วันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๒๖ กันยายน ๒๔๗๙

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

ลายพระหัดถ์ลงวันที่ ๑๗ เดือนนี้ ได้รับประทานแล้ว

ตามที่ทรงวินิจฉัยคำว่า “ป่า” ในภาษาไทยนั้นชอบแล้ว ส่วนที่ทรงพระปรารภถึงคำ “อรญฺญ” และ “วน” ในภาษาบาลีนั้น เกล้ากระหม่อมลองเปิดดิกชันะรีของจิลเดอรส์ขึ้นดู อรญฺญํ แปลว่า A forest, a wood วนํ แปลว่า A wood, forest; water คือว่าเหมือนกัน แต่คำ วน ใช้กว้างออกไปได้ถึงน้ำด้วย เห็นจะได้หลักมาแต่คำ “ปทุมวัน” นั้นเอง

ในเรื่องภิกษุที่อยู่ป่า เกล้ากระหม่อมก็เคยได้ทราบมาโดยบังเอิญเรื่องหนึ่ง ด้วยจะต้องทำพระพุทธรูปอุ้มบาตร เกิดสงสัยขึ้นว่าบาตรที่กล่าวไว้ในบาลีจะไม่เหมือนกับบาตรที่เราใช้อยู่เวลานี้ เพราะมีข้อห้ามในเสขิยวัตรว่าไม่ให้เสียบาตร ถ้าบาตรเหมือนที่เราใช้อยู่บัดนี้ก็ไม่ต้องห้าม เสียไม่ได้อยู่เอง เพราะเสียไม่ถึง เกรงว่าบาตรที่ปรากฎมาในบาลีจะมีรูปแบนไปทางกะบายกะโล่ จึงวานพระท่านค้นหาข้อความที่มาในบาลีซึ่งกล่าวถึงบาตร ท่านก็ค้นมาบอกให้ มีเรื่องภิกษุอยู่ป่าติดมาด้วยเรื่องหนึ่ง ว่าภิกษุอยู่ป่านั้นปลูกกุฏิอยู่ เรียกว่า “อรญฺญกุฏิ” เวลาเช้าเอาบาตรใส่ถุงสะพายบ่าเข้ามาบิณฑบาตในหมู่บ้าน พอมาใกล้อุปจารบ้านก็ปลดถุงแก้เอาบาตรออกถือ เอารองท้าวใส่ในถุงแทนที่บาตรสะพายบ่าภายในจีวร แล้วจารึกเข้าบ้านเที่ยวรับอาหารบิณฑบาต เมื่อได้อาหารแล้วก็ไปหาที่ฉันอาหารโดยสมควร เช่นที่อันจะพึงหาน้ำได้ง่ายเปนต้น เมื่อฉันเสร็จแล้วก็เอาบาตรเข้าถุงอย่างเดิม เอาเกือกออกใส่กลับไปอรัญกุฎี ถุงที่ว่านี้สมจะได้แก่ถุงตะเคียว และอรัญกุฎีนั้นต้องอยู่ไม่ห่างหมู่บ้านมากนัก สมตามที่ทรงพระดำริ

เรื่องที่สัณนิษฐานว่าผ้ากราบเปนผ้าสันถัดนั้นน่ากลัวผิด ลักษณผ้าสันถัดกล่าวว่ามีห้าชาย นึกรูปร่างว่าจะเปนอย่างไรก็นึกไม่ออก (ถามสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ท่านก็ลา บอกว่าอ่านไม่เข้าใจ ได้ความเข้าใจแต่เพียงว่าทำด้วยสักหลาด มีเรื่องประหลาดคราวหนึ่ง เกล้ากระหม่อมร่างรูปภาพเรื่องในกัณฑ์มหาพน ให้โปรเฟสเส้อริโกลีเขียนผนังพระอุโบสถวัดราชาธิวาส มีรูปพระอรจุตตฤษีนั่งบนหนังเสือทั้งตัวไม่เจียนหัวเจียนท้าว สมเด็จกรมพระสวัสดิ์เธอมาเห็นเข้าเธอออกปากว่า “ออ ผ้าสันถัดนั่นเหมือนหนังเสือนี่เองแหละ” แต่นี่ก็เปนความเห็นสมเด็จกรมพระสวัสดิ์ ซึ่งเธอก็คงคิดติดมานานแล้วที่ว่าผ้าสันถัดมีห้าชายรูปร่างจะเปนอย่างไรเธอมาเห็นว่าถ่ายออกจากหนังเสือ จะถูกผิดประการใดก็ยกไว้ให้แก่เธอ ข้อที่ฝ่าพระบาททรงยกเอาตัวอย่างผ้ากราบของขุนนางมาเทียบด้วยผ้ากราบพระนั้นก็สำคัญ ทำให้ผ้ากราบพระหลุดไปจากผ้าสันถัดได้ด้วยดี แต่ถึงแม้จะไม่ใช่ผ้าสันถัดก็เอาพาดบ่าไม่ได้ เอาผ้าใด ๆ ขึ้นพาดต้องอาบัติทั้งนั้น เว้นแต่จีวร นี่ว่าตามคำครูบาอาจารย์สอน

เรื่องหุ่นกระบอกเรียกว่าหุ่นคุณเถาะนั้น เกล้ากระหม่อมทราบดี คนเล่นก็ทราบว่าชื่อนางเคลือบ ตัวคุณเถาะเองก็รู้จักดี เปนคนเลี้ยงชายกลาง ตัวชายกลางก็คุ้นกับเกล้ากระหม่อม ทั้งเกรงใจด้วย เกล้ากระหม่อมเปนผู้มีหน้าที่ปลอบให้กินยา หุ่นคุณเถาะนั้นได้เห็นเปนครั้งแรกที่ไหน ฝ่าพระบาทนำไปเล่นถวาย ดูเหมือนที่บางปะอิน จะเปนงานอะไรก็ลืมเสียแล้ว ฝ่าพระบาทได้กราบบังคมทูลถึงประวัติหุ่นว่านายเหน่งเปนต้นคิด แปรมาจากหุ่นไหหลำ และจำทำนองร้องเดินเรื่องมาจากเพลงตาสังขารา

ระนาดของพะม่า เกล้ากระหม่อมได้พิจารณาถี่ถ้วน รูปร่างเหมือนระนาดของเรา แต่ไม้ตีผิดกัน ไม้ขวาแขง แต่ไม้ซ้ายอ่อน วิธีตีก็ผิดกัน เราตีขวาซ้ายลงพร้อมกัน พะม่าตีขวาเก็บ ซ้ายตอดหนุน ใกล้ไปทางข้างเล่นเปียโน จะเปนระนาดของเรา พะม่าเอาไปเล่นเปลี่ยนท่าเสียอย่างหนึ่งหรืออย่างไรไม่ได้ถามเขา ด้วยเห็นว่าถึงถามก็คงบอกไม่ได้ เพราะคนเล่นเปนคนหนุ่ม

เรื่องพระศพกรมพระกำแพงเพชรจะจัดอย่างไร เกล้ากระหม่อมไม่ได้กราบทูลมาในหนังสือเวรฉะบับก่อนก็เพราะยังไม่ทราบ พอข่าวถึงกรุงเทพ ฯ ว่าสิ้นพระชนม์ก็โจษถามกันให้แซ่ไปว่าจะทำอย่างไร คนดีก็คิดให้ตั้งร้อยแปดอย่าง หนังสือพิมพ์ฉวยอะไรได้ก็เอาไปลงพิมพ์ให้ทันใจคนอยากรู้ แต่ที่แท้ยังไม่มีความตกลงอะไรสักอย่างเดียว ผู้ใหญ่ในกรุงเทพ ฯ ต้องปรึกษากับเจ้าภาพทางสิงคโปรให้ประนอมพร้อมใจกันก่อน

บัดนี้สามารถจะกราบทูลได้ด้วยได้ปรึกษากันตกลงแล้ว ทางสิงคโปรฉีดยารักษาพระศพเข้าหีบตั้งไว้ที่ตำหนัก จะเชิญพระศพลงเรือ “มาลินี” ออกจากสิงคโปรวันที่ ๑ ตุลาคม พระญาตทั้งหลายก็จะยกตามพระศพมาในเรือ เว้นแต่องค์หญิงมยุรฉัตรจะอยู่จัดทรัพยสมบัติที่สิงคโปรก่อน เรือจะถึงกรุงเทพ ฯ ประมาณราววันที่ ๔ หรือที่ ๕

ตุลาคม เชิญพระศพไปถ่ายเข้าพระโกศประดิษฐานไว้ณพระที่นั่งทรงธรรมวัดเบญจมบพิตร เพราะวังให้เช่าไปเสียแล้ว รุ่งขึ้นเวลาเย็นเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมพระศพ ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลมีสวดมนต์และทรงธรรม หมายสั่งแต่งเต็มยศ รุ่งขึ้นเลี้ยงพระและทรงธรรมอีกกัณฑ์หนึ่ง แล้วรักษาพระศพไว้ทำบุญถวายกันที่นั้นต่อไป จนถึงเวลาทำพระเมรุพร้อมเสร็จ จะได้เชิญพระศพไปพระราชทานเพลิงที่พระเมรุ ตามลำดับพระศพเจ้านายซึ่งมีค้างอยู่ สมเด็จหญิงน้อยเปนพระศพนำ คงตกในราวเดือนมกราคม

งานเฉลิมพระชนมพรรษาปีนี้ เดิมกะจะมีงานสามวัน วันต้นวันกลางเปนงานพระราชกุศล วันหลังเปนงานอุทยานสโมสร ครั้นกรมพระกำแพงเพชรสิ้นพระชนม์ลง สั่งเลิกงานวันหลังอันเปนงานรื่นเริง เปนเครื่องหมายในความสลดพระราชหฤทัยถึงกรมพระกำแพงเพชร คงมีแต่การพระราชกุศลเพียงสองวันก่อน วันแรกเกล้ากระหม่อมไม่ได้เข้าไป เพราะฝนตกพรำตลอดเวลา ถ้าขืนเข้าไปก็เจ็บ รุ่งขึ้นเช้าจึ่งได้เข้าไปเลี้ยงพระตามหน้าที่ การทุกอย่างก็มีตามเคย ยกแต่สรง เพราะเสด็จไม่อยู่ นอกนั้นที่จัดผิดแปลกไปก็มีอยู่สองอย่าง คือบนพระแท่นเศวตฉัตรจัดตั้งแต่พระชัยรัชชกาลที่ ๕ องค์เดียว พระชันษาไม่มี กับหน้าพระเก้าอี้ที่ประทับตั้งพระบรมรูปบัสต์ทองแดง ซึ่งหล่อส่งเข้ามาใหม่ไว้บนหลักศิลา

สแตมป์อังกฤษออกใหม่ มีพระรูปพระเจ้าเอดวาดที่ ๘ เปนอย่างไรออกอยากเห็น เห็นหนังสือพิมพ์มีชื่อท่านพวกช่างๆ ติกันคอหักคอลัน

ได้เห็นหนังสือพิมพ์บางกอกไตมส์เขาลงว่า เมื่อวันเสาร์ก่อนที่ปินังรู้สึกแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่ง และที่ยะลาก็รู้สึกเหมือนกัน แต่หวังว่าคงไม่มากพอถึงจะทำให้หญิงพูนเมา

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ