- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๒
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๙ เมษายน ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๓ เที่ยวเมืองหงสาวดี
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ เที่ยวเมืองมัณฑเล
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มิถุนายน
- วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๒
- วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๓
- วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๔
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๕
- วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กรกฎาคม
- วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๖
- วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๗
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กันยายน
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร (๒)
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๑)
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —กฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น (๒)
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ตอนที่ ๓)
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —จดหมายบันทึก ที่แก้เปลี่ยนคำ ในกฎมนเฑียรบาลพม่า
- วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๖)
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๗)
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๘)
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๙)
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๑)
- มกราคม
- วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ
- วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- —คำนำ หนังสือเรื่องกฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —ประมวญวัน วันอาทิตย์ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มีนาคม
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
Cinnamon Hall,
206 Kelawei Road, Penang. S.S.
วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙
ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์แล้ว จะทูลสนองความในลายพระหัตถ์เปนเบื้องต้น
โกศ ๔ เหลี่ยมหุ้มขาวอย่างเช่นทรงพระศพพระองค์เจ้าปฤษฎางค์นั้น ได้ยินว่าทูลกระหม่อมทรงคิดแบบขึ้นแต่ยังทรงผนวช เพราะเหตุเจ้าฟ้าอาภรณ์ประชวรสิ้นพระชนม์ในระหว่างเปนโทษเนื่องกับคดีหม่อมไกรสร เมื่อตอนปลายรัชชกาลที่ ๓ พระศพต้องฝัง (และสันนิษฐานต่อไปว่า) ต้องใส่หีบเมื่อเผา ตามประเพณี ทูลกระหม่อมทูลขอและได้พระราชทานอนุญาตให้เปนเจ้าภาพจัดการปลงพระศพเจ้าฟ้าอาภรณ์ ตรัสว่าพระศพเจ้าฟ้าไม่เคยใส่หีบ แต่จะเรียกโกศหลวงก็ไม่ได้ จึงทรงพระราชดำริให้ทำโกศขึ้นอย่างใหม่ ตัวโกศทำเปน ๔ เหลี่ยมหุ้มผ้าขาว ตอนฐานรองโกศจะเปนอย่างไรไม่ทราบ แต่ผ้าโกศนั้นใช้แผ่นกระดานปิดปากโกศ แล้วมีฉัตรผ้าขาวซ้อนกัน ๓ ชั้นรูปเปน ๔ เหลี่ยมเหมือนกับโกศตั้งต่อขึ้นไป ระไบฉัตรชั้นล่างปรกปากโกศ จึงดูเหมือนฉัตร ๓ ชั้นนั้นเปนฝาโกศ เรียกกันว่า “โกศลังกา” เพราะเหตุใดหาทราบไม่ ในรัชชกาลที่ ๔ เอาแบบมาใช้เปนโกศหลวงอีกอย่างหนึ่งสำหรับทรงพระศพพระเจ้าลูกเธอที่สิ้นพระชนม์เมื่อยังทรงพระเยาว์ แล้วขยายออกไปถึงใช้ทรงพระศพพระองค์เจ้าวังหน้าและพระองค์เจ้าตั้ง แต่มิได้ใส่ศพบุคคลชั้นอื่นนอกจากเจ้า (น่าสันนิษฐานว่า เมื่อก่อนรัชชกาลที่ ๔ พระศพพระองค์เจ้าวังหน้าและพระองค์เจ้าวังหลังจะใส่หีบ ต่อที่ได้รับกรมหรือพระราชทานเกียรติยศพิเศษ จึงจะได้ใส่โกศ)
ฝาโกศลังกามาเลิกฉัตร ๓ ชั้น เปลี่ยนเปนฝาทรงมันเหมือนโกศอย่างอื่นในรัชชกาลที่ ๕ แต่คงเปนรูป ๔ เหลี่ยมและหุ้มผ้าขาวตามตัวโกศ (ฐานก็เห็นจะแก้เข้าแบบโกศอื่นในคราวเดียวกัน) หม่อมฉันเข้าใจจ่าการแก้ฝาโกศลังกานั้น จะแก้เมื่องานศพหม่อมเจ้าหญิงประวาศสวัสดี๑ ปีใดจำไม่ได้ เมื่อเธอสิ้นชีพยกศพลงหีบไปก่อฝังไว้ที่วัด ครั้นเมื่อจะพระราชทานเพลิงทรงพระกรุณาโปรดให้ทำงานศพเสมอเปนพระองค์เจ้า เพราะเปนสะใภ้หลวง เมื่อทำศพหญิงประวาศนั้นเองจะเปนในสมัยกรมหมื่นปราบหรือสมัยเจ้าพระยาธรรมาจำไม่ได้แน่ จึงแก้แบบฝาโกศตามพระประสงค์ของกรมขุนพิทยลาภ แล้วใช้เปนแบบสืบมา แต่ลองประกอบโกศลังกานั้นเกิดมีขึ้นแต่ครั้งพระศพพระองค์เจ้าสิงหนาท ได้ยินว่าเจ้าพระยาเทเวศรไปทูลขอต่อสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยาบำราบ จึงทรงประดิษฐขึ้น
หนังสือแจกงานศพพระยาสุริยานุวัตรนั้น บางทีเจ้าภาพจะส่งมาให้หม่อมฉันด้วย เพราะหม่อมฉันได้ส่งเครื่องขมาไป ไม่ต้องประทานก็ได้ แต่ก็ขอบพระคุณอยู่นั่นเอง
ในลายพระหัตถ์ตรัสถึงพระราชทานเพลิงศพด้วยจุดฝักแค ทำให้หม่อมฉันนึกขึ้นถึงชะนวนฝักแคพระราชทานเพลิงศพ ว่ามีอีกอย่างหนึ่งซึ่งไม่ทำเปนตัวนาค เปนแต่เอาไม้รวกทั้งลำยาวสัก ๒ ศอก ทลวงข้อขัดเกลา เอากระดาษทองปิดเปนปล้องๆ เหมือนอย่างดอกไม้น้ำที่เรียกว่า “เป็ดไซ้แหน” พาดบนหลักแลหัวชะนวนอยู่ที่ปลายกระบอกอย่างเดียวกับที่ปากนาค จะเรียกว่าอะไรไม่ทราบ แม้แต่ที่หม่อมฉันได้เห็นเมื่อใดจะทูลยืนยันก็ไม่ได้ แต่มีเช่นนั้นเปนแน่ จึงมาคิดสันนิษฐานว่าอย่างนั้นเปนแบบเดิม ที่ทำเปนตัวนาคประดิษฐขึ้นภายหลัง
อติเรกนั้น แบบเดิม “อติเรกวสฺสสตชิวะ” ทูลกระหม่อม ทรงเติมคำ “ตุ” และที่ตรงคำ “มหาราชวรสฺส” ทูลกระหม่อมทรงเพิ่มคำ “ปรเมนฺท” เข้าข้างหน้า หม่อมฉันเห็นว่าคงเปนเพราะในสมัยนั้นต้องถวายอติเรกพระเจ้าแผ่นดิน ๒ พระองค์ ให้เพิ่มคำ ปรเมน สำหรับพระองค์ ใช้คำ ปวเรนท ถวายอติเรกพระบาทสมเด็จพระปื่นเกล้าฯ อยู่ในเรื่องที่เกิดคำ “บรม” กับ “บวร” นั่นเอง ถึงรัชชกาลที่ ๕ เปลี่ยนคำปรเมนทเปนปรมินฺท โดยไม่มีความจำเปนเหมือนเมื่อรัชชกาลที่ ๔ ความจึงกลายเปนแต่อย่างให้รู้ว่ามิใช่พระองค์ก่อนถึงรัชชกาลที่ ๖ สมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ต้องพระประสงค์จะให้ใช้คำ “รามาธิบดี” ในอติเรกด้วย สมเด็จพระมหาสมณจึงเอาเข้าซ้อนหน้าคำ “มหาราชา” ข้างต้นว่า “รามาธิปติ มหาราชา” แต่มางดคำรามาธิปติเสียเมื่อรัชชกาลที่ ๗ จึงเหลือแต่ “ปรมินฺท มหาราชฺวรสฺ”
ที่มอญเมืองไทยยังพูดภาษามอญได้อยู่มากนั้น คงเปนเพราะเหตุที่มีตำบลบ้านอยู่แต่พวกมอญเปนแห่งๆ มอญอยู่รวมกันมากก็พูดมอญกันได้สดวก ถึงกระนั้นก็ต้องเรียนภาษาไทยให้รู้มาแต่เด็กพูดได้ทั้ง ๒ ภาษาทุกคน แต่เมื่อมอญคนไหนแยกไปสมพงศอยู่ด้วยกันกับไทยหรือฝรั่ง เกิดลูกหลานก็ไม่รู้ภาษามอญ ๆ ในเมืองไทยคงจะหมดไปเหมือนกัน หม่อมฉันเคยทราบจากพระสุเมธมุนี ว่าในวัดชนะสงครามแต่ก่อนมีพระพูดมอญได้ด้วยกันมาก เดี๋ยวนี้มีสัก ๒๐ องค์เท่านั้น หัวเมืองมอญของพะม่าทางข้างใต้ก็น่าจะเปนเค้าเดียวกับในเมืองไทย
เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ มีพระมาหาหม่อมฉัน ๔ องค์ เปนพระราชาคณะเจ้าคณะจังหวัดพัทลุง (หม่อมฉันไม่เคยรู้จักมาแต่ก่อน) องค์ ๑ พระครูวัดมัชฌิมาวาสเมืองสงขลา เคยรู้จักกันแล้วองค์ ๑ เปรียญวัดมัชฌิมาวาส (ไม่เคยรู้จัก) องค์ ๑ กับพระมหาทองสืบวัดมงกุฎกระษัตริย์ ซึ่งเคยชอบกับหม่อมฉันมาแต่ก่อนองค์ ๑ ได้สนทนากับพระมหาทองสืบมากกว่าองค์อื่น ถามเธอถึงสวด โสอัตฺถลทฺโท แลสพฺพพุทฺธา เธอตอบว่าเธอเปนเพียงเปรียญมิใคร่ได้รับนิมนต์ในงานพิธีหลวง แต่เคยเข้าไปได้ยินสวด สพฺพพุทฺธา ครั้ง ๑ แต่สวด โสอัตฺถลทฺโท หาเคยได้ยินไม่ ได้ทราบจากเธอเรื่องหนึ่งซึ่งหม่อมฉันออกรำคาญ เคยได้ยินจากพระองค์หญิงวัลภาเทวีแล้วว่า สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์จะเวรคืนหน้าที่แทนมหาสังฆปรินายก มาได้ยินชัดเจนยิ่งขึ้นจากมหาทองสืบ ว่าได้ลาแล้วถึง ๓ ครั้ง และได้ปรึกษากันในที่ประชุมมหาเถรสมาคม ไม่มีพระมหาเถรองค์ใดที่จะรับเปนแทน จึงยังติดอยู่เพียงนั้น ที่สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์อยากออกนั้นก็ไม่ปลาดอันใดด้วยท่านต้องรับภาระอันลำบากมานานแล้ว หม่อมฉันรำคาญอยู่ที่จะตกลงกันอย่างไร ถ้าเสื่อมกำลังมหาเถรสมาคม พระสาสนาจะพลอยเสื่อมทรามหนักไปด้วย คดีก็เคยมีเช่นเรื่องสาสนสมบัติ หากมหาเถรสมาคมมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์เปนอาทิ ยืนยันแขงอยู่จึงรอดมาได้
คราวเมลนี้หม่อมฉันไม่สามารถจะถวายเรื่องเที่ยวเมืองพะม่าต่อได้ ด้วยแต่งขึ้นบ้างแล้วไม่ชอบ จะแก้ต้องแต่งใหม่ทำไม่ทันคราวเมล ต้องขอทูลผัดไปถวายคราวหน้า
-
๑. หม่อมเจ้าประวาศสวัสดี โสณกุล ต่อมาได้เป็นชายา จอมพล กรมหลวงนครไชยศรี ↩