙. หนังสือองญวนข้าหลวงเมืองไซ่ง่อนถึงเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ สมุหพระกลาโหม
- ๖๐. หนังสือตอบองญวนข้าหลวงผู้สำเร็จราชการเมืองไซ่ง่อน
- ๖๑. หนังสือองญวนข้าหลวงผู้สำเร็จราชการเมืองไซ่ง่อน ตอบเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์
- ๖๒. ทูตเดนมาร์กเข้ามาทำหนังสือสัญญา
- ๖๓. ราชทูตไทยกลับจากลอนดอน
- ๖๔. ทูตเดนมาร์กกลับ
- ๖๕. โปรดฯ ตั้งองค์พระนโรดมและองค์หริราชดะไนไปช่วยราชการเมืองเขมร
- ๖๖. ฝรั่งเศสรบกับญวน
- ๖๗. ดาวหางขึ้น
- ๖๘. พระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ และสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย
- ๖๙. ทูตโปรตุเกศเข้ามาทำหนังสือสัญญา
- ๗๐. งานเฉลิมพระมหามนเทียรพระที่นั่งอนันตสมาคม
- ๗๑. สร้างประตูกำแพงพระบรมมหาราชวังชั้นนอก
- ๗๒. เรื่องรักใคร่ระหว่างขุนสุวรรณกับเจ้าจอมช้อย
- ๗๓. พระราชทานเงินคนชราพิการ
- ๗๔. เสด็จประพาสหัวเมืองฝ่ายทะเลตะวันตก
- ๗๕. กรมสมเด็จพระเดชาดิศรสิ้นพระชนม์
- ๗๖. เสด็จประพาสตลาดสำมุข
- ๗๗. โปรดฯ ให้รื้อปราสาทผไทตาพรหม
- ๗๘. ฝรั่งเศสรบกับญวน (ต่อ)
- ๗๙. งานพระศพกรมสมเด็จพระเดชาดิศร
- ๘๐. เกิดความไข้ที่กรุงเทพฯ
- ๘๑. ได้พระมหาศรีเศวตวิมลวรรณ ช้างพลายเผือกโท
- ๘๒. โปรดเกล้าฯ ให้งดการรื้อปราสาทผไทตาพรหม
- ๘๓. พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาศหัวเมืองปักษ์ใต้
- ๘๔. ทูตฮอลันดาเข้ามาทำหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรี
- ๘๕. คนสนิทของสุลต่านมะหมุดเข้ามาขอกำลังรบเมืองปาหัง
- ๘๖. องค์พระหริรักษ์ เจ้ากรุงกัมพูชา สุรคต
- ๘๗. สมโภชพระสมุทรเจดีย์
- ๘๘. ราชทูตไทยไปประเทศฝรั่งเศ
- ๘๙. ใบบอกพระยาสระบุรีเรื่องคล้องได้ช้างพังเผือกโท
- ๙๐. เสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี
- ๙๑. ราชทูตกราบถวายบังคมลา
- ๙๒. สมโภชพระพุทธบุษยรัตน์ จักรพรรดิพิมลมณีมัย
- ๙๓. กรมหลวงสรรพศิลป์ปรีชาและกรมหลวงมหิศวรินทรามเรศรสิ้นพระชนม์
- ๙๔. สุลต่านมะหมุดเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร
- ๙๕. สมเด็จพระนางรำเพยภมราภิรมย์สิ้นพระชนม์
- ๙๖. เรื่องเมืองเขมร
- ๙๗. ทูตปรุศเซียเข้ามาทำหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรี
- ๙๘. ราชทูตไทยกลับจากประเทศฝรั่งเศ
- ๙๙. เรื่องเมืองเขมร (ต่อ)
- ๑๐๐. งานพระศพ กรมหลวงมหิศวรินทร์ เจ้าฟ้าอิศราพงศ์ และพระองค์เจ้านิลวรรณ
- ๑๐๑. ส่งองค์พระนโรดมไปครองเมืองเขมร
- ๑๐๒. ทูตปรุศเซียกราบถวายบังคมลา
- ๑๐๓. ทำเงินตราใช้แทนเบี้ยและหอย
- ๑๐๔. ตัดถนน ๓ สายและขุดคลอง
- ๑๐๕. สร้างสะพานข้ามคลอง
- ๑๐๖. งานพระศพกรมหมื่นเชษฐาธิเบนทร์และพระองค์เจ้าสว่าง
- ๑๐๗. โสกันต์พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์
- ๑๐๘. พระราชพิธีรับพระสุพรรณบัฏ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์
- ๑๐๙. เจ้าเมืองเบตาเวียเข้ามาเปลี่ยนหนังสือสัญญาฮอลันดา
- ๑๑๐. งานพระศพสมเด็จพระนางรำเพยภมราภิรมย์
- ๑๑๑. ราชศาสน์เจ้ากรุงจีน
- ๑๑๒. พระราชศาสน์ถึงเจ้ากรุงจีน
- ๑๑๓. ญวนทำสัญญาใช้เบี้ยปรับให้ฝรั่งเศส
- ๑๑๔. เรื่องสุลต่านมะหมุด
- ๑๑๕. สร้างถนนเจริญกรุงตอนใน
- ๑๑๖. กรมหมื่นวิศณุนารถนิภาธรสิ้นพระชนม์
- ๑๑๗. พระราชพิธีรับพระสุพรรณบัฏ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล
- ๑๑๘. โสกันต์พระเจ้าลูกเธอ ๓ พระองค์
- ๑๑๙. การรับและสมโภชพระเศวตสุวรรณาภาพรรณ ช้างพังสีประหลาด
- ๑๒๐. กรมพระพิทักษเทเวศรสิ้นพระชนม์
- ๑๒๑. งานโสกันต์
- ๑๒๒. พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสถวายเครื่องราชอิศริยยศ
- ๑๒๓. งานพระศพพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นวิศณุนารถนิภาธร
- ๑๒๔. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลฯ สิ้นพระชนม์
- ๑๒๕. งานพระศพกรมพระพิทักษเทเวศร และพระองค์เจ้าใย
- ๑๒๖. เตรียมการสมโภชพระบรมอัฏฐิ
- ๑๒๗. เรื่องราชศาสน์เจ้ากรุงจีน
- ๑๒๘. เสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ (ลองเรืออรรคราชวรเดช)
- ๑๒๙. องค์พระนโรดมบอกเรื่องทำหนังสือสัญญาระหว่างเขมรกับฝรั่งเศส
- ๑๓๐. สุลต่านมะหมุดหนีกลับ
- ๑๓๑. สร้างถนนบำรุงเมือง
- ๑๓๒. สร้างถนนเฟื่องนคร
- ๑๓๓. ฝรั่งเศสถวายรูปราชสีห์
- ๑๓๔. สมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา เสด็จไปเที่ยวค้นดูช้างในแขวงเมืองนครนายก
- ๑๓๕. พระราชทานสุพรรณบัฏเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์
- ๑๓๖. ญวนแต่งทูตไปกรุงปารีส
- ๑๓๗. สร้างพระบรมบรรพต
- ๑๓๘. สมโภชพระบรมอัฏฐิและพระอัฏฐิ
- ๑๓๙. งานพระศพสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล
- ๑๔๐. งานพระศพพระองค์เจ้าขนิษฐน้อยนารี
- ๑๔๑. พระราชทานเพลิงศพเจ้าพระยานิกรบดินทร์
- ๑๔๒. ตั้งผู้แทนทำหนังสือสัญญาเขตต์แดนอังกฤษกับไทย
- ๑๔๓. ราชาภิเศกองค์พระนโรดมขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดินกรุงกัมพูชา
- ๑๔๔. งานฉลองสพานและถนน
- ๑๔๕. คล้องได้ช้างเผือกเอก
- ๑๔๖. เปรสิเดนต์ส่งกระบี่เครื่องทองคำเข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย
- ๑๔๗. สุลต่านมะหมุดถึงแก่กรรม
- ๑๔๘. ช้างเผือกและช้างสำคัญในรัชชกาลที่ ๔
- ๑๔๙. น้ำไหลมาแต่เหนือมีสีแดง
- ๑๕๐. เฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖๐
- ๑๕๑. การแบ่งเขตต์แดนประเทศสยามกับพม่าของอังกฤษ
- ๑๕๒. การฉลองศาลาที่เมืองร่างกุ้ง
- ๑๕๓. เรื่องค่านาคู่โค
- ๑๕๔. โสกันต์พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าพักตร์พิมลพรรณ และพระองค์เจ้ามัณยาภาธร
- ๑๕๕. เสด็จประพาสเมืองราชบุรีและกาญจนบุรี
- ๑๕๖. ตั้งผู้ปรึกษาทำหนังสือสัญญาเขตต์แดนเมืองเขมร
- ๑๕๗. โปรดฯ ให้ชำระเจ้าพนักงานฉ้อพระราชทรัพย์
- ๑๕๘. นายพลเรือโท ยอช กิง เข้ามากรุงเทพฯ
- ๑๕๙. พระยามนตรีสุริยวงศ์ออกไปเมืองนครฯ
- ๑๖๐. ทรงเปลี่ยนนามเจ้าพระยาทิพากรวงศ์
- ๑๖๑. โสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์
- ๑๖๒. พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต
- ๑๖๓. โสกันต์พระเจ้าลูกเธอและพระเจ้าหลานเธอ ๓ พระองค์
- ๑๖๔. การปักเขตต์แดนสยามกับพม่าของอังกฤษ
- ๑๖๕. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ทรงพระผนวชสามเณร
- ๑๖๖. เรื่องหนังสือสัญญาการเมืองเขมร
- ๑๖๗. พระราชทานเพลิงศพพระยามนตรีสุริยวงศ์และพระยาอภัยสงคราม
- ๑๖๘. สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ถวายเทศนามหาชาติ
- ๑๖๙. เสด็จพระราชดำเนินไปสมโภชพระพุทธชินราชที่เมืองพิศณุโลก
- ๑๗๐. เรื่องปันเขตต์แดนทางประเทศพม่า
- ๑๗๒. ทำแผนที่อาณาเขตต์ทางหัวเมืองลำแม่น้ำโขง
- ๑๗๓. งานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
- ๑๗๔. งานพระศพเจ้านาย
- ๑๗๕. ขุดคลองภาษีเจริญ
- ๑๗๖. ทำกะโจมไฟที่หลังสันดอน
- ๑๗๗. สร้างพระราชวังสราญรมย์
- ๑๗๘. มีละครทำขวัญพระบรมมหาราชวัง
- ๑๗๙. โสกันต์พระเจ้าลูกเธอและพระเจ้าหลานเธอ ๕ องค์
- ๑๘๐. โปรดเกล้าฯ ให้จำลองปราสาทที่นครวัด
- ๑๘๑. ฝรั่งเศสได้เมืองญวน ๓ เมือง
- ๑๘๒. พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสถวายพระแสง
- ๑๘๓. กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาสสิ้นพระชนม์
- ๑๘๔. ราชทูตไทยกลับจากประเทศฝรั่งเศ
- ๑๘๕. ทูตฝรั่งเศสเข้ามาประทับตราหนังสือสัญญา
- ๑๘๖. ทูตโปรตุเกศเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรี
- ๑๘๗. โสกันต์พระเจ้าลูกยาเธอ ๓ องค์
- ๑๘๘. ราชทูตโปรตุเกศกราบถวายบังคมลากลับ
- ๑๘๙. เปลี่ยนหนังสือสัญญากับฝรั่งเศส
- ๑๙๐. ฉลองวัดปทุมวนาราม
- ๑๙๑. เรื่องปักเขตต์แดนทางเมืองเขมร
- ๑๙๒. อักษรศาสน์ไว้ส์รอยอินเดีย
- ๑๙๓. งานพระศพกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส
- ๑๙๔. การฉลองวัดหงษ์และโรงธรรมวัดกัลยาณมิตร
- ๑๙๕. ตั้งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ เป็นกรมขุนพินิตประชานา
- ๑๙๖. อสุนีบาตตกหลายแห่ง
- ๑๙๗. เปิดคลองดำเนินสดวก
- ๑๙๘. ขุดคลองบางลี่และแก้คลองลัดยี่สานเมืองสมุทรสงคราม
- ๑๙๙. ขุดคลองที่ลัดขุนเมืองสมุทรสาคร
- ๒๐๐. ไวซ์รอยอินเดียทำแผนที่เขตต์แดนส่งมาประทับตรา
- ๒๐๑. สถานที่ซึ่งทรงก่อสร้างและเปลี่ยนแปลงในรัชชกาลที่ ๔
- ๒๐๒. การพระราชกุศล
- ๒๐๓. การภาษีอากร
- ๒๐๔. ขุดได้พระพุทธรูปนิรันตราย
- ๒๐๕. สั่งปืนเข้ามาใช้ในราชการ
- ๒๐๖. ต่อเรือพระที่นั่งและเรือกลไฟ
- ๒๐๗. เมืองที่ทรงตั้งในรัชกาลที่ ๔
- ๒๐๘. ทรงแปลงและตั้งนามขุนนาง
- ๒๐๙. ทรงตั้งนามราชทูตและกงสุล
- ๒๑๐. ทรงตั้งและแปลงนามบรรดาศักดิ์ขุนนาง
- ๒๑๑. ทรงตั้งและแปลงนามเจ้าเมืองกรมการ
- ๒๑๒. ทรงตั้งและแปลงนามพระราชาคณะฐานานุกรม
- ๒๑๓. ทรงตั้งและแปลงนามวัดต่างๆ
- ๒๑๔. เสนาบดีเข้าชื่อกันทำเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวาย เรื่องราษฎรกล่าวว่า พระบาง พระพุทธรูปทำให้ฝนแล้ง
- ๒๑๕. พระราชทานพระบางคืนไปเมืองหลวงพระบาง
- ๒๑๖. สร้างและปฏิสังขรณ์พระอารามในกรุง
- ๒๑๗. สร้างและปฏิสังขรณ์พระอารามหัวเมือง
- ๒๑๘. สร้างพระนครคีรี ที่เมืองเพ็ชรบุรี
- ๒๑๙. กระแสพระราชดำริก่อนปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์
- ๒๒๐. ปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์
- ๒๒๑. กล่าวด้วยปาฏิหาริย์พระปฐมเจดีย์
- ๒๒๒. สร้างพระราชวังที่นครปฐม
- ๒๒๓. ขุดคลองเจดีย์บูชา
- ๒๒๔. ทรงปฏิสังขรณ์วัดเฉลิมพระเกียรติ
- ๒๒๕. ปฏิสังขรณ์วัดชุมพลนิกายารามและสร้างตำหนักที่บางปะอิน
- ๒๒๖. ทรงบุรณะปฏิสังขรณ์พระพุทธบาทและวังท้ายพิกุล
- ๒๒๗. ทรงสร้างพระนารายน์ราชนิเวศน์เมืองลพบุรี
- ๒๒๘. กงสุลฝรั่งเศสเข้ามาเปลี่ยนตัว
- ๒๒๙. เสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- ๒๓๐. ลงพระราชอาชญาพวกมหาดเล็กเล่นไพ่
- ๒๓๑. ทำทัณฑกรรมโหรและท้าวสมศักดิ์ท้าวโสภา
- ๒๓๒. สมโภชพระปฏิมากรแก้วมรกต
- ๒๓๓. ทรงพระประชวร
- ๒๓๔. พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒนสัตยา
- ๒๓๕. ตั้งกองล้อมวง
- ๒๓๖. ประชุมหมอหลวงถวายพระโอสถ
- ๒๓๗. กระแสพระราชดำริถึงผู้สืบราชสมบัติ
- ๒๓๘. แปลคำที่ทรงคาถาขอขมาพระสงฆ์วัดราชประดิษฐ์
- ๒๓๙. ทรงขอขมาพระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดี
- ๒๔๐. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต
- ๒๔๑. สรงน้ำพระบรมศพ
๒๑๔. เสนาบดีเข้าชื่อกันทำเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวาย เรื่องราษฎรกล่าวว่า พระบาง พระพุทธรูปทำให้ฝนแล้ง
และเมื่อปีชวด ฉศก[๑] เกิดฝนแล้งข้าวแพง ท่านเสนาบดีเข้าชื่อกันทำเรื่องราวทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายว่า
ด้วยได้ยินราษฎรชายหญิงหลายพวกหลายเหล่า บ่นซุบซิบกันอยู่เนืองๆ มานานแล้วว่า ครั้งตั้งแต่พระเสิมเมืองเวียงจันทร์ ซึ่งมาอยู่เมืองหนองคาย เชิญลงมาไว้ในณกรุงเทพมหานคร เมื่อปลายปีมะเส็ง นพศก และพระไสยเมืองเวียงจันทร์ซึ่งมาอยู่ด้วยพระเสิมณเมืองหนองคาย และพระแสนเมืองมหาไชย เชิญมาไว้ณวัดปทุมวนาราม เมื่อปลายปีมะเมีย สัมฤทธิศกนั้นมา ฝนในแขวงกรุงเทพมหานครตกน้อยไปกว่าแต่ก่อนทุกปี ต้องบ่นว่าฝนแล้งทุกปี ลางพวกก็ว่าพระพุทธรูปเหล่านี้ไปอยู่ที่ไหนของแพงที่นั่น และว่าของลาวเขาถือว่าพระพุทธรูปของบ้านร้างเมืองเสีย ปิศาจมักสิงสู่ ลาวเรียกว่าพุทธยักษ์ รังเกียจนักไม่ให้เข้าบ้านเข้าเมือง ข้าพระพุทธเจ้าได้ฟังเนืองๆ แล้วจึงได้ปรึกษากันรำพึงถึงกาลเก่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เป็นแม่ทัพเสด็จขึ้นไปตีเมืองเวียงจันทร์ครั้งก่อน ก็ได้พระพุทธรูปมีชื่อทั้งปวงในเมืองนั้นมาอยู่ในอำนาจ แต่ทรงเลือกให้เชิญลงมากรุงธนบุรีแต่พระแก้วมรกตกับพระบาง ๒ องค์ พระพุทธรูปมีชื่อนอกนั้นก็ได้โปรดให้คงอยู่เมืองเวียงจันทร์ ครั้นได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว ทรงจัดการแผ่นดินและสร้างพระนครพระราชวังใหม่ เจ้านันทเสนและเจ้าเขียวค่อมท้ายสวนกราบทูลพระกรุณาว่า
พระแก้วกับพระบางมีปิศาจที่รักษาพระพุทธรูปไม่ชอบกัน ถ้าอยู่ด้วยกันเมืองใดก็ไม่มีความสบายที่เมืองนั้น การเห็นเป็นอย่างมา ๓ ครั้งแล้ว คือ
เดิมพระแก้วอยู่เมืองเชียงใหม่ พระบางอยู่เมืองหลวงพระบาง ครั้นภายหลังเจ้าเมืองหลวงพระบางได้เจ้าเชียงใหม่เป็นเขย จึงขอยืมพระแก้วมานมัสการ เจ้าเมืองเชียงใหม่ก็คุมพระแก้วมาเมืองหลวงพระบางด้วย เจ้าเมืองหลวงพระบางกักขังเจ้าเชียงใหม่ผู้เป็นเขยไว้กับพระแก้วช้านาน ชาวเชียงใหม่จึงตั้งเจ้าเชียงใหม่อื่นขึ้นใหม่ เจ้าเชียงใหม่เก่าจึงขอกองทัพเมืองหลวงพระบางไปรบเอาเมืองเชียงใหม่คืน การรบกันเป็นไปหลายปี ฝ่ายพวกเมืองหลวงพระบางเอาไชยชนะไม่ได้ พวกเมืองเชียงใหม่ได้ไชยชนะเขตต์แดนใกล้เข้ามา จนพวกเมืองหลวงพระบางต้องกลัวจะเสียเมือง จึงลงผีถามคนทรง ผีที่รักษาพระบางออกความว่า ตัวผีรักษาพระบางเป็นเจ้าของเมืองไม่ชอบกับผีรักษาพระแก้ว ขอให้ไล่พระแก้วไปเสียจากเมือง ผีรักษาพระบางจึงจะช่วยในการศึกให้มีไชย เจ้าเมืองหลวงพระบางไม่อยากจะคืนพระแก้วให้ชาวเชียงใหม่เป็นข้าศึก แต่กลัวผีที่รักษาพระบาง จึงให้เชิญพระแก้วไปฝากไว้เมืองเวียงจันทร์ ซึ่งเวลานั้นนับถือเป็นบ้านพี่เมืองน้องกัน ตั้งแต่เชิญพระแก้วไปไว้เมืองเวียงจันทร์แล้ว พวกเมืองหลวงพระบางก็มีกำลังขึ้น กลับได้ไชยชนะพวกเมืองเชียงใหม่คืนเอาเขตต์แดนที่เสียไปแก่พวกเชียงใหม่ได้หมด พวกเชียงใหม่ก็ไม่ได้มารบกวนต่อไป การศึกก็เป็นสงบ
ครั้นล่วงมานาน ๒๐๐ ปีเศษ เจ้าเมืองเวียงจันทร์รบกับเจ้าเมืองหลวงพระบาง ได้ไชยชนะเมืองหลวงพระบาง จึงให้เชิญพระบางมาไว้เมืองเวียงจันทร์ ตั้งแต่นั้นมาเมืองเวียงจันทร์ก็ไม่มีความสุข เกิดรบพุ่งในพี่น้องกันเองบ้าง ต้องรบกับญวนเสียอำนาจต้องยอมแพ้ญวน แล้วภายหลังจึงได้เสียเมืองต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เมื่อเสด็จขึ้นไปปราบปราม เมื่อปีกุญ เอกศก ศักราช ๑๑๔๑[๒] นั้น ก็พระแก้วกับพระบางมาอยู่ด้วยกันที่กรุงธนบุรีได้ ๒ ปี ก็เกิดวุ่นวาย ขอพระราชทานโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้แยกย้ายพระแก้วกับพระบางให้อยู่ห่างต่างบ้านเมืองกัน จึงจะมีความเจริญแก่พระนครซึ่งตั้งใหม่ในครั้งนี้
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงสดับก็มีพระราชหฤทัยรังเกียจตามเหตุการณ์ ซึ่งเจ้านันทเสนกับเจ้าเขียวค่อมท้ายสวนกราบทูลพระกรุณา จึงพระราชทานพระบางให้คืนกลับไปประดิษฐานอยู่เมืองเวียงจันทร์ การซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เป็นปฐมในพระบรมราชวงศ์นี้ทรงดังนั้นก็เป็นการเยี่ยงอย่างมา มีผู้ใหญ่ได้ทราบเล่าต่อกันมาคุ้มบัดนี้
ครั้นเมื่อแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าอนุเวียงจันทร์คิดกบฎ จึงได้มีพระราชโองการให้กรมพระราชวังบวรสถานมงคลเสด็จยกทัพขึ้นไปปราบปรามตีได้เมืองเวียงจันทร์อีกครั้งหนึ่ง ครั้งนั้นพระพุทธรูปมีชื่อในเมืองเวียงจันทร์ทุกพระองค์ ก็ได้ทรงรวบรวมมาทอดพระเนตร ทรงเลือกเชิญลงมาแต่พระบางและพระแทรกคำ พระฉันสมอ กับพระพุทธรูปศิลาเขียวเป็นของประหลาดไม่มีชื่อ ถวายในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่เดิมยังไม่ได้ทรงสดับความหลัง จึงทรงพระราชศรัทธาให้เชิญพระบาง พระแทรกคำ พระฉันสมอไว้ในหอพระนาค วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ครั้นภายหลังได้ทรงสดับการแต่หลังมา จึงทรงพระราชดำริว่าจะขัดแก่การซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกได้ทรงบังคับมาแต่ก่อน เพื่อเป็นมงคลแก่พระนคร หาควรไม่ ควรจะให้พระมีชื่อซึ่งลาวนับถือว่ามีปิศาจสิง ๒ พระองค์ ให้ไปอยู่ภายนอกพระนคร จึงพระราชทานพระบางให้เจ้าพระยาบดินทรเดชาเชิญไปไว้วัดจักรวรรดิราชาวาส พระราชทานพระฉันสมอให้เจ้าพระยาพลเทพ (ฉิม) ไปไว้วัดอับสรสวรรค์ พระราชทานพระแทรกคำให้พระยาราชมนตรี (ภู่) เชิญไปไว้วัดคฤหบดี เป็นภายนอกพระนครทั้ง ๓ พระองค์
ก็พระเสริม พระไส พระศุกร์ ๓ พระองค์ ก็เป็นพระพุทธรูปมีชื่อ ลาวนับถืออยู่ที่เมืองเวียงจันทร์มานาน ก็การจะเป็นอย่างไร ครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเสด็จยกทัพไปตีเอาเมืองเวียงจันทร์ เมื่อปีกุน เอกศก ศักราช ๑๑๔๑ ก็ดี[๓] ครั้งกรมพระราชวังในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นไปตีเอาเมืองเวียงจันทร์ เมื่อปีกุน นพศก ศักราช ๑๑๘๙ นั้นก็ดี[๔] พระพุทธรูป ๓ พระองค์นี้ก็มีนามได้ทรงสดับทราบ แต่แคลงอยู่ว่าจะมีผู้กราบทูลอย่างไรจึงไม่ทรงพระราชดำริให้เชิญลงมาเลยทั้ง ๒ คราว เป็นที่ให้คนเป็นอันมากจะปรารภบ่นวิตกไปต่างๆ ฝนแล้งเข้าคราวใด ก็มีผู้พูดซุบซิบรังเกียจด้วยพระพุทธรูป พระเสิม พระไส ๒ พระองค์นี้เนืองๆ หนาหู และกาลบัดนี้ก็เป็นประตูที่คนผู้อยากจะหยิบยกโทษต่างๆ บ่นว่า จะลอบไปให้โรงพิมพ์อเมริกันลงพิมพ์นินทาว่าบ่นไปต่างๆ ตามคำราษฎร จะเอาตัวผู้บ่นก็ไม่ได้ จะเป็นที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศไป เพราะพระพุทธรูปเป็นแต่ของหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ย่อมๆ ไม่เป็นที่เห็นเป็นประหลาดอัศจรรย์อะไรนักนั้น ก็ไม่ควรแก่พระบารมีเลย พระพุทธรูปอย่างนี้ถึงอยู่ในกรุงเทพมหานคร ก็ไม่เป็นที่ออกอวดแขกเมืองได้เหมือนพระแก้วมรกตและพระแก้วผลึก พระฉลองพระองค์ทรงเครื่องทองคำประดับเพ็ชรพลอยต่างๆ นั้นเลย พระแก้วมรกต พระแก้วผลึก พระสิหิงค์ และพระพุทธรูปทองสัมฤทธิใหญ่ๆ ซึ่งงามดีเป็นศรีพระนครคู่พระบารมี เคยอยู่กับบ้านเมืองมีความสุขมา ก็มีอยู่ในกรุงเทพมหานครนี้เป็นอันมากแล้ว ก็พระบาง พระแทรกคำ พระเสิม พระไส พระแสน เป็นของดีแต่ที่ลาวเล่าลือออกชื่อเชิดชูว่าศักดิ์สิทธิ์ เชิญมาไว้ก็นานก็ยังไม่ได้เห็นฤทธิ์เดชวิเศษเป็นคุณแก่บ้านเมืองได้อย่างไร มีผู้นับถือมากก็แต่พวกลาว ก็คนในพระนครนี้เป็นลาวสักส่วน ๑ เป็นคนมิใช่ลาวหลาย ๑๐ ส่วน
ถ้าโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม มีพระราชประสงค์จะให้เป็นที่นมัสการบูชาของราษฎรที่เป็นลาวได้ทำบุญมากเต็มศรัทธาแล้ว ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเห็นด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม จะขอรับพระราชทานพระพุทธรูปที่ลาวนับถือ คือพระเสิม พระไส พระแสน หรือพระบาง พระแทรกคำ พระฉันสมอ พระมีชื่ออื่นๆ ด้วย พระราชทานคืนให้เจ้าเมืองหัวเมืองลาวที่เดิมหรือเมืองอื่นที่นับถือรับไปไว้ทำบุญบูชา หรือถ้าทรงพระราชดำริเห็นว่าได้เชิญมาแล้วจะคืนไปเป็นที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ก็ขอพระราชทานพระบาง พระราชทานไปเมืองหลวงพระบาง ให้ได้ประดิษฐานอยู่ตามชื่อเมืองเดิม ก็จะเป็นพระเกียรติยศมาก ด้วยทำให้เมืองนั้นซึ่งเป็นข้าของขันธเสมาคงชื่อเดิม และพระพุทธรูปอื่นขอรับพระราชทานให้ไปอยู่เมืองสระบุรี หรือพระพุทธบาท เขาปถวีเป็นที่ใกล้บ้านลาวมาก พระพุทธบาทและวัดเขาปถวีและเขาแก้วก็เป็นพระอารามหลวง เมื่อพระพุทธรูปของหลวงไปประดิษฐานอยู่ที่นั้น ก็จะไม่เป็นที่เสื่อมเสียพระเกียรติยศเลย ราษฎรลาวเมืองนั้นมากกว่าไทย ก็จะได้มีความยินดี ถึงราษฎรลาวชาวกรุงเทพมหานครที่นับถือพระพุทธรูปมีชื่อเหล่านั้น ก็ย่อมไปนมัสการพระพุทธบาทและพระพุทธฉาย เขาปถวี และเยี่ยมเยือนญาติพี่น้อง ณเมืองสระบุรีอยู่เนืองๆ มิได้ขาด คงได้ไปนมัสการบูชาตามปรารถนาไม่ห่างไกลไป
อนึ่งได้ความทราบเกล้าทราบกระหม่อมว่า พระไส พระเสิม แต่เดิมเคยอยู่แห่งเดียวกัน และได้ยินว่า บัดนี้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ทรงพระราชศรัทธาสร้างพระอารามหลวงลงที่ตำบลบ้านสีทาแห่ง ๑ เสด็จไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลอยู่ที่นั้นปี ๑ ๒ ครั้ง ๓ ครั้งมิได้ขาด ถ้าแม้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระไสแก่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งขอให้เชิญไปกับพระเสิม ซึ่งอยู่ในพระบวรราชวังนั้น ไปประดิษฐานไว้ในพระอารามหลวง ในพระราชวังณตำบลบ้านสีทานั้นได้แล้ว การจะเป็นงามดีสมควรยิ่งนักหนา พระพุทธรูปมีชื่อเหล่านี้ ถ้าอยู่ในกำแพงพระนคร ก็จะเป็นที่คนต่างๆ ซุบซิบกันบ่นไปเนืองๆ ในคราวที่เหตุบังเกิดมี เพราะฝนในกรุงเทพมหานครน้อยมาหลายปีแล้ว ถึงต้นเข้าได้รอดงามดีก็เพราะน้ำเหนือไหลลงมาช่วย และที่เชิญพระมีชื่อพวกนี้มาไว้ในกำแพงพระนครก็เป็นการขัดกับพระราชดำริแผ่นดินก่อนดังว่ามาแล้ว ราษฎรเป็นอันมากจึงเก็บเอาความนั้นบ่นวิตกได้ ขอพระบารมีโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ได้ทรงชี้แจงให้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริ ตามความคิดข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง ซึ่งคิดจะให้การเป็นไปต้องใจราษฎรเป็นอันมากนี้ด้วย
ควรมิควรสุดแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรด