- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๒
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๙ เมษายน ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๓ เที่ยวเมืองหงสาวดี
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ เที่ยวเมืองมัณฑเล
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มิถุนายน
- วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๒
- วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๓
- วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๔
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๕
- วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กรกฎาคม
- วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๖
- วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๗
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กันยายน
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร (๒)
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๑)
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —กฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น (๒)
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ตอนที่ ๓)
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —จดหมายบันทึก ที่แก้เปลี่ยนคำ ในกฎมนเฑียรบาลพม่า
- วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๖)
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๗)
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๘)
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๙)
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๑)
- มกราคม
- วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ
- วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- —คำนำ หนังสือเรื่องกฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —ประมวญวัน วันอาทิตย์ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มีนาคม
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
ตำหนักปลายเนีน คลองเตย
วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๔๗๙
กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท
ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๒๙ เดือนก่อน ทรงพระเมตตาโปรดประทานไปกับรายงานเล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๓ ท่อน ๔ พร้อมทั้งรูปฉายประกอบด้วย ๕ รูป ได้รับประทานด้วยดีแล้ว เปนพระเดชพระคุณหาที่สุดมิได้
อ่านรายงานเล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนตรัสเล่าถึงพระนอนทำให้เกิดสงสัยในใจถามตัวเองว่า ทำไมสร้างพระนอนจึงต้องแข่งขันกันเข่นสร้างให้องค์โตที่สุดที่กำลังจะพึงทำได้ คำถามนี้ตัวเองก็ไม่สามารถจะตอบได้ แล้วการที่สร้างใหญ่โตนั้นก็ไม่สำเร็จประโยชน์อะไร เพราะต้องอยู่ในกรงเสาแห่งวิหาร จะเห็นได้แต่เปนท่อนๆ ตามช่องเสาเท่านั้น ฐานชั้นล่างแห่งพระนอน “ฉินบินสะยอง” ซึ่งทำไว้สูง ๘ ศอกนั้น เข้าใจว่าทำขึ้นด้วยตั้งใจจะให้เปนฐานวิหาร แต่ไม่สำเร็จ พวกสับปรุษสมัยใหม่มาจัดทำหลังคาอย่างสมัยใหม่ ใช้เสาระทาเหล็กนั้นเปนเคราะห์ดีขององค์พระ ที่เสาเหล็กสมัยใหม่มีแรงมาก ไม่ต้องทำมากต้นที่จะบังองค์พระให้ลี้ลับไปเสีย ทั้งผนังวิหารก็ยังไม่มี มีที่จะพึงเห็นแต่ไกลได้
โบสถ์ “สีมากัลยาณี” นั้นก็สงสัยเปนอันมาก อันว่าแบบอย่างการก่อสร้างชะนิดใดๆ ซึ่งฝรั่งเรียกว่าสไตล์นั้น จะได้เปนสไตล์แต่ลวดลายก็หามิได้ ย่อมเปนมาตั้งแต่แผนผังรูปร่างทีเดียว อันโบสถ์ “สีมากัลยาณี” นั้นเปนฝรั่งมาตั้งแต่แผนผังรูปร่างท่วงทีตลอดถึงลายหมดทีเดียว ดูเปนทำโดยตั้งใจจะให้เปนฝรั่งมาตั้งแต่ราก เห็นจะไม่ใช่มีใครแก้แต่ลวดลายให้เปนฝรั่งเท่านั้น ยุคพระเจ้าธรรมเจดีย์ก็ยังไม่มีการติดต่อกับฝรั่ง ซึ่งจะพึงหวังว่าเอาอย่างฝรั่งมาทำเล่นเก๋ๆ แต่ครั้งนั้น ถ้าหากว่าพระเจ้าธรรมเจดีย์จะทรงสร้างโบสถ์นั้นด้วยไม้ล้วน อย่างลักษณที่เราเรียกว่าโรงอุโบสถ แล้วนานมาก็ผุพังล้มสูญไป ใครมาสร้างขึ้นใหม่เปนตึกฝรั่ง ในยุคเมื่อติดต่อกับฝรั่งเข้าแล้วเช่นนั้นจะเปนได้หรือไม่ อย่างไรก็ดี โบสถ์หลังนั้นจะต้องเปนของที่ไม่ได้ใช้มานานแล้ว จึงได้ปรักหักพังมาก
ข้อที่ตรัสเล่าถึงรัฐบาลเมืองพะม่าจัดรักษาพุทธเจดียฐานนั้น เกล้ากระหม่อมเห็นชอบด้วยว่าเขาจัดดี เปนทางอันสมควรจะทำเช่นนั้น ที่จะให้ของดีดำรงอยู่ได้ ด้วยไม่ต้องเสียเงินมากเกินไป
โคลงที่ทรงแต่งเขียนประทานองค์หญิงใหญ่นั้นดี แต่เก่าเกินไปไม่ทันสมัย เดี๋ยวนี้เขาพอใจกลอนสากลกัน จะได้เคยทรงทราบหรือไม่นั้นไม่ทราบ จึงได้ตัดตัวอย่างส่งมาถวายในครั้งนี้ด้วย
หม่อมอบบอกว่าจะกลับออกมาปินังในเที่ยวเมลนี้ จึงได้ฝากหนังสือนี้พร้อมทั้งรูปเฟรสโกออกมาถวาย รูปเฟรสโกนั้นไม่ได้ถ่ายต่อไว้ดู เพราะเก่าเกินสมัยที่จะพึงดูเปนแบบทำการ เพียงแต่ทำให้ปรากฎเปนพยานว่า ที่คิดว่าการเขียนฝาทำแทนการขึงม่านนั้นคิดถูกแล้ว เพราะปรากฏการเขียนที่พุกามซึ่งเก่าที่สุดนั้นมีแต่รูปภาพกับลายดุจม่าน ยังซ้ำมีขอบรอบให้เห็นเปนผ้าม่านปรากฏอยู่ด้วย
เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำและแรมค่ำ ๑ เดือนนี้ ซึ่งเปนวันวิสาขบูชา ได้ไปวัดกระทำสักการพระพุทธเจ้า และสดับพระธรรมเทศนา แต่ว่าไม่ได้ยิน แม้กระนั้นก็ดี เมื่อใจตั้งไปเปนกุศลก็ต้องเปนกุศล ขอถวายพระกุศล ได้จัดส่งหนังสือวิสาขบูชา ซึ่งว่าด้วยอิทธิบาท ๔ มาถวายเมื่อเมลวันพุธ หวังว่าจะได้ทรงรับแล้ว
ขอประทานทูลฟ้องโคมตราของฝ่าพระบาท ซึ่งจัดไปตั้งที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ที่กระจกหน้าโคมทำเปนสัญญาบัตรพระนามฝ่าพระบาท ซึ่งเปนหนังสือมากตัวเล็ก คนเดินผ่านจะอ่านไม่เห็นอยู่แล้ว ซ้ำการแต่งดอกไม้ยังห้อยพวงมาลัยเปียทับหน้าโคมลงไปปิดหนังสือเสียอีกด้วย ชายน้อยหรือใครเป็นผู้รับผิดขอบในการแต่งโคมนั้นไม่ทราบ
เข้าไปวัดพระแก้วเมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำนั้น ได้ความรู้สึกขึ้นอย่างหนึ่งว่าที่ตั้งธรรมาสน์ตรงหน้าพระแก้วนั้นเหมาะหนักหนา ด้วยผู้แสดงธรรมเปรียบเหมือนเปนพระโอษฐของพระพุทธเจ้า เพราะฉะนั้นผู้แสดงธรรมนั่งตรงหน้าพระพุทธรูปจึงเห็นว่าเหมาะที่สุด ไม่มีที่ไหนตั้งธรรมาสน์เหมือนอย่างนั้นอีกเลย
ไปวัดเทพศิรินทร์เมื่อวันแรมค่ำ ๑ ก็ไปเห็นพระเบญจา ทำให้นึกถึงบวรพุทโธที่เมืองชะวา ว่าผิดกันแต่พระเบญจาไม่มีกะไดเท่านั้น ครั้นวันแรม ๒ ค่ำก็ไปงานร้อยวันสมเด็จหญิงน้อยที่วังลดาวัลย์ นั่งพิจารณาพระโกศอันมีลักษณบนบานคอดล่าง เห็นว่าเปนแบบเดียวกับทรงพระธาตุเมืองไชยาจึงเกิดญาณหยั่งเห็นขึ้นว่า ทั้งโกศและเบญจาเปนแบบที่มาแต่ทางภาคใต้ด้วยกัน ขอได้โปรดกำหนดพระทัยไว้ในคำที่กราบทูลนี้ ลางทีจะเปนทางนำไปให้เห็นอะไรแจ้งขึ้นอีกในภายหน้า
เมื่อวานนี้หญิงแก้วไปหา นำของฝากของสมเด็จพระพันวัสสาประทานไปให้ มีรองท้าวกับไม้ท้าว แล้วนำลายพระหัตถ์ของฝ่าพระบาทไปให้ด้วยข้อความในลายพระหัตถ์ก็มีว่าทรงพระเมตตาโปรดประทานไม้ท้าวแก่เกล้ากระหม่อม แต่ไม้ท้าวมีอันเดียวชิงกัน หญิงแก้วต้องแปลให้เข้าใจว่า ฝ่าพระบาททรงหามาไว้ก่อน ตั้งพระทัยจะส่งมาประทาน แล้วสมเด็จพระพันวัสสาทรงหาของมาประทานฝากไม่ได้ ฉุน ฝ่าพระบาทจึงยกไม้ท้าวที่ทรงหาไว้ได้นั้นถวายให้ประทานเปนของฝาก ทั้งนี้ก็เปนพระเดชพระคุณอย่างยิ่งทั้งสองพระองค์ ขอถวายบังคมแทนฝ่าพระบาท ไม้นั้นดีอย่างยิ่ง นอกจากฝ่าพระบาทแล้ว คิดว่าใครจะหาไม้ท้าวให้เหมาะใจไม่ได้ ดูเหมือนจะเปนเราสองคนเท่านั้น ที่ถือไม้ท้าวจริง ๆ สามารถจะเลือกหาให้เหมาะใจกันได้ จะได้ใช้ไม้อันนั้นถือเปนประจำตัวตั้งแต่วันนี้เปนต้นไป