- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๒
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๙ เมษายน ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๓ เที่ยวเมืองหงสาวดี
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ เที่ยวเมืองมัณฑเล
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มิถุนายน
- วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๒
- วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๓
- วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๔
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๕
- วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กรกฎาคม
- วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๖
- วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๗
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กันยายน
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร (๒)
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๑)
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —กฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น (๒)
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ตอนที่ ๓)
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —จดหมายบันทึก ที่แก้เปลี่ยนคำ ในกฎมนเฑียรบาลพม่า
- วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๖)
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๗)
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๘)
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๙)
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๑)
- มกราคม
- วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ
- วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- —คำนำ หนังสือเรื่องกฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —ประมวญวัน วันอาทิตย์ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มีนาคม
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
ตำหนักปลายเนีน คลองเตย
วันที่ ๘ สิงหาคม ๒๔๗๙
กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท
เมื่อเมลวันเสาร์ก่อน ได้รับลายพระหัตถ์สองฉะบับ ฉะบับเล็กลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคมฉะบับหนึ่ง กับฉะบับใหญ่ลงวันที่ ๓๐ กรกฎาคมอีกฉะบับหนึ่ง ได้รับทราบความทุกประการแล้ว
ขอประทานทูลสนองความในลายพระหัตถ์ฉะบับเล็กเรื่องชายไสก่อน ตามพระดำริซึ่งทรงพระเมตตาโปรดแนะนำไปนั้น ย่อมรู้สำนึกในใจอยู่อย่างยิ่ง ว่าทรงพระเมตตาเอาพระทัยใส่ด้วยทรงพระกรุณาปรารถนาจะให้ดี และพระดำรินั้นก็เปนทางดีมากด้วย เว้นแต่เวลานี้มีการเปลี่ยนแปลงไปเสียแล้วลางประการอันขัดกับพระดำริซึ่งทรงพระเมตตาโปรดประทานไปนั้น แต่ไม่เปนไร คงจะคิดยักย้ายหาช่องเดินทางไปให้สมควรแก่กาลได้ ชายไสก็ถึงแล้วเมื่อวันที่ ๔ เดือนนี้ เวลา ๙ นาฬิกา ต่างดีเนื้อดีใจอิ่มกันไปหมดทั้งบ้าน ยังแถมที่วัดด้วย
ทีนี้จะกราบทูลสนองลายพระหัตถ์ฉะบับใหญ่ต่อไป ดีใจด้วยฝ่าพระบาทซึ่งมีโอกาสได้ทรงจรดกันบิดประทานแก่เหลน ดูครึ้มมากที่ได้เปนตาทวด แสดงว่าบุญช่วยให้เจริญพระชันษายืนยาว แล้วหวังว่ายังจะยืนยาวต่อไปอีกนาน เมื่อวันที่ ๓ หญิงจงเธอก็ทำบุญอายุ ๕๐ ปี๑ เกล้ากระหม่อมไปช่วยงานเธอก็ขอให้รดน้ำเจิมกระแจะและผูกมือให้แก่เธอ รู้สึกครึ้มใจว่าตนตั้งอยู่ในฐานะที่เปนผู้ใหญ่เหมือนกัน
พระนิพนธ์เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่าคราวนี้ มีเรื่องราวไม่น้อย โดยมากเปนส่วนที่ไม่เคยทราบเกล้า เพราะฉะนั้นก็ได้แต่ฟัง ทูลสอดเสริมไม่ได้ที่มีความเห็นอาจทูลสอดเสริมได้นั้นมีน้อยข้อ ดังจะกราบทูลต่อไปนี้
มงกุฎ ถ้าว่าตามหลักในภาษาบาลีแล้ว หมายว่าเครื่องประดับเศียรเท่านั้น จะเปนอะไรก็ได้ ในพระสูตรปรากฏเปนผ้าโพกทอทองก็มี มงกุฎพระเจ้าแผ่นดินเมืองพะม่าน่าจะเปนแบบดั้งเดิมของเขามา ส่วนรูปเทวดาพะม่า ซึ่งทำมงกุฎกระเดียดมาข้างไทย เกรงว่าจะเอาอย่างไทยไป เพราะทางฝีมือช่างย่อมดูดดึงกันให้เปลี่ยนแปลงไปได้ง่าย แต่ส่วนทางแบบแผนตามประเพณีย่อมจะเปลี่ยนแปลงได้ยากกว่า
เครื่องแต่งตัวเต็มยศขุนนางพะม่า ทรงสังเกตเห็นว่าคล้ายเครื่องแต่งตัวขุนนางไทยแต่โบราณนั้นถูกต้องแล้ว นุ่งลอยชายเราก็นุ่งเหมือนกัน คือที่เรียกว่า “นุ่งเกี้ยวเกไลย” เสื้อครุยผ้าโปร่งนั้น เราเห็นจะเพิ่งมาเปลี่ยนทีหลัง ในตำราเครื่องต้นฉลองพระองค์ครุยก็ทำด้วยตาด เปนผ้าหนาเหมือนกัน ที่ถือพัดใบตาลปิดทองด้วยนั้นชอบกลอยู่ จะว่าไกลจากไทยไปทีเดียวก็ว่าไม่ได้ พระเจ้าแผ่นดินไทยก็ถือพัดใบตาล ดังที่ปรากฎว่าพระเพธราชาทรงให้สัญญาเดินกระบวนแห่พระบรมศพด้วยทรงโบกพัชนีฝักมะขาม ทั้งตัวนายโรงเอกละคอนแต่ก่อนก็ถือพัชนีฝักมะขามเปนประจำ จะว่าไทยเดิมถือด้วยกันหมดเหมือนพะม่า แล้วมาห้ามเสียทีหลังคงไว้แต่พระเจ้าแผ่นดินก็ได้ หรือว่าพะม่าจำอย่างไทยไปทำฝั่นเฝือก็ได้เหมือนกัน นึกเห็นงามข้างเดิมจะถือหมดด้วยกัน เพราะเห็นได้ที่พระภิกษุทั้งลังกาพะม่าไทย แต่ล้วนถือพัดใบตาลกันทุกองค์ จนฝรั่งเรียกว่า “ตาลปวน”
เครื่องแต่งตัวเต็มยศภรรยาขุนนางของเรา ในชั้นหลังเราก็ยังมีผ้าห่มดอกทองห่มในพิธีถือน้ำกันอยู่ จนเจ้าพระยาภาสเก็บเอาไปล้อคุณหญิงเปลี่ยนว่า “ท่านผู้หญิงดอกทอง” คุณหญิงเปลี่ยนฉุนหนักแต่เจ้าพระยาภาสก็หาหยุดไม่
สีวิกาของพะม่า ไม่นึกเลยว่าจะเร่อร่าหนาหนักถึงเพียงนั้น ไม่เห็นที่ไหนมีเหมือน รูปภาพฉลักที่พระนครวัดก็มีคานหามอยู่หลายชะนิด แต่ไม่เห็นมีเหมือนสีวิกาของพะม่าเลย
เรื่องฉัตร ฝ่าพระบาทตรัสอธิบายไว้ถี่ถ้วนหมดแล้ว ฉัตรซ้อนชั้นนั้น เคยได้ยินคนออกความเห็นว่ามาซ้อนกันในเมืองไทยนี้เอง ทางพะม่าเขาทำชั้นเดียว เกล้ากระหม่อมเกือบเชื่อ แต่นึกไปก็นึกได้ว่าฉัตรซ้อนชั้นกันในอินเดียมี จึงตัดสินใจว่าที่ว่าไทยซ้อนในเมืองไทยนั้นไม่จริง แม้พะม่าซึ่งเขายกตัวอย่างมาอ้างนั้นเองก็มีฉัตรซ้อนชั้นปรากฎอยู่ในรูปฉายเรือนแก้วสีหาสนบัลลังก์ ซึ่งทรงพระเมตตาประทานไปนั้นอยู่แล้ว ที่ทางอินเดียฉัตรซ้อนชั้นของเขาแลเห็นคันก็เพราะระบายฉัตรของเขาแคบ ส่วนระบายฉัตรของเรากว้างจึงปิดคันเสีย พูดถึงฉัตรทำให้นึกขึ้นมาได้ถึง “กลิ้งกลด” เดิมรู้สึกว่าเปนนาม จึงนึกถามตัวเองอยู่บ่อย ๆ ว่ากลิ้งกลดรูปร่างเปนอย่างไร กลดชะนิดใดซึ่งเรียกว่ากลิ้งกลด ต่อไปได้อ่านหนังสือเก่าเรื่องอะไรก็ลืมเสียแล้ว เขากล่าวถึงคนเชิญกลิ้งกลด ทำให้ได้สติขึ้นว่าจะเปนกิริยาเสียดอกกระมัง กลิ้ง ความว่าหมุนตัวไป กลิ้งกลดจะหมายความว่าหมุนร่มเสียดอกกระมัง เมื่อคิดขึ้นเช่นนั้น กิริยาที่ตลก ละคอนกั้นร่มพระเอกหมุนติ้ว ๆ ก็มาปรากฎขึ้นในใจ เปนพยานในความคิดเห็นนั้นว่าข้อนข้างจะถูกแล้ว หมุนร่มนี้ไม่ใช่มีแต่ไทย ละคอนแขกฟาซีเขามาเล่นเรื่องหริศจันทร์ ประเดิมโรงก็มีพระเจ้าหริศจันทร์เสด็จออกท้องพระโรงประทับพระราชบัลลังก์วินิจฉัยคดีราษฎร พระราชบัลลังก์นั้นเปนภัทรบิฐตั้งซ้อนบนแท่น หลังภัทรบิฐนั้นมีร่มปีกค้างคาวริมขลิบระย้าปักอยู่บนแท่นข้างหลังภัทรบิฐ ร่มนั้นหมุนได้อย่างช้า ๆ เห็นจะหมุนไปด้วยกำลังลานนาฬิกา พอเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกประหลาดใจมาก ที่ลักษณการหมุนร่มนั้นทำกันมาแล้วแต่ทางอินเดีย ไม่ใช่ตลกของเรามาคิดทำขึ้นเพื่อให้ขบขัน
ตามที่ทรงพระปรารภว่าพะม่ากับไทยมีขนบธรรมเนียมคล้ายกัน น่าที่มิใครก็ใครคงเอาอย่างกันนั้นชอบแล้ว แต่ทางที่พะม่าจะเอาอย่างไทย ด้วยไล่เลียงเอาความจากไทยชะเลยซึ่งกวาดได้ไปนั้น เห็นจะเปนไปไม่ได้ ผู้มีชัยเห็นจะไม่ยกย่องเอาแบบอย่างของผู้ปราชัย ความเอาอย่างกันย่อมเปนไปในเวลาต่างอยู่ด้วยกันเปนปกติแล้วแข่งขันประมูลกัน ฝ่ายข้างด้อยต้องเอาอย่างข้างรุ่งเรืองซึ่งผลัดกันอยู่เสมอ เช่นแต่ก่อนเขมรรุ่งเรืองกว่าเราเราก็เอาอย่างเขมร ภายหลังเรารุ่งเรืองกว่าเขมรเขมรก็กลับมาเอาอย่างเรา ความเอาอย่างกันมักเปนไปด้วยไม่ได้จงใจและไม่รู้ตัว ย่อมเปนไปเองด้วยลืมตัว ส่วนที่พะม่าอ้างว่าสิ่งนี้เปน “แบบโยเดีย” นั้นเปนคนละอย่าง เปนการแสดงเกียรติยศว่าชะนะไทยได้ชะเลยไป ที่เปนช่างก็ใช้ให้ทำการช่าง ที่เปนละคอนก็ใช้ให้เล่นละคอนให้ดูเพื่อการโอ่อวด จะเรียกว่าเอาอย่างหาได้ไม่
ขอประทานทูลถวายรายงานให้ทราบฝ่าพระบาทว่า ได้เข้าไปบูชาถวายพุ่มเข้าปัจฉิมพรรษาพระพุทธมหามณีรัตน (เพราะเมื่อเข้าปุริมพรรษาไปเตร็จเตร่เสียที่ศรีมหาราชา) ได้เข้าไปดูในหอพระราชกรมานุสสรณ์ ได้เห็นพระปางในนั้นมีพระนาคปรกชะนิดนาคฝาชี ทำให้ฉงนใจมาก เข้าใจว่าพระปางพวกนั้นสร้างในรัชชกาลที่ ๓ แล้วมาจารึกทรงพระราชอุทิศในรัชชกาลที่ ๔ ถ้าเข้าใจเช่นนั้นถูกนาคฝาชีก็มีมาแต่รัชชกาลที่ ๓ แล้ว ถ้าพลาดจากนั้นก็ต้องเปนรัชชกาลที่ ๔ ที่เราเข้าใจกันว่านาคฝาชีเกิดขึ้นในรัชชกาลที่ ๕ จะมิผิดไปหรือ
-
๑. หม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิศกุล ประสูติวันที่ ๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๘ ↩