วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๔๗๙

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๗ เดือนนี้ ประทานไปพร้อมด้วยพระนิพนธ์เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ ท่อนที่ ๒ มีรูปฉายประกอบ ๗ รูป ได้รับประทานแล้ว

เห็นจะเปนธรรมดาทีเดียว แต่พอได้รับลายพระหัตถ์เปิดซองออกก็ดูรูปก่อนอ่านหนังสือ พอเห็นรูปพระมหาธาตุสิงคุดรก็ตกใจ ด้วยนึกไว้ว่ารูปจะเหมือนพระมุเตาและพระเกศธาตุ แต่หาเปนเช่นนึกไม่ กลายเปนไปเหมือนพระมหาธาตุชินคงเมืองพุกาม แต่ยอดใหญ่ข่มองค์เปนอันมาก คาดได้ว่ายอดทำใหม่ ตั้งใจว่าจะต้องเขียนความเห็นทักมาถวาย แต่พออ่านพระนิพนธ์ก็พบที่ตรัสทักทายบรรยายไว้โดยละเอียด ด้วยได้ทอดพระเนตรสังเกตเห็นเสียหมดแล้ว เลยไม่มีอะไรจะทูลอีก

มีข้อที่จะบ่นถวายอย่างหนึ่งด้วยเรื่องราวเทียน เมื่อเกล้ากระหม่อมไปนมัสการพระมหาธาตุสิงคุดรนั้น เห็นมีราวเทียนและมีเทียนที่สัปปรุษจุดบูชาติดอยู่มากเล่ม แต่เดี๋ยวนี้จะมีอยู่ตามเดิมหรือไม่นั้นไม่ทราบ ในกรุงเทพฯ เราแต่ก่อนก็มีราวเทียนแทบทุกวัด แต่มาบัดนี้รื้อทิ้งกันเสียมากแล้ว การณ์ที่เปนไปเช่นนั้น ส่อให้เห็นได้ว่าพวกเรานับถือพระสาสนาจางลง แต่ก่อนมีคนไปบูชาพระมากจึงต้องทำราวเทียนไว้ให้ติด บัดนี้ไม่มีคนไปบูชาราวเทียนก็กลายเปนของเกะกะเลยรื้อทิ้ง

พระโตที่วัดพระมหาธาตุสิงคุดรนั้น “ต้น” ดีแต่เขาคิดทำวิหารถวายได้เปนการน่าชมที่เขาหาเงินได้เพราะยังมีคนนับถือพระสาสนาอยู่มากกว่าเมืองเรา

บทร้องกุลาตีไม้ตามที่จดประทานไปในลายพระหัตถ์ มีลางคำเคลื่อนคลาดไปบ้าง เกล้ากระหม่อมจำได้ดีจนกระทั่งตีไม้ลงที่ตรงไหน ดั่งจะเขียนถวายต่อไปนี้ ที่หมายกากบาทเปนที่ตีไม้เปนจังหวะ

“ศักดา×-นุภาพ× เลิศะล้ำ×แดนไตร×
สิทธิครู×มอบ×ให้ จึงแจ้ง×ฤทธา-×
เชี่ยวชาญ×ชัย× เหตุใด×-นะพ่อ×
พระเดชพระคุณ×ปกเกล้า× ไพร่ฟ้า×อยู่เย็น×”

ถูกแล้ว เคยคาดกันว่าจะเปนโคลง แต่มีคำเกินอยู่บ้างซึ่งคาดกันว่าจะร้องแทรกเข้าทีหลังเพราะคำเดิมร้องไม่คล่องปาก แต่ก็ยังไม่ได้ญัตติกันลงว่าเปนถูกต้อง มาเมื่อเร็วๆ นี้ พระรามเภรี (ลูกหลวงเพจฉลูนักร้อง) พูดพุ่งออกมาว่า บทร้องกุลาตีไม้มีคำ ศักดิ์ สิทธิ์ ฤทธิ์ เดช อยู่ในนั้น หมายถึงชื่อมหาดเล็กสี่เวรซึ่งเปนผู้เล่น ความสันนิษฐานนั้นเหลว แต่ที่จับคำ ศักดิ์ สิทธิ์ ฤทธิ์ เดช ขึ้นได้นั้นดีมากที่พาให้แน่ใจขึ้น ว่าบทร้องนั้นเปนโคลง ศักดิ์ สิทธิ์ ฤทธิ์ เดช นั้นเปนกะทู้ ซึ่งมีกะทู้อย่างนั้นเปนตัวอย่ งอยู่ในที่หลายแห่ง โคลงบทกุลาตีไม้นั้นจะเปนดังนี้

ศัก-ดานุภาพ (เลิศ) ล้ำ แดนไตร
สิท-ธิครูมอบให้ จึ่งแจ้ง
ฤท-ธาเชี่ยวชาญชัย เหตุใด นาพ่อ
(พระ) เดช-พระคุณปกเกล้า ไพร่ฟ้า อยู่เย็น

ในวงเล็บเปนคำร้องเติมเข้า ที่ผิดเอกโทนั้น ไม่ต้องคำนึง เพราะโคลงเก่าไม่ถือชะงัดในเรื่องเอกโท

ตามที่ทรงพระปรารภว่า ระบำ ระเบ็ง โหม่งครุ่ม กุลาตีไม้ แต่ก่อนคงจะมีบทร้องที่น่าฟังแต่หากลืมกันเสียนั้น เกล้ากระหม่อมขอรับรองว่ามีเปนแน่ เมื่อเร็วๆ นี้ พระยาอนุมานก็ส่งคำกลอนมาให้ดู ว่าหลวงธรรมาภิมล (ถึก) เอามาให้หอสมุด ว่าเปนบทร้องกุลาตีไม้ เกล้ากระหม่อมได้คัดค้านว่าเห็นไม่ใช่ ถ้อยคำสำนวนนั้นเก่ามากจริงอยู่ แต่ว่าด้วยเรื่องควาย เรื่องไถนา ถ้าหากว่าเปนบทเพลงเกี่ยวข้าวพอจะเชื่อได้

คำที่ไม่มีความ เช่น โอละเห่ โห่ฮิ้ว ซาละภาเฮโล เปนต้นเหล่านี้ เห็นว่าเปนคำที่แสดงน้ำใจ เพื่อปลอบ เพื่อขู่ เพื่อแสดงความยินดี เพื่อนัดให้ทำอะไรพร้อมเพรียงกัน แล้วแต่เสียงอะไรจะหลุดออกมา ไม่มีจำกัด กรมหมื่นวรวัฒน์เคยจับคำพูดที่ไม่เปนภาษาได้ ว่ามีความหมายอยู่ เช่น อ้าว หมายว่าผิด เออ หมายว่าถูก อ้อ หมายว่ารู้ เอะ หมายว่าสงสัย ชอบกลหนักหนาอยู่

ข้อที่ทรงพระปรารภรำคาญพระทัยด้วยเรื่องพระกรรณตึงนั้น เกล้ากระหม่อมอยากจะทูลว่าควรพอพระทัยอยู่แล้ว ดีกว่าพระเนตรไม่เห็นเปนกองสองกอง จะเล่าถวายถึงตัวเกล้ากระหม่อมได้ไปที่วังลดาวัลย์ในการที่สมเด็จพระพันวัสสาเสด็จไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเมื่อวันที่ ๑๓ เขาทำปี่พาทย์ประโคมพระ เกล้ากระหม่อมได้ยินแต่โหม่งและฉาบใหญ่ กับตะโพนดังโปงๆ รู้ได้ว่าเปนปี่พาทย์มอญที่ฉาบใหญ่ ด้วยปี่พาทย์ไทยไม่ใช้ ส่วนเครื่องฆ้องระนาดนั้นได้ยินกริ่งๆ เล็กน้อย ทำให้นึกในใจว่า นี่ถ้าจะปรุงเครื่องประโคมสำหรับอาตมแล้ว มีแต่กลองกับโหม่งฉาบเท่านั้นเปนพอ ส่วนสิ่งอื่นเอาลูกพรวนมาเขย่าเอาแทนก็ได้

ได้ลองร่างคำนำหนังสือกฎมณเทียรบาลพะม่า ส่งมาถวายทอดพระเนตรคราวนี้ด้วย ได้ใช้ถ้อยคำสำนวนเปนส่วนตัว ไม่เปนทางราชการอันประกอบด้วยยศศักดิ์อัครฐาน เพราะรู้สึกกระดากปากที่เปนเด็กอยู่ในบ้าน จะใช้สำนวนทางราชการเห็นขัดขวาง แต่จะใช้ได้หรือไม่ ทั้งควรจะตัดหรือเติมตรงไหนบ้าง ขอได้โปรดทรงพิจารณาแก้ไขประทานด้วย จะเปนพระเดชพระคุณล้นเกล้า ความลางข้อเปนเจตนาของหญิงอี่อยากให้มี

อนึ่งพระยาอนุมานได้ส่งหนังสือมาขอโอนต้นฉะบับกฎมณเทียรบาลพะม่าไปเปนของหอสมุด แต่พูดติดจะอ้อมแอ้ม เข้าใจว่าเห็นจะกลัวเปนการล่วงเกิน ได้คัดสำเนาถวายมาทอดพระเนตรด้วยแล้ว จะทรงพระดำริเห็นควรคัดลงพิมพ์ไปด้วยหรือไม่ ถ้าหากจะคัดเอาลงพิมพ์ไปด้วยก็จะต้องทำหนังสือประกอบขึ้นอีก ๒ ฉะบับ คือหนังสือเกล้ากระหม่อมนำหนังสือพระยาอนุมานถวายฉะบับหนึ่งกับลายพระหัตถ์ทรงอนุญาตอีกฉะบับหนึ่ง เห็นว่าจะมากไปเปล่า ๆ เท่าที่เขียนไว้ในคำนำก็คิดด้วยเกล้าว่าพอแล้ว

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ