วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร

Cinnamon Hall,

206 Kelawei Road, Penang. S.S.

วันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๗๙

ถึง พระยาอนุมาณราชธน

ฉันได้รับจดหมายของเจ้าคุณลงวันที่ ๒๓ ตุลาคม อนุญาตพิมพ์รูปฉายภาพทองสัมฤทธิ์ซึ่งพะม่าเอาไปจากกรุงศรีอยุธยา กับคำอธิบายเรื่องประวัติรูปภาพเหล่านั้น ที่ฉันได้ส่งไปให้หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ประกอบกับพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ซึ่งจะพิมพ์แจกในงานพระศพพระองค์เจ้าหญิงอรพินธเพ็ญภาค และเจ้าคุณส่งสำเนาพระราชนิพนธ์ทั้ง ๒ เรื่องมาให้ฉันดูด้วยนั้น ขอบใจเจ้าคุณมาก

ข้อที่ขอพิมพ์รูปฉายภาพทองสัมฤทธิ์กับคำอธิบาย ฉันอนุญาตไม่ขัดขวาง เจ้าคุณจงไปเอารูปกับคำอธิบายที่หลวงบริบาลฯ มาจำลองพิมพ์ตามปรารถนาเถิด ฉันได้มีจดหมายบอกอนุญาตไปยังหลวงบริบาลฯ ด้วยแล้ว

ที่ฉันตอบจดหมายเจ้าคุณช้าไปสักหน่อยเพราะอยากจะอ่านพระราชนิพนธ์เสียก่อน เมื่ออ่านแล้วเห็นพระราชนิพนธ์ ๒ เรื่องนั้นผิดกันชอบกล พระราชนิพนธ์เรื่องวังหน้าไม่ปรากฎในหนังสือนั้นว่าทรงพระราชนิพนธ์เมื่อใด ฉันสันนิษฐาน (โดยอาศัยเหตุที่จะบอกแก่เจ้าคุณต่อไปข้างหน้า) ว่าทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๔๑๗ แต่เรื่องราชวิจารณ์พงศาวดารบอกปีไว้ในหนังสือนั้น ว่าทรงพระราชนิพนธ์เมื่อ “ปีฉลูนพศก” และหลังศกมีหมายเลขปีที่ ๑๐ ในรัชชกาลตรงกับ พ.ศ. ๒๔๒๐ ภายหลังทรงพระราชนิพนธ์เรื่องวังหน้า ๓ ปี

อธิบายที่จะกล่าวต่อไปนี้ ขอให้เข้าใจว่าบอกแก่ตัวเจ้าคุณเปนปฏิการไมตรีจิตร มิใช่สำหรับให้เอาไปลงในคำนำหนังสือซึ่งจะพิมพ์ใหม่ เหตุที่ฉันเห็นว่าพระราชนิพนธ์ ๒ เรื่องผิดกันชอบกลนั้นด้วยพระราชนิพนธ์เรื่องวังหน้าทรงแต่งตาม “หนังสือ” พงศาวดารที่ปรากฎเปนตำราอยู่แล้ว คือหนังสือพระราชพงศาวดารฉะบับพิมพ์ ๒ เล่ม กับพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทรที่เจ้าพระยาทิพากรวงศแต่ง (แต่เวลานั้นยังไม่ได้พิมพ์) รูปพระราชนิพนธ์เปนแต่อย่างบอกบัญชีเจ้านายที่ได้เปนวังหน้ามาแต่ตั้งกรุงศรีอยุธยา กับอธิบายเหตุที่เจ้านายเหล่านั้นได้เปนวังหน้ามาปรากฎพระราชวินิจฉัยเปนข้อสำคัญอยู่ข้างท้ายว่ากรมพระราชวังบวรวิชัยขาญ “เปนวังหน้าซึ่งมิได้เปนพระราชโอรสพระเจ้าแผ่นดินใหญ่ และพระเจ้าแผ่นดินมิได้ทรงเลือกเอง เปนที่ ๑ (คือองค์แรก) ตั้งแต่กรุงทวาราวดีจนถึงกรุงรัตนโกสินทรบัดนี้” อันเปนความจริงที่มิใคร่มีใครรู้ จึงทรงพระราชนิพนธ์พิสูจน์ให้เห็นประจักษ์ ความส่อให้เห็นว่าคงทรงพระราชนิพนธ์เมื่อครั้งกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญหนีลงไปอาศัยอยู่ ณ สถานกงซุลอังกฤษในปี จอ พ.ศ. ๒๔๑๗ มิใช่ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญทิวงคตใน พ.ศ. ๒๔๒๘ เพราะครั้งหลังมีพระราชนิพนธ์พระบรมราชาธิบายเรื่องวังหน้าอยู่ในประกาศตั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช แต่พระราชนิพนธ์เรื่องวังหน้าที่จะพิมพ์นี้ทรงแต่งสำหรับให้อ่านกันที่ไหนฉันไม่ทราบ เวลานั้นฉันเปนเด็กยังไม่ได้โกนจุก แต่ที่มิได้พิมพ์โฆษณาส่อให้เห็นว่าสำหรับแต่ให้ทราบกันเพียงในมณฑลอันจำกัด การที่จะพิมพ์พระราชนิพนธ์เรื่องวังหน้าควรบอกศักราช เช่นว่า “สันนิษฐานว่าทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปีจอ พ.ศ. ๒๔๑๗” ไว้ด้วย จะลงในคำนำหรือที่จั่วหน้าเรื่องก็ได้ทั้ง ๒ สถานแล้วแต่เจ้าคุณจะเห็นควร ถ้าไม่บอกสมัยที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ด้วย ฉันเกรงว่านักเรียนในสมัยนี้ที่ไม่รู้เค้าเงื่อน จะติพระปรีชาญาณของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เพราะศักราชและตัวเรื่องพงศาวดารในพระราชนิพนธ์นั้น เปนแต่ทรงคัดมาจากหนังสือพระราชพงศาวดาร ไม่ตรงกับที่มาสอบได้เปนหลักฐานเมื่อภายหลังมีอยู่หลายแห่ง พระราชนิพนธ์ วิจารณ์พงศาวดารนั้น ทรงพระราชวินิจฉัยตลอดเรื่องผิดกับเรื่องวังหน้าด้วยประการดังนี้ ฉันสันนิษฐานว่าเห็นจะทรงพระราชนิพนธ์ในสมัยเมื่อแรกตั้งหอพระสมุดวชิรญาณ เพราะการศึกษาพงศาวดารเริ่มฟื้นขึ้นแต่สมัยนั้น อันเข้าใจว่าเจ้าคุณจะเอารูปภาพกับคำอธิบายของอันพ่วงเข้าข้างท้ายดูก็พอเหมาะดี

ฉันได้ส่งสำเนาพระราชนิพนธ์ทั้ง ๒ เรื่อง กลับคืนมาพร้อมจดหมายนี้

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ