วันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร

Cinnamon Hall,

206 Kelawei Road, Penang. S.S.

วันที่ ๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๙

ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ

หม่อมฉันได้ทูลไปในจดหมายฉะบับสัปดาหะก่อน ว่าจะไปเฝ้าสมเด็จพระพันวัสสา ฯ ที่เมืองสิงคโปร์ แต่เดิมเขาบอกว่าเรือลาแลนเดียลำที่จะโดยสารไป จะออกจากเมืองปีนัง ณ วันพุธที่ ๑๙ เมษายน เวลา ๒๓ นาฬิกา เผอิญพระยาศรีวิสารวาจากลับจากเมืองจีนมาถึงปีนังเย็นวันนั้น หม่อมฉันชวนมากินอาหารเย็นที่ซินนะมอนฮอล กินแล้วพูดกันได้ไม่กี่คำก็ถึงเวลาจะต้องลงเรือ หม่อมฉันกับหญิงเหลือและนายแก้วคนรับใช้จึงต้องรีบไป (ที่ไปด้วยกันแต่เท่านั้นเพราะประหยัดทรัพย์) ลงถึงเรือสักครู่หนึ่งก็เข้านอน แต่ที่ว่าเรือจะออกเวลา ๒๓ นาฬิกาเปล่าทั้งนั้น เพราะยังต้องรับสินค้าบรรทุกเพิ่มเติมไม่เสร็จ (เปนนิทัศนอุทาหรณ์ในข้อที่หม่อมฉันเคยทูลว่าเรือรับคนโดยสาร กับเรือรับคนโดยสารกับสินค้าผิดกันอย่างไร) จนวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ เวลาเช้า ๗ นาฬิกาจึงได้ออกจากปีนัง มาถึงปอตเสวตเตนแฮมท่าเมืองกวาลาลุมปูร์ (ซึ่งควรจะถึงแต่กลางวัน) ต่อเวลา ๒๐ นาฬิกา ต้องทอดสมอนอนอยู่กลางน้ำคืน ๑ ต่อรุ่งเช้าวันศุกร์ที่ ๑ พฤษภาคมจึงเข้าเทียบท่าขนของขึ้น จะต้องขนอยู่ตลอดวัน หม่อมฉันจึงขึ้นไปเที่ยวเมืองกวาลาลุมปูร์ ไปกินกลางวันที่โฮเตลมาเชสติคที่ตั้งใหม่ แล้วจึงกลับมาลงเรือๆ ยังขนของขึ้นอยู่จน ๑๘ นาฬิกาจึงออกจากปอตเสวตเตนแฮม แต่ข้างเจ้าของเรือก็เกิดลำบากด้วยมีสินค้าจะต้องส่งที่เมืองมละกา จะหยุดส่งของเรือก็จะไม่ถึงเมืองสิงคโปร์ทันวันเสาร์อันเปนกำหนดจะรับเสด็จสมเด็จพระพันวัสสา ฯ กลับกรุงเทพ ฯ เขาจึงไม่หยุดที่เมืองมละกา นัยว่าจะเอาสินค้าเมืองมละกาไปบรรทุกเรือเอร์เรียลำที่สมเด็จพระพันวัสสา ฯ เสด็จมาจากกรุงเทพ ฯ และที่หม่อมฉันจะกลับมาปีนัง ให้แวะส่งเมื่อขากลับ แม้กระนั้นเรือลาแลนเดียก็ไปถึงสิงคโปร์ต่อวันเสาร์ที่ ๒ พฤษภาคม เวลาเช้า ๑๐ นาฬิกา

กงสุลเขามีแก่ใจจัดรถไปรับ พอหม่อมฉันขึ้นรถก็พอพบกระบวรรถสมเด็จ ฯ เสด็จผ่านไป จะเสด็จไปทอดพระเนตร์โรงทำสิ่งของต่างๆ ด้วยยางรับเบอร์ หม่อมฉันก็เลยตามเสด็จไป ได้เฝ้าที่โรงทำเครื่องยางเปนครั้งแรก ทอดพระเนตร์แล้วเสด็จลงประทับในเรือลาแลนเดีย (ไม่ได้ขึ้นประทับแรมบนบกเลย) แต่หม่อมฉันเลยไปพักที่โฮเตลแรฟเฟล เวลากลางวันกรมพระกำแพงเพ็ชร ฯ เชิญเลี้ยงกลางวันพร้อมกันหมด หม่อมฉันได้เฝ้าสมเด็จฯ อีกครั้งหนึ่ง เวลาค่ำกรมพระกำแพงเพ็ชรฯ เลี้ยงดินเนอร์อีกครั้งหนึ่ง เสวยแล้วเสด็จไปทอดพระเนตร์ British Empire Trade Fair ทำนองงานระดูหนาว กรมพระกำแพงเพ็ชร ฯ เปนผู้นำทอดพระเนตร์ตลอดแล้วเสด็จกลับไปลงเรือลาแลนเดียราวเวลา ๒๓ นาฬิกา พากันไปส่งเสด็จที่ในเรือนั้น วันอาทิตย์พอรุ่งเช้าเรือลาแลนเดียออกจากสิงคโปร์ไปกรุงเทพ ฯ

หม่อมฉันรู้สึกชื่นชมโสมนัสจริง ๆ ที่ได้เฝ้าสมเด็จพระพันวัสสา ฯ โดยฉะเพาะที่เห็นท่านยังแข็งแรง ดูทรงพระดำเนินเที่ยวได้ไกลๆ ไม่ปลกเปลี้ยเลย เสียดายอยู่หน่อยที่ไม่ได้มีโอกาสเฝ้าในที่ระโหฐาน เพราะผู้คนเกลื่อนกลุ้มตามเสด็จอยู่เสมอ สังเกตดูฝ่ายท่านก็ดูเหมือนจะทรงยินดีมากที่ได้มาพบหม่อมฉัน ตรัสบอกว่ามาเที่ยวอย่างนี้สบายมาก เห็นจะเที่ยวอีก แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเสด็จไปทางไหน

เมื่อส่งเสด็จสมเด็จพระพันวัสสา ฯ กลับแล้ว หม่อมฉันเที่ยวเตร็จเตร่คอยเรืออยู่ที่เมืองสิงคโปร์อีก ๒ วัน ถึงวันจันทร์ที่ ๔ พฤษภาคมไปกินอาหารเย็นที่ตำหนักกรมพระกำแพงเพ็ชร ฯ แล้วลงนอนในเรือเอร์เรีย เวลารุ่งเช้าวันอังคารที่ ๕ เรือออกจากเมืองสิงคโปร์ เวลาบ่าย ๑๔ นาฬิกาถึงเมืองมละกาแวะรับสินค้า หม่อมฉันพาหญิงเหลือขึ้นเที่ยวดูเมืองมละกา พอเวลา ๑๘ นาฬิกากลับลงเรือ เวลา ๒๑ นาฬิกาออกเรือ วันพุธที่ ๖ เช้า ๘ นาฬิกาถึงปอตเสวตเตนแฮมเรือแวะรับสินค้าอีก แต่หม่อมฉันเขียนหนังสืออยู่ในเรือไม่ได้ขึ้นบกเพราะขึ้นเมื่อขามาจากปีนังแล้ว เวลา ๑๖ นาฬิกาออกเรือ แล่นมาตลอดคืนถึงเมืองปีนังวันพฤหัสบดีที่ ๗ พฤษภาคม เวลาเช้า ๗ นาฬิกา

เมื่อขึ้นบกมาถึงซินนะมอนฮอล ได้รับจดหมายจากกรุงเทพ ฯ มาคอยอยู่รวมทั้งลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๒ พฤษภาคม เกิดอนาถใจด้วยพระยาโบราณราชธานินทรถึงอนิจกรรม หม่อมฉันได้ยินอยู่แต่เมื่อก่อนไปเมืองสิงค์โปร์ว่าพระยาโบราณ ฯ ป่วยมีอาการหนักแต่ว่าค่อยคลายขึ้นบ้างแล้ว ก็ไม่พ้นนึกระแวงด้วยแกปลกเปลี้ยมานานอายุก็ล่วง ๖๐ มาหลายปี แต่ตามจดหมายหญิงจงบอกมาอีกทางหนึ่งว่าตายด้วยไม่รู้ตัวว่าจะตาย เกิดเปนลมปัจจุบันตายโดยไม่มีทุกขเวทนา ก็เปนอันปลอบใจได้อย่างหนึ่ง สัพเพสังขารา อนิจจา สัพเพธัมมา อนัตตา มันก็อยู่เท่านั้นเอง

หม่อมฉันส่งเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ซึ่งเขียนในเวลาว่างเมื่อไปเมืองสิงคโปร์คราวนี้มาถวายอีกท่อนหนึ่งยังอยู่ในตอนที่ ๓

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ