- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๒
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๙ เมษายน ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๓ เที่ยวเมืองหงสาวดี
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ เที่ยวเมืองมัณฑเล
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มิถุนายน
- วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๒
- วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๓
- วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๔
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๕
- วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กรกฎาคม
- วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๖
- วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๗
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กันยายน
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร (๒)
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๑)
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —กฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น (๒)
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ตอนที่ ๓)
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —จดหมายบันทึก ที่แก้เปลี่ยนคำ ในกฎมนเฑียรบาลพม่า
- วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๖)
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๗)
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๘)
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๙)
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๑)
- มกราคม
- วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ
- วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- —คำนำ หนังสือเรื่องกฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —ประมวญวัน วันอาทิตย์ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มีนาคม
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
Cinnamon Hall,
206 Kelawei Road, Penang. S.S.
วันที่ ๑๘ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๙
ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๔ มิถุนายนแล้วในจดหมายของหม่อมฉันฉะบับนี้จะย้อนไปทูลสนองความบางข้อในลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๖ มิถุนายน ซึ่งค้างอยู่ดังได้ทูลไปแล้ว
ที่ทรงปรารภเรื่องสีมาเพิ่มเติมมานั้น หม่อมฉันเห็นว่าบรรดาการพิถีพิถันต่างๆ ดังเช่นการผูกพัทธสีมาก็ดี รับประเคนก็ดี และยังมีการอย่างอื่นอีกเปนอเนกปริยาย อยู่ในพวก “วินัยกรรม” ทั้งนั้น คือเดิมมีข้อพระวินัยอันเหมาะแก่กาลเทศะในสมัยเมื่อพระพุทธองค์ทรงบัญญัติ ครั้นภายหลังเกิดความขัดข้องแก่การที่จะปฏิบัติตามสิกขาบทนั้น เพราะเปลี่ยนถิ่นฐานก็ตาม เพราะเปลี่ยนประชุมชนก็ตาม จะต้องอนุโลมตามกาลเทศะหรือเหตุการณ์ จะทำอย่างไรดี อันนี้เปนเหตุให้คิดเห็นและกระทำต่างกัน พวกหนึ่งเห็นว่าควรทำอย่างหนึ่งอีกพวกหนึ่งเห็นว่าควรทำอีกอย่างหนึ่ง ต่างพวกต่างก็เห็นว่าที่อีกพวกหนึ่งทำผิดพุทธบัญญัติ จะยกเปนอุทาหรณ์เช่นการประเคนภัตตาหาร มีเรื่องต้นบัญญัติว่าพระภิกษุไปเอาอาหารที่เขาเส้นผีมาบริโภค ด้วยถือว่าเปนของไม่มีใครหวงแหนแล้ว เปนเหตุให้เกิดครหาพุทธสาวก พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติว่าต้องรู้แน่ก่อนว่าเปนของที่เขาให้จึงให้บริโภค ถ้าว่าโดยอัตถ เพียงเขาเอาอาหารมาวางให้ตรงหน้า และบอกว่า “นิมนตร์คุณฉันเถิด” หรือแสดงการให้ด้วยกิริยาอย่างอื่น ก็ฉันได้ หาจำเปนต้องยกประเคนจนถึงมือไม่ การประเคนเกิดขึ้นเพราะจะให้แน่ใจว่าให้ฉะเพาะพระภิกษุรูปนั้น แล้วยังถือเลยหนักไปถึงว่าผู้ประเคนต้องอยู่ในหัตถบาสด้วย หม่อมฉันเคยฉุนครั้งหนึ่ง เมื่อเลี้ยงพระทำบุญอายุครบ ๕ รอบ ยกสำรับประเคนท่านคุณวงศ (จุ๊) วัดปรไมยิกาวาส แกว่า “ยังไม่ได้หัตถบาสถวายพระพร” หม่อมฉันใคร่จะตอบว่า “ผมเคยบวชแล้ว” แต่เปนต่อหน้าทารกำนัลก็เลยนิ่งเสีย ถึงเรื่องสีมาก็เปนทำนองเดียวกัน ตัวพุทธบัญญัติเดิมก็มีความมุ่งหมายเพียง ๒ ข้อเนื่องกัน ข้อ ๑ ถ้าจะลงมติในนามสงฆ์ต้องให้พระภิกษุทั้งปวงเห็นชอบพร้อมกัน ข้อ ๒ เพราะพระภิกษุเที่ยวสอนพระสาสนาแยกย้ายกันอยู่ในที่ต่างๆ มักอยู่ห่างไกลจะไปประชุมกันหมดลำบากนัก จึงให้กำหนดเขตต์สีมาอันภิกษุอยู่ในเขตต์นั้นพอจะไปได้สดวก มีพระภิกษุทั้งปวงที่อยู่ในเขตต์สีมาอันหนึ่งประชุมกันก็ลงมติในนามสงฆ์ได้ ความที่บัญญัติมีเท่านี้เอง ถึงสมัยภายหลังพุทธกาล เมื่อพระพุทธสาสนารุ่งเรืองเปนสาสนาสำหรับประเทศ เกิดมีพระภิกษุแพร่หลายมากเรียกประชุมสงฆ์ยากขึ้น ก็ร่นเขตต์มาให้เล็กเข้าเปนลำดับมาแม้กระนั้นแต่ก่อนก็มี “โบสถ์” ที่ประชุมสงฆ์แต่น้อยแห่ง ยังเปนเช่นนั้นอยู่ในเมืองพะม่าจนทุกวันนี้ มาเกิดมีโบสถ์ทุกวัดในเมืองไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เมื่อเกิดประเพณีที่ถือว่ากุลบุตรต้องอุปสมบททุกคนสืบมาจนในกรุงรัตนโกสินทรนี้ เมื่อคิดถึงความมุ่งหมายในพุทธบัญญัติดูกลับห่างเห็นไปเสียอีก สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯ จะทรงพระดำริอย่างนี้ จึงไม่นำพาสีมาวัดรังษีเสียเลยทีเดียว
เรื่องรูปมณฑปและพระเจดีย์ทรงสัณฐานต่างๆ ในเมืองพะม่าหม่อมฉันได้ลงกำหนดไว้แล้วว่าจะทูลอธิบายในตอนเที่ยวเมืองพุกาม
ที่หม่อมฉันไม่ไปเมืองตองอูนั้นยังมีเหตุอื่นอีก แต่มิได้ทูลไปด้วยในพงศาวดารปรากฎว่าเมืองตองอูถูกเผาทำลายเมื่อครั้งพระเจ้าหงสาวดีสมิงทอไปตีเมือง นึกว่าของเก่าที่ยังเหลือก็เห็นจะมีแต่พระเจดีย์ที่นับถือกันว่าเปนมหาธาตุสำหรับเมือง แต่ไม่ถือเปนของสำคัญถึงเมืองอื่นเหมือนเช่นพระมุเตา อีกประการหนึ่งการที่จะไปอยู่ข้างลำบากถ้าไปรถไฟต้องไปค้างคืน ถ้าไปรถยนต์และกลับเมืองร่างกุ้งในวันเดียวกันนั้น จะต้องนั่งในรถยนต์ถึง ๑๒ ชั่วโมง จึงสิ้นความประสงค์
จะทูลสนองความในลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๔ ต่อไป หลักที่ปัก ๒ ข้างประตูเมืองมัณฑเลนั้น เห็นจะเปนหลักคบจริงดังทรงพระดำริ หม่อมฉันพบในหนังสืออีกเรื่องหนึ่งว่า “ฝังหม้อใส่น้ำมัน ๔ มุมเมือง” คืออาถรรพ์นั้นเอง
ข่าวที่ปีนังมีทูลแต่เรื่องหญิงสุวภาพเพราพรรณ หลานหม่อมฉันคลอดลูกหญิงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๑ หม่อมฉันได้เห็นเหลนเปนคนแรกเพราะ ๒ คนที่คลอดก่อนคลอดในกรุงเทพฯ ยังไม่ได้เห็น ลูกหญิงสุวภาพเมื่อแรกคลอดอ่อนเพลียมาก เพราะคลอดเร็วกว่าธรรมดาสักหน่อย มีอาการผิวเขียวร่ำไป แต่หมอที่นี่เขาชำนาญวิชชาสมัยใหม่แทงเอาโลหิตแม่ไปเจือในตัวลูกและให้อุ้มเอาหัวห้อยเทลงในเวลาเมื่อเกิดผิวเขียว แก้อยู่ ๓ วันอาการจึงเปนปกติเหมือนอย่างเด็กสามัญ
คราวเมล์นี้ หม่อมฉันส่งเรื่องเที่ยวเมืองพะม่ามาถวายอีกท่อนหนึ่ง เปนท่อนที่ ๔ ในตอนที่ ๔ และได้ส่งรูปฉายถวายมาด้วย ๖ แผ่น คือ
๑. รูประเนียดไม้ซุงกำแพงราชวังชั้นนอก
๒. รูปหอพระเขี้ยวแก้ว
๓. รูปหอนาฬิกา
๔. รูปมณฑปที่บรรจุพระศพพระเจ้ามินดง
๕. รูปวัดสังฆาวาสจำลองของพระเจ้าสีป่อ เมื่อยังบริบูรณ์ดี
๖. รูปฉัตรยอดพระเจดีย์พะม่า
รูปที่ ๖ หม่อมฉันให้ถ่ายจำลองจากสมุดเล่มหนึ่ง เพราะเห็นยอดพระเจดีย์พม่าชัดเจนดี ควรเอาเข้าในตอนที่ ๓ ซึ่งว่าด้วยเที่ยวเมืองหงสาวดี เพราะมีพรรณาลักษณพระเจดีย์พะม่ามอญ ตามที่เขาบอกอธิบายอยู่ในนั้น