วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๔๗๙

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๑๖ เดือนนี้ ส่งประทานไปยังศรีมหาราชาเพื่อเปนการทดลอง ลายพระหัตถ์ไปถึงศรีมหาราชาแคล้วกับเกล้ากระหม่อมกลับกรุงเทพ ฯ เสียแล้ว เขาจึงส่งตามมาให้ที่กรุงเทพ ฯ ได้รับวันที่ ๒๒ เปนเวลา ๖ วัน ขอประทานทูลสนองเสียเปนหนังสือถวายแซกคราวกำหนด เพื่อจะได้ไม่คับคั่งสำส่อนกับหนังสือถวายตามคราวกำหนด

หนังสือซึ่งถวายมาแต่ศรีมหาราชามาถึงเร็วนั้น เพราะเลือกหาช่องที่จะให้มาถึงเร็ว ด้วยมีเรือเมล์เดินเข้าอยู่สับตาหะละ ๒ วัน คือวันอาทิตย์กับวันพฤหัสบดี ได้เขียนหนังสือถวายดักส่งกับเรือเข้าวันพฤหัสบดี วันศุกรเช้าก็ถึงกรุงเทพ ฯ พอวันเสาร์ก็ได้ส่งรถเมล์มาปีนังพอดี วันอื่นๆ ก็ฝากหนังสือได้จากศรีมหาราชา แต่ว่าเขาจัดส่งทางบก มักโอ้เอ้ไปเที่ยวค้างช้าอยู่ที่ไหนต่อไหน เขาพูดกันว่าลางทีเลยหายก็มี

ตามที่ทรงพระดำริคาดว่าจะไปอยู่ณที่พักของเจ้าพระยาสุรศักดินั้น เปนแต่เกือบถูก เพราะเรือนเจ้าพระยาสุรศักดินั้น พระยาวิชิตชลธีไปเช่าอยู่เปนประจำเสียแล้ว แต่คุณหญิงสุรศักดิได้ปลูกเรือนขึ้นใหม่อีกหลายหลังติดต่ออยู่แถวเดียวกัน สำหรับให้คนไปตากอากาศเช่าอยู่ เวลานี้ไม่ใช่ฤดูไปตากอากาศกัน เกล้ากระหม่อมจึงเข้าอยู่ที่เรือนปลูกใหม่นั้น

จะทูลสนองข้อที่ทรงพระปรารภเรื่องเด็กสิงห์โต ชายหนุ่มที่เขามาขอนั้น ไม่ใช่คนไกลหาไหนมา เปนเด็กที่นายเม่งเชี้ยวเตี่ยสิงห์โตใช้สอยในการทำมาหากินอยู่นั้นเอง นับกันว่าเปนญาตด้วย นายเม่งเชี้ยวควบคุมบริษัทตั้งทำน้ำแข็งที่เมืองชล จัดให้เด็กหนุ่มคนนั้นประจำดูแลโรงจักรทำน้ำแข็ง ฝึกหัดในการทำมาหากิน ไม่ใช่นักการเมือง สังเกตกิริยาท่าทางดูก็เรียบร้อยคล่องแคล่วดี ทั้งจัดว่ามีหลักฐาน มารดาเขาเกล้ากระหม่อมก็รู้จัก เปนคนมีอัฐ บิดาเขาชื่อหลวงบุรีบริบาล ว่าเปนผู้รับใช้อยู่ในพระวิมาดาเธอ น่าที่หญิงพูนจะรู้จัก แต่ความประพฤติตัวเขาจะเปนอย่างไรไม่ทราบ เชื่อว่าบิดามารดาของสิงห์โตคงจะได้ใส่ใจดู เห็นแล้วว่าดีแล้วจึงได้ยกให้

หญิงอามรับธุระจะจัดเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวให้สิงห์ใตในการแต่งงาน แต่มีความหนักใจว่าพวกเมืองชลเขาจะไม่ชอบ จึงไล่เลียงสิงห์โตได้ทราบความแปลกๆ เห็นว่าควรจะกราบทูลให้ทรงทราบด้วยติดจะขัน ๆ ว่าเสื้อผู้หญิงที่ตัดฟิตอย่างทุกวันนี้ พวกเมืองชลชอบ เพราะเข้าแบบเสื้อกระบอกหรือเสื้อเอวซึ่งเคยใส่มาแต่ก่อน ส่วนเสื้ออย่างโคร่งคร่างคาดเข็มขัดหลวม ๆ ลงไปยานอยู่แค่ตะโพกซึ่งเลิกไปแล้วนั้นเขาไม่ชอบ ว่าเหมือนปลากระบอกท้องไข่ ดัดผมคลื่นเขาเรียกว่าผมกาบมะพร้าว เพราะถูกไฟเกรียมเส้นแข็งเหมือนเส้นกาบมะพร้าว ผู้หญิงที่แต่งแต้มปากเขาว่าเป็นผู้หญิงคนชั่ว แปลว่าแบบสากลนั้นพวกชาวเมืองชลไม่ชอบ ทั้งทางบ้านเกล้ากระหม่อมก็ไม่ชอบประกอบกันถึงสองแรง คงจะเปนเหตุไม่ให้สิงห์โตเปนไปในทางไม่งามตามที่ทรงรำพึง

เรื่องพระบรมอัฏฐินั้น เมื่อในรัชชกาลที่ ๕ ใครเวนถวายไม่ทรงรับเลย ตรัสว่า “พระบรมอัฏฐินอกวัง (หมายถึงพระราชมนเทียร) จะรับเข้ามาในวังไม่ได้” คิดดูว่าเหตุใดจึงมีข้อทรงรังเกียจเช่นนั้นก็มาเห็นความว่า น่าจะเปนทางที่ไม่ควรเชื่อในพระราชหฤทัยว่าเปนพระบรมอัฏฐิอันแน่แท้ ไม่ไขว้เขวเปนอัฏฐิผู้อื่นไป ต่อมาถึงรัชชกาลที่ ๖ หรือที่ ๗ จึ่งได้โปรดให้รับ เจ้าพนักงานไม่รู้จะทำอย่างไรก็เชิญไปรวมไว้ในปราสาทพระเทพบิดร ดูเหมือนจะไม่ใช่มีแต่พระบรมอัฏฐิ เกล้ากระหม่อมเกรงว่าจะสำส่อนยังสืบอยู่ว่าใครเปนหน้าที่รักษา รู้อะไรบ้าง และทำกันอย่างไร ในพระราชสำนักเวลานี้ก็มีคนใหม่ๆ ภายนอกเข้ามาเปลี่ยนคนเก่า ๆ ในพระราชสำนักไปมากแล้ว

เรื่องขายไสนั้นนึกวิตกในการที่จะจัดตามพระดำรัสแนะนำ นึกไม่ออกว่าจะพูดไปกับใคร วิชาของขายไสอาจมีที่ต้องการอยู่หลายกระทรวง ถ้าเคยเปนนักเรียนหลวงกระทรวงใดมาก็ง่าย พูดไปกระทรวงนั้น แต่นี้เปนนักเรียนไปรเวต จะพูดสุ่มลองดูไปทุกๆ กระทรวงหรือประการใด ในลายพระหัตถ์ฝ่าพระบาทตรัสว่าได้เคยทรงจัดมาแล้ว ได้ทรงจัดไปอย่างไร ทรงพระเมตตาโปรดชี้ทางให้ทราบเกล้าบ้างจะเปนพระเดชพระคุณล้นเกล้า

จะกราบทูลถึงกะปุกที่เขี่ยเท่าบุหรี่ ซึ่งแม่โตถวายมา คิดว่าคงไม่ได้กราบทูลอธิบายมาให้ทรงทราบด้วย ถ้าเช่นนั้นดูก็จะเปนอ่อนแอมากที่ส่งของเลว ๆ มาถวาย แต่ความลับมีอยู่ที่กะปุกนั้นทำในกรุงเทพ ฯ แม่โตรู้สึกอี๋จึงส่งมาถวาย

เมื่อวันที่ ๒๗ ได้รับโทรเลข บอกข่าวชายไสมาถึงปินัง แล้ววานนี้ วันที่ ๒๘ ก็ได้รับลายพระหัตถ์ ซึ่งตรัสเล่าความพิสดารออกไปอีก เปนพระเดชพระคุณล้นพ้นที่ได้ทรงพระกรุณาเกื้อกูล มีความยินดีเปนล้นเกล้า ขอถวายพระพรให้ทรงพระเจริญสิริสวัสดิทุกเมื่อแล

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

  1. ๑. หลวงบุรีบริบาล (เรียง อุไทยชลานนท์)

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ