- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๒
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๙ เมษายน ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๓ เที่ยวเมืองหงสาวดี
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ เที่ยวเมืองมัณฑเล
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มิถุนายน
- วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๒
- วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๓
- วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๔
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๕
- วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กรกฎาคม
- วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๖
- วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๗
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กันยายน
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร (๒)
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๑)
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —กฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น (๒)
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ตอนที่ ๓)
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —จดหมายบันทึก ที่แก้เปลี่ยนคำ ในกฎมนเฑียรบาลพม่า
- วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๖)
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๗)
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๘)
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๙)
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๑)
- มกราคม
- วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ
- วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- —คำนำ หนังสือเรื่องกฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —ประมวญวัน วันอาทิตย์ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มีนาคม
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
Cinnamon Hall,
206 Kelawei Road, Penang. S.S.
วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๗๙
ทูล สมเด็จกรมพระนริศ ฯ
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๔ แล้ว
ศัพท์ต่างๆ ที่ท่านทรงแก้ไนคำแปลกฎมณเฑียรบาลพะม่านั้น หม่อมฉันเห็นว่าดีขึ้นถวายอนุโมทนาด้วยทุกแห่ง
หม่อมฉันเพิ่งพบพรรณนาเบ็ญจราชกกุธภัณฑ์พะม่าในพงศาวดารเรื่องหนึ่งว่า
๑ White Umbrella เสวตรฉัตร (ชั้นเดียว)
๒ Crown มกุฎ
๓ Yaktail Fan พัด (ที่แท้แส้) หางจามรี
๔ Sword of State พระขรรค์
๕ Golden Sandal ฉลองพระบาททอง
ในตำราของไทยเราดูเหมือนเถียงกันเปน ๒ ตำรา ตำราหนึ่งไม่นับเสวตรฉัตรไปนับเอาทานพระกรแทน อีกตำราหนึ่งนับผ้ารัตกัมพลแทนมกุฎดังนี้ หรืออย่างไรหม่อมฉันจำไม่ได้ถนัด
ผ้าที่เรียกว่าผ้าลายสุหรัดนั้นหม่อมฉันพอจะถวายอธิบายได้ว่าเรียกตามชื่อเมืองที่ทำผ้าลายนั้นเปนแน่ (แม้จะเรียกว่า “ผ้าลายสุราษฎ์” ก็ได้ ด้วยในหนังสือนำทางเที่ยวอินเดียว่าเมืองนั้นเดิมชื่อเมืองสุราษฎร์อยู่ริมแม่น้ำตาปี) เมื่อหม่อมฉันไปอินเดียใน พ.ศ. ๒๔๓๔ รัฐบาลกะโปรแกรมให้หม่อมฉันไปเมืองสุหรัดด้วย เพราะเขาว่าเปนที่ทำผ้าลายส่งมาเมืองไทยราคาปีละหลายล้านรูปีย์ ไปดูไม่เห็นมีโรงจักรกลอันใด ทำตามบ้านราษฎรและผู้หญิงกับเด็กๆ ทำแทบทั้งนั้น ใช้ผ้าขาวซึ่งสั่งมาแต่ประเทศอังกฤษ เอามาตัดให้ได้ขนาดและซักน้ำให้หมดแป้งหรือให้เนื้อแน่นก่อน แล้ววางขึงบนพื้นเรือนเอาหมึกทาแผ่นไม้แม่ลาย ขนาดสักเท่าฝ่ามือ พิมพ์ลงกับผืนผ้าต่อๆ ไปจนเต็มผืนแล้วจึงเอาไปย้อมเปนสี ถ้าจะให้มีดอกสีอื่นก็แต้มเมื่อย้อมแล้ว เมื่อเสร็จกระบวนพิมพ์เอาเบี้ยขัดชักเงา การเหล่านี้ทำด้วยมือตามบ้านราษฎรทั้งนั้น พ่อค้าเปนแต่ซื้อผ้าขาวมาจ่ายและรับผ้าลายไปพับตีตรามัดเข้ากุลีส่งมาขาย เรื่องผ้าลายดูจะถือเปนหลักได้ว่า (ก) ทำส่งมาจากอินเดียตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ (ข) เรียกชื่อตามเมืองที่ทำ คำที่เรียกว่า “ผ้าลายอย่าง” หมายความว่าไทยให้ลายไปทำ “ผ้าลายนอกอย่าง” หมายความว่าเปนลายที่แขกคิดทำตามชอบใจ มีชื่อผ้าลายอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า “ย่ำมะหวาด” ยังไม่มีในรายชื่อที่ประทานมา ก็เห็นจะเปนชื่อเมืองอีก เรื่องชื่อผ้าลายต่าง ๆ ควรทรงแนะพระยาอนุมานให้สืบถามพวกแขกที่ตึกขาวตึกแดง หรือถ้ามีใครในพวกนั้นที่ท่านทรงรู้จักก็ตรัสถามดู เห็นจะรู้ความจริงได้
เมื่อวันที่ ๑๓ ตรงกับเดือน ๑๒ แรม ๑๔ ค่ำ เปนวันนักขัตฤกษ์อันหนึ่งของพวกทมิฬ เรียกว่า “ทีปวลี Deepavali หนังสือพิมพ์สะเตรตส์เอกโค Straits Echo ลงอธิบายเรื่องนักขัตฤกษ์นั้น หม่อมฉันอ่านดูเห็นแปลก ด้วยอ้างมูลเหตุย้อนขึ้นไปถึงหิรัญม้วนแผ่นดิน รวมความว่าเปนวันพระเปนเจ้ามีชัยชนะพวกยักษ์ ถึงวันนั้นจึงแต่งประทีปตามบ้านเรือนให้เปนสวัสดิมงคล การพิธีจึงได้นามว่า “ทีปวลี” แต่มาถึงวันที่ ๑๙ นี้มีผู้เขียนไปลงพิมพ์โต้แย้ง ว่าที่ถูกนั้นพระเปนเจ้าปราบยักษ์ชื่อนรกาสูรและพยายามบอกอธิบายต่อไปจะให้เข้ากับทางวิทยาสาสตร์ หม่อมฉันได้ตัดหนังสือพิมพ์เรื่องทีปวลีทั้ง ๒ ตอนส่งมาถวายให้ทรงพิจารณากับจดหมายนี้
คราวนี้จะทูลถึงเรื่องเนื่องกับเด็ก เรื่องที่ ๑ ชาย (หยด) กุมารดิศ๑ ลูกหม่อมฉันไปซื้อตุ๊กตากลทำเปนรูปรถยนต์มาจากตลาดหลังหนึ่ง เอามาไขกลให้หม่อมฉันดูเกิดพิศวง ด้วยรถนั้นไขกลให้แล่นไปบนโต๊ะหรือแม้บนหลังหีบ แล่นไปพอถึงที่สุดก็หันหนีไปทางอื่นเองไม่ตกจากโต๊ะ ดูอัศจรรย์หนักหนา เดิมฝรั่งทำขายหลังละเหรียญ ๑ เดี๋ยวนี้ญี่ปุ่นทำขายหลังละ ๓๕ เซ็นต์ จะเคยมีเข้าไปขายในกรุงเทพฯ แล้วหรืออย่างไรหม่อมฉันไม่ทราบ หม่อมฉันคิดถึงตุ๊ดตู่ขึ้นมา จึงซื้อส่งมาถวายทอดพระเนตรหลังหนึ่ง แล้วจงโปรดประทานตุ๊ดตู่ด้วย
เรื่องเนื่องกับเด็กที่จะทูลต่อไปอีกเรื่องหนึ่งนั้นเจือไปข้างทางสังเวช วันหนึ่งหม่อมฉันดูเด็กๆ ลูกหลานวิ่งเล่นกัน เห็นมีปืนพกชนิดพวกปืนเบรานิงถือทุกคนแปลกตา เรียกเอามาดูจึงรู้ว่าเปนปืนตุ๊กตาเขาขายในตลาด ยิงด้วยแก๊บกระดาดพอมีเสียงเด็กก็เห็นสนุก หม่อมฉันเห็นว่าไม่ใช่ของควรเด็กจะเล่นให้ติดวิสัย จึงให้ริบเอามาเก็บเสีย ครั้นเมื่อสี่ห้าวันมานี้ ห้างไวตอะเวเลดลอส่งคะตะลอกของที่จะเปิดขายเมื่อปีใหม่มาให้หม่อมฉันเล่มหนึ่ง เปิดออกดูเห็นรูปภาพปืนพกสำหรับเด็กเล่นหลายอย่าง และยังแก่มือยิ่งว่านั้น ถึงมีกุญแจจำข้อมือ และมีหีบเครื่องเล่นเปนนักสืบ มีทั้งปืนพกกุญแจจำข้อมือ นกหวีด และตลับแป้งสำหรับพิมพ์ลายมือ ทำขายเปนของสำหรับเด็กเล่น หม่อมฉันได้ตัดฉะเพาะหน้ากระดาดที่มีรูปบอกขายของเหล่านั้นส่งมาถวายทอดพระเนตรด้วย นึกอนาถใจว่าเพราะหนังฉายทีเดียวที่ทำให้มนุษย์นิยมกันผันแปรไปต่างๆ แต่ก่อนเคยได้ยินและได้เห็นแต่ผู้หญิงผู้ชายชั้นผู้ใหญ่เปลี่ยนกิริยาอาการไปตามหนังฉาย มันเลยสอนลงมาถึงเด็กๆ ต่อไปภายหน้าจะเปนอย่างไร นึกถึงคำกล่าวในหนังสือพิมพ์อันหนึ่งปรารภเรื่องศึกกลางเมืองสะเปญและที่พวกมหาประเทศเข้าถือหาง ว่าสมัยนี้ “ราวกับห่าทารุณเกิดขึ้นในโลก” พาให้มนุษย์มีจิตรคิดแต่ทำร้ายกันไปเสียทั้งนั้น ที่เขาว่านี้ดูก็ชอบกล ครั้งเกิดผีบุญในมณฑลอิสาณเมื่อรัชชกาลที่ ๕ ก็คล้ายกับห่าลงเพราะในสมัยเดียวกันนั้นเกิดมีผีบุญขึ้นในประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ แม้จนในประเทศรุสเซีย พวกเรายังเห็นขบขันเคยพูดกันว่าดูราวกับนัดกัน บางทีท่านคงจะยังทรงจำได้
หม่อมฉันส่งเรื่องเที่ยวเมืองพะม่าตอนที่ ๗ ท่อนที่ ๔ มาถวายพร้อมกับจดหมายนี้อีกท่อน ๑ มีรูปประกอบคือรูปพระเจ้าคันชิตผู้สร้างอานันทมหาวิหาร ปั้นปิดทองไว้ในซุ้มฝ่ายซ้ายของพระประธานคู่กับรูปพระมหาเถรฉินระหัน จะทรงสังเกตได้ว่ามกุฎพะม่าทำเปนทรงตุ้มปี่มาแต่ดึกดำบรรพ์ ฉลองพระองค์ก็คล้ายกับพระกรน้อย
-
๑. หม่อมเจ้ากุมารดิศ ดิศกุล ↩