ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล

๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช เมื่อไสยาสน์ยามวิโยคให้โศกศัลย์
เรียกยุพาผกาสุลาลีวัน มาเคียงบรรจถรณ์บรรทมแล้วชมเชย
สงสารเจ้าเศร้าสร้อยมาพลอยยาก ปราศจากหมอนฟูกแล้วลูกเอ๋ย
มิเคยยากกรากกรำก็จำเคย มาชมเชยน้ำค้างอยู่กลางไพร
เจ้าขวัญอ่อนนอนเรียงอยู่เคียงแม่ ไม่ห่างแหงามสรรพจงหลับใหล
แม่นี้ไม่ไสยาสน์ประหลาดใจ ด้วยป่าใหญ่เย็นเยียบเงียบสำเนียง
แต่โพล้เพล้เรไรก็ไม่ร้อง ไม่แซ่ซ้องเสียงสัตว์สงัดเสียง
ทั้งเนื้อนกวิหคเงียบเซียบสำเนียง เห็นผิดเยี่ยงอย่างป่าพนาลัย ฯ
๏ ฝ่ายนารีพี่น้องสองสุภาพ ต่างก้มกราบบาทาอัชฌาสัย
จึงทูลความตามรู้อยู่ในใจ นี่มาในแนวป่าชื่อกาลวัน
ตำแหน่งนี้มีเจ้าป่าเทพารักษ์ สิทธิศักดิ์รักษาพนาสัณฑ์
เข้าสิงสู่อยู่ในถ้ำกลำพัน แสนฉกรรจ์กินสัตว์ในปัถพี
ผู้ใดมาอารักษ์ลักสะกด กินเสียหมดมิให้พบทั้งศพผี
จึงเยือกเย็นเว้นว่างหนทางนี้ มิได้มีผู้ใดเดินไปมา
แต่ทางตรงลงทุ่งกรุงสิงหล ไม่แวะวนเวียนวงตรงหนักหนา
แม้วันนี้มีภัยสิ่งไรมา จึงทรงตราแก้วกันอันตราย ฯ
๏ นางทราบความหวามไหวฤทัยหวาด กัมปนาทนึกพรั่นพระขวัญหาย
จึงว่าเจ้าเล่าก็รู้อยู่ว่าร้าย ไม่กลัวตายหรือมาค้างอยู่อย่างนี้
อันใจแม่แต่ยังเยาว์คุ้มเท่าใหญ่ เผอิญให้พรั่นตัวนึกกลัวผี
ถึงรบราฆ่าฟันทุกวันนี้ ก็สุดที่กลัวแกล้งทำแข็งใจ
เจ้าเรียนรู้อยู่กับท่านอาจารย์เฒ่า ท่านบอกเล่าลึกซึ้งไปถึงไหน
จะต่อตีผีสางทำอย่างไร จงบอกให้แจ้งจิตในกิจจา ฯ
๏ ทั้งสองนางต่างคำนับอภิวาท อันพระบาทบาลีดีหนักหนา
รู้วิสัยไตรเพทเลศวิชา เหมือนเห็นฟ้าดินจบทั้งภพไตร
แม้นประมาณการอันใดก็ไม่ผิด รักษากิจกรุณาอัชฌาสัย
พอตาหูรู้เห็นเป็นอย่างไร ในดวงใจคิดเสร็จสำเร็จการ
ซึ่งให้ข้าพาพระองค์มาตรงนี้ เหตุด้วยผีร้ายแรงกำแหงหาญ
ขอบุญญาอานุภาพช่วยปราบมาร ให้สำราญรัถยาประชาชน
อันดวงตราราหูคู่กษัตริย์ คุ้มจังหวัดแว่นแคว้นแดนสิงหล
ถึงผีสางปะรางควานไม่ทานทน ย่อมแพ้ผลวาสนาบารมี
ขอพระองค์ทรงคิดพิษฐาน ตามโบราณท่านบำรุงซึ่งกรุงศรี
เดชะผลปรนนิบัติปัถพี คงปราบผีพ่ายแพ้นั้นแน่นัก
อันหนึ่งครูผู้เฒ่าเล่าก็ว่า เกณฑ์ลังกายังไม่สูญประยูรศักดิ์
แล้วทายว่าข้าศึกที่ฮึกฮัก จะกลับรักร่วมจังหวัดปัถพี ฯ
๏ นางทราบคำทำนายนึกอายจิต ช่างบอกศิษย์สารพัดจะบัดสี
จึงเสแสร้งแกล้งว่าพระบาลี ท่านเหลือดีดูแลแน่สุดใจ
เธอบอกเจ้าแต่เท่านั้นหรือยังอีก อย่าเลี่ยงหลีกเจ้าจงแจ้งแถลงไข
หรือท่านว่าข้ากับพระอภัย คงจะได้สมสู่เป็นคู่กัน
ทั้งสองนางต่างว่าข้าพเจ้า ได้ยินเท่านั้นจริงทุกสิ่งสรรพ์
ซึ่งจะได้หรือมิได้อย่างไรนั้น กระหม่อมฉันมิได้ซักให้ทักทาย ฯ
๏ นางฟังความยามดึกนึกวิตก สะอื้นอกอาลัยพระทัยหาย
คิดถึงพระอภัยแล้วให้อาย ช่างเคราะห์ร้ายนี่ไฉนกระไรเลย
เมื่อต่างชาติศาสนาเป็นข้าศึก สุดจะนึกร่วมเรียงเคียงเขนย
ขอสู้ตายชายอื่นไม่ชื่นเชย จนล่วงเลยสู่สวรรคครรไล
นางนึกนึกแล้วสะอึกสะอื้นอ้อน ด้วยอาวรณ์หวังจิตพิสมัย
จนลืมองค์หลงตะลึงคะนึงใน ถอนฤทัยทุกข์รักหนักอุรา
ระทวยองค์ลงบนอาสน์ราชรถ โศรกกำสรดเศร้าสร้อยละห้อยหา
ส่วนนารีพี่น้องสองสุดา ต่างวันทาโฉมตรูช่วยอยู่งาน
ด้วยรู้กลปรนนิบัติกษัตริย์พร้อม ทั้งขับกล่อมกล่าวกลอนก็อ่อนหวาน
ศิโรราบกราบประณตบทมาลย์ ขอประทานโทษาฝ่าธุลี
จะขับกล่อมจอมสุรางค์สำอางโฉม ต่างประโคมค่อนรุ่งในกรุงศรี
แล้วกรายกรีดดีดกลเป็นดนตรี ประสานสีซอดังเสียงวังเวง
พี่สาวร้องน้องรับทั้งขับกล่อม เสียงพร้อมพร้อมไพเราะล้วนเหมาะเหม็ง
กล่าวประโลมโฉมยงองค์ละเวง ด้วยกาพย์เพลงพลอดคิดประดิษฐ์กลอน ฯ
๏ โอ้พระจันทร์วันเพ็งไม่เปล่งเปลื้อง สลดเหลืองแลเยี่ยมเหลี่ยมสิงขร
ดูว้าเหว่เอกาอนาทร เที่ยวเร่ร่อนทรงรถมิลดเลี้ยว
สุริยันดั้นเมฆวิเวกลิบ แสงระยิบลับเงาภูเขาเขียว
สงสารนกตกอยู่แต่ผู้เดียว ให้เปล่าเปลี่ยวหวั่นหวาดอนาถใจ
หนาวน้ำค้างพร่างพรมจะห่มเสื้อ พออุ่นเนื้อนอนสนิทพิสมัย
ถึงลมว่าวหนาวยิ่งจะผิงไฟ แต่หนาวใจจำกลั้นทุกวันคืน
แม้มีคู่ชูชิดสนิทนุ่ม เหมือนห่อหุ้มผ้าทิพย์สักสิบผืน
หอมบุปผามาลัยไม่ยั่งยืน ไม่ชูชื่นเช่นรสพจมาน
มณฑาทิพย์กลีบกลิ่นประทิ่นหอม จะอ่อนน้อมโน้มลงน่าสงสาร
สาโรชรื่นชื่นแช่มจะแย้มบาน ผกาก้านเกสรขจรโรย
ภุมรินบินเลยไปเชยอื่น มิมาชื่นเชยชวนให้หวนโหย
น้ำค้างพรมลมโยกมาโบกโบย จะร่วงโรยแรมเหมือนดังเดือนเอย ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงฟังเพลงขับ ระทวยทับองค์แอบแนบเขนย
เสนาะคำทำเนียบช่างเปรียบเปรย นางชมเชยชื่นจิตเหมือนธิดา
แล้วเชือดชิ้นดินถนันรางวัลให้ ทั้งสองได้รับประทานหวานหนักหนา
ผิวฉวีสีสันแต่นั้นมา จึงโสภาผ่องผุดเพียงบุตรี
พอเดือนเที่ยงเสียงสัตว์สงัดเงียบ เย็นยะเยียบปานว่าป่าช้าผี
นางกษัตริย์ตรัสปรึกษาสองนารี เห็นแม่นมั่นวันนี้จะมีภัย
แม่จะขับอภิวาท์สุรารักษ์ ซึ่งสำนักเขาเขินเนินไศล
ให้คุ้มครองป้องปัดขจัดภัย ตามวิสัยสัตยากฤดาการ
แล้วไขกลดนตรีทรงตีกรับ ประดิษฐ์ประดับขับเพลงวังเวงหวาน
ขอเดชะปรเมสุเวตาล จงทราบสารสารพัดซึ่งสัจจา
จะบำรุงกรุงไกรให้เป็นสุข มาได้ทุกข์แทบชีวังจะสังขาร์
ขอคุณพระปรเมเทวดา เสด็จมาคุ้มครองช่วยป้องกัน
ประจามิตรคิดร้ายให้วายวอด ได้ตลอดกลับไปถึงไอศวรรย์
จะสังเวยเนยนมทั้งน้ำจัณฑ์ ทุกเทวัญวานช่วยข้าด้วยเอย
พวกไพร่พร้อมล้อมนั่งได้ฟังเสียง ต่างเอนเอียงอ่อนพับลงหลับเฉย
ทั้งสองนางต่างบังคมเฝ้าชมเชย จนหลับเลยลืมองค์ทั้งนงเยาว์ ฯ
๏ จะกลับกล่าวชาวบ้านด่านสิงหล มันเป็นคนขี้อายผู้ชายเขลา
ชื่อย่องตอดยอดเบอะซมเซอะเซา แต่เป็นเหล่าลูกเศรษฐีมีเงินตรา
ครั้นแม่พ่อขอเมียมายกให้ มันก็ไม่เคียงคู่เข้าสู่หา
ยามกลางวันนั้นจะชมภิรมยา ก็อายหน้านางผู้หญิงจริงจริงเจียว
กลางคืนนั้นมันว่ามืดไม่เห็นหน เป็นจำจนอัดอั้นกระสันเสียว
แต่กลิ้งกลับสับสนอยู่คนเดียว วันหนึ่งเฉียวฉุนชื่นจะขืนเมีย
ไม่เล้าโลมโจมทับจับสลัด เสียงอึดอัดจะเอาผ้าพันตาเสีย
จนหายใจไม่พอเข้าคลอเคลีย อีนางเมียมันตะกายเอาหลายที
ทั้งถีบถูกลูกตาข้างขวาบอด อ้ายย่องตอดเต็มโกรธกระโดดหนี
เสียดายนักควักออกมาว่าตานี้ เป็นของดีกว่าอื่นเอากลืนไว้
แล้วนึกอายชายหญิงวิ่งเข้าป่า ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลไหน
มาถึงถ้ำกลำพันมันเข้าไป ปีศาจให้ความรู้อยู่ด้วยกัน
เที่ยวกินเนื้อเสือสีห์เหมือนผีดิบ ตาไม่พริบเปรียบเหมือนยักษ์มักกะสัน
สัตว์จึงสิ้นถิ่นป่ากาลวัน คืนวันนั้นอ้ายย่องตอดดอดออกมา
เห็นกองไฟไม่เห็นคนด้วยจนจิต เทวฤทธิ์สิทธิศักดิ์ช่วยรักษา
พอแสบท้องมองเขม้นเห็นอาชา โถมถลาฟาดฟัดแล้วกัดกิน
ที่เหลือนั้นมันเอาไปให้กับผี กินพาชีชักรถเสียหมดสิ้น
ยังเที่ยวค้นจนรอบขอบคิริน ด้วยได้กลิ่นเหมือนมนุษย์สุดเสียดาย
เทวดาอาเพศให้พบรถ เสกสะกดก้าวย่องค่อยมองหมาย
นางไม่หลับกลับตื่นฟื้นพระกาย เห็นคลับคล้ายคลับคลาเข้ามามอง
ขยับตราราหูคู่พระหัตถ์ สะกิดตรัสปลุกสั่งนางทั้งสอง
ไม่เขยื้อนเหมือนหนึ่งผีทั้งพี่น้อง เหตุด้วยต้องมนต์สะกดหมดทุกคน
แต่โฉมยงองค์เดียวให้เปลี่ยวจิต มันคว้าหวิดหวีดร้องสยองขน
เห็นปีนป่ายท้ายรถเหลืออดทน ถึงอับจนโจนลงวิ่งวงเวียน
อ้ายย่องตอดลอดลัดสกัดจับ นางเลี้ยวลับหลีกลัดฉวัดเฉวียน
เอาดาบแกว่งแสงสว่างเหมือนอย่างเทียน จนจวนเจียนถึงฟาดปราดประกาย
ถูกตรงหัวขมองอ้ายย่องตอด ปวดตลอดลำหูไม่รู้หาย
หกล้มลงนิ่งสลบเหมือนศพตาย มนต์ก็คลายคนฟื้นตื่นตกใจ
เห็นนางตีผีกลิ้งวิ่งเข้าช่วย บ้างฉุดฉวยเชือกกระหวัดวัดไว้ได้
ทั้งสองนางต่างตามนางทรามวัย มากราบไหว้ทูลถามตามสงกา ฯ
๏ โฉมเฉลาเล่าเรื่องให้รู้แจ้ง พอส่งแสงสูรย์สว่างกลางเวหา
ต่างพิศดูผู้ตายคล้ายคุลา มีแต่ตาข้างเดียวดูเขี้ยวโง้ง
ทั้งหน้าลายรายเรี่ยรอยเมียข่วน ผมแต่ล้วนผีผูกจมูกโด่ง
ใบไม้นุ่งรุงรังสันหลังโกง ดังผีโป่งปากเหม็นเช่นกุมภา
พอพูดกันมันฟื้นยืนสลัด เชือกที่มัดหลุดโลดโดดถลา
นางตีซ้ำหนำจิตด้วยฤทธิ์ตรา อุปมาเหมือนจะดิ้นสิ้นชีวิต
เห็นโฉมยงทรงตราพระราหู สังเกตดูดังนารายณ์กายสิทธิ์
ด้วยเดชาการุญบุญฤทธิ์ มันกลัวผิดเข็ดหลาบลงกราบกราน
นางกษัตริย์ตรัสถามตามสงสัย มึงชื่อไรร้ายกาจมาอาจหาญ
เป็นยักษีผีสางหรือรางควาน ที่สถานหลักแหล่งอยู่แห่งใด ฯ
๏ อ้ายย่องตอดพลอดไม่ใคร่จะชัด ด้วยลิ้นขัดแข็งกระด้างเหมือนอย่างใบ้
เสียงล่อแล่แต่เราพอเข้าใจ ด้วยมิได้พูดจามาช้านาน
มันบอกว่าข้าชื่ออ้ายย่องตอด เที่ยวเล็ดลอดลืมเรือนเพื่อนสถาน
มาอยู่ถ้ำร่ำเรียนสำเร็จการ เป็นศิษย์ท่านเทวดาวราฤทธิ์
ให้เที่ยวหาสารพัดสัตว์มีเลือด เอาไปเชือดสูบกินกลิ่นโลหิต
ข้ากินเนื้อเสือเหลืองเป็นเนืองนิตย์ ใครฆ่าตีชีวิตไม่วอดวาย
เว้นแต่ตราราหูสู้ไม่ได้ ท่านจับไว้วันนี้ไม่หนีหาย
ได้ลักม้าฆ่ากินเสียสิ้นกาย ให้โฉมฉายใช้ข้าต่างพาชี
จะชักรถลดเลี้ยวเที่ยวถึงไหน จะชักไปเช่นข้ามารศรี
กว่าจะหาม้าได้ไซร้เทวี มาอยู่ที่ถ้ำธารสำราญใจ ฯ
๏ นางโฉมยงทรงฟังให้สังเวช มันถือเพศผีสางต่างวิสัย
พลางปรึกษาว่าใครเห็นเป็นอย่างไร มันจะไปเป็นข้าเหมือนพาชี
แต่วิสัยใจทมิฬมันกินเลือด จะดุเดือดดึงดื้อด้วยถือผี
ประการหนึ่งซึ่งจะพาไปธานี จะย่ำยีหญิงชายให้วายปราณ ฯ
๏ ทั้งสองนางต่างรู้เพราะครูสั่ง จึงว่าครั้งนี้จะได้ใช้ทหาร
จะหาไหนได้เหมือนมันประจัญบาน ใครล้างผลาญชีวันไม่บรรลัย
นี่หากแพ้แต่ตราพระราหู จึงยอมอยู่ด้วยดีจะมีไหน
ทั้งธานีมีศึกจงตรึกไตร จะได้ใช้สังหารผลาญไพริน
ประการหนึ่งซึ่งมาในป่านี้ พระบาลีสอนสั่งหวังถวิล
ว่าโฉมยงนงเยาว์เจ้าแผ่นดิน พบไพรินร้ายหยาบช่วยปราบปราม
แม้นละไว้ให้ผีอยู่ที่ถ้ำ มันจะทำเบียดเบียนเป็นเสี้ยนหนาม
ให้ชี้นำถ้ำใหญ่ยกไปตาม ช่วยปราบปรามพวกผีให้หนีไป ฯ
๏ นางตรัสตอบชอบแล้วลูกแก้วแม่ เหมือนให้แลเห็นทางสว่างไสว
ช่างรอบคอบรู้สว่างมาต่างใจ เหมือนแม่ได้ดวงตาพระบาลี
แล้วเหลียวมาปราศรัยอ้ายย่องตอด มึงได้รอดชีวาแล้วอย่าหนี
ช่วยชักรถอตส่าห์แทนพาชี พาไปที่ถ้ำอยู่ของครูบา
แล้วแต่งองค์ทรงสะพายสายกำซาบ กระบี่ปลาบแปลบวับจับเวหา
ให้พี่น้องสองนั่งในหลังคา นางนั่งหน้าเดินรถดูงดงาม
ทั้งพวกไพร่ใจหาญแกว่งขวานหอก สะอึกออกนำเสด็จไม่เข็ดขาม
ล้วนมีครูรู้ชำนาญการสงคราม บ้างแซงตามซ้ายขวาเป็นตาริ้ว
อ้ายย่องตอดสอดมือเข้าถือแอก ออกแต่แรกเร็วกลมดังลมฉิว
ขึ้นภูเขาเลากามันพาปลิว ทหารหิวหอบวิ่งไม่ทิ้งนาย
ถึงปากถ้ำกลำพันเห็นควันพลุ่ง เป็นฝุ่นฟุ้งพวกผีวิ่งหนีหาย
เสียงครึกครึ้นตื่นแตกต้องแยกย้าย ไม่กล้ำกรายกลัวตราบารมี
พวกโยธาโห่ลั่นสนั่นก้อง เห็นอ้ายย่องตอดนั่งยังไม่หนี
บ้างหยอกยุดฉุดมือว่าชื่อดี พระบุตรีตรัสถามตามสงกา
พวกมึงไปไหนหมดหรือปดเล่น ไยไม่เห็นครูมึงอยู่ในคูหา
อ้ายย่องตอดทอดใจว่าภัยมา เทวดาโดดหนีไม่มีใคร
๏ นางฟังคำซ้ำแลเห็นแต่ศพ ซากสินธพขามังสังยังจำได้
กระดูกหนังยังกลิ้งมันทิ้งไว้ จึงสั่งให้เก็บเข้าเผาอัคคี
จึงปรึกษาว่าเราเข้ามารบ ปีศาจหลบหลีกกลัวเอาตัวหนี
ครั้นว่าไปไกลตาอยู่ธานี กลัวพวกผีมันจะกลับมาจับคน ฯ
๏ ยุพาว่าถ้าพระองค์จะทรงปราบ ให้ราบคาบเขตแคว้นแดนสิงหล
อันพวกผีมิได้เห็นเป็นสกนธ์ จะใช้คนสัประยุทธ์สุดทำนอง
ควรจะหาอารักษ์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสถิตถ้ำเขาเป็นเจ้าของ
เข้าโรมรันกันเองคุ้มเกรงครอง จึงจะต้องตามเล่ห์ประเวณี ฯ
๏ นางกษัตริย์ตรัสตอบชอบแล้วลูก จำจะปลูกศาลสาปไว้ปราบผี
ด้วยตัวเราเจ้าจังหวัดปัถพี จะมอบที่แดนไว้ให้พระกาฬ
แล้วเกณฑ์เหล่าชาวป่าให้หาไม้ ประเดี๋ยวใจปลูกเสร็จสำเร็จศาล
เอาผ้ากรองรองทรงของนงคราญ ทำเป็นม่านมูลี่ที่เทวัญ
เครื่องบูชาสารพัดให้จัดตั้ง ขนมปังเป็ดคู่กับหมูหัน
ทั้งเทียนธูปบุปผาสารพัน กระแจะจันทน์เจิมเสร็จสำเร็จการ ฯ
๏ นางกษัตริย์ตรัสว่าเวลานี้ จะบัตรพลีเทวดารักษาศาล
ถวายกรฟ้อนรำให้สำราญ เจ้าตามมารดาฟ้อนจะสอนไว้
แล้วจัดแจงแต่งสองพี่น้องน้อย ใส่เสื้อสร้อยสอดแซมให้แจ่มใส
นางแต่งองค์ทรงกรองทองประไพ เสด็จไปหน้าศาลลานชลา
ให้ไพร่พร้อมล้อมองค์เป็นวงกว้าง ทั้งสองนางยืนชม้ายทั้งซ้ายขวา
ประโคมแตรแซ่ซ้องกลองลังกา นางวัณฬาทอดกรอ่อนระทวย
แล้วรำร่ายฉายฉะประปรายบาท กะหวัดวาดไว้จังหวะดูสะสวย
สองบังอรฟ้อนตามงามระทวย ดำเนินนวยนาดกายชม้ายเมียง
แล้วร้องบวงสรวงศาลหวานวิเวก ทั้งทุ้มเอกอักษรชะอ้อนเสียง
เครื่องสังเวยเคยถวายไว้รายเรียง ทั้งหมากเมี่ยงมังสาสุราบาน
บุปผาพวงจวงจันทน์คันธรส ทั้งเครื่องสดของเราทั้งคาวหวาน
ขอศักดิ์สิทธิ์ฤทธิรงค์องค์พระกาฬ มาสิงศาลสำหรับช่วยดับร้อน
อันแว่นแคว้นแดนดินที่ถิ่นร้าย ขอถวายเทเวศร์เขตสิงขร
ช่วยคุ้มครองชนชาติราษฎร ให้ถาวรทั่วทั้งเกาะลังกา
แล้วฟ้อนรำคำนับอภิวาท สุราสาดเซ่นถวายทั้งซ้ายขวา
ให้จุดเทียนเวียนโห่เป็นโลกา พอเสียงฟ้าฟาดเปรื่องกระเดื่องดัง
เป็นแสงรุ้งพลุ่งสว่างขึ้นกลางศาล เห็นพระกาฬกายแดงดังแสงครั่ง
รับสังเวยเนยนมขนมปัง ทั้งหน้าหลังลักขณาเหมือนวานร
ครั้นอิ่มหนำอำนวยอวยสวัสดิ์ นางกษัตริย์จงสุโขสโมสร
อันเขตแคว้นแดนป่าพนาดร จะดับร้อนรับปราบที่หยาบคาย
ต่อปีหนึ่งจึงมารำเป็นคำนับ จะคอยรับเครื่องสังเวยเช่นเคยถวาย
แม้ไม่มาสามัญจะอันตราย แล้วก็หายสูญวับไปกับตา ฯ
๏ นางละเวงเกรงกราบไม่หยาบหยาม ขนานนามตามอยู่ที่ภูผา
ชื่อพระกาฬศาลเจ้าชาวลังกา จึงเรียกมาตามกันทุกวันนี้
อันนามถ้ำกลำพันอันอุบาทว์ เกิดปีศาจสาปนามไว้ตามที่
ชื่อว่าเขาเจ้ารำประจำปี ทุกวันนี้ก็ยังเป็นเช่นโบราณ
ถึงเดือนห้าฝรั่งสิ้นทั้งหลาย ไปถวายวันทาบูชาศาล
บ้างบนบานศาลกล่าวเจ้าพระกาฬ ช่วยบันดาลดับร้อนให้ผ่อนเย็น ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช ปราบปีศาจสิ้นทุกข์ที่ขุกเข็ญ
ยังธุระจะประจญกับคนเป็น เห็นจวนเย็นยกทัพขับโยธา
เอาเชือกหนังรั้งท้องอ้ายย่องตอด อย่าให้ลอดลัดไปใต้พฤกษา
มันวิ่งหนักชักเชือกให้ช้าช้า พอโยธาทันรถบทจร
ออกจากดงลงทุ่งกรุงสิงหล พอพบพลพวกตามหลามสลอน
นางกษัตริย์ตรัสถามความนคร แล้วรีบร้อนเข้าเขตนิเวศน์วัง
หยุดประทับรับขุนนางที่ข้างหน้า ทั้งพวกล่าทัพกลับมาคับคั่ง
ขอโทษตัวกลัวตายด้วยพ่ายพัง เพราะกำลังหลับทั่วทุกตัวคน ฯ
๏ นางบัญชาว่าเราไม่เอาผิด ด้วยสุดคิดคั่งคับเข้าสับสน
เขาจุดเผาเราก่อนเราซ้อนกล จนขังคนเขาไว้ได้เมื่อไฟฮือ
พวกเขามีปี่เป่าให้เราหลับ จึงเสียทัพโทษใครจะได้หรือ
จงช่วยกันผันแปรคิดแก้มือ เราไม่ถือโทษาเสนาใน
แล้วถามข่าวราวเรื่องเมืองผลึก ทราบว่าศึกยังอยู่วังที่สร้างใหม่
ไม่ตามตีนี่เพราะว่าสัญญาไว้ นางเข้าใจจึงแกล้งทำเป็นกำชับ
อย่าประมาทราชการท่านทั้งหลาย ศึกไม่วายแต่ละวันนั้นจะดับ
เร่งระดมสมทบไว้รบรับ เร่งกำชับด่านทางอย่าวางใจ
แล้วเล่าความตามแตกต้องแยกย้าย คนทั้งหลายเวทนาน้ำตาไหล
นางเรียกบ่าวชาวป่าด้วยอาลัย มาโปรดให้เสื้อผ้าสารพัน
ทั้งเงินทองสองแพนกแจกชาวบ้าน ทั้งลูกหลานเล็กใหญ่อยู่ไพรสัณฑ์
พวกโยธีดีใจได้รางวัล ต่างพากันกราบก้มบังคมลา
นางสั่งให้อ้ายย่องตอดอยู่ตึกกว้าง เกณฑ์ขุนนางกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรักษา
ให้สูบเลือดเชือดกัดตามอัชฌา กินอูฐลาควายวัวตัวละมื้อ
ถ้าหมูแพะแกะเล่าเก้ากะสิบ มันกินดิบดูเหมือนเช่นเป็นกระสือ
ฝ่ายทหารการศึกได้ฝึกปรือ จะแก้มือเมืองผลึกยังตรึกความ ฯ
๏ พอเสร็จคำร่ำสั่งพระสังฆราช มานั่งอาสน์เอะตะลึงแล้วจึงถาม
ไปเสียทัพอัปราล่าสงคราม ไยงดงามกว่าแต่ก่อนร่อนชะไร
หรือไปรบพบรักจึงหนักหน่วง ไม่ล่อลวงล้างศึกนึกไฉน
ดูผ่องขาวราวกับจิตสนิทใน หรือกลับใจเลโลเพราะโลกีย์ ฯ
๏ นางละเวงเกรงกราบไม่หยาบหยาม แล้วเล่าความตามรบจนหลบหนี
แต่ไม่บอกออกว่าเธอพาที กลัวเป็นที่กินแหนงแคลงฤทัย
เล่าแต่ความตามได้กินดินถนัน จึงผิวพรรณผุดละอองให้ผ่องใส
พลางเชือดชิ้นดินถนันออกทันใด ถวายให้พระฉันแล้ววันทา
ทำถามลองของนี้กินดีนัก ไม่รู้จักต้นรากหลากหนักหนา
บาทหลวงดูรู้ความตามตำรา จึงบอกว่าของอยู่ในใต้แผ่นดิน
กำหนดนั้นพันปีผุดทีหนึ่ง เสียงดังตึงแตกฟุ้งจรุงกลิ่น
เกิดตรงไหนไอเหงื่อเหมือนเกลือกิน พื้นแผ่นดินก็เป็นโป่งขึ้นตรงนั้น
มนุษย์เราชาวเมืองเรียกเกลือโป่ง เพราะปล่องโปร่งเปลวกลิ่นดินถนัน
ได้ผลกินกลิ่นเนื้อเหมือนเจือจันทน์ บอกแล้วฉันชิมหวานสำราญใจ ฯ
๏ ในขณะพระกำลังยังนั่งพูด พอมีทูตถือสารมาขานไข
เป็นข้อความตามธุระพระอภัย แต่ไม่ให้สารสำคัญนั้นเข้ามา
นางรู้แจ้งแกล้งสั่งให้ยั้งหยุด บาทหลวงสุดสงสัยจึงให้หา
ต้องตามคำนำทูตเข้าวันทา แล้วเปิดตรากล่องลานออกอ่านความ ฯ
๏ ในสาราว่าพระองค์ทรงสวัสดิ์ สืบกษัตริย์ศาสนาภาษาสยาม
มาหยุดยั้งฝั่งสมุทรหยุดสงคราม เพราะมีความเสน่หาให้อาวรณ์
คิดถึงวันสัญญาเวลาดึก มิได้นึกแหนงหน่ายสายสมร
เจ้าลับเนตรเชษฐานิราจร ถึงยามนอนนึกสะอื้นทุกคืนวัน
คิดถึงคำร่ำว่าต้องหย่าทัพ ไม่ลืมรับขวัญน้องประคองขวัญ
มิรู้สิ้นกลิ่นเนื้อเหมือนเจือจันทน์ สารพันพิศวาสเพียงบาดตา
ถึงอยู่ไกลใจนึกรำลึกถึง เปรียบเหมือนหนึ่งแนบชิดขนิษฐา
แม้นตัวตายหมายจะฝังไว้ลังกา แม่วัณฬาละฉันให้รัญจวน
หรือลืมคำทำสัตย์มธุรส เกินกำหนดนึกคอยละห้อยหวน
จะหน่ายแหนงแคลงใจก็ไม่ควร หรือประชวรจะมาพยาบาล
ขอขึ้นบกยกตามทรามสวาท พอชมราชนิเวศน์เขตสถาน
จะทำสัตย์มธุรสพจมาน ตามโบราณร่วมจังหวัดปัถพี
ไม่รบพุ่งมุ่งหมายทำลายล้าง จะสืบสร้างเสนหามารศรี
แม่เหมือนเพชรเม็ดเท่าเขาคิรี แม้นไม่มีเรือนทองก็หมองนวล
ถึงมียศงดงามแต่ยามตื่น ไม่แช่มชื่นเช่นเจ้าของครองสงวน
งามละม่อมจอมขวัญอย่ารัญจวน จงคิดควรคำสารที่อ่านเอย ฯ
๏ นางฟังความหวามไหวฤทัยหวั่น ให้อ้นอั้นอายเอกเขนกเฉย
บาทหลวงว่าข้าคิดไม่ผิดเลย แต่พอเอ่ยออกก็เป็นเห็นไรฟัน
จะคิดรักกันอย่างไรเจ้าไม่บอก ทำย้อนยอกเกกมะเหรกพูดเสกสรร
มาปดเล่นเป็นสนุกทุกคืนวัน เมื่อรักกันแล้วก็นางมาพรางพระ ฯ
๏ ยุพยงทรงฟังพระสังฆราช เชิงฉลาดไหว้ว่าสาธุสะ
อันทำศึกนึกจะได้ชัยชนะ มิใช่จะจงใจเป็นไมตรี
แต่จวนตัวกลัวกำลังจะพลั้งเพลี่ยง จึงหลีกเลี่ยงลวงล่อแต่พอหนี
ประการหนึ่งซึ่งมีหูอยู่อย่างนี้ จะหนีปี่เห็นไม่ได้จนใจจริง ฯ
๏ บาทหลวงว่าข้าไม่บอกไว้ดอกหรือ สัญชาติชื่อว่าผู้ชายตายเพราะหญิง
จนของ้อของอนถึงวอนวิง ราวกับวิ่งเข้าวานสังหารกาย
แม้มิรักหนักหน่วงทำลวงล่อ ขึ้นขี่คอเล่นก็ได้ดังใจหมาย
รูปก็รู้อยู่วิสัยใจผู้ชาย มันหลงตายติดกับเหมือนหลับตา
อันลมปี่ดีแต่เพราะเสนาะหู ที่จะสู้ลมปากยากหนักหนา
แต่ความรักมักจะออกกระบอกตา จะเป็นข้าพวกเขาชาวชมพู
แล้วลุกเดินเมินหน้าออกมาวัด นางกษัตริย์แสนสลดนึกอดสู
จึงแกล้งว่าข้าเฝ้าเล่าก็รู้ เรารบสู้เสียทีจึงหนีมา
อันแยบยลกลศึกย่อมลึกซึ้ง คิดไม่ถึงท่านว่ารักเขาหนักหนา
เป็นพระเจ้าเราไม่ขัดอัธยา จะตรึกตราตอบความตามทำนอง
จงเลี้ยงดูผู้ถือหนังสือสาร ให้ทหารคุมขังไว้ทั้งผอง
แล้วนางพานารีทั้งพี่น้อง เข้าสู่ห้องมนเทียรวิเชียรพราย ฯ
๏ ระทวยองค์ลงบนแท่นแสนระทด โศกกำสรดทรวงกรมไม่สมหมาย
จำจะคิดปิดความตามอุบาย ให้หญิงชายเชื่อสิ้นไม่กินใจ
แล้วโฉมยงทรงประดิษฐ์คิดอักษร เป็นกาพย์กลอนกล่าวแกล้งแถลงไข
ลงแผ่นทองกล่องปิดผนิดไว้ ครั้นเช้าให้หาทูตมาพูดจา
หนังสือตอบมอบหมายว่านายท่าน ซึ่งแต่งสารแสนเสนาะเพราะหนักหนา
แม้เหมือนคำรำพันซึ่งสัญญา จะเห็นว่ารักใคร่เป็นไมตรี ฯ
๏ ฝ่ายทูตจำคำนับแล้วรับสาร ต่างก้มกรานกราบลามารศรี
เรียกบ่าวออกนอกประตูพระบูรี ตามวิถีทางมาได้ห้าวัน
ถึงกองทัพยับยั้งอยู่วังใหม่ ตรงเข้าไปหน้าที่นั่งนรังสรรค์
ถวายสารกรานก้มบังคมคัล แล้วรำพันทูลความตามกิจจา ฯ
๏ พระอภัยให้อ่านสารอักษร ว่าอวยพรภูวเรศพระเชษฐา
เมื่อแรกองค์ทรงธรรม์ได้สัญญา ว่าจะฆ่าลูกเมียไม่เสียดาย
ทั้งมิให้พี่น้องมาข้องกีด จะเข้ารีตร่วมจิตที่คิดหมาย
เหตุไฉนไม่ล้างให้วางวาย มากลับกลายกล่าวความเอาตามใจ
แม้มิจริงสิ่งสัตย์สะบัดสบถ ไม่ละลดเลยพระองค์อย่าสงสัย
จะสู้รบขบฟันจนบรรลัย ไม่ขอไปเป็นข้านางมาลี
แม้พระองค์ทรงสัตย์สันทัดเที่ยง จะโลมเลี้ยงแล้วไม่อางขนางหนี
ให้เห็นจริงสิ่งสัตย์สวัสดี ไม่มีที่กีดขวางเหมือนอย่างนั้น
จะได้ไปคำนับอภิวาท เชิญพระบาทบรเมศวร์มาเขตขัณฑ์
เป็นปิ่นเกล้าสาวสุรางค์นางกำนัล ล้วนเลือกสรรสาพิภักดิ์พนักงาน
จะงามหน้าพาน้องให้ผ่องแผ้ว เหมือนฉัตรแก้วกั้นเกศประเทศสถาน
ทุกค่ำเช้าเฝ้าประณตบทมาลย์ คอยอยู่งานนวดฟั้นให้บรรทม
ถ้าเมตตาสารพัดไม่ขัดข้อง เสน่ห์น้องนึกไว้ให้ได้สม
จะนั่งแนบแอบองค์ให้ทรงชม พึ่งพระร่มโพธิ์ทองของน้องเอย ฯ
๏ พระอภัยได้ยินสิ้นสติ มิได้ปริโอษฐ์เอกเขนกเขนย
ศรีสุวรรณนั้นว่ารักจักเป็นเตย คนเขาเคยเข็ดสิ้นลิ้นลังกา
มะม่วงมันจันทน์อินลูกลิ้นจี่ จะกินดีกว่าฝรั่งกระมังหนา
แม้ขืนจิตติดพันนางวัณฬา จะต้องฆ่าคนตายลงก่ายกัน
พระเชษฐาว่าเปล่าดอกเจ้าพี่ ความทั้งนี้นางเอกแกล้งเสกสรร
กลศึกลึกล้ำล้วนสำคัญ แม้ไม่ทันตรึกตราจะว่าจริง
ทั้งแต่งแต้มแนมเหน็บล้วนเล็บเขี้ยว เราก็เกี้ยวลูกเสือเหลือผู้หญิง
จะยุดหางร่างกลอนเฝ้าวอนวิง คงจะกลิ้งลงสักวันหนึ่งมั่นคง ฯ
๏ ศรีสุวรรณครั้นจะตัดก็ขัดข้อง ตัวเป็นน้องต้องตอบความไปตามหลง
อันน้องนี้มิได้คลาดบาทบงสุ์ ถึงพระองค์จะเชือดเอาเลือดเนื้อ
จะควักล้วงดวงใจก็ไม่ว่า จะหลับตาตายก่อนนอนให้เถือ
ถ้าพระองค์สงสารกับว่านเครือ อย่าชิดเชื้อช่วงชิงผู้หญิงพาล
อันพาราฝรั่งทั้งทวีป จะเร่งรีบรบรับแต่กับหลาน
มิได้เมืองเคืองขาดราชการ จึงล้างผลาญชีวันให้บรรลัย
จะยกทัพนับโกฏิมาเกี้ยวชู้ ใครจะสู้ส่งลำเลียงเสบียงไหว
จะอ้อยอิ่งวิงวอนจนอ่อนใจ เห็นพวกไพร่จะผอมโซเพราะโลกีย์ ฯ
๏ สินสมุทรพูดจาประสาจิต แม้ไม่คิดรบพุ่งเอากรุงศรี
จะบวชเข้าเอาบุญเป็นมุนี ไปอยู่ที่เกาะแก้วเสียแล้วกัน
อยู่ที่นี่อีละเวงเก่งกว่าเสือ จะฉีกเนื้อเลี้ยงชู้เช่นหมูหัน
แม้นโปรดให้ไปรบจะขบฟัน เที่ยวห้ำหั่นเสียให้สิ้นลิ้นลังกา ฯ
๏ พระอภัยไม่พูดกับโอรส ด้วยทรงยศเธอยังรักเขาหนักหนา
แต่เกรงน้องข้องขัดหัทยา จึงแกล้งว่าพี่ก็ไม่อาลัยมัน
หมายจะล่อพอให้รักไม่พักรบ ได้พิภพโภไคมไหศวรรย์
เมื่อเจ้าเห็นเป็นว่าจะช้าวัน จะช่วยกันสงครามก็ตามใจ
พี่จะช่วยกำกับเป็นทัพหลัง แต่จะสั่งสัญญาอัชฌาสัย
ถ้าได้ทีตีกระทั่งถึงวังใน ใครอย่าได้ฆ่าฟันนางวัณฬา
ด้วยเดิมทีพี่เขากับเรานั้น เหมือนพงศ์พันธุ์ผูกรักกันหนักหนา
จะปราบปรามตามทำนองของน้องยา แต่อย่าฆ่าคิดล้างให้วางวาย ฯ
๏ ศรีสุวรรณอัญชลียินดีสุด สินสมุทรกราบก้มด้วยสมหมาย
ต่างทูลลาพาพราหมณ์ทั้งสามนาย มาหน้าค่ายคิดกันปันโยธา
ศรีสุวรรณให้พราหมณ์สามมานพ เดินบรรจบโจมจับเป็นทัพหน้า
สินสมุทรยังอ่อนหย่อนปัญญา คุมโยธาทัพหนุนเป็นขุนพล
ศรีสุวรรณนั้นกำกับเป็นทัพหลวง ล้วนรู้ท่วงทีศึกได้ฝึกฝน
ได้ฤกษ์สมลมตกให้ยกพล แต่ล้วนคนขี่ม้าถืออาวุธ
ทั้งสามพราหมณ์สามทัพให้รับโห่ สำเนียงโร่เรื่อยหูไม่รู้หยุด
ทั้งทัพหนุนขุนพลรณยุทธ์ สินสมุทรขี่สิงห์วิ่งทะยาน
ศรีสุวรรณนั้นทรงรถที่นั่ง เป็นทัพหลังลมตกยกทหาร
แต่องค์พระอภัยใจสำราญ ดึกประมาณสามยามยกตามไป ฯ
๏ ฝ่ายทัพหน้าสานนให้คนบอก ชาวบ้านนอกทุกตำแหน่งแถลงไข
ใครไม่สู้อยู่บ้านสำราญใจ เรามิได้ย่ำยีอย่าหนีเลย
แล้วเร่งทัพขับพลอลหม่าน พวกชาวบ้านหญิงชายสบายเฉย
ชวนพูดจาการุญเหมือนคุ้นเคย จนทัพเลยล่วงมาถึงป่าตาล ฯ
๏ จะกลับกล่าวชาวเมืองที่เลื่องชื่อ มีฝีมือแม่นยำรู้รำขวาน
ชื่ออิเรนเจนประจญคนโบราณ รักษาด่านชั้นนอกเป็นคอกเนิน
ริมวิถีมีลำแม่น้ำกว้าง ทั้งสองข้างโขดดอนสิงขรเขิน
เป็นร่องกลางทางเซาะจำเพาะเดิน มีเชิงเทินรายรอบขอบบุรี
ท่านเจ้าเมืองเลื่องชื่อนั้นถือขวาน เป็นทหารเอกอาจดังราชสีห์
มีลูกสาวขาวล้ำดังสำลี อายุยี่สิบสลวยสวยโสภา
ไม่มีผัวกลัวที่จะมีลูก ต้องกินหยูกยาฝาดไม่ปรารถนา
อยากทำศึกฝึกหัดเพลงศัสตรา จนปรีชาเชิงรบรู้ครบครัน
เมื่อคราวศึกลึกซึ้งมาถึงด่าน กรมการเกณฑ์ตรวจกันกวดขัน
ฝ่ายอิเรนเกณฑ์ทหารชาญฉกรรจ์ กปิตันให้ไปตั้งหลังบรรพต
มูรหุ่มคุมทหารอยู่ชานเขา แต่ล้วนเหล่าโยธาขี่ม้าหมด
บังอลูอยู่ลำแม่น้ำคด คอยกำหนดสงครามทั้งสามทัพ
ถ้าไพรีตีมาถึงหน้าด่าน ออกต่อต้านตีตัดสกัดจับ
พวกเหลือซ้ำสมทบเข้ารบรับ ให้ย่อยยับอยู่ที่ด่านปราการกัน
สามขุนนางต่างรับบังคับสั่ง ยกไปตั้งตามตำแหน่งล้วนแข็งขัน
กองละหมื่นปืนผาสารพัน แล้วเกณฑ์กันเตรียมนั่งระวังคอย
ฝ่ายอิเรนเกณฑ์ปลัดให้จัดทัพ ไปรบรับลับล่อแต่พอถอย
พาทหารหนุ่มฉกรรจ์สามพันร้อย ออกตั้งคอยขับทหารเข้าราญรอน ฯ
๏ ฝ่ายทัพพราหมณ์สามนายถึงท้ายด่าน เข้าดงตาลตามทางหว่างสิงขร
พอพบกับทัพปลัดอัสดร ให้หยุดหย่อนโยธาแล้วพาที
อันทัพเราชาวผลึกไม่นึกร้าย ด้วยเจ้านายปรองดองทั้งสองศรี
จะบำรุงกรุงไกรเป็นไมตรี ไม่ย่ำยีอย่ามาขวางหนทางเรา ฯ
๏ ฝ่ายปลัดขัดใจว่าอ้ายเด็ก ล้วนเล็กเล็กลำตัวเท่าหัวเหา
กูหัวหงอกหลอกกูไม่ดูเงา จะเล่นเจ้าเสียให้ยับลงกับมือ
แม้ไมตรีคงมีให้เบิกด่าน ราชการแล้วก็กูไม่รู้หรือ
เหวยพวกเราเอาสิหวาอย่าละมือ ทหารฮือหวนกลุ้มเข้ารุมรบ
สามพราหมณ์รับขับไพร่ไล่พิฆาต เสียงฉะฉาดฉาดฉับกลับตลบ
เจ้าโมราพาโยธีเขาตีรบ ฝรั่งหลบหนีน้อยแล้วถอยรั้ง
ทั้งสามพราหมณ์ตามตีถึงที่ซุ่ม มันออกรุมรบอ้อมเข้าล้อมหลัง
บังอลูมุ่งหมายให้พ่ายพัง สะท้านทั้งสองฝ่ายตายระเนน
ถึงโจมจับสัประยุทธ์อาวุธสั้น ต่างแทงฟันพุ่งหอกบ้างกลอกเขน
พราหมณ์วิเชียรเรียนรู้ธนูเจน จึงเอี้ยวเอนยิงมาลีกปีตัน
จำเพาะถูกลูกตาข้างขวาซ้าย ตกม้าตายแต่ปลัดสกัดกั้น
ยิงปลัดปัดตบหลบไม่ทัน ถูกหูหันหกคะเมนถึงเวรตาย ฯ
๏ เจ้าเมืองเห็นแผ่นขึ้นนั่งบนหลังสิงห์ ควบเข้าชิงรบไล่ไพร่ทั้งหลาย
แล้วแกว่งขวานผลาญพหลพลนิกาย วิเชียรหมายมุ่งเพ่งเขย่งยิง
มันหลบทันลั่นทีละสี่ลูก ไม่ยักถูกแต่สักทีทั้งขี่สิงห์
คอยคาบคีบหนีบรับเหมือนกับลิง แล้วกลับวิ่งเหวี่ยงขวานเข้าราญรบ
ดูเร็วรวดหวดหันเข้าฟันฟาด แต่ถูกพลาดพราหมณ์วิเชียรเจียนสลบ
สลัดโผนโจนวิ่งทิ้งสินธพ ทหารรบรุมจับแทบอับจน
เจ้าสานนโมราก็ล่าหนี มันตามตีกลอกกลับอยู่สับสน
ต้องสู้พลางหนีพลางมากลางพล พวกพหลพัลวันสนั่นอึง ฯ
๏ วันนั้นพอหน่อนรินทร์สินสมุทร ไม่ยั้งหยุดโยธารีบมาถึง
เห็นทัพสามพราหมณ์แตกวิ่งแหกอึง พอทันจึงโอบอ้อมเข้าล้อมรบ
เร่งโยธีตีพลางไปกลางทัพ แล้วเลี้ยวกลับขวาซ้ายไล่ตลบ
ฝรั่งรับทัพแขกแตกกระทบ พอพานพบพวกทัพจับเจ้าพราหมณ์
ควบสิงโตโฮโฮกกระโชกไล่ ชิงมาได้ด้วยกำลังสิ้นทั้งสาม
อิเรนแรงแกว่งขวานทะยานตาม กระโจมจามจ้วงฟันประจัญบาน ฯ
๏ สินสมุทรหยุดพราดฟาดภุขัน มันหลบทันโถมถลาเข้าคว้าขวาน
ดูขวักไขว่ไล่โลดโดดทะยาน สิงโตหาญโฮกฟัดเข้ากัดกัน
คนต่อคนบนหลังกำลังรบ สิงโตตบเต้นโลดกระโดดหัน
วิเชียรพราหมณ์ความแสนแค้นขบฟัน ยิงเกาทัณฑ์ถูกตาเจ้าธานี
พลัดตกสิงห์วิ่งโผนโจนขึ้นม้า มือยังคว้าขวานรบไม่หลบหนี
เจ้าพราหมณ์พร้อมล้อมหลังประดังตี มันขว้างตรีหลบได้ไล่ติดพัน ฯ
๏ ฝ่ายลูกสาวคราวนั้นอยู่หน้าป้อม เห็นเขาล้อมบิดาจะอาสัญ
ถอดกระบี่ตีม้าวิ่งมาทัน เข้าฟาดฟันพลแยกแตกกระจาย
เจ้าโมราสานนประจญจับ นางรบรับรื้อไล่ไพร่ทั้งหลาย
พออิเรนเห็นบุตรสุดเสียดาย เข้าสู้ชายกลัวจะแพ้เข้าแก้กัน
พอฝรั่งบังอลูมูรหุ่ม เข้ารบรุมห้อมนายให้ผายผัน
เข้าด่านได้ไพร่ตายเสียหลายพัน แล้วไล่กันขึ้นล้อมป้อมปราการ
ฝ่ายผู้เฒ่าเจ้าเมืองเคืองจักษุ แตกประทุหมอทายาสมาน
ไม่กลัวตายวายชนม์สู้ทนทาน เที่ยวตรวจการเกณฑ์ทัพไม่หลับนอน ฯ
๏ ฝ่ายสินสมุทรกับสามเจ้าพราหมณ์พร้อม เข้าตั้งล้อมเมืองด่านชานสิงขร
จึงบอกข่าวเล่าการที่ราญรอน ให้รีบร้อนไปยังพระอนุชา
พอพลบค่ำย่ำฆ้องทุกกองทัพ ตรวจกำกับเกณฑ์รายทั้งซ้ายขวา
บ้างตีเกราะเคาะฆ้องกลองสัญญา ต่างตรวจตราเตรียมรบไว้ครบครัน ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายนายทหาร รักษาด่านเดินตรวจกันกวดขัน
เห็นเจ้าเมืองเคืองตาปรึกษากัน ศึกสำคัญควรจะบอกอย่าออกรบ
แม้โฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช แต่งอำมาตย์หมื่นพันมาบรรจบ
จึงจัดแจงแต่งกันให้ครันครบ ออกราญรบรอนราญผลาญไพรี ฯ
๏ ฝ่ายผู้เฒ่าเจ้าเมืองเคืองตะคอก อย่าเพ่อบอกเฟื่องฟุ้งถึงกรุงศรี
เราเป็นชายฝ่ายเจ้าเป็นสตรี ชีวิตมีมิให้องค์ออกสงคราม
อายุเราเล่าก็จวนหกสิบห้า ถึงแม้ว่าวายวางลงกลางสนาม
สู้บรรลัยไว้ชื่อให้ลือนาม จะสงครามปล่อยแก่พอแก้อาย
แม้เราม้วยช่วยตัดศีรษะไว้ เอาขึ้นไปลังกาวันทาถวาย
อย่าให้เขาเอาไปทำให้ซ้ำร้าย เรานึกอายเหลือล้นพ้นประมาณ
อนึ่งเล่าเขามาล้อมอยู่พร้อมพรั่ง เปรียบเหมือนดังโรคตัดอัติสาร
จะวางยาแม้มิหายคงวายปราณ แม้เสียด่านก็เหมือนดังเสียลังกา
อันไพรีมีชัยใจประมาท จะคิดคาดว่าเราแพ้แน่หนักหนา
คงลืมตัวมัวเมาเลี้ยงเหล้ายา เกณฑ์โยธาห้าหมื่นคืนวันนี้
มันยกมาล้าเลื่อยล้วนเหนื่อยอ่อน คงจะนอนหลับมากเหมือนซากผี
กำหนดสามยามสงัดกำดัดดี ให้โยธีแยกยกเป็นหกทัพ
มูรหุ่มคุมทหารเข้าด้านซ้าย ข้างขวาฝ่ายบังอลูเข้าจู่จับ
หัศเกนเจนจบเข้ารบรับ สมทบกับมะลิปาสารวัด
อ้ายยันตังอังกฤษลูกศิษย์เอก ดำดังเมฆแม่นขวานอาจารย์หัด
ให้ติดตัวอยู่ข้างหลังแล้วสั่งนัด เราตายตัดเอาศีรษะอย่าละไว้
แล้วรอรั้งสั่งบุตรสุดสวาท อย่าองอาจออกมาอัชฌาสัย
อยู่ตรวจตราว่าขานการข้างใน เผื่อพวกไพรีมาได้ราวี
แม้พ่อตายภายหลังจะสั่งเจ้า จงไปเฝ้านางวัณฬามารศรี
สาพิภักดิ์รักกษัตริย์สวัสดี จะได้มีเกียรติยศปรากฏไป
นางรำภาสะหรีได้ฟังสอน กราบบิดรวอนห้ามตามสงสัย
ท่านป่วยตาอย่าเพ่อวิ่งไปชิงชัย อิเรนไม่ฟังคำว่าจำเป็น ฯ
๏ ฝ่ายโยธีศรีสุวรรณมาทันหลาน ปรึกษาการกลศึกก็นึกเห็น
อย่าประมาทชาติฝรั่งแม้นยังเป็น คงเคี่ยวเข็ญคิดอ่านมาราญรอน
แม้มีศึกดึกดื่นทำตื่นหนี ให้ศึกตีตามออกนอกสิงขร
พี่โมราสานนพลนิกร จงยกย้อนทางมาข้างขวาซ้าย
พวกทมิฬสินสมุทรจงหยุดยั้ง อยู่โอบหลังล้อมไว้เหมือนใจหมาย
ตีตะพัดตัดหัวเอาตัวนาย แล้วทำลายประตูเข้าบูรี
ทั้งสี่ทัพรับสั่งไม่พลั้งพลาด บอกประกาศพลรบอย่าหลบหนี
ให้ไพร่พร้อมล้อมนั่งสั่งคดี แกล้งหยุดตีฆ้องกลองรากองไฟ ฯ
๏ ฝ่ายอิเรนเกณฑ์ทัพไว้คับคั่ง คอยตรับฟังข้าศึกนึกสงสัย
เสียงโกร่งเกราะเคาะขานก็หายไป ทั้งแสงไฟโซมซาบลงครามครัน
กำดัดดึกนึกว่าโยธาหลับ ให้กองทัพถือชุดอาวุธสั้น
เข้าปนปะจะได้เห็นเป็นสำคัญ ก็พร้อมกันยกออกนอกกำแพง
แต่เจ้าเมืองเคืองตาอุตส่าห์หลับ ออกกำกับกองหน้าให้กล้าแข็ง
ถึงทัพล้อมพร้อมกันไล่ฟันแทง ถูกขาแข้งแขนคอมรณา
ที่ไม่หลับจับเครื่องสรรพาวุธ อุตลุดลุกโลดโดดถลา
ต่างตามนายหมายมั่นเหมือนสัญญา พวกโยธาทำแตกแยกกันไป
ข้างชาวด่านหาญฮึกเห็นศึกหนี เข้าโจมตีติดพันเสียงหวั่นไหว
พวกกองทัพรับพลางไปกลางไพร ถึงทัพใหญ่ได้ทีศรีสุวรรณ ฯ
๏ สินสมุทรหยุดยกเข้าวกหลัง สกัดตั้งประตูป่าพนาสัณฑ์
วิเชียรขับทัพหลังตั้งประจัญ ฆ้องสำคัญขานโห่เป็นโกลา
เจ้าโมราพาทหารเข้าด่านซ้าย สานนนายอ้อมทางเข้าข้างขวา
ต่างยิงปืนยืนยันเป็นสัญญา ขับโยธาแทงฟันประจัญบาน ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งบังอลูมูรหุ่ม เดิมนั้นคุมทัพแยกก็แตกฉาน
เข้าสมทบรบมาถึงป่าตาล พอทหารหุ้มห้อมเข้าล้อมทัพ
ทั้งอิเรนเห็นผิดคิดสะดุ้ง พอจวนรุ่งเรียกไพร่จะให้กลับ
สินสมุทรจุดคบเข้ารบรับ ทั้งสามทัพได้ทีตีกระทบ ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งตั้งมั่นประจัญสู้ พอเช้าตรู่กราวเกรียวเลี้ยวตลบ
พิลึกลั่นครั่นครื้นพื้นพิภพ ด้วยเสียงรบซ้อนซุ่มตะลุมบอน
พลผลึกฮึกหาญผลาญฝรั่ง ตายเหมือนดังดินกลิ้งริมสิงขร
อิเรนแรงแกว่งขวานเข้าราญรอน จนเหนื่อยอ่อนไม่ระอาอุตส่าห์ทน
ทั้งตัวถูกลูกธนูดังพู่ห้อย โลหิตย้อยหยดชุ่มทุกขุมขน
ออกเอิบอาบซาบเสื้อจนเหลือทน เห็นไม่พ้นพวกทัพจะจับเป็น
เรียกอังกฤษศิษย์สั่งให้ตัดหัว ศีรษะตัวอย่าให้ผู้ใดเห็น
อ้ายยันตังฟังว่าน้ำตาประเด็น แต่จำเป็นจำทำด้วยจำใจ
เฝ้าอิดเอื้อนเตือนหนักชักกระบี่ ออกตัดศีรษะเชือดจนเลือดไหล
คลี่เช็ดหน้าผ้าห่อผูกคอไว้ แล้วคว้าได้ขวานครูเป็นคู่มือ
เผ่นขึ้นนั่งหลังม้าพาทหาร มันแกว่งขวานขว้างเหวี่ยงเสียงออกหวือ
ทะลวงไล่ไพร่แตกวิ่งแหกฮือ เสียงอึงอื้อออกไปพ้นแต่คนเดียว
ทหารอื่นฝืนฝ่ามาไม่รอด มันยืนทอดใจใหญ่ให้เปล่าเปลี่ยว
แล้วหวนกลับขับพาชีสีกะเลียว ไม่ลดเลี้ยวเลยกระทั่งถึงลังกา ฯ
๏ ฝ่ายพวกทัพจับพลได้ล้นเหลือ ได้หมวกเสื้อนับหมื่นทั้งปืนผา
เจ้าสานนคนชำนาญผลาญมาตา เจ้าโมราฆ่าฝรั่งบังอลู
เจ้าวิเชียรฆ่ามูรหุ่มตาย พลทั้งหลายอ่อนจิตไม่คิดสู้
พวกผลึกไล่หลังอยู่พรั่งพรู กระโจมจู่ฟันฆ่าชีวาวาย
ทั้งสามพราหมณ์ตามมาถึงหน้าด่าน ให้ประจานศพฝรั่งสิ้นทั้งหลาย
พวกนายหมวดสั่งพหลพลนิกาย เอาศพนายเสียบเรียงไว้เคียงกัน
แล้วร้องเย้ยว่าเหวยอ้ายชาวด่าน ใครรอนราญกูจะฆ่าให้อาสัญ
ใครไม่สู้กูจะโปรดซึ่งโทษทัณฑ์ จงช่วยกันเปิดประตูให้กูไป ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ