๕๑. ทูตฝรั่งเศสไปเมืองเขมรและเมืองญวน

ครั้นณวันศุกรเดือน ๑๐ แรม ๕ ค่ำ[๑] มองติคนีเข้าเฝ้ากราบถวายบังคมลากลับไป ความในข้อสัญญาและการที่รับรองทูตนั้นแจ้งอยู่ในจดหมายเหตุนั้นแล้ว มองซิเออร์มองติคนีราชทูตฝรั่งเศสว่าจะไปทำหนังสือสัญญาที่เมืองเขมรเมืองญวนนั้น ไม่มีล่ามเขมรล่ามญวน ขอล่ามญวนล่ามเขมรที่กรุงออกไป จึงโปรดฯ ให้พวกญวนเข้ารีต ๒ คน เขมรล่าม ๒ คน ไปด้วยมองซิเออมองติคนีไปแวะที่เมืองจันทบุรี ขึ้นไปหาพระยาวิชยาธิบดี ผู้ว่าราชการเมืองวันหนึ่งแล้วก็กลับใช้จักรไปถึงเมืองกำปอด เมื่อณเดือน ๑๑ ขึ้น ๖ ค่ำ[๒] มองซิเออร์มองติคนีได้ส่งหนังสือโครงข้อสัญญา และหนังสือมองติคนีให้ออกญาเสนาอันชิตส่งขึ้นไปเมืองอุดงมีไชย องค์พระหริรักษ์ทราบแล้ว มีหนังสือให้ฟ้าทะละหะ พระยาจักรี พระยากลาโหม กับขุนนางอีก ๑๕ คน ลงมาต้อนรับรองยินดีมองติคนีที่เมืองกำปอด

ความในหนังสือนั้นว่าเมืองเขมรเป็นเมืองน้อย อยู่ในบำรุงกรุงสยาม จะอาจทำสัญญาไปแต่ลำพังไม่ได้ หนังสือสัญญานั้นจะขอเอาไว้ส่งเข้าไปปรึกษาที่กรุงเทพมหานครก่อน แล้วองค์พระหริรักษ์จะได้มีหนังสือถวายไปถึงสมเด็จพระเจ้าเอมเปรอภายหลัง จะทำเดี๋ยวนี้ไม่ทัน ฝากของไปถวายสมเด็จพระเจ้าเอมเปรอบ้างเล็กน้อย

มองติคนีอยู่ได้ ๘ วันรับสิ่งของถวาย แล้วไล่ล่ามญวนล่ามเขมรขึ้นเสียที่เมืองกำปอด รับบาดหลวงเกลามิสซึ่งอยู่ที่เมืองเขมรลงเรือไปด้วย แล้วก็ใช้จักรลงไปอ่าวตุรน คลื่นลมว่าวจัดนักลงไปมิได้ ก็ข้ามไปเมืองสิงคโปร์ตัดขวางลมลงไปเกาะมนิลา จึงไปถึงอ่าวตุรน เมื่อณวันศุกรเดือน ๓ แรม ๓ ค่ำ[๓] นายเรือกัสตินัศที่ล่วงหน้าลงมาก่อนแจ้งแก่มองติคนีว่า ต้องเดินทางอ้อมเหมือนกัน ต่อณวันอังคารเดือน ๑๐ แรม ๒ ค่ำจึงไปถึงปากน้ำเมืองเว้ ได้ให้ขุนนางถือหนังสือไปส่งที่ด่านญวน นายด่านไม่รับ เอาหนังสือวางไว้ที่ด่านแล้วกลับลงมาเรือ รุ่งขึ้นนายด่านให้ขุนนางญวนเอาหนังสือลงมาคืนที่กำปั่นรบ กำมะดันสั่งให้จับขุนนางญวนไว้ แล้วเรือพวกญวนก็หนีกลับเข้ามาในปากน้ำ แล้วกำมะดันสั่งให้จับขุนนางญวน กับหนังสือลงเรือโบตขึ้นไปส่งที่ฝั่ง นายเรือโบตเห็นญวนจัดแจงการสู้รบก็กลับมาเรือกัสตินัศ กำมดันจะสู้รบก็ไม่ได้ ด้วยปากน้ำตื้นเข้าไม่ถึงก็ใช้จักรมาอ่าวตุรน ก็ไม่มีญวนลงมาไต่ถามว่ากระไร

อยู่ได้ ๒ วันมีขุนนางญวนเอาหนังสือมองติคนี ที่ส่งไปไว้ปากน้ำเมืองเว้นั้นกลับมาคืนอีก ว่าไม่มีผู้ใดแปล กัปตันนายกำปั่นเห็นว่าญวนดูถูกไม่รับหนังสือจริง แล้วเห็นญวนเรียกทหารขึ้นป้อมจะรบ จึงได้คิดหักกำลังญวนลงเสียก่อน จึงสั่งให้ทหารยิงปืนขึ้นไปที่ป้อมญวนก็แตกหนีไป จึงให้ทหารไปอุดชะนวนปืนใหญ่เผารางเสีย ๖๐ บอก แล้วเอาน้ำล้างดินปืนในตึกดินเสีย ๕ หลัง ญวนยกทัพมาจะแย่งเอาป้อม พวกทหารในกำปั่นก็ยิงเอาหนีไปอีก พอกำปั่นรบชื่อกาปริสิเออเซอไปถึงเข้าอีกลำ ๑ กำมโดดก็มีหนังสือขึ้นไปถึงเจ้าเมืองกวางหนำ เจ้าเมืองกวางหนำมีหนังสือมาว่าได้ส่งต้นหนังสือไปถวายเจ้าเวียดนามแล้ว เจ้าเวียดนามให้ตอบมาว่า มีน้ำใจจะทำไมตรีกับฝรั่งเศส ครั้นมองติคนีไปถึงแล้วมีขุนนางญวนมาบอกว่า เจ้าเวียดนามจะให้ขุนนางผู้ใหญ่ลงมาทำหนังสือสัญญาด้วย

อยู่ได้ ๓ วันมีเจ้าองค์ ๑ ขุนนางผู้ใหญ่ ๔ คน ลงมาที่เมืองกวางหนำ ญวนเชิญมองติคนีขึ้นไปปรึกษาด้วยการจะทำสัญญาที่เมืองกวางหนำ ขุนนางญวนจึงว่า เมืองญวนไม่เคยทำหนังสือสัญญาแก่ผู้ใด สินค้าสิ่งไรก็ไม่มี ที่คลองน้ำใหญ่ๆ เรือลูกค้าเข้าไปได้ก็ไม่มี ถึงทำหนังสือสัญญาก็ไม่เป็นประโยชน์สิ่งไร มองซิเออมองติคนีตอบว่ามิใช่จะทำหนังสือสัญญาการค้าขายแต่สิ่งเดียว การบ้านเมืองก็มีอีกหลายข้อ คือญวนจับเอาพระสังฆราชบาดหลวงฝรั่งเศสไม่มีผิดสิ่งไร ก็เอาไปฆ่าเสียหลายคนแลคนที่เข้ารีดก็ต้องซ่อนตัว ถ้ารู้ว่าเข้ารีดแล้วก็ต้องตาย ขุนนางญวนจึงว่าจะขอทำสัญญาแต่เป็นไมตรีกันทั้ง ๒ ฝ่าย ไม่เบียดเบียนซึ่งกันแลกัน มองติคนีไม่ยอม ขุนนางญวนจัดโต๊ะมาเลี้ยงมองติคนีก็ไม่กิน แล้วมองซิเออมองติคนีก็ลาลงมาเรือ แล้วมองซิเออมองติคนีก็ใช้จักรไปทั้ง ๓ ลำ จะไปเมืองจีนก็ไม่ได้ ต้องไปเมืองสิงคโปร์ก่อน แลที่อ่าวตุรนนั้นกว้างใหญ่มีช่องเข้าออกแต่จำเพาะ ในอ่าวตุรนนั้นมีปากน้ำเล็กๆ เข้าไปเมืองกวางหนำ ๆ นั้นเดินไปเมืองเว้ใกล้ทางเดินเร็วเพียง ๓ วัน ญวนทำป้อมไว้ที่ปากช่องเข้าไป ๒ ป้อม ในอ่าวนั้นเป็นที่ไว้กำปั่นเรือรบต่างๆ ของญวนเป็นที่บังคลื่นบังลม หนทางนั้นต้องเดินด้วยเท้า จะไปด้วยช้างม้าไม่ได้ คนถือหนังสือเจ้าเวียดนาม ตั้งโรงไว้เป็นระยะวิ่งส่งถึงกันจนตลอดเมืองเว้ ถ้ามีราชการสิ่งไรก็ได้ทราบโดยเร็ว ที่เมืองไซ่ง่อนก็ทำเหมือนกัน ที่ไปม้าได้ก็ให้ควบม้าวิ่งส่งถึงกัน



[๑] วันที่ ๑๙ กันยายน ฯ

[๒] อาทิตย์ที่ ๕ ตุลาคม ฯ

[๓] อาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ