- คำนำ
- ๑. อัญเชิญสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้ามงกุฎฯ เสด็จจากวัดบวรนิเวศ
- ๒. กราบทูลอัญเชิญสมเด็จฯ เจ้าฟ้ามงกุฎฯ ขึ้นเสวยราชย์
- ๓. ทรงแก้ไขธรรมเนียมข้าราชการเข้าเฝ้าให้สรวมเสื้อ
- ๔. พระราชพิธีบรมราชาภิเศก
- ๕. ข้าราชการฝ่ายในถวายตัว
- ๖. เสด็จเลียบพระนครทางสถลมารค
- ๗. เสด็จเลียบพระนครทางชลมารค
- ๘. พระราชพิธีบวรราชาภิเศก
- ๙. พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเลียบพระนคร
- ๑๐. ราชทูตไทยไปเมืองจีน
- ๑๑. ตั้งพระราชาคณะ
- ๑๒. ตั้งกรมเจ้านาย
- ๑๓. เจ้าประเทศราชเข้ามาเฝ้า
- ๑๔. ตำนานเมืองน่าน
- ๑๕. ตำนานเมืองแพร่
- ๑๖. ทรงแก้สร้อยพระนาม องค์สมเด็จหริรักษรามา เจ้ากรุงกัมพูชา
- ๑๗. ทรงแต่งตั้งขุนนาง
- ๑๘. ขุดคลองคูพระนครชั้นนอก
- ๑๙. การเทศนากระจาดใหญ่
- ๒๐. ถวายพระนามพระเจ้าแผ่นดิน พระบรมราชชนนี และกรมพระราชวังบวรที่สวรรคตแล้ว
- ๒๑. งานพระบรมศพ
- ๒๒. ราชทูตไทยไปเมืองจีน
- ๒๓. ขุดคลองผดุงกรุงเกษมและสร้างป้อม
- ๒๔. สมเด็จพระนางโสมนัสวัฒนาวดีสิ้นพระชนม์
- ๒๕. เริ่มการศึกเชียงตุง
- ๒๖. บรรจุดวงพระชาตาพระนคร
- ๒๗. สมณทูตไทยไปลังกาทวีป
- ๒๘. งานพระศพสมเด็จพระนางโสมนัสวัฒนาวดี
- ๒๙. สมณทูตกลับจากลังกาทวีป
- ๓๐. ได้พระวิมลรัตนกริณี ช้างพังเผือกตรี
- ๓๑. สมเด็จพระนางรำเพยภมราภิรมย์ประสูติเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์
- ๓๒. การทัพศึกเมืองเชียงตุง
- ๓๓. เรื่องเรือกะทงลอยพระประทีป
- ๓๔. สร้างพระเจดีย์และถวายพระนามพระประธานในวัดพระเชตุพน
- ๓๕. กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสและกรมหลวงพิเศษศรีสวัสดิ์สิ้นพระชนม์
- ๓๖. สร้างสระปทุมวันและวัดปทุมวนาราม
- ๓๗. การทัพศึกเมืองเชียงตุง (ต่อ)
- ๓๘. เตรียมการต้อนรับเซอร์ยอนโบวริง
- ๓๙. การฉลองคลองคูพระนครชั้นนอก (คลองผดุงกรุงเกษม)
- ๔๐. สร้างพระอภิเนาวนิเวศน์
- ๔๑. ได้พระวิสุทธรัตนกริณี ช้างพังเผือกโท
- ๔๒. เซอร์ยอนโบวริงเข้ามาทำหนังสือสัญญา
- ๔๓. สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ถึงแก่พิราลัย
- ๔๔. มิสเตอร์ฮาริปักเข้ามาแก้หนังสือสัญญา
- ๔๕. ทูตอเมริกันเข้ามาทำหนังสือสัญญา
- ๔๖. การถวายสลากภัตรในวัดพระเชตุพน
- ๔๗. ทูตฝรั่งเศสเข้ามาทำสัญญา ๓๒ ข้อ
- ๔๘. พม่าถือหนังสือเสนาบดีผู้ใหญ่เมืองพม่าเข้ามาถวายพระสังฆราช
- ๔๙. หนังสือเดินทางของพม่า
- ๕๐. ลิขิตสมณศาสน์ตอบหนังสือเสนาบดีพม่า
- ๕๑. ทูตฝรั่งเศสไปเมืองเขมรและเมืองญวน
- ๕๒. หนังสือองค์พระหริรักษ์ถึงพระเจ้านโปเลียนที่ ๓
- ๕๓. ราชทูตไทยไปประเทศอังกฤษ
- ๕๔. สร้างสวนอนันตอุทยาน
- ๕๕. ขุดคลองมหาสวัสดิ์
- ๕๖. เสด็จประพาสหัวเมืองตะวันออก
- ๕๗. พระราชทานที่ให้ชาวต่างประเทศตั้งห้างและขุดคลองถนนตรง
- ๕๘. พระราชทานทรัพย์สร้างศาลาที่เมืองร่างกุ้ง
- ๕๙. หนังสือองญวนข้าหลวงเมืองไซ่ง่อนถึงเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ สมุหพระกลาโหม
- ๖๐. หนังสือตอบองญวนข้าหลวงผู้สำเร็จราชการเมืองไซ่ง่อน
- ๖๑. หนังสือองญวนข้าหลวงผู้สำเร็จราชการเมืองไซ่ง่อน ตอบเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์
- ๖๒. ทูตเดนมาร์กเข้ามาทำหนังสือสัญญา
- ๖๓. ราชทูตไทยกลับจากลอนดอน
- ๖๔. ทูตเดนมาร์กกลับ
- ๖๕. โปรดฯ ตั้งองค์พระนโรดมและองค์หริราชดะไนไปช่วยราชการเมืองเขมร
- ๖๖. ฝรั่งเศสรบกับญวน
- ๖๗. ดาวหางขึ้น
- ๖๘. พระราชทานเพลิงศพสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ และสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย
- ๖๙. ทูตโปรตุเกศเข้ามาทำหนังสือสัญญา
- ๗๐. งานเฉลิมพระมหามนเทียรพระที่นั่งอนันตสมาคม
- ๗๑. สร้างประตูกำแพงพระบรมมหาราชวังชั้นนอก
- ๗๒. เรื่องรักใคร่ระหว่างขุนสุวรรณกับเจ้าจอมช้อย
- ๗๓. พระราชทานเงินคนชราพิการ
- ๗๔. เสด็จประพาสหัวเมืองฝ่ายทะเลตะวันตก
- ๗๕. กรมสมเด็จพระเดชาดิศรสิ้นพระชนม์
- ๗๖. เสด็จประพาสตลาดสำมุข
- ๗๗. โปรดฯ ให้รื้อปราสาทผไทตาพรหม
- ๗๘. ฝรั่งเศสรบกับญวน (ต่อ)
- ๗๙. งานพระศพกรมสมเด็จพระเดชาดิศร
- ๘๐. เกิดความไข้ที่กรุงเทพฯ
- ๘๑. ได้พระมหาศรีเศวตวิมลวรรณ ช้างพลายเผือกโท
- ๘๒. โปรดเกล้าฯ ให้งดการรื้อปราสาทผไทตาพรหม
- ๘๓. พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาศหัวเมืองปักษ์ใต้
- ๘๔. ทูตฮอลันดาเข้ามาทำหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรี
- ๘๕. คนสนิทของสุลต่านมะหมุดเข้ามาขอกำลังรบเมืองปาหัง
- ๘๖. องค์พระหริรักษ์ เจ้ากรุงกัมพูชา สุรคต
- ๘๗. สมโภชพระสมุทรเจดีย์
- ๘๘. ราชทูตไทยไปประเทศฝรั่งเศ
- ๘๙. ใบบอกพระยาสระบุรีเรื่องคล้องได้ช้างพังเผือกโท
- ๙๐. เสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี
- ๙๑. ราชทูตกราบถวายบังคมลา
- ๙๒. สมโภชพระพุทธบุษยรัตน์ จักรพรรดิพิมลมณีมัย
- ๙๓. กรมหลวงสรรพศิลป์ปรีชาและกรมหลวงมหิศวรินทรามเรศรสิ้นพระชนม์
- ๙๔. สุลต่านมะหมุดเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร
- ๙๕. สมเด็จพระนางรำเพยภมราภิรมย์สิ้นพระชนม์
- ๙๖. เรื่องเมืองเขมร
- ๙๗. ทูตปรุศเซียเข้ามาทำหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรี
- ๙๘. ราชทูตไทยกลับจากประเทศฝรั่งเศ
- ๙๙. เรื่องเมืองเขมร (ต่อ)
- ๑๐๐. งานพระศพ กรมหลวงมหิศวรินทร์ เจ้าฟ้าอิศราพงศ์ และพระองค์เจ้านิลวรรณ
- ๑๐๑. ส่งองค์พระนโรดมไปครองเมืองเขมร
- ๑๐๒. ทูตปรุศเซียกราบถวายบังคมลา
- ๑๐๓. ทำเงินตราใช้แทนเบี้ยและหอย
- ๑๐๔. ตัดถนน ๓ สายและขุดคลอง
- ๑๐๕. สร้างสะพานข้ามคลอง
- ๑๐๖. งานพระศพกรมหมื่นเชษฐาธิเบนทร์และพระองค์เจ้าสว่าง
- ๑๐๗. โสกันต์พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้ายิ่งเยาวลักษณ์
- ๑๐๘. พระราชพิธีรับพระสุพรรณบัฏ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์
- ๑๐๙. เจ้าเมืองเบตาเวียเข้ามาเปลี่ยนหนังสือสัญญาฮอลันดา
- ๑๑๐. งานพระศพสมเด็จพระนางรำเพยภมราภิรมย์
- ๑๑๑. ราชศาสน์เจ้ากรุงจีน
- ๑๑๒. พระราชศาสน์ถึงเจ้ากรุงจีน
- ๑๑๓. ญวนทำสัญญาใช้เบี้ยปรับให้ฝรั่งเศส
- ๑๑๔. เรื่องสุลต่านมะหมุด
- ๑๑๕. สร้างถนนเจริญกรุงตอนใน
- ๑๑๖. กรมหมื่นวิศณุนารถนิภาธรสิ้นพระชนม์
- ๑๑๗. พระราชพิธีรับพระสุพรรณบัฏ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล
- ๑๑๘. โสกันต์พระเจ้าลูกเธอ ๓ พระองค์
- ๑๑๙. การรับและสมโภชพระเศวตสุวรรณาภาพรรณ ช้างพังสีประหลาด
- ๑๒๐. กรมพระพิทักษเทเวศรสิ้นพระชนม์
- ๑๒๑. งานโสกันต์
- ๑๒๒. พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสถวายเครื่องราชอิศริยยศ
- ๑๒๓. งานพระศพพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นวิศณุนารถนิภาธร
- ๑๒๔. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑลฯ สิ้นพระชนม์
- ๑๒๕. งานพระศพกรมพระพิทักษเทเวศร และพระองค์เจ้าใย
- ๑๒๖. เตรียมการสมโภชพระบรมอัฏฐิ
- ๑๒๗. เรื่องราชศาสน์เจ้ากรุงจีน
- ๑๒๘. เสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ (ลองเรืออรรคราชวรเดช)
- ๑๒๙. องค์พระนโรดมบอกเรื่องทำหนังสือสัญญาระหว่างเขมรกับฝรั่งเศส
- ๑๓๐. สุลต่านมะหมุดหนีกลับ
- ๑๓๑. สร้างถนนบำรุงเมือง
- ๑๓๒. สร้างถนนเฟื่องนคร
- ๑๓๓. ฝรั่งเศสถวายรูปราชสีห์
- ๑๓๔. สมเด็จเจ้าฟ้ามหามาลา เสด็จไปเที่ยวค้นดูช้างในแขวงเมืองนครนายก
- ๑๓๕. พระราชทานสุพรรณบัฏเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์
- ๑๓๖. ญวนแต่งทูตไปกรุงปารีส
- ๑๓๗. สร้างพระบรมบรรพต
- ๑๓๘. สมโภชพระบรมอัฏฐิและพระอัฏฐิ
- ๑๓๙. งานพระศพสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล
- ๑๔๐. งานพระศพพระองค์เจ้าขนิษฐน้อยนารี
- ๑๔๑. พระราชทานเพลิงศพเจ้าพระยานิกรบดินทร์
- ๑๔๒. ตั้งผู้แทนทำหนังสือสัญญาเขตต์แดนอังกฤษกับไทย
- ๑๔๓. ราชาภิเศกองค์พระนโรดมขึ้นเป็นเจ้าแผ่นดินกรุงกัมพูชา
- ๑๔๔. งานฉลองสพานและถนน
- ๑๔๕. คล้องได้ช้างเผือกเอก
- ๑๔๖. เปรสิเดนต์ส่งกระบี่เครื่องทองคำเข้ามาทูลเกล้าฯ ถวาย
- ๑๔๗. สุลต่านมะหมุดถึงแก่กรรม
- ๑๔๘. ช้างเผือกและช้างสำคัญในรัชชกาลที่ ๔
- ๑๔๙. น้ำไหลมาแต่เหนือมีสีแดง
- ๑๕๐. เฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๖๐
- ๑๕๑. การแบ่งเขตต์แดนประเทศสยามกับพม่าของอังกฤษ
- ๑๕๒. การฉลองศาลาที่เมืองร่างกุ้ง
- ๑๕๓. เรื่องค่านาคู่โค
- ๑๕๔. โสกันต์พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าพักตร์พิมลพรรณ และพระองค์เจ้ามัณยาภาธร
- ๑๕๕. เสด็จประพาสเมืองราชบุรีและกาญจนบุรี
- ๑๕๖. ตั้งผู้ปรึกษาทำหนังสือสัญญาเขตต์แดนเมืองเขมร
- ๑๕๗. โปรดฯ ให้ชำระเจ้าพนักงานฉ้อพระราชทรัพย์
- ๑๕๘. นายพลเรือโท ยอช กิง เข้ามากรุงเทพฯ
- ๑๕๙. พระยามนตรีสุริยวงศ์ออกไปเมืองนครฯ
- ๑๖๐. ทรงเปลี่ยนนามเจ้าพระยาทิพากรวงศ์
- ๑๖๑. โสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์
- ๑๖๒. พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต
- ๑๖๓. โสกันต์พระเจ้าลูกเธอและพระเจ้าหลานเธอ ๓ พระองค์
- ๑๖๔. การปักเขตต์แดนสยามกับพม่าของอังกฤษ
- ๑๖๕. สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ทรงพระผนวชสามเณร
- ๑๖๖. เรื่องหนังสือสัญญาการเมืองเขมร
- ๑๖๗. พระราชทานเพลิงศพพระยามนตรีสุริยวงศ์และพระยาอภัยสงคราม
- ๑๖๘. สมเด็จเจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ถวายเทศนามหาชาติ
- ๑๖๙. เสด็จพระราชดำเนินไปสมโภชพระพุทธชินราชที่เมืองพิศณุโลก
- ๑๗๐. เรื่องปันเขตต์แดนทางประเทศพม่า
- ๑๗๒. ทำแผนที่อาณาเขตต์ทางหัวเมืองลำแม่น้ำโขง
- ๑๗๓. งานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
- ๑๗๔. งานพระศพเจ้านาย
- ๑๗๕. ขุดคลองภาษีเจริญ
- ๑๗๖. ทำกะโจมไฟที่หลังสันดอน
- ๑๗๗. สร้างพระราชวังสราญรมย์
- ๑๗๘. มีละครทำขวัญพระบรมมหาราชวัง
- ๑๗๙. โสกันต์พระเจ้าลูกเธอและพระเจ้าหลานเธอ ๕ องค์
- ๑๘๐. โปรดเกล้าฯ ให้จำลองปราสาทที่นครวัด
- ๑๘๑. ฝรั่งเศสได้เมืองญวน ๓ เมือง
- ๑๘๒. พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสถวายพระแสง
- ๑๘๓. กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาสสิ้นพระชนม์
- ๑๘๔. ราชทูตไทยกลับจากประเทศฝรั่งเศ
- ๑๘๕. ทูตฝรั่งเศสเข้ามาประทับตราหนังสือสัญญา
- ๑๘๖. ทูตโปรตุเกศเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรี
- ๑๘๗. โสกันต์พระเจ้าลูกยาเธอ ๓ องค์
- ๑๘๘. ราชทูตโปรตุเกศกราบถวายบังคมลากลับ
- ๑๘๙. เปลี่ยนหนังสือสัญญากับฝรั่งเศส
- ๑๙๐. ฉลองวัดปทุมวนาราม
- ๑๙๑. เรื่องปักเขตต์แดนทางเมืองเขมร
- ๑๙๒. อักษรศาสน์ไว้ส์รอยอินเดีย
- ๑๙๓. งานพระศพกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส
- ๑๙๔. การฉลองวัดหงษ์และโรงธรรมวัดกัลยาณมิตร
- ๑๙๕. ตั้งสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ เป็นกรมขุนพินิตประชานา
- ๑๙๖. อสุนีบาตตกหลายแห่ง
- ๑๙๗. เปิดคลองดำเนินสดวก
- ๑๙๘. ขุดคลองบางลี่และแก้คลองลัดยี่สานเมืองสมุทรสงคราม
- ๑๙๙. ขุดคลองที่ลัดขุนเมืองสมุทรสาคร
- ๒๐๐. ไวซ์รอยอินเดียทำแผนที่เขตต์แดนส่งมาประทับตรา
- ๒๐๑. สถานที่ซึ่งทรงก่อสร้างและเปลี่ยนแปลงในรัชชกาลที่ ๔
- ๒๐๒. การพระราชกุศล
- ๒๐๓. การภาษีอากร
- ๒๐๔. ขุดได้พระพุทธรูปนิรันตราย
- ๒๐๕. สั่งปืนเข้ามาใช้ในราชการ
- ๒๐๖. ต่อเรือพระที่นั่งและเรือกลไฟ
- ๒๐๗. เมืองที่ทรงตั้งในรัชกาลที่ ๔
- ๒๐๘. ทรงแปลงและตั้งนามขุนนาง
- ๒๐๙. ทรงตั้งนามราชทูตและกงสุล
- ๒๑๐. ทรงตั้งและแปลงนามบรรดาศักดิ์ขุนนาง
- ๒๑๑. ทรงตั้งและแปลงนามเจ้าเมืองกรมการ
- ๒๑๒. ทรงตั้งและแปลงนามพระราชาคณะฐานานุกรม
- ๒๑๓. ทรงตั้งและแปลงนามวัดต่างๆ
- ๒๑๔. เสนาบดีเข้าชื่อกันทำเรื่องราวทูลเกล้าฯ ถวาย เรื่องราษฎรกล่าวว่า พระบาง พระพุทธรูปทำให้ฝนแล้ง
- ๒๑๕. พระราชทานพระบางคืนไปเมืองหลวงพระบาง
- ๒๑๖. สร้างและปฏิสังขรณ์พระอารามในกรุง
- ๒๑๗. สร้างและปฏิสังขรณ์พระอารามหัวเมือง
- ๒๑๘. สร้างพระนครคีรี ที่เมืองเพ็ชรบุรี
- ๒๑๙. กระแสพระราชดำริก่อนปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์
- ๒๒๐. ปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์
- ๒๒๑. กล่าวด้วยปาฏิหาริย์พระปฐมเจดีย์
- ๒๒๒. สร้างพระราชวังที่นครปฐม
- ๒๒๓. ขุดคลองเจดีย์บูชา
- ๒๒๔. ทรงปฏิสังขรณ์วัดเฉลิมพระเกียรติ
- ๒๒๕. ปฏิสังขรณ์วัดชุมพลนิกายารามและสร้างตำหนักที่บางปะอิน
- ๒๒๖. ทรงบุรณะปฏิสังขรณ์พระพุทธบาทและวังท้ายพิกุล
- ๒๒๗. ทรงสร้างพระนารายน์ราชนิเวศน์เมืองลพบุรี
- ๒๒๘. กงสุลฝรั่งเศสเข้ามาเปลี่ยนตัว
- ๒๒๙. เสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- ๒๓๐. ลงพระราชอาชญาพวกมหาดเล็กเล่นไพ่
- ๒๓๑. ทำทัณฑกรรมโหรและท้าวสมศักดิ์ท้าวโสภา
- ๒๓๒. สมโภชพระปฏิมากรแก้วมรกต
- ๒๓๓. ทรงพระประชวร
- ๒๓๔. พระราชพิธีถือน้ำพระพิพัฒนสัตยา
- ๒๓๕. ตั้งกองล้อมวง
- ๒๓๖. ประชุมหมอหลวงถวายพระโอสถ
- ๒๓๗. กระแสพระราชดำริถึงผู้สืบราชสมบัติ
- ๒๓๘. แปลคำที่ทรงคาถาขอขมาพระสงฆ์วัดราชประดิษฐ์
- ๒๓๙. ทรงขอขมาพระบรมวงศานุวงศ์และท่านเสนาบดี
- ๒๔๐. พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต
- ๒๔๑. สรงน้ำพระบรมศพ
๒๒๐. ปฏิสังขรณ์พระปฐมเจดีย์
ครั้นมาถึงวันพฤหัสบดี เดือน ๒ขึ้น ๕ ค่ำ[๑] ปีฉลูเบญจศก จุลศักราช ๑๒๑๕[๒] ปี เวลายามเศษ เห็นที่องค์พระปรางค์เป็นดวงกลมออกตามซุ้มคูหาฝ่ายอุดรทิศ ดวงโตเท่าผลส้มเกลี้ยง มีรัศมีสว่างขึ้นไปเบื้องบนถึงยอดนภศูล เบื้องต่ำถึงชั้นทักษิณเดิม แล้วก็หายไป ได้จัดการทำมาได้ปีเศษ สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ให้ซื้อเอาอิฐมีผู้มารื้อขายที่วัดเก่าๆ บ้าง และให้ทำขึ้นบ้าง ก่อฐานขึ้นไปได้ ๘ ศอก
ครั้นมาถึงณวันเดือน ๖ ขึ้น ๑๐ ค่ำปีเถาะ สัปตศก[๓] สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ถึงแก่พิราลัย จึงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เจ้าพระยารวิวงศ์ ซึ่งแปลงชื่อมาเป็นเจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี เป็นแม่กองเจ้าของทำการต่อไป จึงพระราชทานเมืองนครไชยศรีซึ่งขึ้นกรมมหาดไทยมาขึ้นกรมท่าด้วย เจ้าพระยาทิพากรวงศ์จึงได้เกลี้ยกล่อมพวกรามัญมารับจ้างทำอิฐบ้าง ที่เป็นทาสลูกหนี้ผู้มีชื่อ ก็ช่วยมาให้ทำอิฐหลาย ๑๐ ครัว คิดหักค่าตัวให้ ได้จ้างจีนเผาปูนและจีนก่อขึ้นไป จึงให้พระสุธรรมไมตรีเป็นกงสีจ่ายเงินค่าจ้างแรงจีนและค่าจ้างมอญทำอิฐ และดูการเบ็ดเสร็จทั่วไป ให้พระศรีธรรมศาสน์เป็นผู้ช่วยซื้อของส่งนายงานเก่า พระศรีสมบัติก็เลื่อนที่เป็นพระยาศรีสรราช หลวงพิทักษโยธา หลวงนราเรืองเดช เป็นเจ้ากรมไพร่หลวง ราชการมีมากให้กลับเข้ามารับราชการเสียในกรุง จึงตั้งนายงานใหญ่ ขุนหมื่นในกรมท่า หมื่นบำรุงเจดีย์ ๑ หมื่นชำนาญชลธี ๑ ทหารปืน หลวงศักดาเดชเจ้ากรม ขุนยงสงครามปลัดกรม และขุนหมื่นเป็นนายงานรองบ้าง เป็นเสมียนบ้างอีก ๓๐ นาย ได้สร้างพระเจดีย์เล็กๆ ไว้บนยอดเขาคนละองค์ มีชื่อปรากฏอยู่ในฐานพระเจดีย์นั้นแล้ว ได้ช่วยกันคุมคนหัวเมือง เมืองนครไชยศรี เมืองสมุทรสงคราม เมืองสมุทรสาคร เมืองราชบุรี เมืองพนัศนิคม มีจำนวนคนผลัดเปลี่ยนเป็น ๔ ผลัด ได้เดือนละ ๒๐๐ คน ก่อขึ้นไปได้สูง ๑๐ วา
ครั้นณวันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีมะเมียสัมฤทธิศก[๔] พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จโดยทางพยุหยาตราทางชลมารคขึ้นที่วัดไชยพฤกษมาลา ด้วยครั้งนั้นคลองมหาสวัสดิ์ คลองเจดีย์บูชายังขุดไม่แล้ว แล้วเสด็จทางสถลมารคไปประทับแรมที่พลับพลาท่าหอราตรี ๑ ครั้นณวันพุธเดือน ๕ ขึ้น ๑๐ ค่ำ[๕] เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคด้วยเรือกระบวนขึ้นที่ปากคลองเจดีย์บูชา แล้วเสด็จพระราชดำเนินทางสถลมารคประทับพลับพลาค่ายหลวง จึงโปรดให้กระทำเครื่องสักการบูชาต่างๆ เป็นอันมาก ครั้นเวลาบ่าย ๕ โมงเศษ เสด็จขึ้นประทับพลับพลาบนเนินฐานพระปฐมเจดีย์ ฟังพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์แล้วเสด็จพระราชดำเนินประทักษิณรอบ ๑ แล้วทรงจุดดอกไม้เพลิงกระทำสักการบูชา พอจุดฝักแคก็เห็นดวงย้อยออกมาตามซุ้มคูหาข้างบูรพทิศ รัศมีขาวตกลงมาหายไปที่หลังวิหารพระไสยาศน์เก่า ซึ่งอยู่ที่วิหารหลวงเดี๋ยวนี้ บรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ข้าราชการที่เฝ้าอยู่บนนั้นได้เห็นก็เป็นอันมาก คนจำพวกที่อยู่ไกลได้เห็นก็ว่าดวงดาวตกใกล้จนถึงลานพระบ้าง ถึงหลังพระราชวังบ้าง ที่อยู่ใกล้ก็เห็นตกไกลออกไป ที่อยู่ใกล้ก็เห็นตกใกล้เข้ามาเสมอเพียงตัวอยู่ ก็เป็นการอัศจรรย์อย่าง ๑ ครั้นณวันพฤหัสบดี เดือน ๕ ขึ้น ๑๑ ค่ำ มีการสมโภชต่างๆ และมีละครผู้หญิงข้างในและเวียนเทียนด้วย แล้วพระราชทานเงินพระคลังเดิมเป็นส่วนพระราชกุศลอีก ๓๐ ชั่ง พระราชทานแก่คนทำการ แล้วทรงโปรยทานแจกราษฎรที่มาเชยชมพระบารมีอยู่ที่ทางเสด็จพระราชดำเนิน สิ้นพระราชทรัพย์เป็นอันมาก
ฝ่ายพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการมีจิตต์เลื่อมใสศรัทธาบริจาคทรัพย์เข้าในส่วนพระราชกุศลตามศรัทธาแทบทุกคน แล้วโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เรียกว่า พระปฐมเจดีย์ ตามหนังสือเก่าๆ ด้วยทรงเห็นว่าพระเจดีย์นี้มีขึ้นก่อนพระเจดีย์ในประเทศสยาม แล้วทรงอุททิศยกคนบ้านพระปฐมเจดีย์ชายฉกรรจ์ถวายเป็นข้าพระ ๑๒๖ คน ตั้งเจ้ากรมเป็นที่ขุนพุทธเกษตรานุรักษ์ ตั้งปลัดกรมเป็นที่ขุนพุทธจักรรักษา หมื่นฐานาธิบาล สมุหบัญชี ยกค่านาและสมพัตสรที่ใกล้องค์พระเป็นกัลปนาขึ้นวัด ลางปีก็ได้ค่านา ๓ ชั่งบ้าง ๒ ชั่งเศษบ้าง สมพัตสรลางปีก็ได้ชั่ง ๑๐ ตำลึงบ้าง ๒ ชั่งบ้าง ทรงถวายนิตยภัตรด้วย แล้วก็เสด็จพระราชดำเนินกลับพระนคร
ครั้นณวันอาทิตย์เดือน ๖ ขึ้น ๕ ค่ำ[๖] พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินออกไปทอดพระเนตรพระปฐมเจดีย์ ครั้นณวันอังคาร เดือน ๖ ขึ้น ๘ ค่ำ ได้ตั้งการสวดพระพุทธมนต์ ทรงจุดดอกไม้เพลิงกระทำสักการบูชา ครั้นรุ่งขึ้นก็มีการสมโภช แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระแท่นดงรัง แล้วเสด็จกลับพระนคร
ได้ก่อขึ้นไปอีกสูง ๗ วา ๒ ศอก รวมเป็น ๑๗ วา ๒ ศอก
ครั้นมาถึงปีวอกโทศก เดือน ๘ ขึ้น ๑๓ ค่ำ[๗] เวลากลางคืนได้ยินเสียงร้องไห้เซงแซ่ไปที่องค์พระจนชาวบ้านตกใจ ครั้นรุ่งขึ้น ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ ฝนตกหนักทั้งกลางวันกลางคืน อิฐที่ก่อนั้นหนักตัวก็เลื่อนซุดลงมารอบตัว เพราะฐานทักษิณไม่มี ข้างบนหนัก ข้างล่างบางเพียง ๓ ศอก ๔ ศอก ทรงกันไว้ไม่อยู่ต้องรื้อออกเสียทำใหม่ จึงโปรดเกล้าฯให้พระเจ้าบวรวงศ์เธอ กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ ปิยพรหมจรรยวรธรรมยุติ ซึ่งสถิตอยู่วัดบวรนิเวศพระองค์ ๑ กรมขุนราชสีหวิกรมองค์ ๑ คิดตัวอย่างถวายแล้วทรงแนะนำตัวอย่าง แล้วโปรดให้ถมพื้นที่ลุ่มดอนขึ้นมาให้เสมอกันไขส่วนสูง วัดด้วยวาทองธารพระกร ตั้งแต่พื้นดินขึ้นไปเสมอพื้นหน้าพระระเบียงกลม สูง ๔ วา ๒ ศอกบ้าง ๕ วาบ้าง แต่พื้นหน้าพระระเบียงขึ้นไปถึงทักษิณที่ ๑ สูง ๖ ศอกคืบ ๒ นิ้ว ตั้งแต่พื้นทักษิณที่ ๑ ขึ้นไปถึงฐานบัวคว่ำสูง ๘ ศอกคืบ ตั้งแต่ทักษิณที่ ๒ ขึ้นไปถึงปากระฆังสูง ๙ วาคืบนิ้ว องค์ระฆังสูง ๑๔ วา ๔ นิ้ว บัลลังก์สูง ๓ วา ๑ คืบ ๖ นิ้ว ตั้งแต่บัลลังก์ถึงหลังฝาละมีสูง ๕ วาคืบ ๑๑ นิ้ว ปล้องไฉน ๒๗ ปล้อง สูง ๑๕ วา ๒ ศอกคืบ ๕ นิ้ว บัลลังก์บัวแวงสูง ๓ วาคืบ ๖ นิ้ว ฐานทองเหลือง สูงศอกคืบ ๒ นิ้ว ยอดนภศูลขึ้นไปตลอดยอดมงกุฎสูง ๓ วานิ้ว คิดรวมตั้งแต่พื้นดินขึ้นไปตลอดยอดมงกุฎคิดได้เป็น ๓ เส้นคืบ ๖ นิ้ว ก่อฐานใหญ่รอบ ๕ เส้น ๑๖ วา ๓ ศอก ทักษิณที่ ๑ ก่อออกมากว้าง ๕ วา ตั้งแต่ลูกแก้วหลังบัวถลาขึ้นไปก่อกว้าง ๔ วาบ้าง ๔ วาเศษบ้างตลอดถึงทักษิณที่องค์ปรางค์ตั้งอยู่ ก่อกว้าง ๗ วาบ้าง ๗ วา ๒ ศอกบ้าง ลดเข้าไปทุกทีจนกระทั่งที่ตั้งเวที ที่นั้นกว้าง ๓ วา ที่ปล้องฉนัยนั้นกว้าง ๕ ศอก จนตลอดยอดปรางค์ ฐานล่างถ้าจะชักเป็น ๔ เหลี่ยม ด้าน ๑ ยาว ๒ เส้น ๗ วา เท่ากับฐานกะเปาะทำไว้ทั้ง ๔ ด้าน
ครั้นตัวอย่างตกลงแล้ว พระฤกษ์เมื่อณวันพฤหัสบดีเดือน ๑๑ ขึ้น ๔ ค่ำ จุลศักราช ๑๒๒๒ ปีวอกโทศก[๘] จะได้ก่อพระฤกษ์ จึงรับสั่งว่ามีราชการอยู่ที่กรุง เสด็จออกไปไม่ได้ จึงโปรดให้กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธุ์ ปิยพรหมจรรยวรธรรมยุติ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ออกไปก่อพระฤกษ์ องค์พระปฐมเจดีย์นั้นก่อขึ้นแล้วที่ชั้นทักษิณที่ ๑ ปักเสานางเรียงรอบองค์แล้วมีเสาปักขาทรายค้ำเสานางเรียงด้วย ชั้นทักษิณที่ ๒ มีแต่เสาขาทรายไม่มีเสานางเรียง ที่ตรงบัวถลาลงไปมีนางเรียงปักไม้ซุงทั้งต้นปักถึงพื้นอีกรอบ ๑ รัดด้วยไม้ซุงทั้งต้น แล้วเอาสายโซ่ใหญ่รัดที่หน้ากระดานท้องไม้ใต้บัวถลาแห่ง ๑ รัดหลังบัวถลาแห่ง ๑ รัดตั้งแต่ท้องไม้ลูกแก้วถึงบัวคลุมปากระฆังอีก ๕ ชั้น ที่กลางองค์ระฆังมีเสานางเรียงรัดสายโซ่อีก ๓ รอบ ที่คอถลามีเสานางเรียง ตีนเสาเชิงเรียงนั้นใส่ปลอกไม้ซากชั้น ๑ แล้วรัดสายโซ่อีก ๕ รอบ ปลายเสานั้นเอาไม้ซาก ๑๐ นิ้ว ๔ เหลี่ยมสับปากกันเป็นปลอกปลายเสาอีกชั้น ๑ ลูกแก้วปล้องฉนัยฝาละมีรัดสายโซ่มีท้องไม้อีก ๘ รอบ แล้วก่ออิฐถือปูนหุ้ม
การที่ทำในบริเวณองค์พระนั้นได้ก่อวิหารไว้ ๔ ทิศ ประดิษฐานรูปพระปฏิมากรทั้ง ๔ ปาง วิหารใหญ่ข้างทิศบูรพานั้น ห้องนอกไว้พระพุทธรูปมารวิไชยได้ตรัส ห้องในไว้พระแท่นที่นมัสการ มุขหน้าไว้พระพุทธรูปฉลองพระองค์ วิหารทิศทักษิณห้องนอกไว้พระเทศนาธรรมจักรโปรดปัญจวัคคีย์ ห้องหลังไว้พระนาคปรกซึ่งเป็นของเดิม มุขหลังไว้รูปพระยาภาน ทิศประจิมนั้นทำวิหารพระพุทธไสยาศน์ใช้ของเก่าหลัง ๑ พระพุทธไสยาศน์เดิมยาว ๔ วา องค์ใหม่ยาว ๘ วา ๒ ศอก วิหารห้องเบื้องหลังไว้พระนิพพานองค์ ๑ วิหารทิศอุดรนั้นห้องนอกไว้พระประสูติ ห้องเบื้องหลังไว้พระป่าเลไลยซึ่งเป็นของเดิม มุขหลังไว้พระรูปพระยากง แล้วชักระเบียงกลมล้อมรอบถึงกันทั้ง ๔ ด้าน จดจารึกคาถาพระธรรมบทไว้ทุกห้อง รอบนอกนั้นก่อหอระฆังรายรอบไปอีกชั้น ๑ ชั้นล่างก่อกำแพงถมดินกะเปาะขึ้นมาทั้ง ๔ ทิศ บนกะเปาะด้านข้างตะวันออกทำโรงธรรมข้าง ๑ ทำโรงพระอุโบสถตรงพระอุโบสถเก่าขึ้นมาข้าง ๑ ประดิษฐานพระคันธารราฐซึ่งได้มาแต่วัดทุ่งพระเมรุ ด้านใต้บนกะเปาะจำลองรูปพระปฐมเจดีย์เดิมไว้ข้างตะวันออกองค์ ๑ สูง ๙ วา ๑ คืบ ยอดนภศูลศอกคืบ ๒ นิ้ว ต่ำกว่าองค์เดิมอยู่ ๒๖ วาศอก ๒ นิ้ว ข้างตะวันตกนั้นได้จำลองรูปพระเจดีย์เมืองนครศรีธรรมราช ที่เรียกว่าพระบรมธาตุใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ทำขึ้นไว้ เดิมของท่านสูง ๓๗ วา ๒ ศอกตลอดยอดพุ่ม จำลองใหม่สูง ๑๐ วา ๒ ศอก ๑ คืบ ยอดนภศูล ๓ ศอก ๑ นิ้วกึ่ง ต่ำกว่าองค์เดิม ๒๖ วาคืบ ๑ นิ้วกึ่งเพื่อให้สัตบุรุษเห็น จะได้ส่งใจไปนมัสการพระธาตุเมืองนคร กะเปาะด้านตะวันตกนั้น ชั้นบนได้ประดิษฐานพระมหาโพธิเมื่อครั้งพระอาจารย์ดี พระอาจารย์เทพออกไปเกาะลังกาได้เข้ามา ชั้นล่างประดิษฐานไม้สำคัญที่ควรจะกระทำสักการบูชาเป็นที่ระลึก คือไม้อัชปาลนิโครธ แปลว่าไม้ไทร ที่พระพุทธเจ้าฉันมธุปายาสได้ตรัสแล้วเสด็จไปเสวยวิมุตติสุขอยู่ที่นั้นอีกคราว ๑ ถึง ๗ วัน แล้วเสด็จไปอาศัยอยู่ใต้ร่มไม้มุจลินท์คือไม้จิก คราวนั้นฝนตกหนักพระยานาคขึ้นมาทำกายวงล้อมพระพุทธเจ้า แล้วเลิกพังพานปกเบื้องบน ฝนก็ไม่รั่วน้ำก็ไม่ท่วมเข้าไปได้ พระองค์อยู่ใต้ร่มไม้จิก ๗ วัน แล้วเสด็จมาประทับอยู่ใต้ร่มไม้ราชายตนะคือไม้เกต ครั้นนั้นได้รับสะตูก้อนสะตูผง ของนายตปุสสะภัลลิกะพ่อค้าเกวียน ตั้งแต่ได้ตรัส ๔๘ วัน มาเสวยพระกระยาหารในวันที่ ๔๙ และไม้พหูบุตตนิโครธคือไม้กร่าง ที่พระองค์ได้พบพระมหากัสสปในร่มไม้นั้น สาลรุกโขคือไม้รัง เป็นที่พระองค์ได้ประสูติในร่มไม้นั้นอย่าง ๑ ปรินิพพานใต้ต้นไม้รังอย่าง ๑ เป็น ๒ อย่างด้วยกัน ไม้ชมพูคือไม้หว้า เมื่อพระองค์ยังเยาว์อยู่ตามเสด็จพระราชบิดาไปแรกนาขวัญ ได้ประทับอยู่ในร่มไม้นั้นก็ได้พิจารณากรรมฐานถึงปฐมฌานเป็นปฐมที่ ๑ ครั้งนั้นเกิดอัศจรรย์หลายอย่างจนแผ่นดินไหว เงาไม้ก็มิได้ย้ายไปตามพระอาทิตย์ ไม้อัมพวา คือไม้มะม่วง ที่พระองค์ได้กระทำยมกปาฏิหาริย์ในยอดไม้มะม่วงนั้น ไม้ที่พรรณนามานี้ก็คล้ายๆ กันกับไม้พระศรีมหาโพธิเรียกว่าสัตตมหาสถาน จึงเอามาประดิษฐานไว้เป็นที่ระลึกด้วย กะเปาะข้างทิศเหนือนั้นก็ทำเป็นคลัง ๑ โรงประโคมหลัง ๑ ระหว่างกะเปาะทำเป็นภูเขาไว้ทั้ง ๔ ทิศ หน้าภูเขาออกมามีรั้วเหล็กล้อมชั้น ๑ หน้ารั้วเหล็กออกมาทำเป็นฐานพระมหาโพธิทั้ง ๔ ทิศ ได้ผลมาแต่เมืองพุทธคยาบุรี ว่าเป็นหน่อเดิมที่พระได้ตรัส พระมหาโพธิต้นนั้นมีพระระเบียงล้อมถึง ๗ ชั้น พวกพราหมณ์หวงแหนอยู่แน่นหนา เจ้าเมืองอังกฤษจึงไปขอเอาผลและใบถวายเข้ามา ทรงเพาะได้งอกงามดี พระราชทานให้ไปปลูกที่วัดหลวงทุกวัด หน้าชานพระมหาโพธิออกมาชักกำแพงปีกกามีหลังคาพอคนอาศัยได้ บรรจบกะเปาะออกมาทั้ง ๔ ทิศ ที่มุมมีหอกลองหลัง ๑ หอระฆังหลัง ๑ สลับกันทั้ง ๔ มุม คิดจะมิให้ของโบราณเสื่อมศูนย์ ไปเที่ยวเก็บเอาศิลาใหญ่อยู่ในป่าในรกเอามาไว้ให้ดูทุกสิ่ง แล้วตั้งพระราชาคณะไปอยู่ ชื่อพระสนิทสมณคุณ พระครูชื่อพระครูปฐมเจติยานุรักษ์ เสด็จพระราชดำเนินออกไปครั้งไร ก็ทรงพระราชดำริแนะนำให้กระทำทุกครั้ง แล้วมีพระราชอุตสาหะทรงอิฐ ๑ แผ่น ๒ แผ่นบ้าง เสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปทางสะพานนั่งร้านทรงก่อทุกครั้ง แล้วเปลื้องพระภูษาทรงสะพักขึ้นทำธงบูชาที่ก่อนั้นด้วย จนองค์พระสูงขึ้นไปจนถึงปล่องฉนัยชั้นที่ ๕
[๑] อังคารที่ ๓ มกราคม ฯ
[๒] พ.ศ. ๒๓๙๖ ฯ
[๓] พุธที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๓๙๘
[๔] ศุกรที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๐๑ ฯ
[๕] วันที่ ๒๔ มีนาคม ฯ
[๖] วันที่ ๑๘ เมษายน ฯ
[๗] อาทิตย์ที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๐๓
[๘] พุธที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๐๓