- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๒
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๙ เมษายน ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๓ เที่ยวเมืองหงสาวดี
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ เที่ยวเมืองมัณฑเล
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มิถุนายน
- วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๒
- วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๓
- วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๔
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๕
- วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กรกฎาคม
- วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๖
- วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๗
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กันยายน
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร (๒)
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๑)
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —กฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น (๒)
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ตอนที่ ๓)
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —จดหมายบันทึก ที่แก้เปลี่ยนคำ ในกฎมนเฑียรบาลพม่า
- วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๖)
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๗)
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๘)
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๙)
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๑)
- มกราคม
- วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ
- วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- —คำนำ หนังสือเรื่องกฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —ประมวญวัน วันอาทิตย์ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มีนาคม
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
ตำหนักปลายเนีน คลองเตย
วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๔๗๙
กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท
ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๑๒ เดือนนี้ ประทานไปพร้อมด้วยพระนิพนธ์เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๓) กับทั้งรูปฉายเครื่องแห่กระบวนศพจีนด้วยอีก ๑๓ รูป ได้รับประทานแล้ว พระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้
แทงวิสัยนั้นเกล้ากระหม่อมก็ได้นึกเหมือนกัน ว่าทีจะเปนปีไส แต่ไปจนใจอยู่ที่ถือแต่หอกไม่เห็นมีโล่ห์ ทำเอาถอยหลังไป แล้วก็ไปนึกถึงตัวอย่างโคลงดั้นบทหนึ่งขึ้นได้ ที่ว่า
“จรีกางห่มหอกเสื่อง | แทงเขน |
สองประยุธยืนยัน | ย่องย้อง |
นางอั้วเพงผัวเอน | ควายเสี่ยว |
สองประจันมือจ้อง | จ่อแทง” |
โคลงนี้ตีความยากยิ่ง เข้าใจว่าสองบาทต้นกล่าวถึงแทงวิสัย สองบาทปลายกล่าวถึงกะอั้วแทงควาย น่าจะคัดมาจากลิลิตโสกันต์ครั้งไหนคราวหนึ่ง ซึ่งยังไม่เคยพบต้นฉะบับหนังสือนั้นเลย ถ้าหากว่ากล่าวถึงแทงวิสัยจริง ๆ ก็นับว่าเปนปีไสถูกแน่ เพราะในคำโคลงนั้นมีคำว่า “แทงแขน” ต้องเปนคู่แทงถือหอกกับปีไสอย่างมลายู “จรีกาง” จะหมายความว่าอะไร รูปภาพซึ่งแต่งตัวเหมือนคู่แทงวิสัยนั้น คนเรียกว่า “เซี่ยวกาง” บ้าง เรียก “เขี้ยวกาง” บ้าง เห็นจะคลาดเคลื่อนทั้งสองอย่าง จรีกางก็น่าจะหมายถึงเซี่ยวกางหรือเขี้ยวกางนั้นเอง อันเซี่ยวกางหรือเขี้ยวกางนี้ติดใจสงสัยอยู่เปนอันมาก หากดูลักษณแห่งรูปเห็นว่าเก่ามาก และได้ทำไว้ตามประตูมีอยู่ดาษดื่นทุกหนทุกแห่งนมนานมาแล้ว แต่ไม่เคยเห็นหนังสือเก่าเรียกชื่อรูปนั้นไว้ในเรื่องไรเลย
เรื่องที่ต้องเสด็จไปขึ้นศาลนั้น ได้ทราบเค้าจากแม่สงวนไปเล่าให้ฟังแล้ว ว่าพระกันภยุบาทว์ออกมาเฝ้า ทูลเชิญเสด็จเปนพยานในคดีถูกไล่บ้าน แม่สงวนว่าฝ่าพระบาทไม่ทรงรับ ทำให้เข้าใจว่าจะพ้นไปแล้วกลับมาทราบข่าวว่าไม่พ้น ต้องเสด็จไปให้การต่อศาลจนได้ แต่ฟังตรัสเล่าดูเจ้าพนักงานศาลอังกฤษเขาจัดการรับเสด็จอย่างระวังที่สุด สมควรทุกอย่าง น่าขอบใจเขา
เรื่องหญิงชาวเดนมารกมารีดจะเอาเรื่องรบฝรั่งเศส อาการอยู่ข้างหนักมาก ฝ่าพระบาทตรัสผลักไสให้พ้นไปเสียได้ดีหนักหนา พ้นทุกข์สำเร็จทุกข์
เรื่องการปลงศพเมียมหาเศรษฐีจีนที่ปีนังนั้น พิจารณาดูรูปฉายรู้สึกตื่นใจเปนอันมาก เครื่องแห่เขาทำประณีตงามจริง ๆ รู้สึกว่าช่างจีนที่ปีนังมีมาก แลฝีมือก็ดีกว่าช่างจีนในเมืองไทย เหตุที่มีเช่นนั้นก็เพราะมีคนออกเงินมากให้ทำเปนปัจจัย คิดดูการศพไม่ว่าชาติใดภาษาใด เห็นจะทำสำเร็จไปด้วยเครื่องสดเครื่องกระดาษ เปนแบบฉะบับเหมือนกันหมดมาทำเปนของแห้งกันขึ้นก็ในภายหลัง แม้พระเบญจาทองคำซึ่งจัดว่าเปนของแห้ง เมื่อเสร็จงานแล้วก็รื้อทิ้งเช่นเครื่องสดเหมือนกัน เมื่อดูรูปเครื่องแห่ศพของจีนอันงดงามนั้นแล้วก็เกิดญาณขึ้นในใจ ว่านี่แหละเข้าสุภาสิตที่ว่า “ช่างอยู่แก่จีน” แล้วก็นึกไปถึงหนังสือพิมพ์ซึ่งเขาเคยลงบ่น ว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงสร้างประปาขึ้น ก็โดยพระมหากรุณาเพื่อพระราชทานความปกป้องผองภัยอันจะพึงเกิดด้วยไข้เจ็บแก่ประชาราษฎร์ คือคนไทยโดยฉะเพาะ แต่การนั้นไม่เปนไปสมพระราชประสงค์ ด้วยมีชาวต่างประเทศ (คือจีน) เข้ารองน้ำเอาไปขายเปนอาณาประโยชน์แห่งตน ตามคำที่ว่าเช่นนี้ก็ไม่เห็นมีใครห้ามไม่ให้ไทยมารอง เห็นเปนตกเข้าสุภาสิตวรรคที่สองที่ว่า “สินอยู่แก่ไทย”
ขอบพระเดชพระคุณเปนล้นเกล้า ที่ทรงพระเมตตาโปรดจดหนังสือฝรั่งชื่อพระมเหษี ๘ ตำแหน่งของพะม่าประทานไป ได้ส่งไปให้ลงแทรกในต้นฉะบับแล้ว อ่านเรื่องเที่ยวเมืองพุกามท่อนที่ ๓ คราวนี้ สะดุดใจในข้อขอพระไตรปิฎก เห็นว่าพระไตรปิฎกเปนของที่พึงจะให้ได้ง่ายกว่าช้างเผือกมาก เพราะพระไตรปิฎกเปนของทำขึ้นได้ ช้างเผือกเปนของทำขึ้นไม่ได้ ถ้าพูดขอแต่โดยดีก็มีทีที่จะได้อยู่มาก แม้พูดขออย่าง “ข่มหมู” ก็ต้องรบกันเท่านั้น จะเอาให้ได้หรือไม่ให้ได้ย่อมสำเร็จที่คำพูด ขมาบาปเสียเถิด นึกว่าพาลหาเหตุจะรบเปนแน่
อีกประการหนึ่ง ข้อซึ่งอ้างว่าเมืองไทยเมืองเขมรมีพระพิมพ์และเงินตราเมืองพุกาม เปนพยานว่าเคยเปนเมืองขึ้นเมืองพุกาม เห็นว่าไม่จำเปนที่เมืองไหนมีของเมืองใดจะต้องเปนเมืองขึ้นเมืองนั้น คนเคยไปเมืองลังกาเขามาเล่าว่า ไปเห็นพระพุทธรูปไทยชะนิดผ้าห่มเปนลายมีอยู่ที่วิหารพระเขี้ยวแก้ว คำนี้เปนหลักอ้างว่าเมืองลังกาไม่เคยขึ้นเมืองไทยก็ยังมีพระพุทธรูปของไทยได้ พระพุทธรูปนั้นเปนของที่พุทธศาสนิกชนนับถือ อาจนำไปที่ไหนก็ได้ ยิ่งเปนพระพิมพ์ด้วยแล้วก็ย่อมนำไปได้ง่ายมาก แม้เงินตราก็เหมือนกัน อาจติตตัวพ่อค้าไปตกอยู่เมืองไหนก็ได้ แต่ที่ว่านี้ว่าจำเพาะความเปนไปในพระพุทธรูปกับเงินตรา ไม่ได้ตั้งใจจะว่าไปถึงเมืองไทยเมืองเขมรเคยเปนเมืองขึ้นเมืองพุกามหรือเปล่านั้นด้วย
เมื่อวานนี้หญิงเป้า๑ มาขอให้รดน้ำผูกมือให้แทนเด็จพ่อ ในวันอายุครบสองรอบจักรแห่งปี ออกรู้สึกตื่นใจ ด้วยสังเกตเห็นความเปนไปของเธอดูยังเด็กแท้ๆ ควรหรืออายุเปน ๒๔ แล้ว ได้ทำให้เธอตามประสงค์ และให้พรแก่เธอ เธอบอกว่าวันที่ ๕ ธันวาคมจะออกมาปินัง
-
๑. หม่อมเจ้าหญิงเราหิณาวดี ดิศกุล ประสูติเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๔๕๕ ถึงชีพิตักษัย วันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๗ ↩