วันที่ ๒๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๙ น

ตำหนักปลายเนีน คลองเตย

วันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๔๗๙

กราบทูล สมเด็จกรมพระยาดำรง ทราบฝ่าพระบาท

หม่อมเจิมเชิญลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๑๔ เดือนนี้ พร้อมทั้งพระนิพนธ์เล่าเรื่องเที่ยวเมืองพะม่า ตอนที่ ๓ ท่อน ๖ กับรูปฉายมณฑปทรงโกศเข้าไปให้ได้รับประทานแล้ว เปนพระเดชพระคุณล้นเกล้า

อ่านเรื่องตรัสเล่าถึงเที่ยวเมืองพะม่าคราวนี้ ทำให้เกิดความเห็นอันก้าวร้าว แต่ก็จะกราบทูลตามที่คิดเห็น

ข้อ ๑ อันธรรมดาสามัญสัตวย่อมวิ่งตามกันเปนโขลง ๆ ถ้าใครมีปัญญาคิดอะไรได้คนนั้นก็เปนนายโขลงนำหน้า นอกนั้นก็เปนลูกโขลงตามหลัง คนมีความคิดที่ทำอะไรได้จนมีชื่อลือชาเปนมหาบุรุษผู้นำนั้น นานๆ จะมีสักทีหนึ่ง พระเจ้าอโศกมหาราชนั้นเปนมหาบุรุษผู้เดินนำหน้า พระเจ้าธรรมเจดีย์ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ และพระเจ้าติโลกมหาราช ต้องจัดว่าเปนสามัญบุรุษผู้เดินตามหลัง เพราะแต่ล้วนเดินทางตามอย่างพระเจ้าอโศกมหาราชด้วยกันทั้งนั้น การโกปีนั้นไม่มีเลยแล้วที่จะเทียมทันออริยิแนลไปได้ จะสำเร็จผลเพียงเท่าไรก็แล้วแต่กำลังสามารถของผู้โกปีนั้นที่จะพึงทำไปได้

ข้อ ๒ หลักศิลาจารึก เรื่องจัดพระศาสนากัลยาณีของพระเจ้าธรรมเจดีย์นั้น เปนจารึกประกาศพระราชดำริ พระราชประสงค์ และพระราชปฏิบัติเพื่อจะอวดเท่านั้น ไม่ใช่จดหมายเหตุแสดงความเปนไปในแผ่นดินนั้น อาจที่การจะเปนไปตามพระราชประสงค์แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็ได้ มีองคพยานที่พระยาทละแต่งหนังสือราชาธิราช ซึ่งแม้ตั้งใจจะยกย่องพระเจ้าธรรมเจดีย์ก็ยังไม่กล้ากล่าวถึงการจัดพระศาสนา เพราะเหตุว่าคงเปนการกระทำที่ไม่สำเร็จผลพอเปนพระเกียรติยศ สมดั่งที่จารึกไว้ในหลักศิลา

ข้อ ๓ ในการผูกพัทธสีมา ตามคำแถลงของนายกอเซียนโก เมื่ออ่านในตอนต้นคิดว่าในเมืองพะม่าจะใช้บ่อน้ำเปนเครื่องหมายเขตต์สีมา แต่ในที่สุดกลายเปนถมบ่อปักหลักศิลาขึ้นแทน เห็นได้ว่าการกระทำอย่างนั้นเริ่มมาแต่ผูกสีมากัลยาณี ซึ่งพยายามจะให้เปนโบสถ์ที่ไปบวชกันมาแต่เมืองลังกา อันมีแม่น้ำกัลยาณีเปนสีมา เดิมขุดเปนคูบอกเขตต์นั้นค่อยเข้าทีเปนกัลยาณีสีมาอยู่มาก ภายหลังมาทำย่อเปนขุดหลุมขังน้ำนั้นเรียวเต็มที ก็จะไปขุดหลุมตักน้ำใส่ให้เหนื่อยยากไปทำไม เอาขันน้ำไปตั้งไว้ใบหนึ่งเท่านั้นก็แล้วกัน และเมื่อประกอบกรรมขานว่าน้ำเปนเครื่องหมายเขตต์ ครั้นทำแล้วเปลี่ยนเปนหลักหิน นั่นจะไม่ทำให้กรรมแตกสลายไปหรือ สีมานั้นจะเปนของใช้ได้แลหรือน่าสงสัยมาก

ตามข้อความในลายพระหัตถ์ ตรัสสงสัยโบสถ์กัลยาณีที่เปนตึกสองชั้นว่าจะเอาอย่างมาจากเมืองลังกา เกล้ากระหม่อมก็จนปัญญาด้วยไม่เคยไป ไม่ได้เห็นโบสถ์ที่นั่นว่าเขาทำกันอย่างไร แต่เท่าที่ได้เคยเห็นมาแล้วรวมทั้งรูปฉายไม่ว่าชาติไหน เขาทำโบสถ์กันชั้นเดียวทั้งนั้น เรือนชั้นเดียวเปนแบบโบราณ เรือนซ้อนชั้นเปนแบบใหม่ โบสถ์เปนของโบราณ จึงได้ทำชั้นเดียวสืบ ๆ กันมา ฝรั่งเปนชาติที่ถนัดทำเรือนซ้อนชั้นมากที่สุด แม้กระนั้นเมื่อถึงทำโบสถ์เขาก็ยังทำเปนชั้นเดียว

รูปฉายมณฑปทรงโกศซึ่งโปรดประทานเข้าไปนั้น ประหลาดหนักหนาเข้าใจว่าเหนือฐานใหญ่สี่เหลี่ยมล่างจะมีอะไรห้อมล้อมมณฑปทรงโกศนั้นอยู่อีก แต่หักพังไปเสียหมดแล้ว น่าเสียดาย ที่จริงเหลืออยู่ให้ดูได้เพียงเท่านั้นก็ดีล้นเหลืออยู่แล้ว ต้องตราไว้ในใจก่อนเพียงว่าที่เมืองพะม่ามีมณฑปทรงโกศ แล้วคอยฟังพระดำริวินิจฉัยต่อไปเมื่อถึงคราวตรัสเล่าถึงเมืองพุกาม

อยากจะกราบทูลนานแล้ว ว่าที่เรียกเมืองยักไข่นั้นขัดกับที่เรียกเมืองร่างกุ้ง เมืองยักไข่เดิมชื่อ เมือง “อรักขั่น” (จะเปนอารักข เติมตัว น ให้เปนปุลลิงค์กระมัง) ภายหลังตัว อ หายไป คงเรียกแต่ “รักขั่น” ครั้งพะม่าได้มา ชาวพะม่าออกเสียงเฉโกโว้เว้ที่สุด ตัว ร พูดไม่ได้ ออกเสียงเปนตัว ย ไป จึงกลายเปน ยักไข่ เหมือนเมืองรางกูน พะม่าก็อ่านออกเสียงเปน ยางกูน ที่มาเปน ร่างกุ้ง เห็นจะเปนเสียงไทย

มีเรื่องขบขันที่จะกราบทูล คุณนายเกสรพาลูกชายเข้าไปฝากโรงเรียนที่กรุงเทพ ฯ แล้วเที่ยววิ่งหาซื้อแผ่นเสียงเพลงสากล จะเอาไปไขโหมโรงก่อนฉายหนังที่หาดใหญ่ ว่าพระเสนหามนตรีเข้าไปรักษาตัวในกรุงเทพ ฯ เมื่อก่อนนี้สองสามเดือน ซื้อเอาแผ่นเสียงเพลงไทยไปไขโหมโรง แต่คนไม่ชอบต้องการเพลงสากล จึงต้องหาซื้อเพลงสากลออกไป รู้สึกว่าอะไรเปนไปได้ถึงเพียงนั้น และตรงกับเมืองพะม่าที่ตรัสเล่าเข้าไปด้วย

ได้ทราบว่าหญิงสิบพันออกมารักษาตัวที่ปีนังกลับไม่สบาย ต้องทูลลากลับเข้าไปกรุงเทพ ฯ ด้วยเร็วรวด น่ารำคาญ

ตามพระดำรัสแนะนำให้แกะไม้ท้าวเปนตัว น ในหัวใจ ทำให้เกิดทะเยอทะยานอยากแกะพระตราสมเด็จพระพันวัสสาลงไปทีเดียว จะเปนเครื่องหมายได้หลายทาง คิดจะกราบทูลขออนุญาตทำ แต่ยังไม่สู้แน่ใจ

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงนริศรานุวัดติวงศ์

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ