วันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙ ดร

Cinnamon Hall,

206 Kelawei Road, Penang. S.S.

วันที่ ๒๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๗๙

ทูล สมเด็จกรมพระนริศร ฯ

หม่อมฉันได้รับลายพระหัตถ์ฉะบับลงวันที่ ๑๙ กันยายน ขอทูลสนองความข้อหนึ่ง คือเรื่องหนังสือกฎมณเฑียรบาลพะม่า หม่อมฉันได้ชำระใหม่ ตรวจแก้ของเดิมที่พลาดพลั้งและได้แต่งเรื่องที่เพิ่งรู้ใหม่ คือเรื่องพิธีงานพระบรมศพเปนต้นเพิ่มเติมลง แล้วทำเปนจดหมายของหม่อมฉันมีถวายท่านนำหน้า การเขียนเสร็จแล้วยังกำลังดีดพิมพ์อยู่ จะส่งเข้าไปถวายในไม่ช้า ท่านทรงแล้วจึงค่อยแต่งคำนำ

อนึ่งหนังสือกฎมณเฑียรบาลพะม่านี้ นับหน้ารวมราว ๓๐ หน้าอยู่ข้างสั้นอยู่สักหน่อย เมื่อพิมพ์ควรใช้ตัวพิมพ์ขนาดกลางพิมพ์บนกระดาดอย่างหนา ขนาดเล่มสมุดจึงจะพองาม คราวนี้จะทูลเสนอเรื่องอื่นต่อไปในสัปดาหะนี้มีหลายเรื่อง

เรื่องกรมพระกำแพงเพ็ชร ฯ สิ้นพระชนม์นั้น พวกหม่อมฉันก็รู้สึกสลดศรดโศกมาก ทั้งเสียดายและอาลัยในส่วนพระองค์ แต่ไม่เท่าสงสารพระองค์หญิงประภาวสิต ฯ กลัวจะได้ความลำบากมาก อาการที่ประชวรนั้นหม่อมฉันเพิ่งทราบพิสดาร ว่าวันหนึ่งเธอมีการเลี้ยงอาหารลาว ไทย ฝรั่ง (หรือจีน) รวมกัน ทั้งเวลากลางวันและเวลาเย็น เปนเหตุให้พระนาภีเสีย เรียกหมอมาหมอวางยาระบายเลยลงพระนาภีเกินไปเกิดปวดเจ็บแน่นในพระนาภี หมอตกใจไปเรียกหมอมาปรึกษาอีกคนหนึ่งรักษาถึง ๓ วัน พระอาการก็ไม่คลายขึ้น วันที่ ๔ เมื่อพระอาการเพียบแล้วหมอจึงให้เชิญเสด็จไปโรงพยาบาล พระองค์เธอเองก็ไม่อยากไป พอไปถึงโรงพยาบาลได้ ๒ ชั่วโมงก็สิ้นพระชนม์ด้วยพระหัททัยหยุด คือโรคที่เปนประจำพระองค์มาช้านานมาซ้ำจึงสิ้นพระชนม์ ที่น่าลำบากนั้นด้วยกิจการอันใดที่เธอได้ทำไว้ เช่นพินัยกรรมก็ดี อินชูรันส์ชีวิตก็ดี หรือกิจการค้าขายของเธอก็ดี ไม่มีใครรู้ว่าจะได้ทำอย่างไรหรือไม่ได้ทำ เอกสารทั้งปวงเธอก็ใส่ไว้ในกำปั่น ไม่มีใครรู้อักษรที่จะตั้งสำหรับไขกุญแจ เพิ่งได้ผู้ชายไปช่วย คือเจ้าชายกลางของสมเด็จกรมพระสวัสดิที่เปนลูกเขยคน ๑ เจ้าชายน้อยในกรมหลวงอดิศร ฯ ที่เธอเลี้ยงเปนลูกนั้นออกจากกรุงเทพ ฯ อีกคน ๑ เจ้าชายน้อยแวะมาหาหม่อมฉันบอกว่าเธอได้ไปทูลเสนอ “ผู้สำเร็จ” รับว่าจะตั้งพระศพที่พระที่นั่งทรงธรรมณวัดเบญจมบพิตร ฯ ก็ปลดความลำบากไปได้ข้อ ๑ และว่าได้ไปเฝ้าสมเด็จพระพันวัสสาฯ ตรัสรับว่าจะหาที่อยู่ประทานพระองค์หญิงประภาวสิตฯ กับครอบครัว ก็เปนอันปลดความลำบากได้อีกข้อ ๑ แต่ความลำบากยังมีอยู่อีกถึง ๓ ข้อ คือข้อ ๑ เรื่องจะส่งพระศพเข้าไปกรุงเทพ ฯ หม่อมฉันนึกว่าก็เห็นจะส่งไปในเรือเมล์สยามนาวีเกชั่นเหมือนอย่างพระศพสมเด็จหญิงน้อย ข้อที่ ๒ จะต้องจัดกิจการของเธอที่สิงคโปร์ ข้อที่ ๓ จะต้องจัดการของเธอทางกรุงเทพฯ เรื่องมรดกเกรงจะไม่พ้นความลำบาก คิดขึ้นมาเมื่อใดก็อนาถใจทุกครั้ง ได้แต่หวังใจว่าจะเปนการเรียบร้อย แต่ความปลาดอย่างขบขันก็มีอยู่บ้าง พอกรมพระกำแพงเพ็ชร ฯ สิ้นพระชนม์ ความดีของเธอก็ปรากฎถึงยกย่องกระจายเสียงในวิทยุที่กรุงเทพฯ

เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๙ กันยายนนี้เวลาราว ๘.๓๐ นาฬิกา แผ่นดินไหว หม่อมฉันกำลังนั่งกินกาแฟอยู่ด้วยกันกับหญิงใหญ่และหญิงเหลือ รู้สึกเหมือนกับใครมาจับเก้าอี้เขย่า เขาว่าในวันนั้นเองเมื่อเวลา ๑๓ นาฬิกาแผ่นดินไหวอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งหลังนี้หม่อมฉันไม่รู้สึก แผ่นดินไหวครั้งนี้หนังสือพิมพ์ว่าไหวแรงกว่าครั้งก่อน ๆ หม่อมฉันตัดหนังสือพิมพ์ที่เล่ารายการ ส่งมาถวายพร้อมกับจดหมายฉะบับนี้ หญิงพูนออกจะกระหยิ่มใจ ด้วยปรากฎในหนังสือพิมพ์ว่ามีคนอื่นที่เมาแผ่นดินไหวก็มาก แต่ส่วนหม่อมฉันเองออกจะยินดี ด้วยเพิ่งรู้สึกแผ่นดินไหวจริงจังเปนครั้งแรกในคราวนี้ นึกถอยหลังขึ้นไป หม่อมฉันได้เคยอยู่ในปริมณฑลที่แผ่นดินไหวมาถึง ๖ ครั้ง ครั้งแรก (ท่านก็คงจะทรงจำได้) แต่ในรัชชกาลที่ ๕ วันนั้นมีงานเต็มยศเสด็จออกท้องพระโรงกลางที่พระที่นั่งจักรี เวลากำลังเดินไปถึงที่หน้าทิมดาบกรมวัง ได้ยินคนพูดกันว่าแผ่นดินไหว หม่อมฉันก็ไม่รู้สึก ต่อเข้าไปในท้องพระโรงกลางไปเห็นโคมระย้าใหญ่ที่แขวนกลางท้องพระโรงนั้นแกว่งไกว จึงรู้แน่ว่าแผ่นดินไหว ต่อมาครั้งที่ ๒ แผ่นดินไหวคราวพระมุเตาพัง ก็เปนเวลาหม่อมฉันอยู่ในเรือกำปั่นแล่นออกจากปีนังจะไปยุโรป ไม่รู้สึกอะไรอีก ตั้งแต่มาอยู่ปีนังแผ่นดินไหว ๓ ครั้งก็ประจวบเวลานอนหลับไม่รู้สึก เพิ่งจะรู้สึกในครั้งนี้

เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ พระองค์หญิงเหมวดีเสด็จออกมาถึงปีนังออกจะเปนการขลุกขลักประดักประเดิดกับหม่อมฉัน ด้วยเดิมหม่อมฉันตั้งใจว่าจะขึ้นรถไฟไปคอยรับเสด็จที่บูกิตมาตายัม ระยะทางห่างสถานีไปรที่จะลงเรือมาปีนังรถไฟเดินราว ๑๕ นาที พอถึงเวลาบ่าย ๔ นาฬิกาหม่อมฉันกับหญิงใหญ่แต่งตัวจะไปลงเรือข้ามฟาก ไปถึงท่าเรือเขาบอกว่ารถไฟกรุงเทพ ฯ วันนั้นช้าถึง ๕ ชั่วโมง แทนที่จะมาถึงสถานีไปรเวลา ๑๕ นาฬิกาจะมาถึงต่อ ๒๓ นาฬิกา ไม่ทันรถไฟที่จะไปสิงคโปร์ในค่ำวันนั้น ก็เกิดปัญหาว่าควรจะทำอย่างไร พิเคราะห์ดูพระองค์หญิงเหมวดีอาจจะเสด็จลงจากรถไฟที่หาดใหญ่ ประทับแรมที่นั้นเสียคืนหนึ่งแล้วจึงเสด็จด้วยรถยนต์มาจับรถไฟไปเมืองสิงคโปรก็ได้ หรือจะเสด็จเลยมาด้วยรถไฟแล้วประทับแรมอยู่ในรถไฟที่สถานีไปร จนเช้าจึงเสด็จเลยไปเมืองสิงคโปร์ก็เปนได้อีกอย่างหนึ่ง แต่อย่างไรก็ไม่เปนประโยชน์ที่หม่อมฉันจะไปถึงบูกิตมาตายัมดังคิดไว้ จึงกลับมาบ้าน แล้วแต่งคนให้ไปคอยสืบว่าเธอจะเสด็จมาอย่างไร หม่อมฉันคอยอยู่จนเที่ยงคืนคนก็ยังไม่กลับ เมื่อก่อนจะเข้านอนจึงวานหญิงใหญ่กับหญิงเหลือให้ไปสืบแต่เวลาเช้า ๗ นาฬิกาวันจันทร ว่าพระองค์หญิงเหมวดีเสด็จมาทางรถไฟหรืออย่างไร ตัวหม่อมฉันเองจะรอฟังยังไม่ทรมานกายข้ามไปที่สถานีไปร เจ้าหญิง ๒ คนกลับมาเมื่อเวลา ๙ นาฬิกา มาบอกว่าพระองค์หญิงเหมวดีเสด็จมาทางรถไฟ มาถึงสถานีไปรเวลา ๐.๒๒ นาฬิกาวันจันทรต้องขนของย้ายไปขึ้นรถที่จะไปเมืองสิงคโปร์แล้วประทับแรมในรถนั้น อาหารที่เสวยตอนเช้าก็ได้อาศัยแต่เสบียงที่ติดพระองค์มา อยู่ข้างลำบาก จนเวลา ๙.๐๕ นาฬิกา รถไฟจึงออกจากสถานีไปรไปเมืองสิงคโปร์ เปนอันหม่อมฉันไม่ได้พบ เปนแต่ได้รับลายพระหัตถ์เธอเขียนบอกเหตุมาให้ทราบ

หม่อมฉันส่งเรื่องเที่ยวเมืองพะม่าตอนที่ ๖ ท่อนที่ ๒ ถวายมากับจดหมายฉะบับนี้ เปนหมดเรื่องตอนที่ ๖ มีรูปฉายประกอบ ๒ รูป คือ

๑. รูปพระเจ้าสีป่อกับราชินีสุปยาลัต

๒. รูปแตงดาหวุ่นคยี อัครมหาเสนาบดีฝ่ายทหารของพระเจ้าสีป่อ

คราวหน้าจะขึ้นตอนที่ ๗ ว่าด้วยเรื่องล่องแม่น้ำเอราวดีต่อไป

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

  1. ๑. พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๕ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน ต้นราชสกุล ฉัตรชัย ประสูติวันที่ ๒๓ มกราคม ๒๔๒๔ สิ้นพระชนม์วันที่ ๑๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๙

  2. ๒. หม่อมเจ้าโศภณภราไดย สวัสดิวัดน์

  3. ๓. หม่อมเจ้าประสมสวัสดี สุขสวัสดิ์

  4. ๔. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าหญิงประภาวสิทธิ์นฤมล

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ