ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา

๏ จะกล่าวถึงธิบดินทร์นรินทร์รัตน์ เสวยสวัสดิ์อิ่มเอมเกษมสันต์
กับราเมศน้องยาไม่อาธรรม์ รู้รักกันสมประสงค์เพราะวงศ์วาน
ได้ทราบว่าข้าศึกติดเหมราช เสนามาตย์น้อยใหญ่ทูลไขขาน
ได้ปรึกษากับท่านครูผู้อาจารย์ ต้องคิดการไปช่วยปราบให้ราบเตียน
ด้วยเมืองนี้เป็นที่เมืองหน้าด่าน ฉวยเสียการพาราเป็นพาเหียร
ถ้าแม้นเสียเหมราเป็นอาเกียรณ์ มันจะเบียนเขตจังหวัดรัตนา
พระปรารภกับพระน้องคิดตรองตรึก อยากทำศึกพูดกันต่างหรรษา
ฝ่ายราเมศอาจองทรงศักดา จึ่งทูลว่าการศึกไม่นึกเกรง
ขออาสากำกับเป็นทัพหน้า คุมโยธาพร้อมถ้วนชนวนเขนง
ทหารปืนหมื่นถ้วนกระบวนเพลง ไม่กลัวเกรงข้าศึกฝึกชำนาญ ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศิลป์นรินทร์รัตน์ โสมนัสปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
ด้วยได้น้องตรองตริดำริการ กับอาจารย์ผู้วิเศษในเขตคัน
แล้วสั่งพวกเสนึให้กรีทัพ จงพร้อมสรรพทั้งพหลพลขันธ์
เครื่องหน้าไม้ปืนยาสารพัน จัดให้ทันฤกษ์ดีจะกรีพล
เสนารับอภิวาทแล้วบาดหมาย ทั้งมุลนายบอกให้ทั่วตัวพหล
จัตุรงค์โยธาพลาพล ให้ยกขนดาบหอกออกนอกคลัง
ทั้งลูกดินสิ้นเสร็จสำเร็จจ่าย ให้บาดหมายปืนผาทั้งหน้าหลัง
พวกมารับสาตราดาประดัง พร้อมสะพรั่งเกณฑ์หัดจัตุรงค์
เตรียมรถรัตน์หัตถีม้าที่นั่ง กระบวนตั้งตามตำหรับฉบับหงส์
ฝ่ายท่านครูผู้ชำนาญการณรงค์ มงคลคงแจกเสร็จสำเร็จการ
ทั้งปีกซ้ายปีกขวาเสนาใหญ่ พลไพร่สิบหมื่นพื้นทหาร
ทั้งกองหนุนขุนเสนากับอาจารย์ จัดทหารเกียกกายทั้งนายพล
ล้วนแกล้วกล้าสามารถชาติกำแหง ใส่เสื้อแดงถือสาตราโกลาหล
กองเสือป่าแมวเซาจัดเอาคน อ้ายพวกปล้นย่องเบาฆ่าชาวเรือ
ให้ถือขวานด้ำยาวถือหลาวแหลน กับโล่แพนมันชำนาญทหารเสือ
ใส่หมวกดำกำมะหยี่สี่คลุมเครือ คล้ายกับเสือแอบทางกลางอรัญ ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงอาณาเขต กับราเมศน้องชายเสร็จผายผัน
ต่างแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองสุวรรณ สายกระสันพาหุรัดจำรัสพราย
ฉลององค์พื้นดำกำมะหยี่ มาลาสีนิลรัตน์จำรัสฉาย
ประดับเพชรเจ็ดสีมณีพราย จำหลักลายเครือฝรั่งอลังกรณ์
เสียบขนนกการเวกภิเษกสวัสดิ์ ปลายสะบัดขาวผ่องประภัสสร
ทรงพระแสงอัษฎาค่านคร เสด็จจรกันมาถึงหน้าเกย
ประโรหิตโหราพฤฒามาตย์ ถวายเครื่องไสยศาสตร์ฉลาดเฉลย
ให้เหยียบไม้ข่มนามเหมือนตามเคย ที่บนเกยตามอย่างปางบุราณ
พอฤกษ์ดีตีฆ้องเสียงก้องกึก มโหระทึกแตรสังข์ระฆังขาน
เครื่องดีดสีตีดังกังสดาล กุญชรชาญร้องเปรี้ยงเสียงคำรน
พระทรงนั่งยังคอพระยาปราบ เสนากราบโดยคำรพครบสามหน
พระอนุชาทรงพระยาพลายมงคล ดำเนินพลหนาแน่นยกแสนยา
พวกทหารขานโห่ขึ้นสามครั้ง พร้อมสะพรั่งโล่แพนดูแน่นหนา
ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์วิทยา ขึ้นรถาเข้ากระบวนถือทวนทอง
ออกจากวังพรั่งพร้อมโยธาหาญ เข้าดงดานกรอกกรวยตามห้วยหนอง
ประทับร้อนโดยประสงค์จำนงปอง แต่เดินกองทัพมาได้ห้าวัน
เกือบจะเข้าเขตแคว้นแดนเหมราช พระประพาสนกไม้ในไพรสัณฑ์
ไทรมะทรางยางโพตะโกวัน ต้นชิงชันช้างน้าวเหล่ามะเกลือ
พระยอมพะยูงสูงใหญ่มีใบหนา โพทะเลเพกาต้นตาเสือ
เสลาสล้างกร่างไกรทั้งใครเครือ มะดูกมะเดื่อแคคางนางตะเคียน
ทั้งสนโศกสักเสียดขึ้นเยียดยัด ใบระบัดหลายหลากดั่งฉากเขียน
กระแบกกระเบาเหล่าชะโอนใบโกร๋นเกรียน เหล่ากระเบียนปนกระบากซากพุมเรียง
ต้นสำโรงโกงกางหูกวางป่า ทั้งแวงหว้าขึ้นระคนปนซาเหลียง
ต้นอินจันทน์คันทรงต้นรงเรียง มะหาดเหียงแคฝอยข่อยพะวา
ฝูงวิหคนกจับประสานเสียง ก้องสำเนียงบินวนบนพฤกษา
นกแขกเต้าเขาขันจำนรรจา สาลิกาโกกิลาจร
มยุราพระยาลอเสียงจ้อแจ้ว โกญจาแก้วแก้วพลอดดั่งคนสอน
จากพรากโพระโดกกุโงกงอน ขมิ้นอ่อนกระตั้วเต้นกระเต็นไพร
เค้าโมงเมียงเคียงคู่เค้าโมงพลอด กระเรียนกระรอดเป็ดหงส์ส่งเสียงใส
ตะขาบคุ่มคับแคร้องแซ่ไป ระวังไพรยางกรอกฝูงดอกบัว
สัตวาเบญจวรรณอังชันเปล้า กระแวนกระเหว่าโนรีสีสลัว
ฝูงสร้อยร้าราร่อนเที่ยวซ่อนตัว เหล่านกงั่วออกเอี้ยงจับเรียงราย
พระชมพลางทางเร่งพยุหทัพ มาคั่งคับพร้อมพหลคนทั้งหลาย
กระทั่งถึงเหมราเสนานาย ตั้งค่ายรายเรียงกันเป็นหลั่นไป
พักพหลพลรบสมทบทัพ อเนกนับแสนยาโยธาไสว
บ้างตีฆ้องกลองตรวจทุกหมวดไป กองฟืนไฟนั่งยามตามทำนอง
พวกเสือป่าแมวเซาเข้าชายทุ่ง เขม้นมุ่งคอยประจำทุกลำหนอง
เที่ยวแอบซุ่มประชุมกันเป็นกองกอง ไม่โห่ร้องเงียบเสียงสำเนียงคน ฯ
๏ จะกล่าวข้างเจ็ดพาราที่มาล้อม เห็นทัพล้อมยกมาโกลาหล
จึ่งจัดแจงแต่งทหารยี่สิบคน ให้ปลอมปนลัดแลงเที่ยวแฝงฟัง
ไปสืบข่าวราวเรื่องว่าเมืองไหน มาตั้งค่ายโอบล้อมเข้าล้อมหลัง
เห็นจะมาตีเขตนิเวศน์วัง จงไปฟังแยบคายร้ายหรือดี
แม้นจะมาชิงช่วงดวงสมร ให้รอก่อนเรายังติดไม่คิดหนี
แม้นมิฟังจะตั้งบุกเข้าคลุกคลี ก็จะตีเสียให้ยับทั้งทัพชัย
พวกสอดแนมรับรสพจนารถ แล้วคลาคลาศเลียบเดินตามเนินไศล
ค่อยลัดแลงแฝงกายรายกันไป ถึงที่ในชายป่าพนาวัน
พอพบพวกกองซุ่มมันรุมจับ ต่างขู่ขับผูกมัดรัดกระสัน
เอาตะโหงกอันใหญ่ใส่เข้าพลัน แล้วชวนกันฉุดลากกระชากมา
ส่งให้ท่านผู้กำกับกองทัพหลวง ตามกระทรวงมุลนายทั้งซ้ายขวา
พอพระองค์ทรงเดชเกศประชา เสด็จมาที่ประทับแล้วกราบทูล ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์นรินทร์รัตน์ ได้ทราบอรรถจึ่งพระองค์ทรงไอศูรย์
ให้ไต่ถามตามสำเนาเอาเค้ามูล เรื่องที่ทูลยุคเข็ญเป็นอย่างไร
ขุนเสนีจึงถามตามรับสั่ง หน้าที่นั่งสองพระองค์ตามสงสัย
มันก็แจ้งความจริงทุกสิ่งไป ตามที่ในเรื่องยุบลแต่ต้นมา
สองพระองค์ทรงสดับแล้วรับสั่ง ให้ปล่อยทั้งยี่สิบรีบไปหนา
นำเรื่องราวไปแถลงแจ้งกิจจา กูยกมาไม่ประสงค์อนงค์นาง
แต่นายเองห้ามไว้จงไปบอก ไม่ตีดอกบ้านช่องอย่าหมองหมาง
กูมิใช่พวกบ้านัยน์ตาฟาง จะมากางรั้วกั้นเอาชั้นเชิง
กูยกพลมนตรีมีประสงค์ ด้วยจำนงจะราวีตีให้เหลิง
กับนายเองอย่าถวิลให้สิ้นเชิง พวกร่าเริงที่จะชิงผู้หญิงงาม
พระสั่งให้ไล่ขับกลับไปบอก ให้นายออกมาชิงชัยในสนาม
จะได้ไว้เกียรติยศให้งดงาม ทำสงครามอวดผู้หญิงอย่ากริ่งใจ ฯ
๏ ฝ่ายพวกเหล่าจับได้พระไม่ฆ่า ต่างทูลลากลับไปแจ้งแถลงไข
กับกษัตริย์ทุกนิเวศน์เจ็ดเวียงชัย ตามที่ในเรื่องราวให้เจ้าฟัง ฯ
๏ ฝ่ายกษัตริย์เจ็ดพาราโกรธาหนัก ต่างฮึกฮักอิศโรจิตโอหัง
ประมาทหมิ่นกันหนักหนาไม่น่าฟัง จะต้องตั้งราวีตีประจญ
มันทัพเดียวเคี่ยวขับเข้ารับรบ เราสมทบกันให้ทั่วตัวพหล
ทั้งเจ็ดเมืองล้อมสกัดเสียบัดดล ก็จะป่นปี้ไปทั้งไพร่นาย
ต่างพิโรธโกรธเหลือจนเหื่อตก คิดจะยกสั่งพหลพลทั้งหลาย
ให้ระดมแต่บรรดาเสนานาย ตั้งเกียกกายกองหนุนทั้งขุนพล
รุ่งพรุ่งนี้ยกออกตีให้แตกยับ ตามบังคับพร้อมพรั่งทั้งพหล
จัตุรงค์เสนาพลาพล ยกเข้าปล้นจับกษัตริย์มัดเอามา
ทำให้สมกับที่แค้นมันแค่นแคะ จะชำแหละผ่าดูจิตที่ริษยา
ให้สมกับปากมันที่พรรณนา ทั้งพูดจาให้เจ็บใจหลายประการ
ขุนเสนีผู้รับสั่งมานั่งตรวจ ทั้งหมู่หมวดมุลนายฝ่ายทหาร
เครื่องอาวุธยุทธนาบัญชาการ ให้ทหารเตรียมไว้ในกลางคืน
จะกล่าวฝ่ายในเมืองเห็นกองทัพ มาคั่งคับแน่นหนาเหลือฝ่าฝืน
ตั้งตีเกราะเคาะไม้ในกลางคืน แสงไฟฟืนกองรอบขอบกำแพง
พากันขึ้นเชิงเทินเนินหอรบ เห็นไต้คบสองข้างสว่างแสง
เสียงโยธากราวเกรียวดูเรี่ยวแรง ใส่เสื้อแดงสักหลาดดาษดา
จึงเข้าไปกราบทูลว่าข้าศึก ดูเหิมฮึกยกหนุนมาแน่นหนา
อีกสองทัพตั้งอ้อมล้อมเข้ามา แต่โยธานับแสนดูแน่นราย
สมเด็จท้าวเจ้าบุรีเหมราช ฟังอำมาตย์เศร้าในพระทัยหาย
เอะครั้งนี้เห็นชีวีจะวอดวาย เสนานายจะป้องกันสถานใด
เห็นจะเหืลอกำลังทั้งพหล พวกไพร่พลน้อยนิดคิดไฉน
บุราณว่าไฟมากลำบากใจ ลุกขึ้นใหญ่ดับยากเพราะมากมาย
อันน้ำน้อยต้องแพ้เป็นแน่แล้ว จะกวาดแผ้วไหนจะดับระงับหาย
แต่ช่วยกันมั่นไว้ทั้งไพร่นาย หาอุบายผ่อนผันด้วยปัญญา
พลางสั่งให้ตรวจตราทุกหน้าที่ วันพรุ่งนี้เห็นจะวุ่นขุ่นหนักหนา
เห็นไม่พ้นไพรีมันบีฑา คิดตั้งหน้าสู้กับมันจนบรรลัย
ค่ำวันนี้จงระวังทั้งนิเวศน์ ตามขอบเขตเชิงเทินเนินไศล
จงรักษาไว้ให้มั่นพอกันภัย กองฟืนไฟไว้สำหรับอย่าหลับนอน
หลอมตะกั่วคั่วทรายคอยปรายสาด ปืนพิฆาตประจุไว้ใส่ลูกหมอน
จงตรวจตราอย่าเห็นแก่หลับนอน คิดผันผ่อนรารอพอกลางวัน
เสวกาผู้รับสั่งไม่หยุดยั้ง อุตลุดเร็วรวดสั่งกวดขัน
ให้ประจุปืนป้อมไว้พร้อมกัน พลขันธ์ขึ้นรอบขอบเชิงเทิน
เอาน้ำขนขึ้นไปไว้ให้มาก ระวังยากเกิดยุคฉวยฉุกเฉิน
ทั้งผู้คนไล่ไปไว้บนเชิงเทิน แล้วให้เดินคอยตรวจทุกหมวดกอง
สมเด็จท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นจังหวัด โทมนัสนึกในพระทัยหมอง
ไม่เป็นอันหลับสนิทแต่คิดตรอง จะหาช่องแก้ไขไฉนดี
ด้วยศึกเสือเหลือกำลังมาตั้งรบ จะหลีกหลบหนีไปในวิถี
อันหนทางที่จะไปก็ไม่มี มันเป็นที่ขัดสนพ้นปัญญา
ท้าวเสี่ยงสัตย์อธิษฐานการกุศล ถึงยากจนยังไม่สิ้นวาสนา
ขอเทวฤทธิ์ที่สถิตในปรางค์ปรา ช่วยรักษาแว่นแคว้นทั้งแดนไตร
พอสิ้นทุกข์สุขาดั่งว่าขาน สิ่งที่หวานจะสังเวยนมเนยใส
จะบวงสรวงเทวาสุราลัย ทั้งนอกในนคเรศเขตนคร ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายภูมินทร์นรินทร์รัตน์ สองกษัตริย์ราเมศนเรศร
ให้ตระเตรียมโยธาพลากร อัสดรม้าที่นั่งดั่งจำนง
จึงตรัสกับพรหเมศท่านครูใหญ่ จะชิงชัยเอาให้สมอารมณ์ประสงค์
ท่านจัดแจงแต่งพลรณรงค์ ที่อยู่คงอาวุธสุดแต่การ
พฤฒาเฒ่าเข้ามณฑลเรียกคนเอก แล้วยกเมฆฉายดูหมู่ทหาร
ที่แขนขาขาดไปไม่ได้การ พวกทหารเคราะห์ร้ายมิให้จร
เอาแต่พวกบริบูรณ์พูนสวัสดิ์ แกเลือกคัดไว้เป็นหมู่ตามครูสอน
ทั้งปีกซ้ายปีกขวาพลากร จะราญรอนศัตรูหมู่ไพริน
จัดกองหนุนขุนเสนาที่สามารถ ทั้งแคล้วคลาดเชิงรู้ธนูศิลป์
พวกเกียกกายหลายหมู่สู้ไพริน จัดไว้สิ้นพร้อมถ้วนกระบวนแซง
ตามพิชัยสงครามได้นามครุฑ ฤทธิรุทรดูสง่าล้วนกล้าแข็ง
วันอาทิตย์ธงชัยให้ใช้แดง ตามสีแสงทุกกระบวนทั้งทวนธง
พอเช้าตรู่สุริยาคอยท่าฤกษ์ เอิกเกริกกษัตริย์ศรีเข้าที่สรง
พฤฒาเฒ่าเอาน้ำมนต์ที่ทนคง ให้สององค์รดเกล้าพระเมาฬี
ผงดินสอทาถวายหลายตำหรับ ตามบังคับโดยสังเกตวิเศษศรี
ถวายเครื่องออกสงครามตามพิธี ให้ต้องสีวันยามตามเวลา
แล้วให้ทรงพระแสงของนักสิทธ์ สำรวมจิตหัตถ์ประสานอ่านคาถา
ให้พระน้องทรงพระขรรค์อันศักดา ที่ได้มาจากนิเวศน์เพชรกำพล
ทั้งสององค์ขึ้นทรงอัศวราช พราหมณ์ประกาศเทวดาโกลาหล
ฝ่ายท่านครูผู้ชำนาญการประจญ คอยฤกษ์บนตามตำราทั้งฟ้าดิน
พอเมฆตั้งมาทางทิศพายัพ ต้องตำหรับสมจิตคิดถวิล
ฟ้าก็ร้องก้องลั่นสนั่นดิน ให้ดีดพิณตีฆ้องกลองประโคม
ยิงปืนใหญ่ยักกะตรามหาฤกษ์ เอิกเกริกก้องกึกเสียงฮึกโหม
เดินพหลพลหมื่นเสียงครื้นโครม พลโจมแกว่งอาวุธยุทธนา ฯ
๏ จะกล่าวข้างทัพกษัตริย์เขาจัดเสร็จ พร้อมทั้งเจ็ดครึกครื้นถือปืนผา
ทั้งเสน่าหลาวโล่โตมรา ขึ้นขี่ม้ายกตามกันครามครัน
แต่ทัพท้าวไกรจักรจะรบก่อน เร่งนิกรจะเข้าสู้เป็นคู่ขัน
ออกทั้งทัพรายเรียงเคียงเคียงกัน โห่สนั่นปักธงลงบัดดล
พอทัพหน้าถึงกันประจัญหน้า ต่างชักม้าร้องถามตามนุสนธิ์
ว่าเกี่ยวข้องเป็นไฉนยกไพร่พล มาประจญกันกับเราเล่าเนื้อความ
ก็ต่างคนต่างอยู่ไม่รู้เรื่อง หรือขัดเคืองอย่างไรหนอเราขอถาม
จึ่งมาคิดเป็นศัตรูคู่สงคราม ท่านเชื้อนามเป็นไฉนไขคดี
หนุ่มน้อยน้อยจะมาสู้กับผู้ใหญ่ จะบรรลัยย่อยยับเป็นสับสี
ไม่ควรจะขวางหน้ามาราวี เหมืองแมงหวี่เข้าไฟจะวายชนม์ ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมราเมศเกศกษัตริย์ สดับอรรถแล้วจึ่งถามตามนุสนธิ์
ว่าตัวท่านมาทั้งนี้ยกรี้พล มาตีปล้นพาราเขาว่าไร
หรือเคืองแค้นว่าเขาไม่ให้ผู้หญิง จะมาชิงอวดฝีมือหรือไฉน
ดูก็น่าเกลียดจ้านรำคาญใจ เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันหมดเที่ยวจดรอย
อันธรรมดานารีก็มีถม จะมางมกันชิงชู้เหมือนปูหอย
พวกกษัตริย์เจ้าชู้ไม่ดูรอย เห็นน้ำอ้อยคราวอดเหมือนมดโซ ฯ
๏ ท้าวไกรจักรโกรธาร้องว่าเจ้า ดูถูกเราไว้ตัวยั่วโทโส
ยังเด็กน้อยกระจิหริดทำอิศโร มาวางโตเย้ยผู้ใหญ่ไม่ได้การ
อย่าหาญฮึกนึกไปเจ้าไก่ต้อย เหมือนหิ่งห้อยจะมาสู้สุริย์ฉาน
แต่กระดูกก็ยังอ่อนมารอนราญ ไม่ช้านานก็จะวิ่งเป็นลิงไพร ฯ
๏ พระราเมศสุริย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ จึงเอื้อนอรรถตอบความตามวิสัย
เรารบกันสองต่อสองทำนองใน อย่าให้ไพร่เหนื่อยยากลำบากเลย
ท้าวก็ดีทีปราชญ์ชาติเจ้าชู้ มารบสู้กันจริงจริงอย่านิ่งเฉย
เครื่องอาวุธสิ่งใดนะอย่าละเลย ที่ท้าวเคยถือชำนาญการสงคราม
พระตรัสพลางทางชักอัศวราช เผ่นผงาดเยื้องย่างออกกลางสนาม
ท้าวไกรจักรชักม้ากล้าสงคราม ทหารตามมาเป็นวงแล้วส่งทวน
สำหรับศึกเคยชำนาญในการรบ เลี้ยวตลบชักม้าทีท่าสวน
พระราเมศสุริย์วงศ์ก็ทรงทวน ชักม้าหวนตีวงตรงเข้าไป
ทหารโห่กึกก้องทั้งสองฝ่าย ดูเจ้านายครึกครื้นยืนไสว
พวกในเมืองเข้าไปเฝ้าทูลท้าวไท ว่าทัพใหม่ยกมาออกราวี
กับทัพทั้งเจ็ดพาราที่มาล้อม เข้าโอบอ้อมรุกรบไม่หลบหนี
พระทราบเรื่องทัพมาใหม่ใช่ไพรี สั่งให้กรีธาพหลรณรงค์
กูจะออกไปดูให้รู้ข่าว คำที่เจ้าทายไว้อย่าใหลหลง
ทั้งนิมิตเห็นจะสมอารมณ์ปลง พระขึ้นทรงหลังพระยาอาชาไนย
เปิดทวารพาทหารออกพร้อมพรั่ง ทั้งโล่ดั้งปืนผาโยธาไสว
ออกยืนม้าพาพลสกลไกร เพราะยังไม่รู้แท้ฉวยแปรปรวน
ต้องยับยั้งดูทำนองทั้งสองรบ ต่างตลบเลี้ยวกลมดั่งลมหวน
พระราเมศชำนาญในการทวน รู้กระบวนสารพัดหัดชำนาญ
แต่รบกันประมาณเพลงห้าสิบถ้วน ในกระบวนกลศึกต่างฮึกหาญ
แต่ราเมศรู้ตำราอาชาชาญ ว่าม้าพานแรงน้อยถอยทุกที
แล้วดูท้าวไกรจักรเห็นชักม้า ทีระอาแรงน้อยจะถอยหนี
จำจะเข้าบั่นบุกไล่คลุกคลี แม้นเสียทีก็จะล้างให้วางวาย
พระตริพลางทางดูม้าที่นั่ง เห็นกำลังยังไม่อ่อนค่อยผ่อนขยาย
ทำทีถอยออกให้ห่างทางอุบาย แล้วรำกรายชักสินธพทีหลบทวน ฯ
๏ ฝ่ายท้าวไทนึกว่าเด็กเล็กเท่านี้ คงจะหนีไล่กลมดั่งลมหวน
พระเยื้องกลับรับหันด้วยคันทวน เสียกระบวนแทงเข้าอกพลัดตกตาย
ทหารโห่โกลาดั่งฟ้าลั่น เสียงครื้นครั่นดั่งสุนีคะนองสาย
พวกพหลพลไกรทั้งไพร่นาย ต่างวุ่นวายฆ่าฟันสนั่นดัง ฯ
๏ ท้าวกัมพลไล่พหลเข้าช่วยรบ ตีตลบโยธาทั้งหน้าหลัง
พวกทหารฟันตายวายชีวัง พวกที่ยังเหลือวิ่งเป็นสิงคลี ฯ
๏ ฝ่ายกษัตริย์ที่ยกมาพากันถอย เห็นเสียรอยกลับไปในวิถี
ต่างเข้าค่ายของตัวกลัวเสียที คิดราวีต่อไปดั่งใจปอง ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์ปิ่นเหมราช เห็นอากาศค่อยสว่างที่หมางหมอง
ทางปราศรัยสองพระองค์จำนงปอง พระคุณของพ่อนี้ลบภพไกร
พ่อขอถามนามเนื้อเชื้อกษัตริย์ ครองจังหวัดธานินทร์บุรินทร์ไหน
พ่อจะรักเจ้าเหมือนบุตรสุดอาลัย ขอเชิญไปนคเรศนิเวศน์วัง
สองพระองค์กราบกรานประสานหัตถ์ กรุงกษัตริย์ชื่นชมด้วยสมหวัง
แล้วเชิญชวนเข้าเขตนิเวศน์วัง พระตรัสสั่งเสนีผู้ปรีชา
ให้จัดแจงแต่งที่บรรยงก์รัตน์ ถวายกษัตริย์หยุดพักตำหนักขวา
แล้วตรัสเชิญนรินทร์รัตน์กษัตรา กับพระราเมศน้องสองพระองค์
เข้าเวียงวังเหมราขึ้นปราสาท พระยุรยาตรนำไปศรรไลหงส์
พลางชวนเชิญพระพี่น้องทั้งสององค์ ขึ้นบรรยงก์รัตนาไม่อาวรณ์
พระดำรัสตรัสเรียกมเหสี กับบุตรีศรีสวัสดึ๋ประภัสสร
ทั้งสององค์เปรมปรีดธุลีกร พระมารดรรับหัตถ์กษัตรา
ให้พระนุชบุตรีศรีสมร ประนมกรกราบสมเด็จพระเชษฐา
พระแลเล็งเพ่งพักตร์ลักขณา ดั่งจันทราแจ่มจัดจำรัสดวง
กระนี้หรือกษัตราที่มารบ จะมิคบกันมาแน่นเพราะแหนหวง
คิดแย่งชิงกัลยาสุดาดวง มาตั้งหวงแหนกันทุกวันคืน ฯ
๏ ฝ่ายอนงค์องค์มิ่งมเหสี นางยินดีในอุราค่อยฝ่าฝืน
บรรเทาทุกข์ที่ประจำทุกค่ำคืน ค่อยแช่มชื่นในอุราแล้วว่าพลาง
แม่ขอบคุณการุญรักพ่อหนักหนา เบาอุราสารพัดที่ขัดขวาง
แม่ขอเชิญทั้งคู่อยู่ในปรางค์ ไม่กั้นกางเกียดกันไม่ฉันทา
ขอฝากน้องนงเยาว์กับเจ้าด้วย จงชูช่วยปกปิดกนิษฐา
เหมือนพี่น้องร่วมครรภ์อย่าฉันทา ให้มารดาเย็นใจทั้งไพร่พล
สองกษัตริย์สุริย์วงศ์ทรงสดับ น้อมคำนับทูลความตามนุสนธิ์
ลูกยกมาครั้งนี้ทั้งรี้พล ช่วยภูวดลพอให้คลายวายอาวรณ์
ด้วยนเรศรัตนาพาราใกล้ ลูกตั้งใจช่วยบพิตรอดิศร
มิได้คิดแก่ชีวิตมาราญรอน กู้นครให้พระองค์ดำรงวัง
ฉันพี่น้องสองนี้ขออาสา รบประจามิตรไม่ยับไม่กลับหลัง
ถึงเป็นตายขอถวายซึ่งชีวัง พระทรงฟังชื่นพระทัยใครจะปาน
ดั่งน้ำทิพย์ธารามาโสรจสรง วรองค์ขัตติยามหาศาล
โสมนัสตรัสสำรวลชวนสำราญ พนักงานยกเครื่องเนื่องกันมา
ตั้งถวายไทท้าวเจ้านิเวศน์ พระทรงเดชเชิญสองโอรสา
ให้เสวยเอมโอชโภชนา กษัตรากราบก้มบังคมคัล
แล้วเสวยพระกระยาสุธาโภช ที่เอมโอชสารพัดเขาจัดสรร
สามพระองค์ทรงเสวยเครื่องสุพรรณ พร้อมด้วยกันรักสนิทเหมือนบิตุรงค์
จะเข้านอกออกในมิได้ห้าม เพราะมีความชื่นชมสมประสงค์
ด้วยรู้แท้ว่าประยูรสกูลวงศ์ ท้าวเธอปลงจิตตั้งเพราะหวังใจ ฯ
๏ จะกล่าวข้างพวกกษัตริย์ให้ขัดแค้น จะตอบแทนเศร้าหมองไม่ผ่องใส
แต่ทัพเด็กยกมาตีก็มีชัย นึกเสียใจเจ็บอายหลายประการ
จำจะคิดแยบคายให้หลายอย่าง ดูท่าทางให้ประจักษ์เข้าหักหาญ
แล้วตั้งพวกเสนีปรีชาชาญ จัดทหารพลหมื่นพื้นฉกรรจ์
ทั้งหลาวโล่โตมรศรกำซาบ อีกดั้งดาบง้าวธนูเป็นคู่ขัน
เอาช้างต้นพลายประสิทธิ์ติดน้ำมัน พลขันธ์ปืนผากล้าณรงค์
เราจะออกชิงชัยในสนาม ทำสงครามให้กระจุยเป็นผุยผง
ปราบอรินทร์เสียให้ได้เหมือนใจจง โดยจำนงเป่าปัดพวกศัตรู
ฆ่าอ้ายพวกหนุ่มเด็กเสียให้ได้ ตีเวียงชัยราญรอนให้อ่อนหู
พรุ่งนี้เช้าเองไปนัดพวกศัตรู บอกว่ากูจะรบรับกับพระยา
ท้าวสั่งเสร็จแล้วเสด็จเข้าไสยาสน์ ขุนอำมาตย์ตั้งพหลพลอาสา
เสียงครึกครื้นยืนแน่นพวกแสนยา ถือสาตราเตรียมตัวทั่วทุกคน
พอเช้าตรู่สุริยาภาณุมาศ ขุนอำมาตย์สั่งบ่าวเหล่าพหล
ไปร้องท้าหน้านิเวศน์เขตมณฑล เตรียมพหลออกรบอย่าหลบตัว
จะคบค้าเด็กหนุ่มคุ้มไม่ได้ จะบรรลัยทั้งจังหวัดจับตัดหัว
มาบอกให้คนผู้ได้รู้ตัว อย่าเมามัวคบเด็กใช่เหล็กดี ฯ
๏ ฝ่ายเสนีที่รักษาตามขอบเขต นำเอาเหตุไปประณตบทศรี
ทูลแถลงแจ้งความตามคดี พระภูมีทราบเรื่องเคืองพระทัย
จึงตรัสกับกษัตราว่าวันนี้ พวกไพรีมันมาว่าไม่ปราศรัย
บิดาจะออกสู้กู้เวียงชัย ให้พวกไพรียับอัปรา ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์นรินทร์รัตน์ ชุลีหัตถ์ประนมก้มเกศา
ลูกจะขอฉลองคุณมุลิกา จะอาสาแทนพระองค์ออกสงคราม
แล้วทูลลามากับพระราเมศ จากนิเวศน์ไปถึงค่ายพลางไต่ถาม
กับท่านครูผู้ปรีชาพยายาม ข้าศึกตามท้าทายหลายประการ
เราจะออกชิงชัยอย่างไรบ้าง ในท่าทางรบสู้ดูทหาร
แล้วแต่ท่านจะจัดแจงจงแต่งการ จะรอนราญฉันพี่น้องทั้งสองคน
อาสาท้าวเจ้านิเวศน์เกศกษัตริย์ ช่วยกำจัดพวกศัตรูดูอีกหน
ท่านจงแต่งเสนาพลาพล จะประจญกับศัตรูหมู่อรินทร์
ท่านพรหเมศยกเมฆตามลัทธิ แล้วตรองตริดั่งนิยมสมถวิล
ด้วยชะตานายเราเจ้าแผ่นดิน จะเพิ่มภิญโญยศปรากฏนาม
อันข้าศึกศัตรูสู้ไม่ได้ จะมีชัยลือดังทั้งสยาม
ถ้าแม้นใครขืนสู้ทำวู่วาม คงตายตามเหมือนแมงเม่าบินเข้าไฟ
พลางจัดแจงแต่งพหลพลรบ ทหารครบเร่งกันเสียงหวั่นไหว
สั่งให้ผูกมิ่งม้าอาชาไนย คชไกรดั้งกันอันบรรจง
ผูกพระยาคชาธารชำนาญยุทธ์ เครื่องอาวุธพร้อมพรั่งดั่งประสงค์
ทั้งทหารเกณฑ์หัดจัตุรงค์ มงคลคงแจกให้ทั้งไพร่นาย
แล้วบอกมนต์ให้พระองค์ทรงสวัสดิ์ สองกษัตริย์เมื่อชิงชัยดั่งใจหมาย
เห็นเสียทีจงตวาดอย่าคลาดคลาย อ้ายตัวนายคงจะงกตกตะลึง ฯ
๏ จะกล่าวข้างท้าวไพรชนยกพลออก มาถึงนอกเกิดโทโสโมโหหึง
ขับช้างต้นพลแสนแล่นตะบึง มาพักหนึ่งถึงที่รบสมทบพล
พวกในเมืองเหมราเห็นข้าศึก เสียงโห่ฮึกก้องสุธาโกลาหล
ท้าวเธอเร่งโยธาพลาพล จรดลยกออกนอกบุรินทร์ ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์นรินทร์รัตน์ ชวนกษัตริย์น้องชายดั่งใจถวิล
ขึ้นทรงช้างโดยจำนงดั่งองค์อินทร์ พร้อมกันสิ้นรถรัตน์อัสดร
ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์สะกดทัพ ขึ้นรถขับตามติดอดิศร
ยกกระบวนแสนยาพลากร โห่สะท้อนเสียงเร้าจะเอาชัย
พอถึงที่ท้องสนามทั้งสามทัพ ต่างบังคับให้ปักธงลงไสว
พวกทหารต่อทหารทุกด้านไป ยิงปืนไฟหน้าทัพเข้ารับรอง ฯ
๏ ฝ่ายท้าวไทไพรชนเร่งพลรบ เข้าสบทบแทงฟันผันผยอง
แกว่งอาวุธฉาดฉับเข้ารับรอง เสียงกึกก้องล้มตายลงหลายคน
ท้าวไพรชนขัดใจเธอไสช้าง เข้าไปกลางร้องขู่หมู่พหล
เหวยอ้ายพวกช้างเราเข้าประจญ ใครถอยร่นลงมาเสนานาย
เอาดาบฟันบั่นเกล้าอย่าเอาไว้ ทั้งนายไพร่ตีประดาอย่าขยาย
ท้าวรำขออยู่บนคอคเชนทร์พลาย เธอมุ่งหมายว่าจะบุกเข้าคลุกคลี ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์นรินทร์รัตน์ หน่อกษัตริย์ฤทธิไกรไสหัตถี
พอใกล้ท้าวไพรชนหน้ามนตรี กล่าวคดีเยาะหยันจำนรรจา
ต้องประสงค์สิ่งใดในเหมราช จึงมุ่งมาดพาพหลพลอาสา
มารบพุ่งยุ่งยิ่งชิงพารา ป่าวบรรดาพวกกษัตริย์มาอัดแอ
ปรารถนาสิ่งใดจงไขขาน ให้ลูกหลานรู้บางอย่างกระแส
หรือต้องการเล่นชู้มาดูแล ท่ากอแกให้ขุ่นวุ่นทั้งเมือง
จงเอื้อนอรรถวัจนังให้หยั่งรู้ พวกศัตรูจอมโยธานัยน์ตาเหลือง
แม้นรักตัวเลิกทัพกลับไปเมือง พอปลดเปลื้องร้อนราคที่จากเมีย
เป็นผู้ใหญ่ขายหน้าเจ้าข้าเอ๋ย พึ่งได้เคยเห็นหัวพวกตั้วเหีย
พากันมารบสู้หาชู้เมีย ให้มันเสียโยธาพลากร ฯ
๏ ท้าวไพรชนได้ฟังให้คั่งแค้น เด็กพูดแสนเจ็บจิตดั่งพิษศร
จึ่งร้องว่าฮ้าเฮ้ยเด็กปากบอน มาขอดค่อนให้ผู้ใหญ่เขาได้อาย
ใช่ธุระคะขาเจ้ากาฝาก อย่าพูดมากไปจะริบให้ฉิบหาย
ทั้งพหลพลไกรทั้งไพร่นาย ตัวจะตายเสียด้วยง้าวที่ขาวคม
ประมาทเราเป็นผู้ใหญ่ไก่สองขน ก็จะป่นปี้เปื้อนเหมือนขนม
ให้กาแร้งแย่งกระดูกเจ้าลูกลม กินให้สมน้ำหน้าคนสาธารณ์
พลางไสช้างเงื้อง้าวยาวจะฟาด พระหน่อนาถป้องปัดเสียงฉัดฉาน
ช้างต่อช้างแทงกันประจัญบาน ต่างทะยานเสือกไสในทำนอง ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์นรินทร์รัตน์ หน่อกษัตริย์ร่ายเวทวิเศษสนอง
เหมือนท่านครูสอนให้ดั่งใจปอง แล้วก็ร้องตวาดไปในณรงค์
ท้าวไพรชนขนชันให้หวั่นหวาด กัมปนาทแข็งขึงตะลึงหลง
นรินทร์รัตน์กวัดแกว่งพระแสงทรง ฟาดถูกตรงชายไหล่ท้าวไพรชน
พวกทหารบุกบั่นกระชั้นไล่ พลไพร่แตกยับวิ่งสับสน
ต่างก็วิ่งทิ้งนายกลัววายชนม์ เที่ยวเสือกสนผ้าเสื้อไม่เหลือเลย
ฝ่ายกษัตริย์ต้องอาวุธสุดจะเจ็บ ให้เมื่อยเหน็บในอุรานิจจาเอ๋ย
ทั้งเจ็บช้ำระกำใจเพราะไม่เคย ก็แตกเลยไปไม่ยั้งกระทั่งเวียง ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงเหมราช สั่งอำมาตย์โห่ร้องกึกก้องเสียง
พากษัตริย์สองทัพกลับเข้าเวียง ให้ตั้งเลี้ยงพลไกรทั้งไพร่นาย
แล้วให้เชิญท่านครูผู้วิเศษ พราหมณ์พรหเมศไปมนเทียรวิเชียรฉาย
ประทานของเครื่องประดับสำหรับกาย สร้อยสวมสายพลอยประดับสำหรับพราหมณ์
ทั้งเงินตราผ้าเสื้อโขมพัตถ์ ท้าวเธอจัดมารางวัลท่านทั้งสาม
กับโหรเฒ่าราชครูดูฤกษ์ยาม พร้อมทั้งสามผู้ทำนายทายสุบิน
กับพวกพลรัตนาที่มาช่วย ทั้งเจ็บป่วยแจกให้สมอารมณ์ถวิล
กับขุนนางที่ออกสู้กู้แผ่นดิน ประทานสิ้นถ้วนทั่วทุกตัวนาย ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงอาณาจักร เธอแสนรักสองกษัตริย์สมมาดหมาย
แล้วโองการตรัสเฉลยภิเปรยปราย พ่อค่อยวายทุกขาที่อาวรณ์
แต่บรรดาโยธาอยู่ที่ค่าย เห็นจะไม่มีสุขสโมสร
จงรื้อค่ายให้มาอยู่ในนคร ได้วายร้อนเหนื่อยยากลำบากใจ ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์ปิ่นกษัตริย์ โองการตรัสชี้แจงแถลงไข
กับท่านครูผู้ปรีชาเสนาใน ให้รื้อค่ายยกเข้าเขตนิเวศน์วัง
ฝ่ายนิกรพรหเมศแกเห็นชอบ ตามระบอบสมจิตที่คิดหวัง
พวกข้าศึกจะค่อยคลายวายระวัง ยกเข้าตั้งอยู่ในนี้มีอุบาย
มันจะได้นึกว่าเราไปถิ่น สมถวิลเหมือนจิตข้าคิดหมาย
แกจึ่งสั่งพวกพหลพลนิกาย ให้ทำลายค่ายแล้วเร่งยกพล
ทำเหมือนทีเดินทัพจะกลับหลัง ไปยับยั้งอยู่ในป่าพนาสณฑ์
ต่อค่ำมืดเงียบสงัดจึ่งจัดพล ค่อยรีบร้นผ่อนกันมาเข้าธานี
เสนาในไปทำตามรับสั่ง พูดกันดังกึกก้องท้องวิถี
ต่างรื้อค่ายไพร่พลพวกมนตรี เสียงอึงมี่หาบคอนต้อนกันไป ฯ
๏ พวกข้าศึกเห็นทัพกลับไปสิ้น สมถวิลยินดีจะมีไหน
ครั้งนี้เราจะกระทำให้หนำใจ จะลุยไล่ให้กระทั่งถึงวังเวียง
อีกสามวันเราจะยกเข้านิเวศน์ ชิงขอบเขตโห่ร้องให้ก้องเสียง
ทำบันไดพาดป้อมให้พร้อมเพรียง ฟังสำเนียงปืนสัญญาเข้าราวี
เห็นจะได้สมหวังเหมือนยังคิด ประจามิตรคงจะยับดั่งสับสี
แต่ลำพังเจ้าพาราออกราวี เราเข้าตีไหนจะทนคงป่นไป
ห้ากษัตริย์ปรึกษาบรรดาอยู่ เรารบสู้เล่นกันให้หวั่นไหว
พลางจัดแจงแต่งพหลพลไกร จะชิงชัยให้สำเร็จเสร็จจำนง ฯ
๏ จะกล่าวข้างทัพกษัตริย์ที่จัดเล่า เข้าอยู่ป่าพุ่มไม้ไพรระหง
ครั้นรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยง พอค่ำลงยกอ้อมล้อมเข้าเมือง
กรุงกษัตริย์จัดที่ให้อยู่พัก มาพร้อมพรักในจังหวัดขนัดเนื่อง
ทั้งพหลพลไกรที่ในเมือง หมดทั้งเครื่องห้ามไว้มิให้อึง ฯ
๏ ฝ่ายท่านครูผู้ชำนาญในการยุทธ์ เตรียมอาวุธสาตราแต่มาถึง
จะคิดอ่านปล้นค่ายอย่าให้อึง เวลาถึงสามยามจะตามตี
จัดทหารสำรองไว้สองหมื่น พวกถือปืนสองพวกหมวกหนังหมี
ใส่เสื้อกันเกราะกันสาตราเคยราวี พวกกระบี่แหลนหลาวทั้งง้าวทวน
ที่ถือขวานด้ำยาวฟันเสาค่าย ทั้งนอกในตามตำราม้ากินสวน
โดยพิชัยสงครามตามกระบวน จัดถี่ถ้วนครบเสร็จสำเร็จการ ฯ
๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าบุรินทร์เหมราช สั่งอำมาตย์แต่บรรดาโยธาหาญ
ให้สมทบทัพใหญ่อันชัยชาญ ผูกคชสารพระที่นั่งอลังกรณ์
กูจะไปยงยุทธ์กับบุตรด้วย จะได้ช่วยขับทหารชาญสมร
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จบทจร ขึ้นกุญชรพร้อมพรั่งจากวังใน ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมราเมศเกศกษัตริย์ นรินทร์รัตน์ขัตติยาอัชฌาสัย
ทรงพระยาช้างต้นยกพลไกร สั่งมิให้พูดจาพลาพล
ทั้งฟืนไฟมิให้จุดทั้งชุดคบ จะเข้ารบจึ่งให้โห่โกลาหล
ห้ามปากเสียงจามไอทั้งไพร่พล ต้อนพหลรีบออกนอกบุรี
เข้าโอบอ้อมล้อมค่ายท้าวจักรวรรดิ สามกษัตริย์ยืนช้างกลางวิถี
พวกข้าศึกนั่งยามตามอัคคี บ้างก็ตีเกราะกลองฆ้องตระเวน
พอเห็นทัพโอบอ้อมเข้าล้อมค่าย ต่างตกใจบอกกันฉาวดั่งกราวเขน
พวกทหารโดนกันจนล้มระเนน วิ่งพ่านเพ่นไปแต่ตัวยังมัวนอน
พวกทหารสามพระองค์ทรงสวัสดิ์ ต่างรีบรัดฟันค่ายเอาไม้ขอน
กลิ้งเข้าไปไล่กระชั้นเข้าฟันฟอน พลนิกรโห่เร้าจะเอาชัย ฯ
๏ ฝ่ายท่านท้าวจักรวรรดิลุกผวา เสียงโยธาโห่ลั่นสนั่นไหว
รับพระแสงแกว่งต้อนพลไกร ทั้งนายไพร่ออกประจญรณรงค์
เข้าฟันฟอนต้อนเข้ารับสัประยุทธ์ ด้านนอกจุดไฟกระจุยเป็นผุยผง
ยิงปืนตับคาบศิลาปืนจ่ารง พวกทะนงกรูเข้าค่ายบ้างไล่แทง ฯ
๏ ฝ่ายท่านท้าวจักรวรรดิขึ้นอัศวราช ขุนอำมาตย์ป้องกันด้วยขันแข็ง
หนีออกจากหลังค่ายเห็นไฟแดง ก็ลัดแลงควบม้าอาชาไนย
คิดจะหนีออกให้ห่างเป็นทางหล่ม ล้วนโคลนตมเหลือเป็นทุกข์บุกไม่ไหว
กับทั้งพวกรี้พลสกลไกร ไปไม่ได้สุดจนพ้นปัญญา
พลางแลดูหมู่ทหารพวกข้าศึก ไล่สะอึกพร้อมพรักกันหนักหนา
ไม่เห็นช่องที่จะแหวกแหกออกมา เหลือระอาที่จะสู้หมู่ไพริน
ท้าวจึ่งว่าแต่บรรดาพวกเรานี้ ระดมตีออกให้ได้ดั่งใจถวิล
ได้รีบร้อนไปจังหวัดปัถพิน จะนิ่งดิ้นให้เขาจับได้อับอาย ฯ
๏ ฝ่ายเสนีที่เป็นใหญ่ฝ่ายทหาร คิดเห็นการจะแก้ไขดั่งใจหมาย
แล้วทูลว่าขอพระองค์จงอุบาย คิดแปลงกายเป็นไพร่เหมือนใจปอง
เอาเครื่องทรงแต่งกายชายทหาร อาชาชาญให้มันขี่เป็นเจ้าของ
ท้าวจักรวรรดิเห็นความตามทำนอง เธอถอดของแต่งองค์ส่งให้พลัน
แล้วจึ่งว่าฮ้าเฮ้ยเวลานี้ เราเร่งตีออกไปรบผายผัน
แม้นปลดปลอดรอดตายวายชีวัน ถึงเขตคันกูจะให้เป็นนายพล
ครั้นจัดแจงแต่งเสร็จสำเร็จกิจ สมที่คิดต้อนไพร่ไล่พหล
จัตุรงค์เสนาพลาพล ให้รีบร้นแหกทางในกลางคืน ฯ
๏ จะกล่าวข้างสามพระองค์เธอทรงช้าง ไล่ขุนนางชาญกำแหงที่แข็งขืน
ต่างเข้าฟันกันตายในกลางคืน ทหารปืนต่างก็ยิงเป็นสิงคลี
พระตรัสว่าจับเป็นอย่าเข่นฆ่า ตัวพระยาจับไว้อย่าให้หนี
ทหารพร้อมล้อมขยับจับพาชี เสียงอึงมี่กรูกันประจัญบาน
จับได้คนที่แปลงตัวเป็นกษัตริย์ เอาเชือกมัดจูงมาที่หน้าฉาน
พระสั่งให้เลิกพหลพลมินาน กลับสถานกรุงไกรในกลางคืน
ฝ่ายเสนาเหลือมาสักร้อยเศษ ออกจากเขตเหมราค่อยฝ่าฝืน
พาท้าวไทเดินทางมากลางคืน ไม่มีชื่นเศร้าใจมาในดง
จนเข้าเขตลัชวีบุรีรัตน์ ค่อยดั้นดัดมาในไพรระหง
แวะเข้าตามบ้านป่าพนาดง โดยจำนงเลี้ยงกันทุกวันมา
จนถึงเมืองเข้าเขตนิเวศน์สถาน แสนรำคาญมิได้สิ้นถวิลหา
ทั้งเสียคนพลทหารในพารา ช้ำอุราเจ็บอายหลายกระบวน
พลางปรึกษาหาอุบายคิดถ่ายถอน ไปราญรอนพวกมีบุญนึกหุนหวน
คงจะคิดเอาให้ได้ในกระบวน เที่ยวชักชวนคนดีมีวิชา ฯ
๏ จะกล่าวข้างสามกษัตริย์ครั้นเลิกทัพ พากันกลับเข้านิเวศน์เขตมหา
พอรุ่งรางสร่างแสงพระสุริยา พร้อมบรรดาไพร่พลสกลไกร
ให้คุมท้าวเจ้านิเวศน์เขตจังหวัด มาถามอรรถโดยจำนงที่สงสัย
ไปไล่เลียงถามซักประจักษ์ใจ มันมิใช่รู้กันทั่วว่าตัวแปลง
สามกษัตริย์ขัดเคืองพระทัยหนัก มันยอกยักทำแยบคิดแอบแฝง
แต่บรรดาจับมาได้ให้ช้างแทง เพราะมันแกล้งมารยาพวกสาธารณ์
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จเข้าวังราช ขุนอำมาตย์เตรียมทั่วตัวทหาร
เข้านิเวศน์เขตแคว้นแสนสำราญ พระผู้ผ่านธรณีเธอปรีดิ์เปรม
เชิญกษัตริย์สององค์ทรงสวัสดิ์ ขึ้นปรางค์รัตน์คลายทุกข์สุขเกษม
เสนาในไพร่เศรษฐีค่อยปรีดิ์เปรม ต่างอิ่มเอมวายทุกข์เป็นสุขใจ ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงอาณาเขต วายเทวษหม่นหมองค่อยผ่องใส
ด้วยจะได้สองนัดดาพระอภัย มาไว้ในนคราคงถาวร
จำจะผูกไมตรีเป็นที่หวัง ช่วยปลูกฝังให้ภิญโญสโมสร
คงปรากฏยศไกรขจายจร ดัสกรทุกประเทศเขตทมิฬ
ให้เกรงเดชเดชาอานุภาพ ให้ราบคาบสมดั่งจิตคิดถวิล
แต่ยังไม่ราบเตียนเสี้ยนแผ่นดิน พระภูมินทร์เยื้องย่างเข้าปรางค์ทอง
สถิตแท่นแว่นฟ้าทิพอาสน์ พร้อมพระญาติมเหสีบุตรีสนอง
พระแถลงแจ้งความตามทำนอง หากได้สองกษัตริย์สู้กู้บุรี ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ