- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๒
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๙ เมษายน ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๓ เที่ยวเมืองหงสาวดี
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ เที่ยวเมืองมัณฑเล
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มิถุนายน
- วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๒
- วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๓
- วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๔
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๕
- วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กรกฎาคม
- วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๖
- วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๗
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กันยายน
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร (๒)
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๑)
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —กฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น (๒)
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ตอนที่ ๓)
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —จดหมายบันทึก ที่แก้เปลี่ยนคำ ในกฎมนเฑียรบาลพม่า
- วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๖)
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๗)
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๘)
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๙)
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๑)
- มกราคม
- วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ
- วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- —คำนำ หนังสือเรื่องกฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —ประมวญวัน วันอาทิตย์ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มีนาคม
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
Cinnamon Hall,
206 Kelawei Road, Penang. S.S.
วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๗๙
ทูล สมเด็จกรมพระนริศฯ
หม่อมฉันรับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์แล้ว เรื่องของเจ้าปิยที่พิพิธภัณฑ์สถานซื้อนั้นหม่อมเจิมของหม่อมฉันมาเล่ารายการต่อไป ว่ารัฐบาลให้ซื้อด้วยเงินรายได้ของกรมศิลปากร คือ เงินทุนที่ราชบัญฑิตย์สภาได้สะสมไว้ จำนวนเงินมีไม่พอจะให้ในคราวเดียวทั้ง ๔๐,๐๐๐ บาท ต้องผัดผ่อนใช้เปนหลายคราวเห็นจะหลายปีกว่าจะใช้หมด
เจ้าปิย๑ เธอได้เปรียบคนอื่นด้วยเธอรวมเงินตราต่างๆ เมื่อเธอเปนปลัดทูลฉลองกระทรวงพระคลัง เวลาแรกเลิกใช้เงินพตด้วง เงินชนิดนั้นเข้ามารวมอยู่ในพระคลังมาก เลือกได้ตามใจไม่ต้องไปเที่ยววิ่งหาเหมือนคนอื่นๆ แต่เธอไปเชื่อนายกุหลาบในข้อที่ว่าเงินตราอย่างไหนเปนเงินแผ่นดินไทย บอกมิสเลอเม ๆ สำคัญว่าเธอรู้จริง เอาไปแต่งลงพิมพ์ (ดูเหมือนจะเปนในหนังสือของสยามสมาคม) เลยเลอะไปหมด แต่ไม่เปนเหตุให้ร้ายเหมือนหนังสือ “อภินิหารบรรพบุรุษ๒” ฉะบับของเจ้าปิย หนังสือฉะบับนั้นเปนสมุดขาว เธอมีแก่ใจเอามาให้คัดสำเนาไว้ในหอพระสมุดฯ เมื่อเอามาเธอบอกหม่อมฉันเปนมั่นคง (ราวกับ “สบถได้”) ว่าเปนฉะบับของสมเด็จกรมพระยาปวเรศรฯ เธอได้มาโดยมีหลักฐานว่านายกุหลาบมิได้เกี่ยวข้องกับหนังสือฉะบับนั้น ครั้นดีดพิมพ์คัดสำเนาแล้วเขาเอามาให้หม่อมฉันดู อ่านไปไม่กี่หน้าก็รู้แน่ (อย่างสบถได้) ว่าเปนฉะบับนายกุหลาบนั่นเอง ครั้นจะโต้แย้งเจ้าปิยก็เกรงว่าจะเกิดขัดใจกันด้วยเธอเชื่อถือมั่นคง หม่อมฉันก็เปนแต่ให้เก็บไว้ในหอพระสมุดฯ และเขียนด้วยลายมือของหม่อมฉันบอกไว้ข้างต้นว่าเปนฉะบับนายกุหลาบ และเขียนฟุตโน้ตไว้ในนั้นด้วยหลายแห่งแสดงหลักฐานให้เห็นเท็จ ความสงบมาจนเจ้าปิยสิ้นชีพฯ ทูลกระหม่อมชายเปนเจ้าภาพงานศพ เอาหนังสือเรื่องนั้นออกพิมพ์แจกในงานพระราชทานเพลิงศพเจ้าปิย ในเวลาเมื่อหม่อมฉันไปยุโรปคราวหลัง กลับมาเห็นเข้าก็ตกใจ ทูลถามทูลกระหม่อมชายว่าเหตุใดจึงทรงพิมพ์หนังสือเท็จเรื่องนั้น ท่านตรัสตอบว่าเปนความผิดของพระองค์ท่านเอง ด้วยตรัสสั่งให้หม่อมอนุวัตรไปเลือกหนังสือของหม่อมเจ้าปิยมาพิมพ์สักเรื่องหนึ่ง หม่อมอนุวัตรไปทราบจากคนของเจ้าปิย ว่าหนังสือเรื่องนี้เธอโปรดมากจึงเลือกเอามา ทูลกระหม่อมทรงฟังแต่คำหม่อมอนุวัตรทูลเสนอ ก็ตรัสสั่งให้พิมพ์และทรงแต่งคำนำประทานทั้งยังไม่ได้ทรงอ่านหนังสือนั้น ต่อแจกหนังสือนั้นแล้วจึงเปิดออกทอดพระเนตร อ่านไปสักสองสามหน้าก็ตระหนักพระหฤทัยว่าเปนหนังสือนายกุหลาบแต่ง เมื่อการล่วงเลยพ้นเวลาจะแก้ไขได้เสียแล้ว หนังสือนั้นจึงแพร่หลาย เลยเปนเครื่องมือของคนร้ายใช้ติเตียนพระราชวงศ์
เรื่องจางวางรอดของเจ้าปิยก็มียืดยาว เกี่ยวกับตัวหม่อมฉันด้วยก็มาก ควรจะทูลเล่าถวายได้ มูลเหตุที่หม่อมฉันจะรู้จักนายรอด (เมื่อก่อนเปนจางวาง) นั้น นายรอดขึ้นไปลักพระเศียรพระศิลาที่เมืองลพบุรี เจ้าเมืองเขาให้ตำรวจภูธรตามลงมาจับได้ทั้งนายรอดและเศียรพระเอาไปลพบุรี หม่อมฉันยังไม่ทราบจนเจ้าปิยซึ่งเปนกรรมการหอพระสมุดอยู่ด้วยในสมัยนั้น มาบอกว่านายรอดเปนคนรับใช้ของเธอ ขึ้นไปเที่ยวหาของโบราณ ไปเห็นพระเศียรพระศิลาทอดทิ้งอยู่สำคัญว่าไม่มีใครหวงแหนจึงเอาลงมา เดี๋ยวนี้ถูกจับใส่ตรางไว้ที่ลพบุรี ขอให้หม่อมฉันช่วยสักที หม่อมฉันนึกว่านายรอดติดตรางอยู่หลายวันและของกลางก็ได้คืนแล้ว จึงมีจดหมายไปถึงเจ้าเมืองลพบุรีเขาก็งดฟ้องปล่อยตัวนายรอดมา เรื่องนี้เปนมูลเหตุที่นายรอดจะได้รู้จักกับหม่อมฉัน ด้วยมาขอบใจเมื่อช่วยให้พ้นโทษมาได้ สมัยนั้นกำลังหม่อมฉันเสาะหาตู้ของโบราณมาใส่หนังสือในหอพระสมุดฯ นายรอดยื่นหนังสือต่อหม่อมฉันเนืองๆ บอกว่าได้ไปเห็นตู้ดีมีอยู่วัดนั้นๆ สอบดูได้จริงดังว่า เมื่อหม่อมฉันไปขอพระได้ตู้มา ก็ให้บำเหน็จแก่นายรอด หม่อมฉันจึงได้ใช้นายรอด กับลูกน้องซึ่งนายรอดพามาให้รู้จักอีกคนหนึ่ง ให้เที่ยวสืบหาตู้อยู่ระยะหนึ่ง ครั้นต่อมาหม่อมฉันไปเมืองสุพรรณ เมื่อพักอยู่ที่เมืองมีพระอธิการวัดหนึ่งไปถามพระยาสุพรรณว่าหม่อมฉัน “ต้องพระประสงค์” พานสองชั้นประดับมุกที่วัดหรืออย่างไร พระยาสุพรรณถามได้ความจากพระว่ามีชายคนหนึ่งไปอ้างว่าเปนคนตามเสด็จหม่อมฉัน หม่อมฉันอยากจะทอดพระเนตรของโบราณ ทราบว่ามีพานมุกอยู่ที่วัดนั้น จึงให้ตนมาขอไปถวายทอดพระเนตร เมื่อพระมอบพานมุกไปให้แล้วนึกระแวงขึ้นมาว่าจะไม่จริงเช่นว่า จึงขึ้นมาสืบ หม่อมฉันบอกพระยาสุพรรณให้รีบสืบจับก็ได้ตัวคนที่เปนลูกน้องของนายรอดกับทั้งของกลางคามือ ต้องติดคุกเมืองสุพรรณ แต่นั้นนายรอดก็ไม่กล้าเข้าหน้าหม่อมฉันอีก เรื่องรูปพระกาฬที่ตรัสเล่ามาในลายพระหัตถ์ก็เกี่ยวข้องกับหม่อมฉัน แต่เพิ่งมาทราบในลายพระหัตถ์ว่านายรอดเปนผู้ลัก เดิมหม่อมฉันได้ยินคำเล่าลือว่าโปลิศจับได้เทวรูปของโบราณงามนัก สงสัยว่าจะมีใครลักลงมาจากข้างเหนือ หม่อมฉันอยากเห็นจึงให้ไปบอกผู้บังคับการโปลิศ เขาก็ส่งมาให้ดูที่หอพระสมุด พอหม่อมฉันเห็นก็รู้ว่าเปนของใหม่ เพราะทำนุ่งผ้าโจงกระเบนอย่างลิเกแต่งตัว แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเอามาจากไหน จนพระยาโบราณเห็นบอกว่าเทวรูปพระครูปลื้มสร้างไว้ที่นครหลวง ก็เลยจัดการให้คืนไปไว้ที่เดิม หม่อมฉันมาได้ยินข่าวเรื่องนายรอดครั้งที่สุดว่า ขึ้นรถยนต์กับลูกน้องไปลักพระพุทธรูปที่วัดเทวราชกุญชร โปลิศจับได้คามือ ถูกติดคุก แต่ยังนึกสงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่าเปน “จางวาง” ของใคร เพิ่งเปนในตอนหลัง เมื่อหม่อมฉันใช้ยังเรียกกันแต่ว่านายรอด จะเปนจางวางของเจ้าปิยก็เข้าใจว่าเกินยศหม่อมเจ้า ต่อเปนพระองค์เจ้าจึงจะมีจางวางได้
หม่อมฉันยินดีทีทราบว่างานพระราชทานเพลิงศพพระยาโบราณฯ มีผู้คนไปมาก ต้องเปนคนสมัยเก่าอยู่เองจึงคุ้นกับพระยาโบราณฯ ดูก็เปนคู่เปรียบกับศพพระยาสุริยานุวัติชอบกล ศพนั้นมีคนแต่สมัยใหม่เปนพื้น หนังสือแจกงานศพมาถึงหม่อมฉันแล้วทั้งนั้น ยังขาดแต่งานกรมพระกำแพงเพ็ชร์กับงานพระยาโบราณฯ (ซึ่งอยากเห็นอยู่) บางทีจะเปนเพราะเจ้าภาพคอยหาโอกาสฝากคนที่มาปีนังด้วยเปนของขนาดใหญ่ หนังสืองานกรมพงศากับงานพระยาสุริยาฯ เจ้าสมัยเฉลิมก็รับฝากมา เธอบอกว่าจะไปปารีสเพื่อจัดของไทยแสดงพิพิธภัณฑ์ ว่าทำปราสาทพลับพลาไปตั้งหลังหนึ่งพระพรหมวิจิตรเปนคนออกแบบ เธอเปนผู้จะไปคุม ดูเธอรักจะรู้วิชาศิลปแบบไทย ลูกหม่อมฉันถามเธอว่า ถ้าเช่นนั้นไฉนจึงไม่ไปเฝ้าศึกษาต่อพระองค์ท่าน เธอตอบว่าประสงค์เช่นนั้นแต่แรกมา แต่ “พี่โป๊ะ” บอกว่าจะวิสาสะกับพระองค์ท่านนั้นยากนัก ตัวเธอเอง (คือเจ้าโป๊ะ) ต้องพยายามอยู่ถึง ๔ ปีจึงเข้าได้ เธอ (เจ้าสมัย) ก็ท้อใจ
ที่ทรงปรารภถึงความเหน็จเหนื่อยของหม่อมฉันและยกพระอาการส่วนพระองค์มาเปรียบนั้น อาการของหม่อมฉันก็เปนอย่างเดียวกันเพราะความชรานั้นเอง ขอบพระคุณที่ทรงพระปรารภถึงด้วยทรงพระเมตตา จะยกกรณีทูลพอเปนตัวอย่าง สัปดาหะนี้ก็ต้องทูลขอเว้นส่งเรื่องเที่ยวเมืองพะม่าอีกครั้งหนึ่ง เพราะหมู่นี้ต้องอ่านเขียนงานมากยังอ่อนเพลีย
หม่อมเจิมจะกลับกรุงเทพ ฯ พรุ่งนี้ เปนโอกาสจะฝากของถวายได้ ให้เที่ยวหาผลไม้ ลูกแปร์ก็เผอิญขาดคราว ส้มจัฟฟานั้นไม่มีมาขายกว่าปีแล้ว หม่อมฉันเพิ่งทราบในเรื่องพวกสเปญจับเรืออังกฤษในท้องทะเล กล่าวว่าเรือลำนั้นไม่มีอาวุธยุทธภัณฑ์อย่างใด เปนแต่บรรทุกส้มจากเมืองจัฟฟาไปขายในประเทศอังกฤษ จึงรู้ว่าเพราะมันเอาไปขายที่อื่นเสียหมด จึงไม่มีออกมาทางนี้