- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๒
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๙ เมษายน ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๓ เที่ยวเมืองหงสาวดี
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ เที่ยวเมืองมัณฑเล
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มิถุนายน
- วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๒
- วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๓
- วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๔
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๕
- วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กรกฎาคม
- วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๖
- วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๗
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กันยายน
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร (๒)
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๑)
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —กฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น (๒)
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ตอนที่ ๓)
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —จดหมายบันทึก ที่แก้เปลี่ยนคำ ในกฎมนเฑียรบาลพม่า
- วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๖)
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๗)
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๘)
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๙)
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๑)
- มกราคม
- วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ
- วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- —คำนำ หนังสือเรื่องกฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —ประมวญวัน วันอาทิตย์ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มีนาคม
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
ตำหนักปลายเนีน คลองเตย
วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๔๗๙
กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท
ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๒๑ เดือนนี้ โปรดประทานไปพร้อมด้วยรายงานเล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า กับรูปฉายประกอบกันด้วย ๔ รูป ได้รับประทานแล้ว พระเดชพระคุณเปนล้นเกล้า
พระวิจารณส่งเสริมเรื่อง “นางจรัล” นั้นดีหนัก ทำให้ความเห็นของเกล้ากระหม่อมมั่นคงขึ้นอีกมาก ในพระวิจารณนั้นประกอบด้วยศัพท์มาก ทำให้เกล้ากระหม่อมติดใจพิจารณาศัพท์เหล่านั้นต่อไป เมื่อได้ความรู้แจ่มแจ้งขึ้นก็ต้องกราบทูลให้ทราบฝ่าพระบาทไว้ด้วย
คำว่า “ปราการ” ในภาษาบาลีมีความหมายแต่เพียงว่าวงล้อมรอบจะเปนกำแพงก็ได้ รั้วก็ได้ ที่สุดจนม่านก็ได้ เช่นตัวอย่างว่า “สาณิปาการํ สยนํ” เตียงนอนมีม่านวงล้อมรอบ
คำว่า “กำแพง” ในภาษาเขมรมีเหมือนกัน แต่เขาใช้เรียกแต่จำเพาะกำแพงกั้นเขตต์ที่ไม่มีเชิงเทิน ถ้ามีเชิงเทินเปนที่ต่อสู้สตรู เขาเรียกไปเสียอีกอย่างหนึ่งว่า “บันทาย”
คำว่า “นาง” ในภาษาเขมรมีเหมือนกัน แปลว่าผู้หญิงเหมือนกันเขียน “นาง” อย่างเดียวกัน แต่อ่านออกเสียงว่า เนียง สถานีควนเนียงอันเปนต้นทางที่ไปเมืองสตูลนั้นก็คือควนนางหรือเนินนางเรานี่เอง
คำว่า “จรัล” ค้นภาษาเขมรพบแต่ “จราล” แปลว่าสะเก็ดไม้ เสี้ยนไม้อยู่ข้างจะเล็ก แต่ก็เข้าทีอยู่มากที่ยังเปนธาตุไม้ คำแปลนั้นอาจผิดไปจากความหมายเดิมก็จะได้ ถ้าแปลว่าไม้ขรแล้ว “นางจราล” ก็ได้ความว่านางไม้ เข้าทางที่ต้องประสงค์ได้ แต่ค้นคำที่ประกอบเสร็จว่า “นางจราล” ในภาษาเขมรไม่พบ
ตามพระดำริว่า ใบเสมาเปนคำตลาดเพราะเหมือนกับใบเสมาซึ่งหมายเขตต์โบสถ์นั้นถูกต้อง ส่วนใบบังตามป้อมซึ่งมักทำเปนรูปสี่เหลี่ยมนั้น ปากตลาดเรียกว่าลูกป้อม ไม่เรียกใบเสมา เพราะรูปไม่เหมือนใบเสมา แต่แท้จริงก็เปนวัดถุอย่างเดียวกัน
เรื่องคัมภีร์ลานทองของพระเจ้าบรมโกศ ฝ่าพระบาททรงสันนิษฐานสมเหตุสมผลเรียบร้อยดีมาก ความสันนิษฐานของเกล้ากระหม่อมแพ้ ขัดด้วยเหตุผลหลายประการ
อ่านเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ซึ่งมีกล่าวถึงตำนานพระมุเตา รู้สึกว่าประมูลกันกับพระธาตุตะเกิง และก็เปนแบบที่เหมือนกับไทย ไม่ว่าปูชนียสถานใดๆ จะต้องลากเอาพระเจ้าเข้าไปติดถึงปูชนียสถานนั้นเสมอ ให้นึกสนุกในการที่พระมุเตาทะลายลง ถ้าหากว่าพวกนักปราชญ์โบราณคดีตั้งใจจะตรวจแล้วก็เปนโอกาศอันดี ที่จะตรวจให้เห็นการก่อสร้างซึ่งทำซับซ้อนกันมากี่คราวอย่างไรนั้นได้โดยง่าย ด้วยไม่ต้องลงทุนลงแรงมากนัก ทำโดยวิธีขุดร่องเปนรางผ่าสูญกลางองค์พระธาตุ กวาดมูลดินในร่องให้เกลี้ยงเกลาเท่านั้นการก่อสร้างซึ่งได้ทำมาก่อนซ้อนชั้นกันอย่างไรก็จะเห็นปรากฏหมด
วิธีหักเงินเดือนไว้ใช้เปนค่าซ่อมแซมที่อยู่ของอังกฤษเขานั้นรับรองว่าดี
อ่านหนังสือพิมพ์เห็นจ่าหน้าเรื่องว่า “การแต่งงานแปลก ๆ ของชาติต่างๆ” เขาบอกว่าตอนมาจากคำของเสฐียรโกเศศ๑ ซึ่งแสดงปาฐกถาในวิทยุกระจายเสียง ด้วยอำนาจชื่อแห่งเสฐียรโกเศศซึ่งเปนผู้ที่เกล้ากระหม่อมถือว่ามีความคิดจึ่งได้อ่าน อ่านแล้วก็ได้ความพอใจ โดยเหตุที่เรื่องแต่งงานสมรสนั้น ฝ่าพระบาทกับเกล้ากระหม่อมได้เขียนความเห็นแลกกันมาพักหนึ่งแล้ว เมื่อมาพบเข้าอีกก็ทำให้รำลึกถึงฝ่าพระบาท จึงจะได้หยิบความเห็นของเสฐียรโกเศศสรูปทูลถวายต่อไปนี้
เขาว่าวิธีแต่งงานสมรสของชาติในประเทศต่างๆ นั้น จัดได้ว่ามีอยู่สามอย่าง คือฉุดคร่าเอาเจ้าสาวไปเปนเมียอย่างหนึ่ง ซื้อเจ้าสาวไปเปนเมียอย่างหนึ่ง กับเปนผัวเมียกันโดยปรองดองด้วยความรักใคร่ต่อกันและกันอีกอย่างหนึ่ง แล้วเขาก็แถลงวิธีแต่งงานของชาติต่างๆ เปนตัวอย่างโดยสมควร แม้การฉุดคร่าจะเปนการกระทำอย่างป่าเถื่อนอยู่ก็ดี ภายหลังเมื่อรู้จักศีลธรรมได้ร้องขอต่อพ่อแม่ยอมยกให้แล้ว แต่การพิธีก็ยังทำปรากฎเปนฉุดคร่าอยู่ตามเดิม เขาเห็นว่าการกั้นปิดประตูของเราก็มาแต่วิธีฉุดคร่า คือว่าปิดประตูลงเขื่อนกันพวกเจ้าบ่าวจะมาฉุดเจ้าสาว พวกเพื่อนบ่าวก็คือยกมาช่วยกันฉุดเอาเจ้าสาวไป เพื่อนสาวก็คือจะช่วยกันต่อสู้คุ้มกันเจ้าสาวไว้ ส่วนการที่เจ้าบ่าวเข้าไปอยู่ในบ้านพ่อตานั้น เขาเห็นว่าจะมาแต่วิธีซื้อลูกสาว เมื่อเงินไม่พอก็ขอเอาแรงรับใช้พ่อตาแทนเงิน ลางทีจะเปนเพราะเหตุนั้นเอง จึงทำให้คำว่า “บ่าว” ซึ่งแปลว่าหนุ่มกลายเปนคนรับใช้ไป อย่างไรก็ดี ธรรมดาความเห็นก็ย่อมมีผิดมีถูกแต่ที่เขาเห็นเช่นนี้ประกอบด้วยเหตุผลน่าฟัง ซึ่งควรจะนำความมากราบทูลให้ทรงทราบ
อีกเรื่องหนึ่ง เห็นในหนังสือพิมพ์เหมือนกัน เขาบอกชื่อเรื่องว่า “ศิลปกรรมของจีน” และบอกชื่อผู้แต่งว่าพระยาเมธาธิบดี๒ ฟังชื่อเรื่องก็เข้าทีฟังชื่อผู้แต่งก็ไพเราะ จึงได้ลงแรงอ่าน เมื่อจบสิ้นไปฉะบับหนึ่งแล้วก็หยิบเอาชิ้นอะไรไม่ได้ แล้วเขายังลงพิมพ์ต่อไปอีก ๒ ฉะบับ รวมเปน ๓ ฉบับต่อกัน แต่ไม่มีความเพียรพอที่จะอ่านให้จบ