- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
๕. ตอนสิ้นเคราะห์
สุนทรภู่จะตกยากอยู่สักกี่ปี ข้อนี้ไม่ทราบชัด ปรากฏแต่ว่าพ้นทุกข์ยากด้วยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ทรงพระปรานีโปรดให้ไปอยู่ที่พระราชวังเดิม ซึ่งเป็นที่เสด็จประทับในสมัยนั้น และต่อมากรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระเจ้าลูกเธอที่พระบาทสมเด็จฯ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระเมตตามากอีกพระองค์หนึ่ง ทรงอุปการะด้วยเหตุที่กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพจะทรงอุปการะสุนทรภู่นั้นกล่าวกันว่าเดิมได้ทรงหนังสือเรื่องพระอภัยมณี (ชะรอยจะได้หนังสือมรดกของพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ โดยเป็นอนุชาร่วมเจ้าจอมมารดากัน) ชอบพระหฤทัย ทรงเห็นว่าเรื่องที่แต่งไว้ยังค้างอยู่ จึงมีรับสั่งให้สุนทรภู่แต่งถวายให้ทรงต่อไป สุนทรภู่แต่งเรื่องพระอภัยมณีมาได้ ๔๙ เล่มสมุดไทยหมายจะจบเพียงพระอภัยมณีออกบวช (ความตั้งใจของสุนทรภู่เห็นได้ชัดในหนังสือที่แต่งนั้น) แต่กรมหมื่นอัปสรฯ มีรับสั่งให้แต่งต่อไปอีก ด้วยเหตุนี้สุนทรภู่จึงต้องคิดเรื่องพระอภัยมณีตอนหลัง ตั้งแต่เล่มสมุดไทยที่ ๕๐ ขยายเรื่องออกไปจนจบต่อเล่มที่ ๙๔ แต่พิเคราะห์ดูเรื่องพระอภัยมณีตอนหลังสำนวนไม่ใช่ของสุนทรภู่คนเดียว เล่ากันว่ากรมหมื่นอัปสรฯ มีรับสั่งให้แต่งถวายเดือนละเล่ม ถ้าเช่นนั้นจริงก็จะเป็นด้วยสุนทรภู่เบื่อ หรือถูกเวลามีกิจติดขัดแต่งเองไม่ทัน จึงวานหาศิษย์ให้ช่วยแต่งก็จะเป็นได้ นอกจากเรื่องพระอภัยมณี สุนทรภู่เเต่งเรื่องสิงหไตรภพถวายกรมหมื่นอัปสรฯ อีกเรื่องหนึ่ง หนังสือนั้นจึงขึ้นต้นว่า “ข้าบาทขอประกาศประกอบเรื่อง” ดังนี้ แต่แต่งค้างเพียง ๑๕ เล่มสมุดไทย ชะรอยจะหยุดเมื่อกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ สิ้นพระชนม์ พ.ศ.๒๓๘๘[๑]
ในระยะเวลาเมื่อสุนทรภู่อยู่ในอุปการะของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และกรมหมื่นอัปสรฯ นั้น ได้ไปพระปฐมเจดีย์[๒] จึงแต่งนิราศพระประธม[๓]อีกเรื่องหนึ่ง ไปคราวนี้บุตรไปด้วยทั้ง ๒ คน สังเกตสำนวนในนิราศเห็นได้ว่าแต่งโดยใจคอชื่นบานกว่าเมื่อแต่งนิราศพระเเท่นดงรัง กล่าวถึงประวัติในเรื่องนิราศพระประธมนี้ว่า แตกกับภรรยาคนที่ชื่อม่วง และกล่าวกลอนตอนแผ่ส่วนกุศลท้ายนิราศ มีครวญถึงพระบาทสมเด็จฯ พระพุทธเลิศหล้านภาลัยว่า
“แล้วลาออกนอกโบสถ์ขึ้นโขดหิน | กรวดวารินรดคำทำอักษร |
ส่งส่วนบุญสุนทราสถาพร | ถึงบิดรมารดาครูอาจารย์ |
ถวายองค์มงกุฎอยุธเยศ | ทรงเศวตคชงามทั้งสามสาร |
เสด็จสู่บุรีนีฤพาน | เคยโปรดปรานเปรียบเปี่ยมได้เทียมคน |
สิ้นแผ่นดินปิ่นเกล้ามาเปล่าอก | น้ำตาตกตายน้อยสักร้อยหน |
ขอพบเห็นเป็นข้าฝ่ายุคล | พระคุณล้นเลี้ยงเฉลิมให้เพิ่มพูน” |
ต่อนี้กล่าวถวายพระพรถึงพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว และกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ว่า
“ถึงล่วงแล้วแก้วเกิดกับบุญฤทธิ์ | ยังช่วยปิดปกอยู่ไม่รู้สูญ |
สิ้นแผ่นดินทินกรจรจำรูญ | ให้เพิ่มพูนพอสว่างหนทางเดิน |
ดังจินดาห้าดวงช่วงทวีป | ได้ชูชีพช่วยทุกข์เมื่อฉุกเฉิน |
เป็นทำนุอุปถัมภ์ไม่ก้ำเกิน | จงเจริญเรียงวงศ์ทรงสุธา |
อนึ่งน้อมจอมนิกรอัปสรราช | บำรุงศาสนาสงฆ์ทรงสิกขา |
จึงไพบูลย์พูนสวัสดิ์วัฒนา | ชนมาหมื่นแสนอย่าเเค้นเคือง” |
ต่อมาเห็นจะเป็นเมื่อกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพสิ้นพระชนม์แล้ว สุนทรภู่ทูลรับอาสาพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปหาของต้องพระประสงค์ที่เมืองเพชรบุรี แต่จะเป็นของสิ่งใดหาปรากฏไม่ ได้แต่งนิราศเมืองเพชรบุรี[๔]อีกเรื่องหนึ่ง เป็นนิราศสุดท้ายของสุนทรภู่ นับถือกันว่าแต่งดีถึงนิราศภูเขาทองอันเป็นอย่างยอดเยี่ยมในนิราศของสุนทรภู่ กล่าวความไว้ในกลอนข้างตอนต้นว่า
“อนาถหนาวคราวมาอาสาเสด็จ | ไปเมืองเพชรบุรินที่ถิ่นหวาน |
ลงนาวาหน้าวัด[๕]นมัสการ | อธิษฐานถึงพระคุณกรุณา |
ช่วยชุบเลี้ยงเพียงชนกที่ปกเกศ | ถึงต่างเขตของประสงค์คงอาสา” |
เรื่องประวัติของสุนทรภู่ ที่ปรากฏในนิราศเรื่องนี้ว่า มีบุตรน้อยไปด้วยอีกคนหนึ่งชื่อนิล ชะรอยจะเป็นลูกมีกับภรรยาที่ชื่อม่วง บุตรคนใหญ่ที่ชื่อพัดนั้นก็ไปด้วย ถึงตอนนี้เป็นหนุ่มแล้ว แต่บุตรที่ชื่อตาบไม่ปรากฏในนิราศเรื่องนี้ อนึ่งในเวลาเมื่อสุนทรภู่ไปเมืองเพชรบุรีคราวนี้ เป็นเวลาอยู่ตัวคนเดียวไม่มีภรรยา ได้กล่าวความข้อนี้ไว้ในนิราศหลายแห่ง มักจะว่าน่าฟัง จะคัดมาพอเป็นตัวอย่าง
“ถึงคลองเตยเตยแตกใบแฉกงาม | คิดถึงยามปลูกรักมักเป็นเตย |
จนไม่มีที่รักเป็นหลักแหล่ง | ต้องคว้างแคว้งคว้าหานิจจาเอ๋ย |
โอ้เปลี่ยวใจไร้รักที่จักเชย | ชมแต่เตยแตกหนามเมื่อยามโซ” |
อีกแห่งหนึ่งว่า
“โอ้อกเอ๋ยเลยออกประตูป่า | กำดัดดึกนึกน่าน้ำตาไหล |
จะเหลียวหลังสั่งสาราสุดาใด | ก็จนใจด้วยไม่มีไมตรีตรึง |
ช่างเป็นไรไพร่ผู้ดีก็มิรู้ | ใครแลดูเราก็นึกรำลึกถึง |
จะปรับไหมได้หรือไม่อื้ออึง | เป็นแต่พึ่งวาสนาพอพาใจ” |
ตรงเมื่อถึงอ่าวยี่สาน ว่าด้วยหอยจุ๊บแจง เอาคำเห่เด็กของเก่ามาแต่งเป็นกลอนก็ว่าดี
“โอ้เอ็นดูหนูน้อยร้องหอยเหาะ | ขึ้นไปเกาะกิ่งตลอดยอดพฤกษา |
ล้วนจุ๊บแจงแผงฤทธิ์เขาปลิดมา | กวักตรงหน้าเรียกให้มันได้ยิน |
จุ๊บแจงเอ๋ยเผยฝาหาข้าวเปียก | แม่ยายเรียกจะให้ไปกฐิน |
ทั้งช้างงวงช้างงาออกมากิน | ช่วยปัดริ้นปัดยุงกระทุงราย |
เขาร่ำเรียกเพรียกหูได้ดูเล่น | มันอยากเป็นลูกเขยทำเงยหงาย |
เยี่ยมออกฟังทั้งตัวกลัวแม่ยาย | โอ้นึกอายจุ๊บแจงแกล้งสำออย |
เหมือนจะรู้อยู่ในเล่ห์เสน่หา | แต่หากว่าพูดยากเป็นปากหอย |
เปรียบเหมือนคนจนทุนทั้งบุญน้อย | จะกล่าวถ้อยออกไม่ได้ดังใจนึก” |
ถึงรัชกาลที่ ๔ พอพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวบวรราชาภิเษกแล้ว ก็ทรงตั้งสุนทรภู่ให้เป็นเจ้ากรมอาลักษณ์ฝ่ายพระบวรราชวัง มีบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรโวหาร คงใช้ราชทินนามตามที่ได้พระราชทานเมื่อรัชกาลที่ ๒ เวลานั้นสุนทรภู่อายุได้ ๖๖ ปี
หนังสือสุนทรภู่แต่งเมื่อในรัชกาลที่ ๔ มีปรากฏ ๒ เรื่อง คือบทละครเรื่องอภัยนุราช[๖] แต่งถวายพระองค์เจ้าดวงประภา พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าอยู่หัว เป็นหนังสือเล่มสมุดไทย ๑ เรื่องหนึ่ง กับเสภาเรื่องพระราชพงศาวดาร พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดำรัสสั่งให้แต่งอีกเรื่องหนึ่ง เป็นหนังสือ ๒ เล่มสมุดไทย นอกจากนี้ยังมีบทเห่สำหรับกล่อมเจ้านายที่ยังทรงพระเยาว์ กล่าวกันว่าบทเห่[๗]เรื่องจับระบำกับบทเห่เรื่องกากี เรื่องพระอภัยมณีและเรื่องโคบุตรเป็นของสุนทรภู่แต่ง บทเห่เหล่านี้จะแต่งเมื่อใด ดูโอกาสที่สุนทรภู่จะเเต่งมีอยู่ ๓ คราว คือแต่งสำหรับกล่อมหม่อมเจ้าในพระองค์เจ้าลักขณานุคุณคราวหนึ่ง หรือสำหรับกล่อมลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังเป็นกรมอยู่ในรัชกาลที่ ๓ คราวหนึ่ง หรือมิฉะนั้นก็แต่งถวายสำหรับกล่อมพระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังเป็นกรมอยู่ในรัชกาลที่ ๓ คราวหนึ่ง หรือมิฉะนั้นก็แต่งถวายสำหรับกล่อมลูกเธอในพระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อย่างไรก็ดี เมื่อในรัชกาลที่ ๔ บทเห่กล่อมของสุนทรภู่ใช้กล่อมบรรทมเจ้านายทั่วทั้งพระราชวังจนตลอดรัชกาล
ตั้งแต่สุนทรภู่ได้เป็นที่พระสุนทรโวหาร รับราชการอยู่ ๕ ปี ถึงแก่กรรมในรัชกาลที่ ๔ เมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๙๘ มีอายุได้ ๗๐ ปี[๘]
[๑] เข้าใจว่า สุนทรภู่เริ่มแต่งเรื่องสิงหไตรภพ ตอนต้น ๆ (ถวาย ๙ เล่ม สมุดไทย) ขึ้นก่อนนี้ และแต่งถวายเจ้าฟ้าอาภรณ์ ผู้อ่านจะสังเกตเห็นได้จากสำนวนการประพันธ์ดังบันทึกข้างต้น แต่ตอนท้ายๆ อาจแต่งต่อในตอนหลังและในตอนหลังๆ นี้บางทีจะแต่งถวายกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ – ธนิต อยู่โพธิ์
ฉันท์ ขำวิไล เห็นว่า สุนทรภู่เริ่มแต่งสิงหไตรภพ ตั้งแต่อยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี มาแต่งต่อเพิ่มเติมในกรุงเทพฯ แต่งถวายกรมหลวงพิทักษ์มนตรีในระหว่าง พ.ศ. ๒๓๕๕ – ๒๓๖๓ ก่อนเข้ารับราชการ และเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้รัชกาลที่ ๒ ทรงทราบความสามารถของสุนทรภู่
พ.ณ ประมวญมารค เสนอว่ามีผู้เล่าว่า สุนทรภู่แต่งสิงหไตรภพประชันกับบทละครเรื่องไกรทองของรัชกาลที่ ๒ พิจารณากลอนตอนต้นเรื่อง มีลีลาเพลงยาวปนอยู่มาก คงแต่งในรัชกาลที่ ๒ และแต่งภายหลังเรื่องลักษณวงศ์ ส่วนตอนหลังๆ นับแต่สมุดไทยต้นฉบับเล่มที่ ๑๒ ลีลาเป็นกลอนอ่าน คงแต่งภายหลังเรื่องพระอภัยมณี – กุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ
[๒] เข้าใจว่า ไปเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๕ ออกเรือเมื่อวันจันทร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ สุนทรภู่เห็นจะเพิ่งสึกออกจากพระในปีนี้ ธนิต อยู่โพธิ์
[๓] ธนิต อยู่โพธิ์ และ ฉันท์ ขำวิไล ว่า แต่งเมื่อไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ ในปีขาล พ.ศ. ๒๓๘๕ ส่วน พ.ณ ประมวญมารค ว่า แต่งในปีฉลูก่อนสึก – กุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ
[๔] ธนิต อยู่โพธิ์ ว่า แต่งประมาณ พ.ศ. ๒๓๘๘ – ๒๓๙๒
ฉันท์ ขำวิไล ว่า แต่งเมื่อปีเถาะ พ.ศ. ๒๓๗๔ ในรัชกาลที่ ๓ ขณะบวชเป็นภิกษุอยู่วัดอรุณราชวราราม แล้วอาสาพระองค์เจ้าลักขณานุคุณไปขอสิ่งของแทนความรักจากลูกสาวขุนแพ่งที่เพชรบุรี
พ.ณ ประมวญมารค ว่าแต่งเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๔ คราวไปเมืองเพชรบุรี ขณะนั้นบวชจำพรรษาอยู่วัดราชบุรณะ – กุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ
[๕] วัดอรุณฯ ริมพระราชวังเดิม – สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
[๖] ฉันท์ ขำวิไล ว่า สุนทรภู่คงใช้ให้ศิษย์แต่งบทละครเรื่องอภัยนุราช แล้วตรวจแก้ให้ เมื่อมีโอกาสจึงถวายพระองค์เจ้าดวงประภา หรือถ้าสุนทรภู่แต่งเอง ก็คงแต่งระหว่าง พ.ศ. ๒๓๘๕ – ๒๓๙๓
พ.ณ ประมวญมารค อ้างว่า ในพระนิพนธ์คำนำเรื่องเทพวิไล ของกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ว่าบทละครเรื่องอภัยนุราชนี้ พระยาเสนาภูเบศร์ (ใส สโรบล) บุตรพระยามณเฑียรบาล (บัว) แต่งขึ้นและพระยาเสนาภูเบศร์คงเป็นศิษย์ของสุนทรภู่ แต่งแล้วคงขอให้สุนทรภู่ตรวจแก้ให้ – กุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ
[๗] พ.ณ ประมวญมารค ว่าบทเห่กล่อมเรื่องจับระบำ เรื่องกากี และเรื่องโคบุตรแต่งในรัชกาลที่ ๒ ส่วนเห่เรื่องพระอภัยมณีสันนิษฐานว่า แต่งเมื่อสึกแล้ว หรือแต่งถวายกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ สำหรับกล่อมบรรทมหม่อมเจ้าโสมนัส ธิดาพระองค์เจ้าลักขณานุคุณ ซึ่งสิ้นพระชนม์เมื่อภายหลังพระธิดาประสูติได้ไม่ถึงปี กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพผู้เป็นป้าทรงรับไปเลี้ยง – กุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ
[๘] มีบางท่านบอกว่าผู้สืบสกุลของสุนทรภู่ต่อมา ใช้นามสกุลว่า “ภู่เรือหงษ์” – ธนิต อยู่โพธิ์
ฉันท์ ขำวิไล มีความเห็นเพิ่มเติมว่า สุนทรภู่ถึงแก่กรรม ณ บ้านที่ตนได้รับพระราชทาน อยู่ที่บริเวณพระบวรราชวัง (วังหน้า) และศพคงได้รัลพระราชทานเพลิงที่วัดสระเกศ หรือวัดสุวรรณารามวัดใดวัดหนึ่ง
พ.ณ ประมวลมารค มีความเห็นเพิ่มเติมว่าในรัชกาลที่ ๔ สุนทรภู่ไปอาศัยอยู่ที่บ้าน พระยามณเฑียรบาล (บัว) ซึ่งอยู่ใกล้เขตพระราชวังเดิมธนบุรี ด้านหลังตกคลองวัดท้ายตลาด และสุนทรภู่อยู่ที่บ้านหลังนี้จนกระทั่งถึงแก่กรรมใน พ.ศ. ๒๓๙๘ – กุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ