๔๘. พม่าถือหนังสือเสนาบดีผู้ใหญ่เมืองพม่าเข้ามาถวายพระสังฆราช

ครั้นวันพุธ เดือน ๑๐ ขึ้น ๕ ค่ำ[๑] มีพม่า ๔ คนมากับลาวพวกเมืองเชียงใหม่ ขึ้นพักอยู่วัดราชาธิวาศ แจ้งความแก่พระสงฆ์ในวัดนั้นว่า เป็นผู้ถือหนังสือเสนาบดีผู้ใหญ่เมืองพม่ามาถวายพระสังฆราชฉะบับ ๑ เป็นหนังสือสำหรับตัวผู้ถือหนังสือฉะบับ ๑ พระสงฆ์ที่วัดราชาธิวาศจึงมาแจ้งแก่พระพรหมมุนีตามวัดขึ้น พระพรหมมุนีถวายพระพรได้ทรงทราบแล้ว โปรดฯ ให้พระพรหมมุนีเป็นผู้รับรอง ได้ให้ล่ามแปลหนังสือพม่า ๒ ฉะบับออก มีความว่า

ข้าพเจ้ามหาเมลซีซู ซึ่งเป็นเสนาบดีผู้ใหญ่ ได้กินเมืองบ้านหมอ เป็นข้าหลวงเดิมฝ่ายในแห่งพระเจ้าช้างเผือกอันประเสริฐ ซึ่งได้เป็นใหญ่บังคับบัญชากษัตริย์ทั้งหลายทั้งปวง อันมีเศวตฉัตรครอบครองเมืองใหญ่ มีต้นว่าสุนาปรันตประเทศ ตามพทีปประเทศ ซึ่งมีบ่อเงิน บ่อทอง บ่อแก้ว บ่อกาเยนทั้งหลายต่างๆ และมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ และเป็นเจ้าน้ำเจ้าดินอันมีจักราวุธอันประเสริฐ ละอองฝ่าพระบาททั้ง ๒ เหมือนหนึ่งเกสรปทุมชาติ เหตุการณ์บ้านเมืองซึ่งมีเป็นอันมาก ข้าพเจ้าได้กราบทูลอยู่เป็นนิตย์ ข้าพเจ้ากราบทูลสมเด็จพระสังฆราชให้ทราบความว่า แต่ต้นวิวัฏฎฐายีภัททกัลป จำเดิมแต่บรมโพธิสัตว์ลงมาเกิดเป็นพระเจ้ามหาสมมติราช เสวยสมบัติอยู่ในชมพูทวีปสืบต่อมา เป็นกษัตริย์ได้ ๒๕๒,๕๕๖ พระองค์ ภายหลังในมัชฌิมประเทศกบิลพัสดุ์ เทวทหะ โกลิยะ ได้ตั้งบ้านเมืองใหญ่ในมัชฌิมประเทศ คือเมืองกบิลพัสดุ์ เมืองเทวทหะ เมืองโกลิยะ ๓ เมือง พระยาโอกากมุขอันมีเปลวเพลิงพลุ่งออกจากปาก บุตรแห่งพระยาโอกากมุขชื่อว่า พระยาจันทิมะ บุตรแห่งพระยาจันทิมะชื่อว่าจันทมุข บุตรแห่งพระยาจันทมุขชื่อว่าพระยาสญชัย บุตรแห่งพระยาสญชัยชื่อว่าพระยาเวสสันดร อันเป็นเจ้าของแห่งพระยามหาปัจจัยนาค บุตรพระยาเวสสันดรบรมกษัตริย์ชื่อว่าพระยาชาลี บุตรพระยาชาลีชื่อว่าพระยาสีหวา บุตรพระยาสีหวาชื่อว่าพระยาสีหัสร

จำเดิมแต่พระยาสีหัสรมาเป็นกษัตริย์ ๘๒,๐๑๐ สืบกษัตริย์ต่อมาเป็นที่สุด เมื่อนางกัจจานีผู้เป็นพระราชธิดาแห่งพระเจ้าเทวทหะอภิเศกด้วยพระเจ้าสีหหนุราช อันเป็นบุตรแห่งพระยาชัยเสนแล้ว จึงได้พระราชบุตรทรงพระนามชื่อว่า เจ้ากรุงศิริสุทโธทน์ เมื่อพระศิริมหามายาผู้เป็นพระราชธิดาแห่งพระยาอัญชนราช ราชาภิเศกด้วยพระเจ้ากรุงศิริสุธโธทน์แล้ว จึงได้พระโอรสทรงพระนามว่า พระสิทธารถราชกุมารพระบรมโพธิสัตว์ ครั้นพระชนมายุได้ ๑๖ พระพรรษา แวดล้อมเพลิดเพลินไปด้วยนางทั้งหลายทั้งปวง ๔๐,๐๐๐ มีนางยโสธราราชเทวีเป็นต้น เสวยราชสมบัติอยู่ในประเทศทั้ง ๓ ชื่อรามปราสาท ๑ ชื่อสุภปราสาท ๑ ชื่อสุรามปราสาท ๑ ในเมื่อพระชนมายุได้ ๒๙ ปี ได้เห็นซึ่งนิมิตรอันใหญ่ ๔ ประการ คือเห็นคนแก่ประการ ๑ คนเจ็บประการ ๑ คนตายประการ ๑ รูปสมณะประการ ๑ แล้วได้ธรรมสังเวชสละเสียซึ่งราชสมบัติและปราสาททองอันใหญ่ เสด็จออกไปทรงผนวชแล้วประพฤติซึ่งทุกกรกิริยาถึง ๖ ปี ทรงชนะซึ่งมารทั้ง ๕ ประการในควงไม้พระมหาโพธิมณฑล ครั้นเมื่อได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าไม่มีใครเสมอในภูมิทั้ง ๓ ทรงตรัสเทศนาซึ่งอมฤตรสธรรม โปรดเวไนยสัตว์ทั้งหลายอันล่มจมในสงสารสาคร เมื่อได้ ๔๕ พระพรรษา พระชนมายุภายในเต็ม ๘๐ (ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน)

ภายหลังเมื่อ(พระพุทธองค์)เสด็จเข้าสู่พระนิพพาน ศาสนาก็รุ่งเรืองในมัชฌิม (ประเทศแล) สิงหฬประเทศ สมเด็จพระพุทธเจ้าเห็นว่าพระพุทธศาสนารุ่งเรืองจะยืดยาวในประเทศพม่าทั้ง ๒ คือประเทศสุนาปรันต ประเทศตามพทีป เมื่อครั้งสมเด็จพระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์อยู่นั้น เสด็จไปสู่พระวิหารอันมหาบุญ จุลบุญ พี่น้อง ๒ คนกระทำด้วยไม้แก่นจันทร์แดงเนืองๆ จำเดิมแต่ได้เทศนาอมฤตรสธรรมโปรดซึ่งสัตว์อันควรจะพ้นทุกข์เป็นลำดับไม่ขาดแถว จนกระทั่งถึงความรุ่งเรือง ประเทศพม่า เมืองสุเรเขตรา เมืองปูกาม เมืองเมงจัน เมืองจะกัน เมืองปัณยะ เมืองรัตนบุระ เมืองรัตนสิงขร จนกระทั่งถึงเมืองอมรบุระ กษัตริย์พม่าตั้งแต่พระเจ้าปู่ทวดและสมเด็จพระเจ้าปู่เป็นสุริยวงศอสัมภินขัตติย ได้ตั้งบ้านตั้งเมืองเศวตฉัตรปราสาททองครอบครองสืบกันมา ชวนกันได้รับความเจริญในพระพุทธศาสนา และได้ความเจริญแก่อาณาประชาราษฎรทั้งสิ้น พระยาทรงธรรมอันเป็นเจ้าพิภพและเป็นเจ้าแห่งพระยาช้างฉัททันต์ ก็ได้ครอบครองซึ่งบ้านเมืองแว่นแคว้นกับด้วยปราสาททองเศวตฉัตร กับด้วยเมืองอมรรัตนบุระอังวะสืบต่อกันมา สมเด็จพระเจ้าปู่ทวดและสมเด็จพระเจ้าปู่ก็ได้ทรงขอพรอันประเสริฐ ถึงว่าได้ครอบครองบ้านเมืองอันใหญ่ก็ไม่หลงลืมในการกุศล ได้รักษาศีลเป็นนิตย์เหมือนกับพระศีลวะ พระยาสุทัศนจักร พระเนมี พระยาเวสสันดรโพธิสัตว์ มีความอดใจจำแนกแจกทานรักษาศีล เมตตากรุณาแก่อาณาประชาราษฎร และบังคับตัดสินขัดข้อง ราษฎรผู้ใดผิดก็ทำตามผิด ผู้ใดชอบก็ทำตามชอบ มิได้เห็นแก่หน้าบุคคล ผู้ใดมีความอุตสาหะในความเจริญโลกีย์และโลกุดร มีสติ ๓ ประการ คือชุมนุมปรึกษาด้วยอำมาตย์ผู้มีปัญญาวันละ ๓ ครั้ง สัสสเมธ ส่วย ๑๐ ส่วนเอาแต่ส่วน ๑ ปุริสเมธ ให้สะเบียงอาหารแก่ข้าราชการ ๖ เดือนครั้ง ๑ สัมมาปาส ให้ทุนรอนแก่ราษฎรชาวบ้านชาวเมืองถึง ๓ ปีแล้วจึงเรียกเอาคืน ๑ วาจาเปยย กล่าวซึ่งถ้อยคำอันไพเราะอันเป็นที่รัก ๑ เป็นสังคหธรรม ๔ ประการ บริบูรณ์ไปด้วยกำลังกายและกำลังมือ พาหุพล บริบูรณ์ไปด้วยรัตนทั้งปวง มีเงินและทองเป็นต้น เป็นโภคพล ๑ มากไปด้วยหมู่อำมาตย์พลทหาร เป็นอมัจจพล ๑ เป็นอสัมภินสากยวงศ์ไม่ขาดแถว จำเดิมแต่พระยามหาสันทปฐมกัลป มีพระญาติวงศ์เป็นอันมาก เป็นอภิชัจจพล ๑ มีพระปัญญาอันคมว่องไว เป็นปัญญาพล ๑ มีกำลัง ๕ ประการ ขมา มีความอดไว้ ๑ ชาคริย ตื่นอยู่ในความเพียร ๑ อุฏฐาน มีความหมั่นลุกขึ้น ๑ สํวิภาค อาจในที่จำแนกแจกทาน ๑ ทยา มีความเอ็นดู ๑ อิกขนา พิจารณาดูในการทั้งปวง ๑ นี้เป็นนายกคุณ ๖ ประการ สันนิปาต เสด็จออกปรึกษาด้วยการบ้านเมืองวันละ ๓ ครั้ง ๑ สมัคค พร้อมไปด้วยราชวงศ์ราชบุตรและเสนาอำมาตย์ ๑ ปฏิปัชชน ไม่ละเสียซึ่งข้อบัญญัติโบราณไม่แต่งจัดเสียใหม่ ๑ นิวาตวุตติ กระทำเคารพแก่คนผู้มีอายุอันสูงมีคุณอันใหญ่ ๑ อัปปเสยห ไม่ข่มขี่เอาบุตรชายหญิงชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลาย ๑ พลีกร ทำการบวงสรวงบูชาตามบุราณ ๑ คุตติ สร้างกุฎีให้สมณะทั้งหลายอันมาถึงแล้วให้เพลิดเพลิน ระวังรักษาสมณะทั้งหลายซึ่งยังมิได้มา ๑ นี้เป็นอปริหานิยธรรม ๗ ประการ ปริจจาค จำแนกแจกทานเพื่อจะให้เป็นภูมิแก่อิธโลกปรโลก ๑ ทาน กิริยาที่จำแนกแจกทาน ๑ ศีล กิริยาที่รักษาศีล ๕ ประการ ๑ อาชชว ซื่อตรงประดุจเขาพระสุเมรุราช ๑ มัททว กายและน้ำจิตรอ่อนโยน ๑ ตป รักษาอุโบสถศีล ๑ อักโกธ ไม่โกรธมีเมตตาจิตต์เป็นเบื้องหน้า ๑ อวิหึสา ไม่เบียดเบียฬ ให้กรุณาจิตต์บังเกิด ๑ ขันติ อดใจเหมือนดังแผ่นพระธรณี ๑ อวิโรธน ไม่รบกวนราษฎรกระทำตามสมควร ๑ เป็นราชธรรม ๑๐ ประการ และประพฤติธรรมในบิดามารดา ๑ และบุตรภรรยาญาติทั้งหลาย ๑ ประพฤติธรรมในข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยอันเป็นมิตร ๑ ในหมู่พลโยธาหาญ ๑ สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรทั้งปวง ๑ และสัตว์จัตุบาททวิบาททั้งปวงบรรดาอาศัยอยู่ในน้ำบนบก ๑ และสัตว์ที่บินได้ในอากาศเป็นชาติเดรัจฉานทั้งสิ้น ๑ ประพฤติธรรมให้คุ้นเคยชำนิชำนาญไม่ให้หลงลืมในราชธรรม ๑๐ ประการ และอุปถัมภ์ค้ำชูพลโยธาหาญและบำรุงรักษาราชตระกูลมิให้เสื่อมถอย และอุปถัมภ์ข้าราชการฝ่ายหน้าฝ่ายในทั้งปวง และอุปถัมภ์สมณะชีพราหมณ์ และเนื้อนกสัตว์เดรัจฉานชาติทั้งหลาย และอุปถัมภ์ค้ำชูซึ่งชนชาวนิคมชนบทใหญ่น้อยทั้งหลาย และห้ามปรามชนทั้งหลายในแว่นแคว้นอาณาเขตต์มิให้กระทำความชั่วและความผิด เกื้อหนุนให้ทุนรอนแก่ราษฎรที่ยากจน ให้ประกอบการหากินเลี้ยงบุตรภรรยาโดยผาสุก และหมั่นพูดจาธรรมสากัจฉาในสำนักสมณพราหมณาจารย์ ในเหตุอันไม่ควรจะผูกใจอยากได้ ก็ไม่ผูกใจอยากได้ ไม่อยากได้ทรัพย์สิ่งของๆ คนอื่นอันไม่ควรจะพึงได้ อันนี้เป็นข้อปฏิบัติของมหาจักรพรรดิ ๑๒ ประการ ประพฤติในราชธรรมทั้งหลายดังที่กล่าวมาแล้วนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน

ทรงอภิบาลรักษาดูแลซึ่งราษฎรทั้งหลายทั้งปวง ดังหนึ่งว่าบุตรอันเกิดในอุทร เหมือนดังพระยาอชาตศัตรูอันได้ครอบครองเมืองราชคฤห์ในมัชฌิมประเทศ เหมือนหนึ่งพระยากาลาโศกอันได้ครอบครองเมืองเวสาลีอันใหญ่ เหมือนพระยาศรีธรรมาโศกได้ครองเมืองปาฏลีบุตรอันใหญ่ เหมือนหนึ่งพระยาเทวานัมปิยะดิสอันได้ครอบครองเมืองลังกาสีหฬ เหมือนอย่างพระยาทุฏฐคามินีและกษัตริย์อื่นๆ อันได้บำรุงพระศาสนาให้รุ่งเรืองมีความเลื่อมใสไม่หวั่นไหวในพระรัตนตรัยทั้ง ๓ มีความอุตสาหะจัดแจงพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุแห่งพระพุทธเจ้าไว้เป็นที่ไหว้สักการบูชา และจัดแจงซ่อมแปลงกุฎีวิหารที่หักพังให้คืนดีดังเก่าให้พระสมณะที่มีศีลวิสุทธิบริบูรณ์ไปด้วยสมาธิคุณต่างๆ และรู้พระไตรปิฎกควรนับถือบูชาตั้งไว้ให้เป็นสังฆราชเพื่อจะให้พระศาสนารุ่งเรือง องศ์แห่งอลัชชี ๓ ประการ ควรอันภิกษุสงฆ์จะละเว้น มีต้นว่ากุหก ๙๓ ประการ กุลโทสก ๘ ประการ อะเนสน ๒๑ ประการซึ่งสมเด็จพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ไม่ให้ประพฤติ สมเด็จพระพุทธเจ้ามีประสงค์บัญญัติไว้ซึ่งจตุปาริสุทธศีลสิกขาบท ๒๒๗ ประการ คือคันถธุระ วิปัสสนาธุระ ให้ประพฤติสิกขาบทตามวินัยบัญญัติของพระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ พระพุทธศาสนาก็รุ่งเรืองวิเศษยิ่งๆ ขึ้นไป ที่เมืองอมรบุระมีพระอารามชื่อมหาสีวการามซึ่งพระสังฆราชอยู่ กับอารามนอกนั้นมีอยู่ ๗๐ อารามเศษ มีพระภิกษุสามเณรประมาณ ๑๐,๐๐๐ รูปเศษนั้น ได้ถวายจตุปัจจัยทั้ง ๔ และนิตยภัตรมิได้ขาด แล้วได้ถวายจตุปัจจัยแก่พระสงฆ์สามเณรซึ่งอยู่ในพระอารามนอกพระนคร บรรดาอยู่ในเขตต์เมืองอมรบุระทั้งสิ้น และได้เกลี้ยกล่อมเจ้าเมืองกรมการ และราษฎรชาวบ้านได้ถวายจตุปัจจัยด้วย กับได้ประกาศป่าวร้องให้ราษฎรชาวบ้านชาวเมืองรักษาศีล ๕ ศีล ๘ ทุกวันอุโบสถ เพื่อจะให้เป็นหนทางสวรรค์ทางนิพพาน ด้วยอำนาจผลทาน ศีล ภาวนา บ้านเมืองก็อยู่เย็นเป็นสุข ฝนก็ตกตามฤดู ราคาเข้าก็ถูก ภัยอันตรายก็ไม่มีกับบ้านเมือง พระสงฆ์ก็ได้ปฏิบัติเล่าเรียนสัทธรรมทั้ง ๓ อย่าง คือปริยัติธรรม ปฏิบัติธรรม ปฏิเวธธรรม พระศาสนาก็รุ่งเรืองดังหนึ่งว่าพระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์อยู่ ได้ทำการพระศาสนาถึงเพียงนี้แล้วก็ยังไม่สมดังพระทัยปรารถนาอีก

พระศาสนาในลังกาทวีป เมืองอมรบุระ และในกรุงศรีอยุธยาก็รุ่งเรืองบริบูรณ์ทั้ง ๓ แห่ง พระสงฆ์ก็ประกอบไปด้วยศีลาจารวัตรสมาธิคุณ เนื้อความก็แผ่ซ่านเลื่องลือไปถึงว่าในกรุงพระนครศรีอยุธยา พระสงฆ์ก็ตั้งอยู่ในโอวาทคำสั่งสอนพระสังฆราช ทั้งพระสงฆ์ก็ประพฤติตามคำสั่งสอนพระสังฆราช ที่ให้ถือหนังสือเข้ามาทั้งนี้ เพื่อจะรู้ว่าพระสงฆ์ในกรุงศรีอยุธยาจะมีสักเท่าใด หนังสือพระไตรปิฎกมีอยู่เท่าใด จะต้องการหนังสือพระไตรปิฎกเท่าใด ให้จัดไทยทานเข้าไปถวาย แล้วให้ทูลถามพระสังฆราชดู ขุนนางฝ่ายในชื่อเมลซอสันหะริง ได้ทูลพระเจ้าทรงธรรมอันเป็นเจ้าพิภพว่า จะให้งะซอยซี ๑ งะซอยมอง ๑ งะคลา ๑ งะทวย ๑ รวม ๔ นาย ถือหนังสือและคุมสิ่งของมาสู่สำนักพระสังฆราช ไทยทานที่ถวายเข้ามานั้น ประคำยางไม้กาเยน ๔๐ สายให้มอบถวายพระสังฆราช

พระยาธรรมราชพระเจ้าช้างเผือกนั้น เป็นพระยามหาธรรมราชศาสนทายก แต่พอได้ฟังสารคดีเหตุกิตติศัพท์กิตติคุณแห่งพระสังฆราช ก็มีความยินดีศรัทธาเลื่อมใสนัก พระสงฆ์ที่เล่าเรียนพระไตรปิฎกมีมากน้อยสักเท่าใด จะต้องการหนังสือพระไตรปิฎกสักเท่าใด ให้พระสังฆราชแจ้งความมากับคน ๔ คน ถือหนังสือนี้เถิด ตัวข้าพเจ้าขอเป็นศิษย์อันสนิทในกุฏิเหมือนอย่างศิษย์ตั้งแต่เล็กๆ มา ไม่ว่าปัจจัยอันใดเป็นต้นว่าพระไตรปิฎกบรรดาที่ต้องการนั้น ก็จะให้คนที่เดินใช้ไปนั้นเอากลับมาถวายข้าแต่พระสังฆราช ดังข้าพเจ้ากราบทูลมา ฉะบับ ๑



[๑] เสาร์ที่ ๑๕ กันยายน ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ