๕๖. เสด็จประพาสหัวเมืองตะวันออก

ครั้นมาถึงณเดือน ๒ แรม ๕ ค่ำ[๑] เสด็จพระราชดำเนินไปประพาสหัวเมืองฝ่ายตะวันออกจนถึงเมืองตราษ ครั้งนั้นได้ทำเรือกลไฟขึ้น ชื่อพระที่นั่งสยามอรสุมพล ครั้นจะเสด็จไปในเรือพระที่นั่งสยามอรสุมพล ก็เป็นเรือเล็ก ไม่พอเจ้าจอมที่จะตามเสด็จด้วยและข้าราชการพนักงาน จึงเสด็จด้วยเรือพระที่นั่งข้าหลวงเดิม ชื่อโผนเผ่นทะเล ให้เรือพระที่นั่งสยามอรสุมพลชักไปประทับเมืองชลบุรีและอ่างศิลา แล้วไปประทับที่บางพระเมืองบางละมุง แล้วไปประทับที่ช่องแสมสาร สั่งให้กรมการเมืองระยองสร้างพระเจดีย์ขึ้นที่เขาแหลมเทียนองค์ ๑ แล้วข้ามตัดไปเมืองจันทบุรี เสด็จพระราชดำเนินขึ้นประทับพลับพลาที่หน้าเมืองเนินวง ๓ ราตรี รับสั่งให้ทำพระเจดีย์ขึ้น ที่หลังพระอุโบสถวัดโยธานิมิตรองค์ ๑ สูง ๘ วา แล้วเสด็จไปเขาสระบาป ทอดพระเนตรน้ำธารที่คลองนารายน์ สั่งให้พระพิพิธภักดีสร้างพระเจดีย์ขึ้นที่กลางคลองนารายน์องค์ ๑ สูง ๓ วา แล้วเสด็จประพาสไปที่เมืองเก่าและเขาพลอยหัวแหวน บ้านบางกะจะทั่วแล้ว เสด็จออกจากเมืองจันทบุรีไปเมืองตราษ ขึ้นประพาสที่เกาะช้าง แล้วเสด็จกลับเข้าแวะตามเกาะและฝั่งเป็นหลายแห่งหลายตำบล จนกระทั่งถึงกรุงณวันเสาร์เดือน ๓ แรม ๘ ค่ำ[๒] เวลาบ่าย

ครั้นเวลาพลบ เจ้านายและขุนนางที่ไม่ได้ไปตามเสด็จพระราชดำเนินนั้น เข้าไปเฝ้าเยี่ยมเยือนที่เสด็จกลับเข้ามาถึง เวลานั้นเสด็จออกที่พระที่นั่งสนามจันทน์ ตรัสอยู่ด้วยสมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย จนเวลา ๕ ทุ่มจึ่งได้เสด็จขึ้น เจ้านายขุนนางทนหมอบไม่ได้ก็หลบหลีกแอบแฝงตามกระถางต้นไม้ หมอบเฝ้าอยู่แต่สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อยผู้เดียว

ครั้นรุ่งขึ้นณวันอาทิตย์เวลาบ่าย ๔ โมงเศษ สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อยป่วยเป็นลมถึงแก่พิราลัย นับอายุเรียงปีได้ ๖๗ ปี



[๑] จันทร์ที่ ๔ มกราคม ฯ

[๒] วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ