๒๓๗. กระแสพระราชดำริถึงผู้สืบราชสมบัติ

รุ่งขึ้นณวันพุธ เดือน ๑๑ ขึ้น ๗ ค่ำ[๑] พระราชทานพระราชหัตถ์เชิญออกมายังพระที่นั่งอนันตสมาคม ให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวง กรมขุนและท่านเสนาบดี อ่านความในพระราชหัตถ์มีว่า พระราชดำริทรงเห็นว่า ซึ่งจะสืบพระราชสุริยวงศ์ต่อไปภายหน้านั้น พระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าลูกยาเธอ พระเจ้าหลานเธอก็ให้ไปปรึกษากันจงพร้อม แล้วแต่จะเห็นท่านผู้ใดมีปรีชาควรรักษาแผ่นดินได้ก็ให้ยกขึ้น

ครั้นณวันอาทิตย์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เวลาย่ำรุ่งแล้ว มีพระบรมราชโองการ ให้หาพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภเข้าไปเฝ้า จึงรับสั่งว่า ทรงพระประชวรครั้งนี้เห็นจะเหลือมือหมอหลวงแล้ว ถ้าเพลี่ยงพล้ำลง ท่านผู้มีความสวามิภักดิและข้าหลวงเดิมก็จะเสียใจว่าพยาบาลไม่เต็มมือ จึงพระราชทานพระบรมราชวโรกาศว่าผู้ใดมีหมอยาก็ให้ถวายเถิด ขณะนั้นพระราไชยศวรรยา เจ้ากรมพระคลังในซ้ายซึ่งเป็นข้าหลวงเดิม รับฉลองพระเดชพระคุณ ประกอบพระโอสถไพลกับเกลือเจือด้วยเวทมนต์ถวาย ครั้นทรงเสวยแล้วพระอาการที่แน่นพระอุระก็ถอยลง จึงมีพระบรมราชโองการรับสั่งให้หาเจ้าต่างกรมและขุนนางผู้ใหญ่มาพร้อมกัน ที่พระที่นั่งอนันตสมาคม จึงโปรดให้พนักงานนำสิ่งของซึ่งเป็นส่วนของพระวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดีถวายไว้ เมื่อเฉลิมพระชนมพรรษาใหญ่ ส่วนของใครก็ให้ประทานคืนไปทุกคน เว้นไว้แต่พระเจ้าน้องยาเธอ สมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา กรมขุนบำราบปรปักษ์ ได้พระราชทานตลับทองคำลงยาใส่ทองคำบางสะพานหนัก ๕ ตำลึง ลงยันต์ด้วยพระดินสอเพ็ชร นาฬิกาใหญ่ซุ้ม ๑ มีเข็มดูวันเดือนปีทุ่มโมง กับพระประทุมทำด้วยศิลาองค์ ๑ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ ได้พระราชทานนาฬิกาใหญ่ มีแก้วเลี่ยมครอบ มีเข็มดูวันเดือนปีทุ่มโมงพร้อม มีปรอทดูร้อนดูหนาว พณฯหัวเจ้าท่าน เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ได้พระราชทานหีบงากรอบทองคำ มีเครื่องสำหรับเขียนหนังสือพร้อมทุกสิ่ง ทำด้วยทองคำประดับเพ็ชร์ ทับทิม มรกต คิดดูราคามากกว่า ๑๐๐ ชั่ง แล้วพระราชทานเงินอีก ๑,๐๐๐ ชั่ง

ครั้นณวันอังคาร เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๒ ค่ำ[๒] เวลาย่ำรุ่งแล้ว พระราชทานพระธำมรงค์เพ็ชร์ใหญ่ราคา ๑๐๐ ชั่ง บูชาในพระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย องค์ ๑ แล้วรับสั่งให้หาพระยาสุรวงศวัยวัฒน์ พระยาบุรุษยรัตนราชพัลลภเข้าไปเฝ้า จึงรับสั่งถามถึงพระอาการสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนพินิตประชานารถ ซึ่งทรงพระประชวรอยู่ณพระตำหนักสวนกุหลาบ พระยาสุรวงศวัยวัฒน์กราบทูลว่า พระอาการพระเจ้าลูกยาเธอคลายขึ้นแล้ว จึงรับสั่งว่า พระยาสุรวงศวัยวัฒน์ก็มีความชอบอยู่ในแผ่นดินเป็นอันมาก ยังไม่ได้เลื่อนยศศักดิ์และพระราชทานสิ่งของให้สมควรกับความชอบเลย จึงพระราชทานกระบี่ฝักทองศีร์ษะนาคประดับพลอย เหมือนอย่างเจ้าต่างกรม ให้พระยาสุรวงศวัยวัฒน์เล่ม ๑ แล้วขอฝากพระเจ้าลูกยาเธอ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมขุนพินิตประชานารถด้วย

ครั้นรุ่งขึ้นณวันอังคาร เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๓ ค่ำ[๓] เวลาเช้า ๔ โมงเศษ โปรดให้เจ้าพนักงานนำเอาทองลิ่มและเงินตราออกมาพระราชทานให้หมอนวดหมอยา และจ่าหุ้มแพรมหาดเล็ก ที่ได้เข้าไปพยาบาลพระโรคนั้น พระองค์รักษา หลวงราโชวาท หมอนวด นายจ่าเรศมหาดเล็ก ได้ทองคำคนละลิ่ม ๆ ๑ หนัก ๖ ตำลึง พระประเสริฐศาสตร์ดำรง หลวงทิพจักษุ ขุนราชวรโอสถ หมอยา ได้เงินตราคนละ๑ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ยังผู้อื่นอีกก็ได้ตามเหนื่อยมากและน้อย

วันพุธ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๔ ค่ำ[๔] รับสั่งให้หาพณฯหัวเจ้าท่านที่สมุหพระกลาโหมเข้าไปเฝ้า รับสั่งถามด้วยราชการและการอื่นๆ อีกเป็นหลายข้อ พณฯ หัวเจ้าท่านที่สมุหพระกลาโหม กราบทูลโดยการที่จัดไว้เสร็จแล้วทุกประการ จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าโสมาวดี พณฯ หัวเจ้าท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์นำพระธำมรงค์กับประคำ เครื่องแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ประคำสายนี้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าจะพระราชทานกรมหมื่นอุดมรัตนราศี บังเอิญให้เจ้าพนักงานหยิบผิดไปหาใช่องค์นี้ไม่ ไปพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนพินิตประชานารถ ณพระตำหนักสวนกุหลาบ แล้วพระราชทานบัญชีเงินบัญชีของให้พณฯ หัวเจ้าท่าน เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ที่สมุหพระกลาโหม แจกพระเจ้าลูกยาเธอองค์ละ ๓๐ ชั่ง คือ พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร ๑ พระองค์เจ้าคัคณางคยุคล ๑ พระองค์เจ้าศุขสวัสดิ์ ๑ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ ๑ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ ๑ พระองค์เจ้าเกษมสันตโสภาคย์ ๑ พระองค์เจ้ากัมลาศน์เลอสรรค์ ๑ รวมเป็นเงิน ๒๑๐ ชั่ง แล้วรับสั่งให้พณฯ หัวเจ้าท่าน เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ที่สมุหพระกลาโหม บอกข้าทูลละอองผู้ใหญ่ผู้น้อยว่าพระอาการที่ทรงพระประชวรครั้งนี้มากอยู่ เห็นจะไม่ได้อยู่ช่วยท่านทั้งปวงรักษาแผ่นดินต่อไปแล้ว ซึ่งได้ผิดพลั้งเหลือเกินต่อกันฉันใดอย่าได้มีเวรเลย

ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมง รับสั่งให้หาพระยาศรีสุนทรโวหาร[๕] เข้าไปเฝ้า จึงรับสั่งให้พระศรีสุนทรโวหารจดคาถาเป็นคำมคธพระราชนิพนธ์ แล้วรับสั่งถามพระศรีสุนทรว่า รับสั่งดั่งนี้ผิดเพี้ยนอย่างไรบ้าง พระศรีสุนทรโวหารกราบทูลว่า ที่ทรงตรัสดังนี้ไม่ผิดเพี้ยนแต่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเหมือนหนึ่งปกติไม่ประชวร จึงรับสั่งว่า พระอาการมากถึงเพียงนี้แล้ว ก็ยังไม่ฟั่นเฟือนสติทรงพระคาถาได้จนจบ ให้พระศรีสุนทรออกไปคัดลอก แล้วให้มหาดเล็กเชิญธูปเทียนเท่าพระชันษา และพระคาถาไปลาพระสงฆ์ราชาคณะ ทุกพระอารามหลวง คำแปลพระคาถาว่าดังนี้



[๑] วันที่ ๒๓ กันยายน ฯ

[๒] จันทร์ที่ ๒๘ กันยายน ฯ

[๓] วันที่ ๒๙ กันยายน ฯ

[๔] วันที่ ๓๐ กันยายน ฯ

[๕] ฟัก เปรียญ ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ