วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๔๗๙

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๑๕ เดือนนี้ ประทานไปพร้อมด้วยพระนิพนธ์เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี ท่อนที่ ๒ (ครึ่งท่อน) แลรูปฉายประกอบเรื่อง ๖ รูป กับทั้งหนังสือโฆษณาบอกขายเครื่องไวเบรโฟน และโสโนโตน ได้รับประทานแล้ว เปนพระเดชพระคุณล้นเกล้า

จะทูลสนองเรื่องเครื่องแก้หูหนัก ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกให้สั้นว่า “ต่างหู” อันเครื่องต่างหูนั้น เกล้ากระหม่อมได้สังเกตเห็นเขาบอกโฆษณามาหลายอย่างตั้งแต่หูยังไม่หนัก ที่ใส่ใจสังเกตก็เพราะเหตุด้วยเห็นพระองค์จรูญถือทรรพีเที่ยวตักเสียงดูน่ารำคาญ ครั้นเห็นโฆษณาขายต่างหูอย่างจุกเข้าไปในรูหูก็ชอบ นึกว่าอย่างนั้นดูแนบเนียนง่ายสบายดี ครั้นเกิดอาการหูหนักขึ้นก็นึกถึงต่างหูชะนิดนั้นทันที ปรึกษาถาวรเธอบอกว่าไม่ดี แรกใส่เข้าไปก็พอใช้ได้ แต่ไส่ไว้นานเจ็บ เกล้ากระหม่อมเห็นว่าจริง เลยสิ้นอาลัยในเครื่องจุกหูนั้นไป ครั้นถาวรไปตามเสด็จยุโรปกลับมา เธอซื้อเครื่องต่างหูมาฝากอันหนึ่ง เห็นจะไม่ประกอบด้วยเครื่องไฟฟ้า รูปร่างเหมือนขวดยาสีฟันโอโดน ใช้จดเข้าที่หูฟังอย่างเดียวกับทรรพีของพระองค์จรูญ แต่เมื่อลองจดหูเข้า ลางคาบก็ไม่ได้ยินอะไรแปลกขึ้น เห็นจะเปนด้วยไม่ถูกสายเสียง ลางคาบก็ได้ยินกึกก้อง เห็นจะถูกสายเสียงเข้า แต่ดังโอ่งอ่างไม่ได้ศัพท์ว่ากะไร ครั้นได้รับประทานใบโฆษณาบอกขายไวเบรโฟนกับโสโนโตนจึงส่งให้ลูกดู ชายไสบอกว่าใช้ไม่ได้ ดังเกินไป เกล้ากระหม่อมก็เข้าใจ คือว่าดังโอ่งอ่างอย่างที่กราบทูลมาแล้ว จึงมานึกว่าชายไสหูแกไม่ได้หนวก จึงได้ยินดังมากเกินไป

ได้สังเกตหูอันพิรุธของตน รู้สึกว่าชอบกลอยู่มาก นึกว่ามาตะโกนจะได้ยินดีขึ้นหรือแต่เปล่าเลย ลางคนถึงมาตะโกนอย่างหนักก็ฟังไม่เข้าใจ ลางคนมาพูดแต่ตามปกติก็ฟังเข้าใจ แต่ลางคนมาพูดตามปกติฟังไม่ได้ศัพท์ เหตุใดจึงลักลั่นเปนดั่งนั้น ไปจับได้ที่ฟังเขาตีปี่พาทย์ ถ้าเขาตีไปทางเสียงสูง ฟังแสบหู และจับเอาเพลงไม่ได้ ถ้าตีใช้ลูกกลางๆ ฟังรู้แจ่มแจ้ง ถ้าตีใช้ลูกต่ำๆ ได้ยินพึมพำเอาศัพท์ไม่ได้ เมื่อเปนดังนั้นจึงรู้ได้ว่าหูตนเสียไป ที่รับเอาเสียงไม่ได้ทุกอย่างเหมือนแต่ก่อน อีกทางหนึ่งสังเกตเมื่อไปงาน เวลาพระขึ้นธรรมาสน์เขาประโคมปี่พาทย์ พอหยุดลงพระตั้งนโมให้ศีล จบแรกไม่ได้ยินเลย ตกถึงจบสองจึงได้ยินเบา ๆ แล้วจึงค่อยได้ยินดังขึ้น นี่ก็มาทำให้รู้สึกได้ ว่าเครื่องจักรสำหรับรับเสียงในหูของเรา มันต้องเปลี่ยนแปลงตัวที่จะรับเสียงอันมีมาต่างๆ เมื่อหูยังดีมีเสียงสูงกลางต่ำและเบาหนักเปลี่ยนมาอย่างไร เครื่องจักรในหูของเรามันก็เปลี่ยนรับได้ทันท่วงที ครั้นเครื่องจักรในหูเสียมันดื้อไปเปลี่ยนไม่ทันเสียง จึงฟังเสียงได้ไม่สมบูรณ ทราบเหมือนกันว่าคนเราจะมีความเปนไปเหมือนกันไม่ได้ทุกคน แต่ที่ไม่เหมือนกันก็จะเปนแต่ยิ่งกับหย่อนกว่ากันเท่านั้น เพราะฉะนั้นเครื่องต่างหูเห็นจะต้องปรับปรุงขึ้นให้เหมาะจำเพาะตัวตามอาการหนักเบา ของใครก็ของใคร จะหยิบยืมกันใช้ไม่ได้ อย่างเดียวกับแว่นตา และถ้าจะไปหาซื้อของสำเร็จที่ทำมาวางขายในตลาดเห็นจะหาที่เหมาะแก่ตัวไม่ได้ หรือได้ก็ไม่ได้ดี

อีกประการหนึ่ง ให้สงสัยในเครื่องต่างหู ว่ามันจะผันแปรรับเสียงได้ต่างๆ เหมือนหูเดิมเจียวหรือ เมื่อดูเทียบกับแว่นตาก็เห็นเคยมีคนพกไปตั้งสองสามอัน สำหรับเปลี่ยนใส่ดูไกลดูใกล้ อันเดียวไม่สำเร็จตลอดไปได้เหมือนตาเดิม

อ่านพระนิพนธ์เรื่องเที่ยวเมืองพะม่าคราวนี้ ฟังตรัสเล่าถึงเอาเรือจมทำให้แม่น้ำเปลี่ยนทาง อันนั้นก็เหมือนในเมืองเรา ร่องสันดอนปากน้ำเจ้าพระยาซึ่งเรือเดินอยู่ทุกวันนี้ เกิดขึ้นด้วยเอาเรือจมปิดร่องเก่าเหมือนกัน ร่องเก่าเดินอ้อมไปทางเรือนตะเกียง เดี๋ยวนี้ไปไม่ได้แล้ว เมื่อไปเที่ยวเมืองเหนือเขาเล่าให้ฟังว่า แม้แต่ต้นไม้ล้มลงไปราน้ำอยู่ต้นเดียวก็ทำให้แม่น้ำเปลี่ยนไปได้มากมายนัก เรื่องน้ำนั้นเกล้ากระหม่อมกลัวมันเหลือเกิน เคยเห็นเขื่อนพังมาหลายหนแล้ว เพราะเมื่อทำเขื่อนกันไม่ให้มันกัดดินพัง มันกัดเขื่อนไม่ได้มันเลื่อนลงไปกัดดินใต้เขื่อน พอดินใต้เขื่อนร่อยหรอไปเขื่อนก็เลื่อนลงแม่น้ำไป เว้นแต่เขื่อนในคลองเท่านั้นที่อยู่ได้ เพราะน้ำตื้นปักเสาเขื่อนให้ลึกลงไปกว่าท้องคลองได้ ส่วนแม่น้ำนั้นอย่าหวังเลยว่าจะอยู่ได้ เขื่อนโรงน้ำมันของฝรั่งซึ่งทำเรียบร้อย ณ ที่ดินบ้านพระยาปฏิพัทธซึ่งเขาซื้อไป บัดนี้ก็พังไหลลงแม่น้ำไปแล้ว ยังกัดเอาแผ่นดินเข้าไปอีกเปนกองสองกอง แรงน้ำนั้นมันกัดแรงและรวดเร็วอย่างยิ่ง ที่ทำนบคลองรังสิตเขาปิดเมื่อแรกทำประตูน้ำ นายช่างไปเห็นแล้วว่าน้ำซึมออกได้ แต่ไปเห็นเปนเวลาเย็นแล้วจะทำแก้ไขไม่ทัน จึงผัดไปว่าพรุ่งนี้เช้าเถิดจึงค่อยทำ ด้วยนึกว่าจะไม่สู้เปนไร แต่ผิดคาดหมาย รุ่งเช้าขึ้นเปนช่องใหญ่จนสามารถที่ควายก็ลอดได้

เมื่อวานซืนนี้ ได้ไปเลี้ยงพระวัดหัวลำโพง ทำบุญถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงแล้วเมื่อวานนี้ ได้ทำธงดอกไม้ไปถวายบูชาพระบรมรูปปัญจมราชานุสสรณ และเข้าไปสนองพระเดชพระคุณในงานพระราชกุศลทักษิณานุปทานพระบรมอัฐิ ขอถวายพระกุศล

มีเรื่องขันอันเกี่ยวด้วยพระบรมรูป จะนำมาเล่าถวายสนุก ๆ เรื่องหนึ่ง เกล้ากระหม่อมได้รับใบปลิวส่งมาทางไปรษณีย์ เรี่ยไรเงินทำยอดพระมาลาพระบรมรูปทรงม้าแทนที่หาย ซึ่งขะโมยลักเอาไปบอกชื่อผู้เรี่ยไรว่า ล.นรินทร์ธุรรักษ์ สำนักงานเรือเป็ด จอดอยู่ที่สะพานเซี่ยว เห็นอาการหนักเต็มที ยอดพระมาลาไม่มีจะหาย เพราะเปนของอยู่ใต้ภู่ขนนกปิด เขาไม่ได้ทำมาแต่เดิม อีกประการหนึ่งสำนักงานก็เปนสำนักงานลอย อาจลอยเลื่อนหายไปข้างไหนเสียเมื่อไรก็ได้ การเรี่ยไรจะสำเร็จผลเพียงไรหรือไม่ก็ไม่ทราบ

ฝ่าพระบาททรงจำได้ถี่ถ้วนหรือไม่ ว่าแทงวิสัยนั้นแต่งตัวอย่างไร เกล้ากระหม่อมจำได้แต่ว่าแต่งรุ่มร่ามคล้ายเขี้ยวกาง เสื้อผ้าติดจะขาวหลัวไม่มีทอง และไม่เปนสีฉูดฉาด ใส่เคราใส่เทริดถือหอกรำย่องแย่งเปนทีต่อสู้กัน เข้าปี่พาทย์เพลง “กลม” จำได้เท่านี้เอง ตามที่่ว่านี้เปนแทงวิสัยผู้หญิง ส่วนผู้ชายนั้นไม่เคยเห็นเขาเลย เพราะเขาเล่นอยู่ชั้นนอกข้างศาลาลูกขุน

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ