- เมษายน
- วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๒
- วันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๙ เมษายน ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๓ เที่ยวเมืองหงสาวดี
- วันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- พฤษภาคม
- วันที่ ๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ต่อในตอนที่ ๓
- วันที่ ๑๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ยังอยู่ในตอนที่ ๓
- วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ เที่ยวเมืองมัณฑเล
- วันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มิถุนายน
- วันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๒
- วันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๓
- วันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๔
- วันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๕
- วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กรกฎาคม
- วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๖
- วันที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๔ ท่อน ๗
- สิงหาคม
- วันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย
- วันที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๓ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๕ เที่ยวเมืองมัณฑเลภาคปลาย (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- กันยายน
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร (๒)
- วันที่ ๕ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๑)
- วันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๖ วินิจฉัยเคราะห์กรรมเมืองพะม่า (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- ตุลาคม
- วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —กฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี
- วันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ ล่องแม่น้ำเอราวดี (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น (๒)
- พฤศจิกายน
- วันที่ ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เที่ยวเมืองพุกาม (ตอนที่ ๓)
- วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —จดหมายบันทึก ที่แก้เปลี่ยนคำ ในกฎมนเฑียรบาลพม่า
- วันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- ธันวาคม
- วันที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๖)
- วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๗)
- วันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๘)
- วันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๗ เรื่องเที่ยวเมืองพุกาม (ท่อนที่ ๙)
- วันที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๑)
- มกราคม
- วันที่ ๒ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๘ เรื่องเที่ยวเมืองแปร (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๙ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ
- วันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- —คำนำ หนังสือเรื่องกฎมณเทียรบาลพะม่า
- วันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- —ประมวญวัน วันอาทิตย์ วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๗๙
- กุมภาพันธ์
- วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๒)
- วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๓)
- วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- มีนาคม
- วันที่ ๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๔)
- วันที่ ๑๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- วันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
- วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
- —เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๙ เที่ยวเมืองร่างกุ้งเมื่อขากลับ (ท่อนที่ ๕)
- วันที่ ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น
วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร
Cinnamon Hall,
206 Kelawei Road, Penang. S.S.
วันที่ ๒๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๙
ทูล สมเด็จกรมพระนริศ ฯ
หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๖ พฤษภาคมแล้ว หนังสือวิศาขบูชาว่าด้วยอิทธิบาท ๔ ซึ่งโปรดส่งประทานมาแต่ก่อน และพลัดหายไปนั้น พนักงานไปรษณีย์ก็ได้พามาส่งแล้ว เห็นจะไปลืมหลงอยู่ในสำนักงานไปรษณีย์นั่นเอง หม่อมฉันยังไม่ได้อ่านเมื่ออ่านแล้วจึงจะทูลวินิจฉัย
ความที่หม่อมฉันจะทูลสนองในลายพระหัตถ์ฉะบับนี้มีอยู่บ้าง เรื่องศิลาจารึกกัลยาณี หม่อมฉันได้ทูลวินิจฉัยต่อมาในจดหมายฉะบับลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคมนี้อีกท่อนหนึ่ง นึกว่าคงจะยุติต้องกับกระแสพระดำริจะทูลวินิจฉัยต่ออีกสักหน่อยในจดหมายฉะบับนี้ ในพงศาวดารยกย่องพระเจ้าแผ่นดินว่าเปนอุดมสาสนบัณฑิตย์ ๓ พระองค์ ถ้าเรียงลำดับโดยรัชชกาล คือพระมหาธรรมราชา พญาลิทัย พระเจ้ากรุงสุโขทัย เรียกในหนังสือพงศาวดารเหนือว่า “พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก” (แต่ลงศักราชผิดไป) พระองค์ ๑ พระเจ้าธรรมเจดีย์กรุงหงสาวดีพระองค์ ๑ กับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอีกพระองค์ ๑ มีหนังสือทรงพระราชนิพนธ์ยังปรากฏอยู่ทั้ง ๓ พระองค์ คือ ไตรภูมิ (พระร่วง) ของพระมหาธรรมราชา จารึกกัลยาณีของพระเจ้าธรรมเจดีย์ พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีมาก จะยกเปนอุทาหรณ์ในที่นี้แต่ฉะเพาะเรื่อง “สีมาวิจารณ์” ซึ่งทรงแต่งในภาษามคธแต่เมื่อยังทรงผนวช ตอบปัญหาส่งมาแต่ลังกาทวีป (รวมอยู่ในหนังสือ “สมณสาสน” ซึ่งพิมพ์แจกในงานพระศพกรมหลวงพรหมวรานุรักษ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๘) เมื่ออ่านหนังสือ ๓ เรื่องนั้นพอพิจารณาเห็นได้ว่าพระปรีชาญาณของพระเจ้าแผ่นดิน ๓ พระองค์นั้นผิดกันอย่างไร ว่าตามความเห็นของหม่อมฉัน เห็นว่าคงทรงทราบภาษามคธแตกฉานและเปนพหูสูตรทั้ง ๓ พระองค์ แต่ทรงพระราชวินิจฉัยผิดกัน
พระมหาธรรมราชา (ทรงแต่งหนังสือไตรภูมิ) ทรงสามารถในกระบวรเลือกเก็บความที่มีในพระไตรปิฎก มาต่อติดเรียบเรียงเปนเรื่องไม่ถือเอาเปนพระราชธุระที่จะทรงพิจารณาข้อผิดชอบของหนังสือเดิม
พระเจ้าธรรมเจดีย์นั้นทรงพิจารณาข้อผิดชอบ แต่การชี้ขาดเพียงเลือกเอาวาทะของพระอัตถกถาและฎีกาจารย์ซึ่งทรงเห็นว่าถูกต้อง
แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชวินิจฉัยเอง ด้วยทรงถือว่าพระไตรปิฎกนั้นบาลีเปนหลัก อัตถกถาฎีกาเปนแต่คำวินิจฉัยของเกจิอาจารย์ จะชี้ขาดต้องพิจารณาตัวบาลีเปนหลัก หรือถ้าว่าอีกอย่างหนึ่ง อาจทรงคัดค้านทั้งอัตถกถาและฎีกาในเมื่อทรงพระราชดำริเห็นว่าไม่ตรงกับบาลี ผิดกันดังนี้ ทูลเปนอธิบายนอกเรื่อง
เรื่อง “นางจรัล” ที่โปรดประทานพระวินิจฉัยมานั้น หม่อมฉันเห็นชอบด้วยทุกประการ แต่ได้คัดสำเนาส่งไปให้หญิงสิบพันในคราวเมลนี้ ด้วยเธอกลับไปกรุงเทพฯ แล้ว หม่อมฉันเกิดอยากจะช่วยวิจารณ์ตามเสด็จเนื่องในเรื่องนางจรัลต่อไป
คำว่า “โตรณ” ก็ดี “ปราการ” ก็ดี เปนคำมาแต่ภาษามคธ คำว่า (นาง)จรัล” ก็น่าจะมาแต่ภาษาอื่น เพราะเหตุใดไทยจึงเอาคำเหล่านี้มาใช้ จะเข้าใจว่าเพราะไม่เคยมีเครื่องป้องกันศัสตรูมาแต่ก่อนก็ไม่ได้ และมีคำภาษาไทยสำหรับเรียกอยู่แล้วว่า “ค่าย คู ประตู หอรบ” รวมสิ่งซึ่งสร้างสำหรับป้องกันศัสตรูอยู่ใน ๔ คำนี้ทั้งหมด ยังมีรอยที่ตั้งทัพรบศึกครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปรากฏอยู่ในแขวงจังหวัดกาญจนบุรีและสุพรรณบุรี รอยที่ตั้งทัพครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกรบพะม่า ก็ยังปรากฎอยู่ที่เมืองไทรโยค ดูลักษณเหมือนกันหมด เห็นได้ว่าเมื่อทำนั้นขุด “คู” รอบเอาดินที่ขุดขึ้นพูนทำเชิงเทินข้างในตลอดแนวคู มี “ประตู” ทางเข้าออกเปนระยะ ทำเชิงเทินยื่นออกไปเปน “หอรบ” เปนระยะสำหรับยิงศัสตรูทางด้านสกัด ที่บนเชิงเทินเอาไม้ปัก “ค่าย” บังตัวคนที่ต่อสู้มิให้ถูกศัสตราวุธ และบังตาศัสตรูด้วย ที่ตั้งทัพที่เราเรียกรวมว่า “ค่าย” ประกอบด้วยองค์ ๔ อันมีชื่อเรียกในภาษาไทยดังกล่าวมา เมืองโบราณก็สร้างทำนองเดียวกับ “ค่าย” นั่นเอง ผิดกันแต่ทำเปนของถาวร จะยกตัวอย่างเช่นเมืองอู่ทองมีคูและเชิงเทินเปนแต่รอยถมดิน ไม่มีอะไรก่อไว้บนนั้น ส่อว่าเดิมคงปักระเนียดไม้ก่อศิลาแลงแต่ที่ประตู ส่วนเมืองกำแพงเพ็ชรนั้นเมื่อเขาถางแล้วหม่อมฉันได้ไปดู เห็นก่อกำแพงใบเสมาแต่บนยอดเนิน คือแทนไม้ระเนียดอย่างเก่า ที่เมืองสุโขทัยก็เปนเช่นนั้นเหมือนกัน พระยาโบราณ ฯ สันนิษฐานว่าพระนครศรีอยุธยาเดิมก็เช่นนั้น มาแก้เปนก่อกำแพงทางด้านนอกถมดินเปนเชิงเทินข้างใน เมื่อรัชชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ คำว่า “ปราการ” น่าจะเริ่มใช้สำหรับเรียกกำแพงเมืองเมื่อก่อทั้งหมดอย่างว่ามาดอกกระมัง เมื่อเรียกกำแพงอย่างใหม่ว่า “ปราการ” จึงเรียกใบเสมาว่า “นางจรัล” ตัวคำว่า “สีมา” หรือ “เสมา” แปลว่าเครื่องหมายเขตต์ ที่เรียกเครื่องบังตัวบนกาแพงเมือง เปนปากตลาดกันว่า “เสมา” น่าจะเอารูปมาเรียกดอกกระมัง นี่เปนทูลโดยเดา
เรื่องลานทองคำจารึกกรรมวาจา ที่พระเจ้าบรมโกศพระราชทานไปเมืองลังกานั้น หม่อมฉันมาคิดเห็นเค้าเงื่อนขึ้นใหม่เมื่อส่งจดหมายฉะบับก่อนไปถวายท่านแล้ว เห็นว่าน่าจะเปนประเพณีเดิมของลังกาที่ใช้อ่านกรรมวาจา มอญจะไปได้มาแต่ครั้งพระเจ้าธรรมเจดีย์ แต่ทางกรุงศรีอยุธยาใช้สวดปากเปล่ามาแต่เดิม จึงมีคู่สวด ๒ องค์ป้องกันอักขรวิบัติ เมื่อพระเจ้าบรมโกศโปรด ฯ ให้พระอุบาลีกับคณะสงฆ์ออกไปให้อุปสมบทในลังกาทวีป ทรงทราบว่าพวกลังกาเคยใช้อ่านกรรมวาจามาแต่ก่อน จึงโปรด ฯ ให้สร้างคัมภีร์ลานทองคำจารึกกรรมวาจาประทานไป แต่หม่อมฉันเข้าใจว่าเดี๋ยวนี้พระลังกาก็ใช้สวดปากเปล่า ไม่ใช้อ่านกรรมวาจาให้อุปสมบทแล้ว ถ้าเปนเช่นนั้นจริง ก็น่าจะเปลี่ยนมาเปนอย่างไทยเมื่อพระอุบาลีไปให้อุปสมบทนั้นเอง เพราะปรากฏในจดหมายเหตุครั้งนั้นที่ลังกาแต่งไว้ว่าพระเจ้าเกียรติศิริราชสิงหตรัสขอให้พระอุบาลีกับสงฆ์ไทย ให้อุปสมบทอย่างไทยแก่สามเณรไทยที่ไปด้วยให้พวกลังกาเห็นก่อน พระอุบาลีให้สวดด้วยปากอย่างไทย พวกลังการับปฏิบัติตามจึงมิได้ใช้อ่านกรรมวาจาต่อมา
ในคราวเมล์นี้หม่อมฉันถวายเรื่องเที่ยวเมืองพะม่ามาอีกท่อนหนึ่งเปนหมดตอนที่ ๓ จะตั้งต้นตอนที่ ๔ ในคราวหน้าต่อไป ได้ถวายรูปฉายเนื่องกับเรื่องที่พรรณนามาในคราวนี้ ๔ รูป คือ
๑. รูปลานพระมุเตา
๒. รูปมนุษยสิงห์ที่ในลานพระมุเตา
๓. รูปหมู่ถ่ายกับกรรมการรักษาพระมุเตา
๔. รูปหมู่ถ่ายที่บ้านเจ้าเมืองหงสาวดี
แต่รูปพระมุเตาเมื่อยังเปนปกติและที่เห็นพังอย่างไร หม่อมฉันได้ถวายไปแต่ก่อนแล้วหลายแผ่น ขอให้ทรงเอามารวมไว้ในตอนนี้