- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๒
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๙ เมษายน ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๓ เที่ยวเมืองหงสาวดี
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ เที่ยวเมืองมัณฑเล
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มิถุนายน
- วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๒
- วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๓
- วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๔
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๕
- วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กรกฎาคม
- วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๖
- วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๗
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กันยายน
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร (๒)
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๑)
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —กฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น (๒)
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ตอนที่ ๓)
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —จดหมายบันทึก ที่แก้เปลี่ยนคำ ในกฎมนเฑียรบาลพม่า
- วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๖)
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๗)
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๘)
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๙)
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๑)
- มกราคม
- วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ
- วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- —คำนำ หนังสือเรื่องกฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —ประมวญวัน วันอาทิตย์ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มีนาคม
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
ตำหนักปลายเนีน คลองเตย
วันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๔๗๙
กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท
ลายพระหัตถ์ซึ่งโปรดประทานไป ลงวันที่ ๔ มีนาคม ได้รับประทานแล้ว
ขอประทานกราบทูลไขข้อต่อความเรื่องโกศราชวงศ์อีกเล็กน้อย อันโกศราชวงศ์นั้นเดิมเปนลุ้งหุ้มผ้าขาวฝาเปนฉัตร แล้วภายหลังได้แก้เปลี่ยนฝาฉัตรเปนฝาทรงมัณฑ์ก็มีขึ้น พระลองทองสำหรับประกอบก็มีขึ้น แต่งานพระศพที่ทำแล้วเมื่อคราวนี้ ทุกๆ รายใช้ประกอบพระลองแต่เมื่อตั้งทำบุญที่วัง ถึงเวลาออกพระเมรุเชิญแต่พระโกศขึ้นรถวอปิดม่านชักไปพระเมรุ เวียนด้วยรถพระวอ แล้วเชิญพระโกศขึ้นพระจิตกาธาน ไม่มีใช้พระลองประกอบที่พระเมรุอีก
พระศพพระองค์เจ้าปฤษฎางค์นั้นฝัง ไม่มีวังจะตั้งทำบุญ จึงไม่มีโอกาสที่จะใช้พระลองทอง คงได้ใช้แต่พระโกศอันหุ้มผ้าขาวเท่านั้น พระยาเทวาธิราชนึกถึงแบบซึ่งทำฝาเปนฉัตร เห็นว่าจะเปนสง่างามกว่าฝาทรงมัณฑ์ จึงย้อนรอยไปทำฝายอดฉัตรอย่างเก่าขึ้นด้วยคิดจะให้ดี ไม่ได้นึกลดยศถึงความผิดซึ่งมีล่วงมาแล้วนั้นเลย ผู้ที่คิดถึงความผิดเก่านั้นมีต่างหาก เขาเห็นว่าไม่ควรจะรับเข้าเมรุหลวงทีเดียว
พิธีโกนผมไฟนั้นเห็นไม่ใช่อื่น คือพิธีไว้จุกนั้นเอง เปนคู่กับพิธีโกนจุก ไว้จุกนั้นเห็นจะหมายความว่าเข้าสาสนาพราหมณ์ โกนจุกนั้นเห็นจะหมายความว่าเข้าพระพุทธสาสนา คือโกนหัวเพื่อบวชเปนเณร
ได้ทราบพระดำรัสเล่าถึงเรื่องสมโภชเดือนกรมขุนสุพรรณนั้นดีนัก เปนแบบฉะบับที่รู้สึกถูกใจในพระดำริของเจ้านายที่ใหญ่โตแต่ก่อนเปนอันมาก
ฝ่าพระบาททรงทราบหรือไม่ รกเจ้านายซึ่งเขาใส่หม้อไว้ แล้วเอาไปฝังเมื่อเสร็จงานสมโภชเดือนนั้น ราชาศัพท์เรียกว่าอะไรจนด้วยเกล้าไม่เคยได้ยิน คงไม่เรียกว่ารกเปนแน่
คิดถึงสมโภชหรือทำขวัญ หมายความว่าได้กิน หรือเลี้ยง คำว่า บายศรี บาย ว่า ข้าว ศรี ว่าขวัญ คือข้าวขวัญ ที่เอาไปเรียกอ้ายพานซ้อนเปนชั้นๆ ว่า บายศรี นั้นผิดทีเดียว เพราะไม่มีข้าวอยู่ในนั้น ที่แท้เปนสำรับเพิ่มเติมพิเศษเท่านั้น ตัวประธานอยู่ที่บายศรีปากชามเปนหลัก แล้วจะมีสำรับพิเศษเพิ่มเติม ที่เปนพานแก้วพานทองพานเงินหรือใบตองก็ได้ ไม่มีก็ได้ เพราะกับข้าวอย่างง่ายๆ มีอยู่ในบายศรีปากชามเสร็จแล้ว ที่เรียกว่าบายศรีตองนั้นก็คือกระทงกับข้าวซ้อน ๆ แบบพราหมณ์เขาชอบกินอาหารด้วยกระทงใบไม้ ถือว่าสอาดกว่าถ้วยชาม ไม่มีอาหารเก่าแปดเปื้อนได้ บายศรีแก้วทองเงินตามที่พบคำบุราณกล่าว ดูเปนเอาเครื่องถนิมพิมพาภรณมาแต่งบายศรีตองเข้าเท่านั้นเอง หาใช่พานแก้วพานทองพานเงินทำไว้สำหรับสมโภชทำขวัญไม่
สมเด็จพระพันวัสสา ข่าวว่าจะเสด็จมาในกลางเดือนเมษายน เสด็จมาปีนังโดยทางรถไฟก่อน แล้วเสด็จจะไปประพาสเกาะสุมาตรา กลับทางเรืออีสต์เอเซียติคขาเข้าไปกรุงเทพฯ ท่านโปรดทางเรือ ว่าสบายหนักความจริงก็เปนเช่นนั้น เกล้ากระหม่อมเห็นตามพระดำรัสเต็มตัว รถไฟนั้นเต็มทน เปนการย่างกายถวายชีวิต ดีแต่ถึงเร็วเท่านั้น
เรื่องของเกล้ากระหม่อมนั้น เปนด้วยทูลกระหม่อมชายตรัสฉุดมาหนักต่อหนัก ที่จะให้ไปเฝ้าที่เมืองชะวา เกล้ากระหม่อมก็ตกลงที่จะไปเฝ้าแล้วจะได้เห็นอ้ายพัง ๆ ต่าง ๆ ด้วย ขากลับจะได้แวะเฝ้าฝ่าพระบาทด้วยขออย่าได้ทรงเตรียมการรับรองให้มากมาย จนถึงได้ความลำบากอย่างหนึ่งอย่างไรเลย ครัวของเราเคยอยู่ยัดเยียดด้วยกันมามากแล้ว จะยัดเยียดอยู่ด้วยกันอีกก็ไม่ขัดข้อง มีแต่จะหัวเราะสนุกสนานไปด้วยกันอีกตามเคยเท่านั้นเอง ถ้าต้องแยกกันไปเสียอีกจะไม่สนุก
เวลานี้กำลังเตรียมการจะเผาศพชายถึก กำหนดวันที่ ๒๑ มีนาคมนี้ จะเผา ได้ซ่อมศาลาการเปรียญวัดนรนารถใช้เปนที่ตั้งศพทำบุญ ปลูกปะรำใบไม้ขึ้นหน้าศาลาเปนที่เผาศพ หนังสือกฎมณเฑียรบาลพะม่าได้จัดไปเสร็จแล้วเปนหนังสือนิดเดียว แต่เหนื่อยยากเปนหนักเปนหนา ด้วยเรื่องสอบสวนอะไรต่างๆ หญิงอามร้องโอ๊กว่า ฝ่าพระบาททรงพระวิตกถึงต้องดีดพิมพ์ภาษาบาลี ที่จริงภาษาบาลียังเข้าหูอยู่บ้าง ไม่สู้ยากนัก ที่ต้องทำภาษาพะม่านั้นเต็มที ภาษาไม่เข้าหู ทำยากลำบากกว่าภาษาบาลีมาก หนังสือนั้นตกลงกรมศิลปากร เขาทำคำนำเสริมหน้าเข้าด้วยอีกคำหนึ่ง คำของเกล้ากระหม่อมแก้เรียกว่าคำอุทิศ พระยาอนุมานยังไม่กลับมา
เรื่องสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ลาออกนั้น สืบทราบความมาว่าได้ลาออกจริง แต่ลาอ่อนๆ มีข้อไขว่า ถ้าไม่อนุญาตให้ออกก็ขอเพียงให้ได้พักสักปีหนึ่ง แต่มหาเถรสมาคมก็ไม่ยอมอนุญาตแม้อย่างใดเลย