๑๔๕. คล้องได้ช้างเผือกเอก

ครั้นมาถึงเดือน ๗ ข้างขึ้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ามหามาลา กรมขุนบำราบปรปักษ์ บอกลงมาว่า ได้ไปต้อนโขลงมารวมตำบลไผ่เขียวไผ่ขาด พรมแดนเมืองนครนายกเมืองปราจีนบุรีต่อกัน ฝูงช้างสำคัญออกมาจากป่าหลังวัดน้ำฉ่า ได้เห็นกลางทุ่งนาไผ่เขียวไผ่ขาดพร้อม จึงได้ชักนำโขลงนั้นมาเข้าคอกบ้านนาแขวงเมืองนครนายก คล้องได้ช้างเผือกเอก เมื่อณเดือน ๗ ขึ้น ๘ ค่ำ[๑] ติดลำโยงปลูกโรงเข้าไม้ฝึกหัดที่บ่อโพง ช้างนั้นสีขาวบริสุทธิ์เป็นเผือกเอก จักษุขาวใสบริสุทธิ์ขนหางขาวเจือเหลือง สีตัวขาวเจือชาด จะงอยปากล่างขบขึ้นไปเหมือนปากนกแก้ว ได้เสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรที่บ่อโพงแล้ว รับสั่งให้ปลูกโรงที่หน้าพะเนียดเก่า แล้วก็ย้ายมาสมโภชที่โรงใหม่ แล้วเสด็จกลับลงมาฉลองวัดชุมพลนิกายาราม เกาะบางปะอิน เมื่อณเดือน ๗ ขึ้น ๑๒-๑๓-๑๔ ค่ำ ได้ถวายผ้าไตรแก่พระสงฆ์ สวดพระพุทธมนต์ มีการมโหรสพสมโภช มีโขนข้างในและข้างหน้าที่ฟากเกาะนั้นด้วย และการเล่นอื่นๆ ครบทุกอย่าง ๓ วัน ๓ คืน ครั้นการฉลองวัดเสร็จแล้ว ก็เสด็จกลับลงมากรุงเทพมหานคร โปรดฯ ให้พระราชาคณะและพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายหน้าฝ่ายใน ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นไปดูทุกคน กลับลงมากราบทูลว่า เห็นช้างนั้นดีเสมอเหมือนพระเทพกุญชรและพระยาเศวตกุญชร พระยาเศวตไอยรา พระยาเศวตคชลักษณ์ และนางพระยาช้างที่คล้องได้ใหม่นี้ ถ้าจะเทียบกับช้าง ๔ ช้าง สีตัวก็ผิดกันบ้าง เหมือนช้างประสมสี ลางทีฝุ่นมากไป ลางทีเอาเหลืองเจือบ้าง ลางทีเอาชาดเจือบ้าง สีจึงไม่ตรงกัน แต่เป็นตระกูลเดียวกัน ไม่เป็นตระกูลเหมือนอย่างช้าง ๕ ช้าง ที่ได้มาแต่ป่าฉะมาตฉะบาแต่ก่อนนั้น แล้วเสด็จขึ้นไปประทับวังจันทรเกษม โปรดฯ ให้มีละครข้างในและการเล่นอื่นๆ อีกเป็นหลายอย่าง สมโภชที่โรงหน้าเพนียด ๓ วัน ๓ คืนเป็นการใหญ่ แล้วก็เสด็จกลับลงมา



[๑] อาทิตย์ที่ ๑๒ มิถุนายน ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ