วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๔๗๙

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์ซึ่งโปรดประทานไป ลงวันที่ ๔ มีนาคม ได้รับประทานแล้ว

ขอประทานกราบทูลไขข้อต่อความเรื่องโกศราชวงศ์อีกเล็กน้อย อันโกศราชวงศ์นั้นเดิมเปนลุ้งหุ้มผ้าขาวฝาเปนฉัตร แล้วภายหลังได้แก้เปลี่ยนฝาฉัตรเปนฝาทรงมัณฑ์ก็มีขึ้น พระลองทองสำหรับประกอบก็มีขึ้น แต่งานพระศพที่ทำแล้วเมื่อคราวนี้ ทุกๆ รายใช้ประกอบพระลองแต่เมื่อตั้งทำบุญที่วัง ถึงเวลาออกพระเมรุเชิญแต่พระโกศขึ้นรถวอปิดม่านชักไปพระเมรุ เวียนด้วยรถพระวอ แล้วเชิญพระโกศขึ้นพระจิตกาธาน ไม่มีใช้พระลองประกอบที่พระเมรุอีก

พระศพพระองค์เจ้าปฤษฎางค์นั้นฝัง ไม่มีวังจะตั้งทำบุญ จึงไม่มีโอกาสที่จะใช้พระลองทอง คงได้ใช้แต่พระโกศอันหุ้มผ้าขาวเท่านั้น พระยาเทวาธิราชนึกถึงแบบซึ่งทำฝาเปนฉัตร เห็นว่าจะเปนสง่างามกว่าฝาทรงมัณฑ์ จึงย้อนรอยไปทำฝายอดฉัตรอย่างเก่าขึ้นด้วยคิดจะให้ดี ไม่ได้นึกลดยศถึงความผิดซึ่งมีล่วงมาแล้วนั้นเลย ผู้ที่คิดถึงความผิดเก่านั้นมีต่างหาก เขาเห็นว่าไม่ควรจะรับเข้าเมรุหลวงทีเดียว

พิธีโกนผมไฟนั้นเห็นไม่ใช่อื่น คือพิธีไว้จุกนั้นเอง เปนคู่กับพิธีโกนจุก ไว้จุกนั้นเห็นจะหมายความว่าเข้าสาสนาพราหมณ์ โกนจุกนั้นเห็นจะหมายความว่าเข้าพระพุทธสาสนา คือโกนหัวเพื่อบวชเปนเณร

ได้ทราบพระดำรัสเล่าถึงเรื่องสมโภชเดือนกรมขุนสุพรรณนั้นดีนัก เปนแบบฉะบับที่รู้สึกถูกใจในพระดำริของเจ้านายที่ใหญ่โตแต่ก่อนเปนอันมาก

ฝ่าพระบาททรงทราบหรือไม่ รกเจ้านายซึ่งเขาใส่หม้อไว้ แล้วเอาไปฝังเมื่อเสร็จงานสมโภชเดือนนั้น ราชาศัพท์เรียกว่าอะไรจนด้วยเกล้าไม่เคยได้ยิน คงไม่เรียกว่ารกเปนแน่

คิดถึงสมโภชหรือทำขวัญ หมายความว่าได้กิน หรือเลี้ยง คำว่า บายศรี บาย ว่า ข้าว ศรี ว่าขวัญ คือข้าวขวัญ ที่เอาไปเรียกอ้ายพานซ้อนเปนชั้นๆ ว่า บายศรี นั้นผิดทีเดียว เพราะไม่มีข้าวอยู่ในนั้น ที่แท้เปนสำรับเพิ่มเติมพิเศษเท่านั้น ตัวประธานอยู่ที่บายศรีปากชามเปนหลัก แล้วจะมีสำรับพิเศษเพิ่มเติม ที่เปนพานแก้วพานทองพานเงินหรือใบตองก็ได้ ไม่มีก็ได้ เพราะกับข้าวอย่างง่ายๆ มีอยู่ในบายศรีปากชามเสร็จแล้ว ที่เรียกว่าบายศรีตองนั้นก็คือกระทงกับข้าวซ้อน ๆ แบบพราหมณ์เขาชอบกินอาหารด้วยกระทงใบไม้ ถือว่าสอาดกว่าถ้วยชาม ไม่มีอาหารเก่าแปดเปื้อนได้ บายศรีแก้วทองเงินตามที่พบคำบุราณกล่าว ดูเปนเอาเครื่องถนิมพิมพาภรณมาแต่งบายศรีตองเข้าเท่านั้นเอง หาใช่พานแก้วพานทองพานเงินทำไว้สำหรับสมโภชทำขวัญไม่

สมเด็จพระพันวัสสา ข่าวว่าจะเสด็จมาในกลางเดือนเมษายน เสด็จมาปีนังโดยทางรถไฟก่อน แล้วเสด็จจะไปประพาสเกาะสุมาตรา กลับทางเรืออีสต์เอเซียติคขาเข้าไปกรุงเทพฯ ท่านโปรดทางเรือ ว่าสบายหนักความจริงก็เปนเช่นนั้น เกล้ากระหม่อมเห็นตามพระดำรัสเต็มตัว รถไฟนั้นเต็มทน เปนการย่างกายถวายชีวิต ดีแต่ถึงเร็วเท่านั้น

เรื่องของเกล้ากระหม่อมนั้น เปนด้วยทูลกระหม่อมชายตรัสฉุดมาหนักต่อหนัก ที่จะให้ไปเฝ้าที่เมืองชะวา เกล้ากระหม่อมก็ตกลงที่จะไปเฝ้าแล้วจะได้เห็นอ้ายพัง ๆ ต่าง ๆ ด้วย ขากลับจะได้แวะเฝ้าฝ่าพระบาทด้วยขออย่าได้ทรงเตรียมการรับรองให้มากมาย จนถึงได้ความลำบากอย่างหนึ่งอย่างไรเลย ครัวของเราเคยอยู่ยัดเยียดด้วยกันมามากแล้ว จะยัดเยียดอยู่ด้วยกันอีกก็ไม่ขัดข้อง มีแต่จะหัวเราะสนุกสนานไปด้วยกันอีกตามเคยเท่านั้นเอง ถ้าต้องแยกกันไปเสียอีกจะไม่สนุก

เวลานี้กำลังเตรียมการจะเผาศพชายถึก กำหนดวันที่ ๒๑ มีนาคมนี้ จะเผา ได้ซ่อมศาลาการเปรียญวัดนรนารถใช้เปนที่ตั้งศพทำบุญ ปลูกปะรำใบไม้ขึ้นหน้าศาลาเปนที่เผาศพ หนังสือกฎมณเฑียรบาลพะม่าได้จัดไปเสร็จแล้วเปนหนังสือนิดเดียว แต่เหนื่อยยากเปนหนักเปนหนา ด้วยเรื่องสอบสวนอะไรต่างๆ หญิงอามร้องโอ๊กว่า ฝ่าพระบาททรงพระวิตกถึงต้องดีดพิมพ์ภาษาบาลี ที่จริงภาษาบาลียังเข้าหูอยู่บ้าง ไม่สู้ยากนัก ที่ต้องทำภาษาพะม่านั้นเต็มที ภาษาไม่เข้าหู ทำยากลำบากกว่าภาษาบาลีมาก หนังสือนั้นตกลงกรมศิลปากร เขาทำคำนำเสริมหน้าเข้าด้วยอีกคำหนึ่ง คำของเกล้ากระหม่อมแก้เรียกว่าคำอุทิศ พระยาอนุมานยังไม่กลับมา

เรื่องสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ลาออกนั้น สืบทราบความมาว่าได้ลาออกจริง แต่ลาอ่อนๆ มีข้อไขว่า ถ้าไม่อนุญาตให้ออกก็ขอเพียงให้ได้พักสักปีหนึ่ง แต่มหาเถรสมาคมก็ไม่ยอมอนุญาตแม้อย่างใดเลย

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ