ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา

๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ล่วงลีลาศตามวารินกระสินธุ์สาย
อัศวราชอาจหาญทะยานกาย มาตามสายสาคโรอโนมาน
ชมละเมาะเกาะแก่งทุกแห่งหน ในสาชลคลื่นซัดเสียงฉัดฉาน
ฝูงปลาร้ายว่ายวนตามชลธาร เหลือประมาณมากมายมีหลายพันธุ์
มาเดือนครึ่งถึงละเมาะที่เกาะขวาง ดูใหญ่กว้างแลไปดั่งไพรสัณฑ์
มีกำแพงล้อมรอบเป็นขอบคัน สารพันตึกรามงามวิไล
ด้วยอำนาจยักขินีมันนีมิต เข้าดลจิตคนหลงไม่สงสัย
ให้เห็นเป็นถิ่นฐานสำราญใจ แวะเข้าไปจับกินสิ้นเภตรา
ฉีกขาแข้งแย่งชิงกันสูบเลือด เอามีดเชือดกินเล่นเป็นภักษา
ต่อนานนานเรือซัดพลัดเข้ามา มันมารยาทำอุบายให้ตายใจ
มันลงมาเดินไขว่อยู่ชายหาด ใครขัดขาดข้าวปลามันหาให้
แม้นหลงอยู่ผู้นั้นก็บรรลัย มันลอบไปหักหางเสือให้เรือโคลง
แล้วลงน้ำดำเข้าไปไชกำปั่น พอเรือนั้นจมโลดกระโดดโหยง
ปีนขึ้นได้ไล่ตีหักซี่โครง วิ่งตะโกรงลากขึ้นฝั่งไม่รั้งรอ
แม้นเรือซัดพลัดไปมิได้กลับ มันหลอกจับกินทั้งเรือไม่เหลือหลอ
อ้ายพวกเปรตเศษยักษ์คอยหักคอ มิให้หลอเหลือไปได้สักคน ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ล่วงลีลาศแถวทางมากลางหน
เกือบจะถึงยักขินีที่ตำบล เห็นผู้คนไรไรยังไกลตา
อัสดรถอนถีบแล้วรีบรัด ใกล้จังหวัดเกาะขวางกลางมหา
ยักขินีดีใจเห็นใกล้มา คนกับม้ามาให้กินต่างยินดี
แล้วกวักมือพูดจาประสาแขก บ้างร้องแรกว่าจะไปในวิถี
จงหยุดก่อนอย่าเพิ่งไปภัยจะมี ยักขีนีมันลงมาจับปลาวาฬ
เราเอนดูท่านดอกจะบอกให้ มันลงไล่จับมัจฉาเป็นอาหาร
สักครู่ใหญ่จึงค่อยไปให้สำราญ ไม่ต้องการจะให้เกิดจลาจล ฯ
๏ ฝ่ายสุดสาครอาวรณ์หวัง อาจารย์สั่งกับแขกกล่าวเล่านุสนธิ์
ก็ต้องกันกับท่านแจ้งแห่งยุบล นี่เมืองคนเขามาว่าด้วยปรานี
จำจะแวะเข้าไปถามได้ความถ้อย จึ่งจะค่อยรีบไปในวิถี
ดูบ้านเมืองเขามาตั้งฝั่งนที เห็นจะมีไทท้าวเจ้านคร
พระตรึกพลางทางชักม้าที่นั่ง ขึ้นบนฝั่งชายชลาหน้าสิงขร
ชมประเทศเขตแคว้นแดนนคร พระภูธรตรงเข้าไปในศาลา
ยักขินีผีเปรตเหล่าเพศแขก ทำให้แปลกนั่งลงส่งภาษา
แล้วไต่ถามตามกลมารยา ไปไหนมาแจ้งข้อข้าขอฟัง ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์พงศ์กษัตริย์ไม่สงสัย จึ่งเล่าไปโดยประสงค์จำนงหวัง
เรามาจากนักสิทธ์ไม่ปิดบัง ให้มันฟังแต่ต้นไปจนปลาย
ยักขินีดีใจเห็นได้ช่อง ตะโกนก้องเรียกกันให้ผันผาย
หวังจะจับกินให้งามตามสบาย อ้ายตัวนายถือพร้ามาหน้าพล
พวกบ่าวไพร่ถือไม้เหน็บพร้าโต้ แล้วร้องโห่ขู่คำรามขึ้นสามหน
กรูกันเข้าล้อมแน่นสักแสนคน พวกไพร่พลแลบลิ้นบ้างปลิ้นตา
น้ำลายไหลหมายจะกินให้สิ้นซาก กำลังอยากโลดเต้นเผ่นถลา
กูนี้คือยักขินีมีศักดา จะกินม้ากินคนหลงหนทาง
แม้นรักตัวกลัวตายจงส่งม้า ให้กูฆ่ากินเล่นอย่าขัดขวาง
ขืนดื้อดึงจะถึงชีวาวาง ทั้งคนม้ากูจะล้างไม่ฟังความ ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ไม่ขยาดเกรงฤทธิ์ไม่คิดขาม
จึ่งว่าเหวยยักขินีผีตะกลาม มึงลวนลามหลอกกูไม่รู้กล
ทำพูดจาปรานีแล้วชี้บอก มึงเคยหลอกกินใครได้กี่หน
ยักขินีกู่ก้องร้องคำรน กูกินคนในเภตราเสียกว่าพัน
ม้ากับมึงหน่อยหนอไม่พอเคี้ยว อย่าบิดเบี้ยวยอกย้อนพูดผ่อนผัน
เหวยอ้ายพวกเสนาเอาพร้าฟัน ทั้งขามันขาม้าคร่าเอาตัว
ยักขินีชี้มือแล้วชักพร้า วิงถลาหลอนหลอกบ้างกลอกหัว
อ้ายนายใหญ่โลดเต้นทำเล่นตัว ทั้งกลอกหัวแลบลิ้นแล้วปลิ้นตา
ฝ่ายอัสดรเผ่นผงาดแล้วฟาดหาง สะบัดย่างเผ่นโผนโจนถลา
พงศ์กษัตริย์แกว่งไม้เท้าของเจ้าตา เสียงโกลากึกก้องท้องทะเล
ยักขินีมิอาจจะเข้าใกล้ ร้อนเหมือนไฟวิ่งป่วนอยู่หวนเห
ม้าก็ขบกัดกลมสมคะเน บ้างวิ่งเซม้าสกัดพระฟาดฟัน
เลือดกระจายตายกลาดลงดาษดื่น อ้ายยักษ์ตื่นเต็มที่ไม่มีขวัญ
ขินีนายร้องตลาดไล่ฟาดฟัน พลขันธ์กลับหน้าเข้าราวี
อ้ายตัวนายร่ายมนต์เป็นฝนคลุ้ม มืดชอุ่มอับไปในวิถี
ไม่เห็นหนสนธยาเหมือนราตรี ยักขินีมันขยับจะจับตัว
บ้างถาโถมโจมโจนโผนทะลึ่ง อึงคะนึงหลอนหลอกบ้างกลอกหัว
ทั้งแลบลิ้นปลิ้นตาให้น่ากลัว ที่เต้นรัวนึกหมายน้ำลายพรู ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ เอาดาบกวัดแกว่งลั่นสนั่นหู
เป็นเปลวไฟไล่สกัดพวกศัตรู ลุกวามวู่เห็นตลอดยอดคิรินทร์
ยักขินีมิอาจจะเข้าใกล้ เห็นเปลวไฟหลากจิตคิดถวิล
ให้ร้อนแรงแสงกล้าติดกายิน ยักษ์ทมิฬอ่านมนต์เป็นฝนมา
หน่อกษัตริย์มัสการอาจารย์เฒ่า แล้วเสกเป่าโองการอ่านคาถา
ประเดี๋ยวใจเป็นลมระดมมา หอบเอาฟ้าฝนไปมิได้นาน ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ไล่พิฆาตเข่นฆ่าโยธาหาญ
ยักขินีหนีร่นไม่ทนทาน แล้วกราบกรานขอชีวาอย่าฆ่าตี
ได้ผิดพลั้งครั้งนี้ถึงชีวิต พระทรงฤทธิ์งดโทษโปรดเกศี
ขอเป็นข้ากว่าจะตายวายชีวี พระภูมีไปไหนจะไปตาม
ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงอาณาเขต คิดสังเวชในพระทัยจึงไต่ถาม
ว่าฮ้าเฮ้ยยักขินีผีตะกลาม มึงหยาบหยามชั่วช้าหลอกฆ่าคน
ตั้งแต่นี้อย่ากระทำซึ่งความชั่ว เพราะไม่กลัวบาปใหญ่มาให้ผล
กูงดโทษโปรดไว้ทั้งไพร่พล เอากุศลเบื้องหน้าไม่ฆ่าฟัน
ยักขินีนายใหญ่ลงไหว้กราบ ศิโรราบรับจริงทุกสิ่งสรรพ์
ได้กระทำชั่วช้าสารพัน ให้ทรงธรรม์เคืองขัดหัทยา
ก็ควรจะสังหารผลาญชีวิต พระทรงฤทธิ์งดโทษโปรดเกศา
ไม่มีของฉลองคุณมุลิกา ขอเป็นข้าบาทบงสุ์พระทรงชัย
กว่าจะสิ้นชีวังดับสังขาร พระภูบาลจะประสงค์ที่ตรงไหน
จะอาสากว่าชีวันจะบรรลัย จงทราบใต้บาทาฝ่าละออง
แม้นข้าศึกฮึกหาญมาต้านต่อ ข้าจะขอแทนพระคุณการุญสนอง
มิให้เคืองบาทาฝ่าละออง จะขอรองมุลิกากว่าจะตาย
แม้นเกิดศึกจงรำลึกถึงตัวข้า จะอาสาไปให้สมอารมณ์หมาย
ไม่ถอยหลังศัตรูจะสู้ตาย เหมือนมุ่งหมายคำมั่นดั่งสัญญา
ต้องประสงค์วันไรจะไปเฝ้า ข้าพเจ้าหูเป็นผีดีหนักหนา
ถึงใครพูดติฉินการนินทา ก็มาปรากฏรู้เพราะหูไว ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ จะลีลาศข้ามมหาชลาไหล
ยักขินีชี้เชิญเสด็จไป ให้ชมในเงื้อมชะง่อนก้อนศิลา
แล้วพาพระภูวไนยไปท้ายเขา เนินลำเนาช่องชะวากที่ปากผา
ชะงักชะง่อนก้อนหินล้วนศิลา พระขึ้นนั่งหลังพระยาม้ามังกร
เสด็จไปตามลำเนาภูเขาเขิน เลียบดำเนินเชิงผาหน้าสิงขร
ชะง้ำชะโงกโกรกกรอกเป็นซอกซอน ที่น้ำชอนไหลฉ่ำลงลำธาร
ในเพิงผาน่าดูเป็นพู่ห้อย ศิลาย้อยดูเหมือนอย่างช่างประสาน
สลับสีที่ขาวเหมือนร้าวราน ในลำธารก้อนโตโตล้วนโมรา
ที่สีแดงราวกะแสงปากนกแก้ว ดูพรายแพรวหลายหลากมากหนักหนา
ที่สีเหลืองเล่ห์รงค์ประจงทา เหมือนน้ำยาเขียวลายอยู่พรายพรอย
ที่ม่วงอ่อนซ้อนแก่แลเป็นรุ้ง สีตากุ้งมีร่องเป็นฟองฝอย
ที่ดำอ่อนซ้อนแก่แลเป็นรอย ก้อนน้อยน้อยสีแปลกเข้าแทรกแซม
ที่เขิงเขาแก้วเก็จเพชรน้ำค้าง ขาวสล้างแลตลอดล้วนยอดแหลม
ไม่มีสีอื่นปนระคนแกม ราวกะแซมสอดซ้อนก้อนมณี
เรื่องชมนมชมไม้ก็หลายหลาก ว่ามามากระยะทางกลางวิถี
ชมโมราประการังยังไม่มี จึงได้ชี้ขึ้นแสดงแจงให้ฟัง
ครั้นจะว่าให้มันยาวราวกับปด ขอตัดบทยกเอาไว้ต่อภายหลัง
พระชมเกาะเสร็จสรรพจะกลับวัง สถิตหลังอาชาม้ามังกร
ยักขินีตามลงมาส่งเสด็จ พระก็เสร็จเรื่อยมาข้างหว่างสิงขร
ลงมหาสาคโรชโลธร ก็รีบจรมาในน้ำทุกค่ำคืน
เกือบจะถึงพาราการะเวก มหาเมฆตั้งมาไม่ฝ่าฝืน
พระสุริยาตกต่ำลงค่ำคืน เสียงลมคลื่นดังก้องท้องชลา
ศศิธรจรแจ่มกระจ่างเมฆ อดิเรกแสงดาววาวเวหา
ถึงเกาะที่ชีเปลือยเมื่อแรกมา พระรั้งราอัสดรขึ้นชายเนิน
จะใคร่ดูว่ามันอยู่หรือตายแล้ว พระขึ้นแนวลำเนาภูเขาเขิน
เห็นอ้ายเฒ่าลงมากรายอยู่ชายเนิน ดูงกเงิ่นเต็มประดานัยน์ตาลอย
ลงมายืนจองคร่องมือป้องหน้า จับแมงดามองดูเก็บปูหอย
มีศิษย์เถรโสมมนั่งต้มกลอย ทำตาปรอยกรุ่มกริ่มยิ้มละไม ฯ
๏ ฝ่ายอ้ายเฒ่าจัญไรครั้นได้หอย เดินกรองกรอยกลับมาที่อาศัย
วางหอยแครงแมงดาแล้วว่าไป ต้มไวไวเถิดหวาอย่าช้าที
ครั้นสุกเสร็จกินพลางนั่งหัวร่อ พูดกันจ้อผมสยายคล้ายกับผี
ถือว่าบวชได้บุญเหมือนมุนี นอนอยู่ที่เพิงผาคูหาบรรพ์
พวกสำเภาเลากาไปค้าขาย แวะถวายข้าวของกองให้ฉัน
คนนับถือลือชาสารพัน ไปให้มันดูแลว่าแน่นอน
อ้ายชีเปลือยนึกว่ากูผู้วิเศษ สำแดงเดชตั้งเป็นครูอยู่สิงขร
ค่ำวันนั้นลงเอกเขนกนอน ยอดสิงขรเดือนหงายสบายใจ
ให้อ้ายศิษย์นวดฟั้นคั้นหัวเข่า แล้วก็เล่าเพัอพล่ามตามวิสัย
อ้ายที่ตรงปากช่องมันกองไฟ คนมาไปจะได้รู้ว่าครูมี ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ เสด็จลีลาศตามทางหว่างวิถี
เห็นอ้ายเฒ่านอนหงายสบายดี พระภูมีร้องถามตามสงกา
อ้อท่านครูอยู่เป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน ทั้งผ้าผ่อนไม่ต้องการนานหนักหนา
สุขเกษมเอมโอชโภชนา เชิญพระอาจารย์เจ้าจงเล่าไป
อ้ายชีเปลือยลุกขึ้นนั่งได้ฟังถาม ก็เล่าความพูดมากถลากไถล
กล่าวมุสาเพ้อพล่ามตามแต่ใจ นั่งพิไรอวดรู้ทางดูแล
อันตัวข้านี้หรือคืออรหันต์ ไม่หวงกันก่งคอพูดตอแหล
อันทรัพย์สินสิ่งไรไม่ขอแล ทั้งผ้าแพรสิ่งไรไม่ต้องการ
ถือสันโดษหวังจะโปรดคนทั้งหลาย ให้สบายผาสุกสนุกสนาน
คนตกแต่งร่างกายแม้นวายปราณ ก็สาธารณ์เน่าจมถมสุธา ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ฟังเจ้าปราชญ์แจ้งเหตุเทศนา
จึ่งว่าเฮ้ยตาเฒ่าเจ้ามารยา ช่างพูดจาหมดจดแกล้งปดเรา
จะบอกเวทวิทยาพาไปนั่ง ที่ต้นรังปากปล่องริมช่องเขา
แล้วผลักลงเหวผาจับม้าเรา กับไม้เท้าหนีเข้าไปในนคร
อ้ายชีเปลือยนึกขึ้นได้ตกใจวับ ราวจะดับชีวังถึงสังหรณ์
จับเอามือลูกศิษย์คิดจะจร หนีซอกซอนไปให้พ้นแต่จนใจ
ด้วยเห็นม้าตัวนี้มันดีสุด จะหนีรุดไปจริงวิ่งไม่ไหว
ทำโอนอ่อนงอนง้อขออภัย แต่อกใจสั่นรัวกลัวจะตาย ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อสุริย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ จึงเอื้อนอรรถพาทีอย่าหนีหาย
เราไม่ทำให้ชีวันเป็นอันตราย อย่าวุ่นวายเลยอีตาไม่ฆ่าฟัน
อ้ายชีเปลือยไม่ไว้ใจร้องไห้โร่ เสียงโฮโฮตาหูดูมันขัน
อ้ายพวกศิษย์มิได้พูดดูดขี้ฟัน พัลวันปล้ำเจ้าครูผู้อาจารย์
จนหอบรวนป่วนปั่นตัวสั่นงก กลิ้งพลัดตกเพิงผาตรงหน้าฉาน
อ้ายหนุ่มล้มอ้ายแก่ลุกลงคลุกคลาน พระอาจารย์เต็มหอบหมอบกระแต
อ้ายลูกศิษย์ก็ไม่วางง้างเอาขา เจ้าครูด่าก็ไม่วางไม่ห่างแห
อ้ายหนุ่มดิ้นดุกดุกร้องตุกแก ตับใครแก่มันจะกินอย่าดิ้นไป
อ้ายครูฟังศิษย์ร้องสยองหัว แก่แต่ตัวตับกูอ่อนนอนไถล
กำลังกลัวพูดพร่ำร่ำพิไร จะหนีไปเห็นไม่พ้นจนปัญญา ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ก็ลีลาศลงจากชะวากผา
เหลียวไปดูนึกสมเพชเวทนา มันพูดจาไม่เป็นส่ำกลัวความตาย
พระจึ่งขึ้นอาชาม้าที่นั่ง เลียบลงยังวังวนชลสาย
กระจ่างแจ้งแสงจันทร์จำรัสพราย ดารารายพื้นนภางค์ดั่งกลางวัน
ลมพระพายชายพัดมาอ่อนอ่อน หอมเกสรแก้วผกามณฑาสวรรค์
ระรวยรื่นชื่นอารมณ์พลางชมจันทร์ ถวิลวันจากน้องสองสุดา
โอ้ปานนี้แก้วพี่จะครวญคร่ำ พิไรร่ำโหยหวนรัญจวนหา
เคยถนอมจอมขวัญสองกัลยา มานิราร้างไปไกลบังอร
แจ้วแจ้วแว่วเสียงจังหรีดเรื่อย เสียงฉ่ำเฉื่อยชายตลิ่งริมสิงขร
เหมือนเสียงสองขนิษฐาพะงางอน เจ้าวิงวอนวัจนาสารพัน
หริ่งหริ่งเรไรลองในร้อง ประสานซ้องจับใจทั้งไก่ขัน
ยิ่งโหยหวนครวญหาสุดาจันทร์ ให้หวั่นหวั่นวิญญาณ์ในสาคร
แหงนดูเดือนเหมือนวงนลาฏนุช บริสุทธิ์แสงเดือนเหมือนสมร
น้ำค้างพรมลมพระพายกระจายจร เหมือนสมรปรุงปนสุคนธา
มาตั้งไว้ให้พี่เมื่อโสรจสรง ชโลมองค์หอมรื่นชื่นนาสา
เมื่อยามไร้มิได้กลิ่นสุคนธา ต้องนิราร้างรสหมดทั้งปวง
พระคิดไปใจอ่อนถอนสะอื้น ในเที่ยงคืนเห็นแต่เงาภูเขาหลวง
เมื่อไรจะถึงแก้วตาสุดาดวง ได้เบาทรวงที่พี่แสนอาดูรโดย
ต้องกรากกรำร่ำมาในสาคเรศ แสนเทวษตั้งแต่ไปไม่วายโหย
ทั้งเหน็ดเหนื่อยเมื่อยซ้ำระกำโกย พอลมโชยมาต่อยชื้นฟื้นอารมณ์ ฯ
๏ ฝ่ายอ้ายเฒ่าชีเปลือยที่เมื่อยเหน็บ บรรเทาเจ็บเดินฉุดพูดขรม
อวดลูกศิษย์โฮกฮากปากเป็นปม นึกนิยมว่าวิเศษเพศของตัว
ใครจะมาฆ่าตีกูมิได้ ให้อ่อนใจขนพองสยองหัว
ดีกว่านี้สักเท่าไรกูไม่กลัว มันเมามัวอยู่ไม่ได้ก็ไปเอง
ด้วยอำนาจของกูผู้วิเศษ สำแดงเดชใครไม่รุมมาคุมเหง
แต่พอมันเห็นตัวก็กลัวเกรง แต่ตัวเองนี้ไม่จำเอาคำครู
กลัวเขางกตกใจไปเปล่าเปล่า อ้ายขี้เค้าแลดูหน้าทำตาหู
มึงไม่เชื่อวิทยาวิชาครู แต่หอยปูกูยังจับเสียหงับเดียว
อ้ายลูกศิษย์มันจึ่งว่าถ้าเช่นนั้น ข้าเห็นท่านร้องไห้ไม่วายเหลียว
เห็นทำก้นมุดมิดบิดเป็นเกลียว ทั้งหน้าเซียวตัวสั่นพรั่นจริงจริง
กูร้องไห้ใช่จะกลัวเมื่อไรหวา เป็นธรรมดาแม่มดเมื่อผีสิง
กูแกล้งหลอกมันดอกหวาอย่าประวิง ความรู้ยิ่งอยู่กับตัวกลัวมันไย
กูยอกย้อนซ่อนเงื่อนดอกอ้ายกาก อย่าพูดมากตาหูไปอยู่ไหน
เมื่อกูพูดไยมิฟังอ้ายจังไร กูแก้ไขหมดจดทั้งงดงาม
ดีแต่นั่งลอยหน้ากินปลาหอย ทุดอ้ายถ่อยเต็มระยำอ้ายซำสาม
ราวกะกูผู้เฒ่านี้เบาความ ไม่งุ่มง่ามดอกหนาหวาวิชามี
ฝ่ายอ้ายเฒ่าปากหนวดอวดลูกศิษย์ กูแผลงฤทธิ์ขึ้นจริงจริงยิ่งกว่าผี
แต่กูไม่นุ่งผ้าทั้งตาปี กูก็ดีหวังประโยชน์ได้โปรดคน
อ้ายศิษย์ยกมือว่าสาธุสะ ท่านเป็นพระหรือเป็นเปรตแจ้งเหตุผล
เป็นชีเปลือยอย่างนี้ผีหรือคน ได้กุศลอย่างไรจงไขความ
อ้ายตาเฒ่าเอาเรื่องข้างโกหก กันนรกเสียได้อย่าไต่ถาม
แม้นมึงอยู่นานไปคงได้ความ พยายามต้มปูสู่กันกิน
ต่อนานไปจึงจะได้แจ้งประจักษ์ ในสำนักกูดอกหวาอย่าถวิล
จึ่งจะบอกฤกษ์พาฟ้าแลดิน ให้รู้สิ้นฟากฝั่งทั้งชมพู
ไปสวรรค์ทันตามึงอย่าพรั่น คงเห็นชั้นเชิงชานวิมานอยู่
เองอุตส่าห์จดจำคำของกู ปิดประตูเมืองนรกไม่ตกเลย
เจ้าลูกศิษย์กราบงามไหว้สามท่า ชะช่างว่าบาปบุญพ่อคุณเอ๋ย
มันซึมซาบเข้าในปอดว่าลอดเลย ยังไม่เคยได้ฟังตั้งแต่มา
สาธุสะพระครูเอ็นดูด้วย จงชี้ช่วยทางสวรรค์ให้หรรษา
ฝ่ายอ้ายเฒ่าอาจารย์เจ้ามารยา มันพรรณนาหลอกไปพอได้การ ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศเกศกษัตริย์ กับกัณฐัศว์ถึงเขตประเทศสถาน
พอรุ่งรางสร่างสีรวีวาร พักอยู่ด่านเมืองปากน้ำที่สำคัญ
ขุนเสนีที่รักษาเมืองสมุทร มาเฝ้าบุตรเขยท้าวเจ้าไอศวรรย์
อภิวาทบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ แล้วเรียกกันให้เข้าไปในนคร
ทูลพระจอมขัตติยาการะเวก อดิเรกเรืองฤทธิ์อดิศร
พวกม้าใช้เข้าไปในนคร พระภูธรออกนั่งยังพระโรง
สถิตแท่นอดิเรกเศวกฉัตร เนาวรัตน์บัลลังก์ที่นั่งโถง
ขุนเสนีคลานเข้าไปในพระโรง พอสองโมงม้าใช้เข้าไปทูล
ว่าพระสุดสาครบวรนาถ เสด็จลีลาศมาเฝ้าปิ่นบดินทร์สูร
ประทับอยู่เมืองชลาข้ามาทูล นเรนทร์สูรจงทราบพระบาทา ฯ
๏ ป่างพระจอมนคเรศเกศกษัตริย์ โสมนัสสั่งพลันด้วยหรรษา
รีบไปรับจอมกษัตริย์ขัตติยา เหวยเสนาลงไปด่านชานบุรี
จัดกระบวนแหนแห่เครื่องแตรสังข์ ให้พร้อมพรั่งสังคีตทั้งดีดสี
ไปรับองค์เขยมาในธานี ทั้งมนตรีเสนาพากันจร
หัสไชยไปกำกับรับพระพี่ ได้เป็นที่ภิญโญสโมสร
นานหนักหนาพึ่งจะมาสู่นคร เจ้ารีบจรลงไปเชิญดำเนินมา
กระบวนแห่แออัดจัดกันเสร็จ ไปเชิญเสร็จโดยพลันด้วยหรรษา
ฝ่ายพระจอมนคเรศเกศลังกา ขุนเสนาก็เสด็จเข้าเขตคัน ฯ
๏ สมเด็จท้าวเจ้าพาราการะเวก กับองค์เอกกัลยามณฑาสวรรค์
มาคอยรับกษัตริย์เขยเลยจรัล ทั้งสร้อยสุวรรณจันทร์สุดาลีลาจร
มาพร้อมพรั่งทั้งพระองค์แลพงศา ต่างวันทาพร้อมพรั่งนั่งสลอน
ฝ่ายพระมิ่งมงกุฎสุดสาคร ชุลีกรสองท้าวเจ้าบุรินทร์ ฯ
๏ กษัตริย์สุรีโยไทยปราศรัยเขย ภิปรายเปรยถามไปพระทัยถวิล
พ่อไปไหนหรือว่ามาจากธานินทร์ เป็นสุขสิ้นด้วยกันหรือฉันใด ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ อภิวาททูลแจ้งแถลงไข
เอาความหลังทั้งมูลนั้นทูลไป ให้ท้าวไททราบความตามทำนอง ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงอาณาจักร ฟังเขยรักเล่าประมูลทูลฉลอง
พอเสร็จสิ้นเรื่องความตามทำนอง พระผู้ครองนคเรศนิเวศน์วัง
ให้จัดแจงแต่งเครื่องสุธาโภชน์ ล้วนเอมโอชเนยนมให้สมหวัง
ของคาวหวานผัดยำทำในวัง เครื่องมังสังเจ๊กแขกแบกเข้าไป
ทั้งหมูหันไก่พะแนงแกงเกาเหลา ทั้งหวานคาวยกไปเรียงเคียงไสว
พวกแสนสาวท้าวนางคุณข้างใน มารับไปจัดแจงแต่งสำรอง ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมขัตติยาการะเวก อดิเรกรังสีไม่มีสอง
จึ่งชวนเขยเสด็จไปดังใจปอง เข้าในห้องมนเทียรวิเชียรพราย
ร่วมเสวยโภชนากระยาหาร แสนสำราญบนแท่นรัตน์จำรัสฉาย
นางเสนอบำเรอบาทไม่คลาดคลาย ประสานสายซอสีรี่จำเรียง
ตีโทนทับขับร้องประสานขาน ก้องกังวานพริ้งเพราะเสนาะเสียง
เรื่องอิเหนาเข้าถ้ำโหยสำเนียง วิเวกเสียงโอดครวญรัญจวนใจ
พลางแหบหวนครวญคลอเข้าซอสี กระจับปี่จำเรียงส่งเสียงใส
ฆ้องก็ตอดสอดเพลงวังเวงใจ ฟังวิไลฉิ่งกรับรับในเพลง
ขลุ่ยระนาดรำมะนาขัดหน้าทับ ประสานรับไพเราะล้วนเหมาะเหมง
สามกษัตริย์ทรงฟังให้วังเวง เสนาะเพลงดนตรีตีประจำ
ล้วนรุ่นสาวขาวผ่องละอองฉวี เสียงก็ดีตะละนางสำอางขำ
เป็นแต่เนื้อสองสีไม่มีดำ สำหรับทำเมื่อเสวยทุกเวลา ฯ
๏ ฝ่ายนางนาฏอัยกีมาที่เสวย ชมลูกเขยสรวลสันต์ต่างหรรษา
กับสะใภ้สร้อยสุวรรณจันทร์สุดา พระนัดดาเคียงประคองทั้งสององค์
ให้กุมารกรานก้มประนมหัตถ์ จอมกษัตริย์บิตุลาโดยประสงค์
เสวยเสร็จเสด็จตามกันสามองค์ มาเฝ้าองค์ชนนีต่างปรีดิ์เปรม ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ชมหลานราชสิ้นทุกข์สุขเกษม
ดูหน้าตาจิ้มลิ้มทั้งอิ่มเอม จงปรีดิ์เปรมวัฒนาสารพัน
ลุงมานี่มิได้มีของมาให้ แม้นกลับไปจึงจะหามาทำขวัญ
เมื่อลุงไปได้ยากลำบากครัน แวะมาวันทาองค์ดำรงวัง
ไม่ได้มาเรือแพเหมือนแต่ก่อน ความทุกข์ร้อนที่ในจิตไม่คิดหวัง
ลุงไปถึงนคเรศนิเวศน์วัง จะจัดทั้งของมาอย่าปรารมภ์
กับเครื่องเล่นต่างต่างอย่างฝรั่ง ของในลังกาดีดีก็มีถม
จะให้เขาเอามาอย่าปรารมภ์ สองบังคมกราบกรานประสานกร ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมลังกามหาสถาน ครบเจ็ดวารทูลบพิตรอดิศร
จะลากลับไปนิเวศน์เขตนคร พระมารดรบิตุรงค์พร้อมวงศ์วาน
จงอยู่ดีอย่าได้มีซึ่งความทุกข์ เกษมสุขในสมบัติพัสถาน
ไปถึงวังลังกาไม่ช้านาน ไม่มีการศึกทัพจะกลับมา ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงการะเวก อดิเรกเรืองฤทธิ์ทุกทิศา
พ่อจะให้จัดแจงแต่งเภตรา ให้ลูกยาไปสบายในนที
สุดสาครบังคมบรมนาถ อภิวาทบงกชบทศรี
จะป่วยการไพร่ฟ้าประชาชี ไม่พอที่เหนื่อยยากลำบากใจ
ฉวยขัดลมขัดน้ำก็จำช้า ลูกไปมาเร็วพลันไม่หวั่นไหว
แล้วก็ไม่หนักหน่วงเป็นห่วงใย แม้นรีบไปเบ็ดเสร็จสักเจ็ดวัน ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงการะเวก อดิเรกชมเชยลูกเขยขวัญ
จงไพโรจน์โชติช่วงดั่งดวงจันทร์ อย่ามีอันตรายมาจงถาวร
จงเรืองฤทธิ์วิทยาเป็นผาสุก นิราศทุกข์ภิญโญสโมสร
แม้นศัตรูหมู่มารมาราญรอน ให้ม้วยมรณ์แพ้ฤทธิ์คิดระอา
จงครองวังลังกาให้ปรากฏ เจริญยศแผ่ไปในทิศา
ให้เหมือนพรที่ประสิทธิ์ของบิดา ชันษาพ่อจงยืนกว่าหมื่นปี ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ อภิวาทน้อมประณตบทศรี
รับเอาพรเจ้าจังหวัดปัถพี ต่างยินดีพร้อมพระญาติมาตุรงค์
ถึงวันเจ็ดพระเสด็จไปส่งเขย ประทับเกยพร้อมประยูรสกูลหงส์
พวกเกณฑ์แห่ตั้งกระบวนแลทวนธง จัตุรงค์เสนาพลากร
ทั้งสามองค์ทรงเสลี่ยงเรียงลำดับ คนคั่งคับสังข์แตรแซ่สลอน
ทั้งสามองค์ทรงวออรชร ราษฎรนั่งหลามตามหนทาง
เดินกระบวนทวนธงตรงไปด่าน แสนสำราญสารพัดไม่ขัดขวาง
ตำรวจในไล่คนริมหนทาง พวกขุนนางตามเสด็จถึงเขตคัน
เมืองปากน้ำทำของไว้คอยเลี้ยง ยกมาเรียงรายไว้แต่ไก่ขัน
หกกษัตริย์ถึงด่านสำราญครัน จรจรัลขึ้นประทับบนพลับพลา
พวกเกณฑ์แห่แออัดเขาจัดเลี้ยง มาพร้อมเพรียงหมดด้วยกันต่างหรรษา
พอลมชายบ่ายแสงสุริยา พระสุดสาครประนมเรียกลมปราณ
แล้วอ่านเวทวิทยาของดาบส น้อมประณตเป่าไปในทิศาน
ประเดี๋ยวใจมิ่งม้าอาชาชาญ โดดทะยานรีบมาในสาคร
ถึงพาราการะเวกแล้วขึ้นฝัง ไปหยุดยั้งอยู่ท้ายชายสิงขร
พระจึ่งเรียกอาชาม้ามังกร อัสดรเดินมาไม่ช้าที ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ อภิวาทประนมก้มเกศี
พระปิ่นปกทั้งชนกชนนี ขอบารมีคุ้มกันอันตราย
ทั้งสององค์อวยสวัสดิ์พิพัฒน์ผล ให้ลาภล้นสมจิตพ่อคิดหมาย
ครองสมบัติวัฒนาอย่าระคาย อันตรายอย่าให้มีมาบีฑา ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศเกศกษัตริย์ ประสานหัตถ์บังคมก้มเกศา
พระหัสไชยกราบบาทกษัตรา พระพี่ยาไปดีอย่ามีภัย
สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาคลานมากราบ ศิโรราบบทมาลย์พลางขานไข
พระพี่ช่วยทูลองค์พระทรงชัย ทั้งสามไทปิตุราชมาตุรงค์
ว่าน้องนี้ขอประนมบังคมบาท ภูวนาถที่อยู่ในไพรระหง
มิได้ไปกราบประณตบทบงสุ์ พระผู้ทรงสิกขาก็ช้านาน ฯ
๏ ฝ่ายจอมวงศ์องค์สุดสาครพี่ จรลีจากพลับพลาตรงหน้าฉาน
กระโดดขึ้นหลังพระยาอาชาชาญ เผ่นทะยานลงไปทางกลางสินธู
สะบัดย่างมาในกลางกระแสสาย ต้องพระพายฟาดหางทั้งกางหู
วิ่งผางผางกลางวารินท้องสินธู ไม่ทันครูเต้นหยับไปลับตา
ห้ากษัตริย์สั่งเสร็จเสด็จกลับ อาทิตย์ลับแสงไปในเวหา
ถึงนิเวศน์เวียงวังขึ้นปรางค์ปรา พร้อมคณานางเสนอบำเรอไท ฯ
๏ จะกล่าวสุดสาครบวรนาถ ล่วงลีลาศโดยมหาชลาไหล
พระสุริยงลงลับภพไกร ก็รีบไปในสมุทรไม่หยุดเลย
พระจันทรแจ่มกระจ่างนภางค์พื้น ถอนสะอื้นหนักอุรานิจจาเอ๋ย
หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย หวนระเหยกลิ่นบุปผาผกากาญจน์
บนลำเนาเขาเขินเนินไศล สุมาลัยรื่นรินส่งกลิ่นหวาน
มะลิวัลย์กรรณิการ์ชบาบาน พิกุลกาญจน์แก้วสุกรมทั้งยมโดย
หอมนางแย้มแกมคัดเค้าปนสาวหยุด ถวิลนุชเหมือนดอกไม้ไม่วายโหย
บุปผาสดรสรื่นมาชื่นโชย ระกำโกยกรอมอุราในสาคร
กำดัดดึกฝูงนกวิหคเหิน จับบนเนินเกาะเรียงเคียงสลอน
ส่งสำเนียงเสียงก้องเหมือนร้องวอน กะเรียนร่อนบินหลงส่งสำเนียง
ไก่กระชั้นขันเอกวิเวกหวาน เสียงประสานกาแกเซ็งแซ่เสียง
หวนคะนึงถึงเขตนิเวศน์เวียง มาฟังเสียงนกกาน่ารำคาญ
แม้นเหาะได้พี่จะไปให้ถึงนุช ไม่หยุดยั้งจะเข้าเขตประเทศสถาน
ชั้นปรางค์ทองรองเรียงเคียงสำราญ เรื่องรำคาญก็จะเบาบรรเทาคลาย
แม้นเหาะได้แล้วไม่อยู่สู้กับโศก ให้เกิดโรคเศร้าใจมิใคร่หาย
ไม่มีสุขทุกข์ทนกระวนกระวาย กายเอยกายไยมาหนาวเมื่อคราวโซ
ก็ยังไม่แก่ชรานี่หนาร่าง มาอ้างว้างวิญญาณ์อนาโถ
สงสารกายกายเอ๋ยไม่เคยโซ หัวอกโอ้คิดไปให้รัญจวน
แหงนดูดาวดาวก็เคลื่อนเดือนก็คล้อย น้ำค้างย้อยลมโชยยิ่งโหยหวน
จะอาวรณ์ถอนฤทัยให้รัญจวน คะนึงนวลนุชเจ้าลำเพาพาล
อัสดรเล่าก็จรไม่ทันอยาก แสนลำบากทรวงร้อนดั่งศรผลาญ
เกือบจะรุ่งรังสีรวีวาร แสนรำคาญในอุราให้อาวรณ์
พอแจ่มแจ้งแสงสว่างนภางค์พื้น ทั้งลมคลื่นกระทบดังฝั่งสิงขร
ให้อ้างว้างวิญญาณ์ในสาคร ทุรนร้อนทรวงเรียมให้เกรียมกรม
ขอเชิญองค์เทพไทในสิงหล มาช่วยย่นมรคาพาไปสม
สองสมรเสมอจิตได้ชิดชม ขอให้สมปรารถนาอย่าช้าที
พระครวญคร่ำร่ำไรไม่วายเทวษ จนสุริเยศแจ้งกระจ่างสว่างศรี
ยิ่งเศร้าทรวงล่วงมาในวารี ยิ่งทวีความเทวษไม่วายคลาย ฯ
๏ จะกล่าวลำกำปั่นโจรสลัด ก็แล่นดัดข้ามวนชลสาย
ใบขาวขาวมิใช่น้อยสักร้อยปลาย ออกแล่นรายเรียงกันเป็นหลั่นมา
คอยตีเรือเหนือใต้ไล่ตลบ ทหารรบมีสักหมื่นถือปืนผา
เป็นชาติแขกมุระหงิดติดชวา นายเภตราชื่อวะหลำดำทมิฬ
อ้ายนายรองสองคนเป็นแขกเงาะ ใส่เสื้อเกราะหน้าหลังฝังด้วยหิน
พื้นทองแดงเครื่องตะพายสายกระวิน แต่ล้วนหินสารพันกันสาตรา
เมื่อวันนั้นน้ำหมดอ้ายนายใหญ่ มันสั่งให้แวะเกาะขึ้นเสาะหา
เห็นที่ไหนเร่งทอดจอดเภตรา ขึ้นไปหาเร็วไวทั้งไพร่นาย ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ล่วงลีลาศกับอาชาเวลาสาย
เห็นเกาะขวางทางลาดเป็นหาดทราย น่าสบายพักม้าให้หากิน
พระจึ่งชักอัสดรจรขึ้นหาด เสด็จลีลาศตามสิงขรชะง่อนหิน
แล้วจึ่งให้อาชาพระยานิล เที่ยวหากินให้สบายตามชายเนิน
เสด็จนั่งยั้งหยุดปากคูหา ชมศิลาหนาแน่นเป็นแผ่นเผิน
พฤกษาดอกออกระย้าบนหน้าเนิน ที่โขดเขินอินจันทน์พรรณพวา
ละมุดม่วงพวงผลหล่นออกกลาด ระดาดาษใต้ต้นผลพฤกษา
ตลิงปริงลิงโลดโดดลงมา วิ่งถลาชิงกันยุ่งล้วนฝูงลิง
ต้นตาเสือเสือมองจ้องขยับ หวังจะจับกินเป็นเหยื่อเสือสมิง
ต้นนมควายควายแฝงเข้าแย่งชิง ล้วนมหิงส์เดินรายฝูงควายดง
ต้นมันหมูหมูพากันมากัด หมูสะบัดวิ่งพรูลูกหมูหลง
บ้างก็เดินไปเป็นหมู่ล้วนหมูดง เที่ยววิ่งวงพลัดคู่เป็นหมูโทน
ต้นหูกวางกวางย่องมองเขม้น บ้างโลดเต้นต่างต่างฝูงกวางโผน
ลูกหูกวางกวางชิงวิ่งกระโจน ลงลุยโคลนวิ่งกรูกินหูกวาง
ต้นดีหมีหมีจ้องร้องโครกคราก บ้างอ้าปากแล่นโลดกระโดดผาง
หมีบ่นพึมงึมงำไปตามทาง แลสล้างแต่ล้วนหมีวิ่งหนีคน
อ้อยช้างน้าวช้างเหนี่ยวจนกิ่งหัก กระชากชักช้างเสือกเสลือกสลน
ทั้งลูกช้างช้างคะนองร้องคำรน ฝูงช้างต้นแลสล้างล้วนช้างงา
พระชมสัตว์จัตุบาทผาดผยอง โลดลำพองเพลิดเพลินบนเนินผา
ฝูงชะนีเหนี่ยวไม้โดดไปมา ห้อยพฤกษาโยนตัวเรียกผัวโวย
ชาติชะนีนี้หนามันฆ่ามิตร เพราะสองจิตจิตสองจึ่งต้องโหย
อมเรศสาบซ้ำระกำโกย ต้องดิ้นโดยเชยค่างเที่ยวครางครวญ
เหมือนหญิงกากปากหวานสันดานหยาบ ไม่กลัวบาปจิตนิยมเหมือนลมหวน
คล้ายชะนีที่ต้นไม้พิไรครวญ ต้องรัญจวนโหยหาเรียกสามี ฯ
๏ จะกล่าวข้างโจรใหญ่ใจฉกาจ ระดาดาษแล่นมาทางกลางวิถี
เห็นเกาะใหญ่ชายกระสินธุ์ก็ยินดี พลางก็ชี้ให้กันดูทุกผู้คน
จึ่งบ่ายเรือเข้าข้างซ้ายริมชายหาด ระดาดาษพร้อมพรั่งที่งพหล
ทอดสมอรอราชายสาชล แล้วเร่งคนยกเรือน้อยลงลอยเรียง
อ้ายนายรองสองคนกับพลไพร่ ให้พายไปโห่ลั่นสนั่นเสียง
ถึงชายหาดเรือทอดจอดกันเรียง แบกพะเนียงตุ่มไหเที่ยวไปดู
พอเห็นม้าหากินบนเนินเขา มันจึ่งเข้าไปข้างหน้าเห็นตาหู
เรียกเพื่อนกันเร็วหวาจงมาดู อ้ายนี่หมูหรือควายเป็นหลายพรรณ
มีหนวดเขาราวกะกวางหางเป็นตุ่ม หน้าเป็นปุ่มตัวเป็นเกล็ดเพศมันขัน
จับไปให้นายเราเอารางวัล อ้ายนี่ขันพึ่งจะเห็นเป็นอะไร
แต่ตาหูดูมันกลอกเหมือนหลอกหลอน แต่ก่อนก่อนไม่เคยเห็นเป็นไฉน
อ้ายนายรองเรียกกันมาทันใด พากันไปหาเถาวัลย์มาพันพัว
ทำเป็นห่วงบ่วงไว้จะได้ดัก มันติดกักคอยกรวมสวมเอาหัว
เห็นจะไม่ร้ายดอกหวาเองอย่ากลัว จับเอาตัวผูกไว้ใช้จนตาย
แต่ช้างสารโตใหญ่อยู่ในป่า ยังจับมาเลี้ยงไว้เอาไปขาย
ทำไมกับสัตว์โกโรโตเท่าควาย เอาบ่วงหวายผูกปากลากเอาไป
พวกสลัดตัดหวายมิทันช้า แบกเอามาเรียกกันเสียงหวั่นไหว
อ้ายนายรองร้องร่าช้าอยู่ไย เร่งเข้าไปเอาเถาวัลย์คอยพันคอ
อ้ายพวกไพร่รายล้อมเข้าพร้อมพรั่ง ทำบ่วงตั้งชายตลิ่งบ้างวิ่งสอ
หักใบไม้มาบังคอยรั้งรอ ยืนต่อต่อกันอ้อมเข้าล้อมวง
ป่างฉวยไม้ไล่ต้อนเอาขอนขว้าง สกัดทางหน้าหลังหวังประสงค์
จะให้ติดบ่วงใหญ่ดั่งใจจง แล้วมันตรงไล่รุกเข้าคลุกคลี
บ้างก็ถือไม้พลองกระบองสั้น เข้ากางกั้นหมายใจมิให้หนี
ม้ากระโชกโขกกัดทั้งฟัดวี อ้ายโจรตีเตะโผงถูกโครงตาย
แล้วโดดออกจากมันล้อมเดินอ้อมเขา อ้ายโจรเฝ้าตามไปดั่งใจหมาย
หวังจะจับเอาให้ได้ไปให้นาย อ้ายนี่ร้ายแรงจัดกัดเอาคน
จับให้ได้เอาไปกรากไว้ปากกำปั่น สักสองวันดึกดึกค่อยฝึกฝน
แล้วเดินตามม้าไปทั้งไพร่พล ขึ้นข้างบนแผ่นผาเลียบหน้าเนิน ฯ
๏ ฝ่ายอาชามาถึงองค์พงศ์กษัตริย์ ยืนสะบัดอยู่ที่หน้าแผ่นผาเผิน
พระจึ่งเรียกอาชามาบนเนิน อ้ายโจรเดินแลเห็นม้าอาชาชาญ
เข้าหมอบเรียงเคียงคนที่เชิงเขา มันเดินเข้าไปหาแล้วว่าขาน
ข้าแต่เจ้าเผ่าพงศ์เป็นวงศ์วาน มาอยู่นานหรือที่นี่ช่วยชี้แจง
สัตว์อะไรที่มันมาอยู่หน้าเจ้า ช่วยบอกเราให้สิ้นที่กินแหนง
ข้าไล่จับมันก็กัดไล่วัดแวง ล้มตะแคงตายไปเป็นหลายคน ฯ
๏ ฝ่ายพระปิ่นนครามหากษัตริย์ โองการตรัสชี้แจงแจ้งนุสนธิ์
สัตว์ตัวนี้ที่มาอยู่รู้เหมือนคน เราฝึกฝนใช้มาก็ช้านาน
อ้ายโจรฟังรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของ จึ่งปรองดองพูดจาแล้วว่าขาน
นี่แน่นายเลี้ยงไว้ได้ใช้การ มันชำนาญข้างอะไรหรือไถนา ฯ
๏ พระนึกยิ้มอยู่ในใจว่าอ้ายนี่ ไพร่เดิมทีเดรฉานขันหนักหนา
มันเป็นพวกเผ่าพาลสันดานกา ฟังพูดจาต่างต่างช่างเป็นไร
สัญชาติโจรโลนลำพองเป็นของเขา เหมือนคนเมาพูดมากถลากไถล
จะไปถือถ้อยคำมันทำไม สันดานไพร่อออือถือว่าดี
พระจึ่งว่านาไร่มันไม่รู้ เราเลี้ยงดูเอามันไว้มิให้หนี
พอขี่เล่นเที่ยวไปในนที ของเองมีอยู่บ้างไหมในสำเภา
อ้ายโจรว่าข้านี้ไม่เคยเห็น สัตว์นี้เป็นอย่างไรไฉนเจ้า
หมีหรือหมูดูมันขันไม่บันเบา ขอให้เราเถิดเป็นไรจะให้นาย
แม้นข้าได้อ้ายนี่ดีขยัน จะผูกพันเอาไปเหมือนใจหมาย
ข้าจะไปยกย่องว่าของนาย พูดเบี่ยงบ่ายขออะไรจะให้ปัน
หรือนายชอบผ้าเสื้อที่เรือถม อย่าปรารมภ์ของข้าดีมีขยัน
จะไปหาจัดแจงมาแบ่งปัน ที่ข้อนั้นนายขาอย่าปรารมภ์
หรือจะสูบกัญชาแลยาฝิ่น ก็ได้สิ้นบอกมาซีมีอยู่ถม
เขาตีเรือได้หนักหนาอย่าปรารมภ์ คงจะสมปรารถนาไม่ช้าที ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมลังกามหาสวรรค์ ได้ฟังมันพูดจาน่าบัดสี
แต่ดูเล่นขันขันขยันดี พระจึ่งมีสิงหนาทประภาษไป
อันสัตว์นี้เรียกว่าวลาหก เราอยากยกให้ปันเหมือนขานไข
ก็กลัวแต่พวกเจ้าจะเอาไป มันจะไล่ขบกัดฟัดเอาตาย
อ้ายโจรว่าถ้านายจับม้าส่ง ข้าทำวงมาเป็นพวงล้วนบ่วงหวาย
คงจะจูงเอาไปได้ดอกนาย ไม่วุ่นวายพวกข้ามาเป็นกอง
พระตรัสว่ามาซิจะจับให้ มันดีใจยืนสะพรั่งขึ้นทั้งผอง
พระจึ่งเรียกอาชาม้าลำพอง ก็ลุกย่องเดินมาอยู่หน้าเนิน
พระกระซิบสั่งว่าอย่าเพ่อวุ่น ทำหันหุนให้วิตกระหกระเหิน
ไปกับมันไวไวพอให้เพลิน จากชายเนินแม้นถึงท่าชลาลัย
จึ่งขบกัดฟัดฟาดให้กลาดเกลื่อน แล้วจึ่งเลื่อนลงไปท่าชลาไหล
ขึ้นบนลำกำปั่นอย่าพรั่นใจ กัดเสียให้ปี้ป่นคนในเรือ
แล้วโดดน้ำดำไปอย่าได้ช้า ไปคอยท่าน้องอยู่พลางที่ข้างเหนือ
มันก็คงจะพลอยต้องถอยเรือ ไปข้างเหนือทางแท้เป็นแน่นอน
พระสั่งเสร็จจูงพระยาม้าที่นั่ง ลงจากหลังเชิงผาหน้าสิงขร
มาส่งให้อ้ายโจรพเนจร อัสดรทำดีเหมือนทีกลัว
มันเอาบ่วงสวมคอหัวร่อร่า สมปรารถนากรุ่มกริ่มพลางยิ้มหัว
แล้วร้องว่านายขาท่านอย่ากลัว จะแกงคั่วย่างไก่มาให้กิน
แล้วออกเดินจูงม้าล้อมหน้าหลัง มันนึกหวังสมในใจถวิล
พลางลงจากเนินผาหน้าคีรินทร์ พร้อมกันสิ้นตุ่มไหไม่ต้องการ
ได้อ้ายสัตว์ตัวนี้เป็นที่ชื่น สำราญรื่นอิ่มเอมเกษมศานต์
แม้นไปถึงนายใหญ่คงได้การ ไม่ช้านานดอกอ้ายเล้าเอารางวัล
มันอิ่มเอมเปรมปราประสาแขก บ้างก็แบกบ่วงหวายเดินผายผัน
กำลังแดดร้อนเหลือเหงื่อเป็นมัน ต่างเร่งกันให้เดินด้วยเพลินใจ
มันยินดีที่ยิ่งด้วยมิ่งม้า รีบลงมาชายวารินกระสินธุ์ใส
อ้ายนายรองสั่งกันด้วยทันใด จงรีบไปเร็วหวาอย่าช้าที
บอกนายใหญ่ว่าได้สัตว์ประหลาด มาไว้หาดเชิญไปดูหมูหรือหมี
อ้ายโจรใหญ่รู้แจ้งแห่งคดี พลางเดินรี่รีบตรงมาลงเรือ
ให้พวกไพร่ตีกระเชียงเรียงเข้าหาด เดินพรวดพราดแลขึ้นมาคิดว่าเสือ
เข้าไปใกล้เห็นขนชุมหนวดคลุมเครือ ไมใช่เสือแข้งขาเหมือนม้าดง
แต่มีเกล็ดเหมือนปลาน่าสงสัย สัตว์อะไรหนอมันเฉิดระเหิดระหง
ทั้งรูปร่างผมหนวดแลทรวดทรง สมประสงค์ที่ในใจหลายประการ
จะเอาไปขายเมืองฝรั่งเศส มันงามกว่าม้าเทศหลายสถาน
สักหมื่นเหรียญได้ดอกหวาไม่ช้านาน คงเป็นการแท้แล้วไม่แคล้วเลย
มันจึงสั่งให้เอาไปในกำปั่น จงช่วยกันเร็วหวาพาไปเหวย
เป็นการด่วนจวนแล้ววะอย่าละเลย ให้มันเคยเรือไว้รีบไปพลัน
อ้ายนายรองร้องเรียกกันเร็วหวา ถอยเรือมาเดี๋ยวนี้ขมีขมัน
แล้วเข้าจับจูงพระยาอาชาพลัน ม้าก็ผันผกโผนโจนกระโจม
สะบัดบ่วงห่วงหวายสายก็ขาด เอาหางฟาดวิ่งร่าเข้าถาโถม
อ้ายโจรตีด้วยพลองลงสองโครม ม้าก็โถมโขกสะบัดไล่วัดแวง
เอาตีนเหยียบปากกัดฟัดกระชาก เห็นคนมากโดดถลันด้วยขันแข็ง
เข้าดีดกัดฟัดล้มจมตะแคง เลือดออกแดงตายกลาดบนหาดทราย
อ้ายนายใหญ่วิ่งตรงลงเรือน้อย แล้วให้ถอยรีบไปดั่งใจหมาย
ขึ้นเรือใหญ่ชุลมุนเสียงวุ่นวาย ผลุดเข้าท้ายบาหลีไม่มีใจ ฯ
๏ ฝ่ายอาชารีบโผนโจนลงน้ำ โดดขึ้นลำเรือจอดทอดไสว
เข้าโขกกัดฟัดซ้ำทุกลำไป คนเจ็บไข้ล้มลุกลงคลุกคลาน
แล้วโดดน้ำดำไปมิได้หยุด ขึ้นไปผุดเหนือเกาะเสาะอาหาร
กินแต่พออิ่มหนำค่อยสำราญ คอยพระผ่านลังกาอยู่หน้าเนิน ฯ
๏ ฝ่ายอ้ายพวกโจรตายลงหลายสิบ ออกแล่นลิบไปจากท่าแผ่นผาเผิน
ไม่รอรั้งรีบไปจนไกลเนิน ระหกระเหินวุ่นวายมาในเรือ ฯ
๏ ฝ่ายพระหน่อนฤเบศเกศกษัตริย์ พลางรีบรัดเสด็จไปข้างฝ่ายเหนือ
พบพระยาม้าต้นขนคลุมเครือ มาอยู่เหนือเกาะใหญ่ดั่งใจจง
พอสุริย์ฉายชายแสงลงอ่อนอ่อน พระก็จรขึ้นหลังดั่งประสงค์
จากละเมาะเกาะเกียนไม่เวียนวง เสด็จตรงข้ามฝั่งไปลังกา
ลมพระพายชายพัดมาฉิวฉิว วิเวกหวิวโหยหวนรัญจวนหา
พระสุริยงลงลับบรรพตา พระจันทราแจ่มกระจ่างดั่งกลางวัน
ม้ามังกรถอนถีบด้วยรีบรุด ไม่ยั้งหยุดมุ่งไปจนไก่ขัน
จนรุ่งแจ้งแสงสีรรีวรรณ ถึงเขตคันเวียงวังเกาะลังกา
ขึ้นชายหาดวิ่งเหย่าเข้าในด่าน พระชื่นบานจรจรัลด้วยหรรษา
พวกนายด่านวุ่นวิ่งชิงกันมา ต่างปรีดาเชิญเสด็จนิเวศน์เวียง
บางจัดแจงแต่งเครื่องมาพร้อมหมด ทั้งม้ารถกระบวนแห่เซ็งแซ่เสียง
เดินกระบวนทวนธงตรงเข้าเวียง กึกก้องเสียงม้ารถบทจร ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมขัตติยามหาสวรรค์ เข้าวังพลันเสวกามาสลอน
รับเสด็จไทท้าวเจ้านคร พระภูธรปราศรัยทั้งไพร่นาย
ขุนเสนีกราบก้มบังคมบาท ภูวนาถจรจรัลเสร็จผันผาย
ขึ้นปราสาทเนาวรัตน์จำรัสพราย เจ้าขรัวนายแสนสุรางค์ในปรางค์ทอง
รับเสด็จทูลกระหม่อมจอมพิภพ แล้วนอบนบคอยฟังรับสั่งสนอง
มเหสีสองคำนับคอยรับรอง เฝ้าละอองบาทบงสุ์พระทรงธรรม์
ต่างยินดีปรีดิ์เปรมเกษมสุข บรรเทาทุกข์เหมือนได้ผ่านวิมานสวรรค์
ดูพักตราโชติช่วงดั่งดวงจันทร์ เหมือนเมื่อวันเพ็ญบูรณ์จำรูญเรือง
ปราศจากราคีไม่มีเมฆ อดิเรกผ่องศรีฉวีเหลือง
เป็นสิ้นทุกข์สุกใสในประเทือง ทูลถามเรื่องเสด็จไปในนที ฯ
๏ ป่างพระจอมนคเรศเกศกษัตริย์ โองการตรัสเล่าพระน้องทั้งสองศรี
เอาเรื่องหลังมาแถลงแจ้งคดี ให้สองศรีนาฏอนงค์ได้ทรงฟัง
ความทุกข์ยากที่ลำบากในกระสินธุ์ ให้ยุพินทราบตามเนื้อความหลัง
จนกลับมาถึงประเทศนิเวศน์วัง ให้สองฟังเสร็จสิ้นนางยินดี ฯ
๏ ฝ่ายสุรางค์นางในก็เชิญเครื่อง ถวายเบื้องบงกชบทศรี
ทั้งเอมโอชโภชนาข้าวสาลี มเหสีสองนางนั่งบำเรอ
นางถวายอยู่งานพลางกรานกราบ ศิโรราบหมอบเรียงเคียงเสนอ
ประไพพริ้มอิ่มเอมทั้งเปรมเปรอ คอยบำเรอเฉลิมบาทกษัตรา
เสวยเสร็จพระเสด็จขึ้นจากอาสน์ เข้าปราสาทเร็วพลันด้วยหรรษา
พอพลบค่ำย่ำแสงพระสุริยา นางสุดาเสนอนาถบาทยุคล
พระอิงแอบแนบชิดสนิทสนอม นางโน้มน้อมประดิพัทธ์ไม่ขัดสน
บำเรอรักรสรื่นชื่นกมล ถนอมปรนเปรอประชดที่อดออม
สุมาลีคลี่คลายขยายเสา วรสเร้าโรยรื้อกระพือหอม
แมงภู่ผึ้งคลึงเคล้นเฝ้าเฟ้นตอม ระเหยหอมหวนประทิ่นกลิ่นผกา
พิรุณโรยโปรยปรายบนสายฝน ให้มัวมนมืดมิดทุกทิศา
พายุโยกโบกก้องท้องสุธา เมขลาโยนแก้วอยู่แววไว
รามสูรขว้างขวานประหารเปรี้ยง สำเนียงเพียงโกลาสุธาไหว
นทีนองท้องมหาสมุทรไท เป็นคลื่นใหญ่กระทบเขาลำเนาเนิน
ฝูงมัจฉานาคินทร์ขึ้นดิ้นโดด ตามเขาโขดฝูงนกวิหคเหิน
ทั้งเหมหงส์หลงถ้ำเล่นน้ำเพลิน เที่ยวด้อมเดินเล่นน้ำในลำธาร
เขาพระเมรุเอนอ่อนชะง่อนชะโงก เขยื้อนโยกวายุพัดเสียงฉัดฉาน
ระรื่นเรื่อยเฉื่อยฉ่ำพอสำราญ ต่างชื่นบานในอุราที่อาวรณ์
ภิรมย์รสปลดเปลื้องที่เรื่องทุกข์ เกษมสุขภิญโญสโมสร
จนแจ่มแจ้งแสงสีรวีวร พระเสร็จจรจากที่ศรีไสยา
แล้วสระสรงทรงเครื่องเรืองจำรัส เพชรรัตน์แก้วเก้าวาวเวหา
ทรงพระแสงเนาวรัตน์อัษฎา เสด็จออกหน้าพระโรงคัลด้วยทันที
เถลิงอาสน์เศวตฉัตรประภัสสร พร้อมนิกรเสนาบดีศรี
จึงตรัสสั่งพวกพหลแลมนตรี จะไปที่สิงขรในดอนดง
จงจัดแจงแต่งรถสุวรรณรัตน์ เทียมกัณฐัศว์ตัวประเสริฐระเหิดระหง
จะไปเฝ้านักสิทธ์บิตุรงค์ โดยจำนงเร่งรัดไปจัดการ
ขุนเสนาผู้รับสั่งมานั่งหมาย เลกเกณฑ์จ่ายทุกหมวดตรวจทหาร
เป็นการด่วนจวนเวลาอย่าช้าการ พวกทหารพลเรือนอย่าเชือนแช
พอหมายไปให้มาช้าไม่ได้ อย่านอนใจโดยรับสั่งอย่างกระแส
ประเดี๋ยวใจพร้อมพรั่งทั้งสังข์แตร กระบวนแห่ตั้งริ้วเป็นทิวไป ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงอาณาจักร เห็นพร้อมพรักเกณฑ์แห่แลไสว
พระชวนบุตรสุดที่รักร่วมฤทัย เสด็จไปทรงรถพระกลดบัง
เคลื่อนพหลพลทหารแล้วขานโห่ สำเนียงโกลาแซ่ทั้งแตรสังข์
รีบออกจากขอบเขตนิเวศน์วัง เข้าป่ารังร่มรื่นชื่นสำราญ
รุกขาเขาเหล่าสัตว์จัตุบาท บ้างวิ่งกลาดตามตรอกซอกละหาน
คณานกร่อนร้องก้องกังวาน เสียงประสานซ้อแซ้ฝูงแกกา
ทั้งนกไม้ในดงเหมหงส์ห่าน มีมานานหลายหลากมากนักหนา
จะร่ำไรไพรวันพรรณนา ครั้นจะว่าซ้ำซากจะมากมาย
ขอตัดบทงดไว้ในเรื่องป่า การที่ว่ามาก็มากฟังหลากหลาย
มันจะเลอะเปรอะหูไม่สู้สบาย ข้างเรื่องปลายมันจะจืดไม่ยืดยืน
ไปถึงที่บริเวณพระดาบส พร้อมกันหมดพักศาลาไม่ฝ่าฝืน
รถที่นั่งเรียงรายตามไฟฟืน เป็นกลางคืนต้องประทับหยุดหลับนอน ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ เสร็จสำนักกุฎีใหญ่ท้ายสิงขร
ครั้นพลบค่ำย่ำแสงพระทินกร พระจันทร์จรแจ่มหล้านภาลัย
พลางเสร็จออกนอกกุฏิ์หยุดประทับ ที่สำหรับเทศนาคนอาศัย
เคาะระฆังดังลั่นสนั่นไป พวกชีไพรพร้อมกันมาวันทา ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศิลมุนินทร์นาถ ตรัสประภาษแจ้งเหตุเทศนา
แสดงข้อบรมัตถ์อนัตตา สังขารามันไม่แน่ย่อมแปรปรวน
ก็สูญเปล่าเราท่านอย่าพันผูก อันเมียลูกชื่นชมเหมือนลมหวน
ไม่ยังยืนอยู่แท้ย่อมแปรปรวน มักทบทวนต่างต่างทั้งร่างกาย
มันไม่แน่แก่ชราทั้งตาหู เนื้อหนังยู่เค็มประดาพาฉิบหาย
ก็ย่อมเปนอนิจจังแก่ร่างกาย ยังไม่ตายดูสมเพชเวทนา
จงหยั่งจิตลงที่ในพระไตรลักษณ์ คงประจักษ์เห็นห่วงบ่วงตัณหา
เกิดผูกมัดรัดรึงไว้ตรึงตรา ทรมาสัตว์หลงให้วงเวียน
จงตั้งจิตคิดหวังในทางพระ สลัดสละราคาอันพาเหียร
คิดเป่าปัดตัดราคค่อยพากเพียร เหมือนกงเกวียนพาหมุนให้วุ่นไป
คือตัวสังสารวัฏตัดไม่ขาด ด้วยอำนาจจิตพะวงให้หลงใหล
อันปัญญาเหมือนพระขรรค์ค่อยฟันไป กว่าจะได้ทางประโยชน์โพธิญาณ
พระมุนินทร์แจ้งเหตุเทศนา ให้ศีลห้าถือเอาธรรมกรรมฐาน
หวังจะให้ตัดห่วงคือบ่วงมาร ไปนิพพานเปรมปราสถาวร
พอจบธรรมคำเทศน์แจ้งเหตุผล ให้ฝูงชนศิษย์จำเอาคำสอน
พวกศิษย์พากันไปหลับนอน พระภูธรเข้าในที่ไสยา ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ สถิตอาสน์รถที่นั่งกำบังฝา
ครั้นรุ่งรางสร่างแสงพระสุริยา สกุณาร้องเรียกกันเพรียกดง
ไก่กระชั้นขันเจื้อยระเรื่อยเสียง เสนาะสำเนียงก้องในไพรระหง
กากะเหว่าเร้าเร่งพระสุริยง ก็ฟื้นองค์จากรถาไม่ช้านาน
ชวนพระหน่อนฤบาลชาญสมร บทจรไปกุฎีที่วิหาร
สะพรั่งพร้อมเสนีปรีชาชาญ เครื่องมัสการของฉันทั้งหวานคาว
ให้ยกไปไว้หน้าพระอาศรม ทั้งแกงต้มตีตราหุ้มผ้าขาว
ของต่างต่างเค็มมันเครื่องหวานคาว ทั้งมะพร้าวน้ำหอมมีพร้อมเพรียง
ขนเข้าไปไว้ที่หน้าพระอาศรม เครื่องขนมยกขึ้นวางข้างเฉลียง
จัดเอาของต่างต่างขึ้นวางเรียง สำหรับเลี้ยงนักพรตหมดด้วยกัน ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงศิลมุนินทร์นาถ เสร็จลีลาศออกมาหน้าโรงฉัน
เห็นพระสุดสาครจรจรัล มาอภิวันท์บาทาฝ่าธุลี
ป่างพระองค์ทรงศิลมุนินทร์นาถ ตรัสประภาษโดยจริตกิจฤๅษี
เออเจ้าหายไม่เห็นมาก็กว่าปี หรือไพรีมีประชิดติดนคร ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงไอศวรรย์ บังคมคัลทูลนักสิทธ์อดิศร
ไปเยี่ยมแม่มัจฉาในสาคร กับภูธรพระโยคีผู้ปรีชา
แล้วทูลความตามชนนีนาถ ขอกราบบาทในพระองค์ทรงสิกขา
ว่าชาตินี้มีกรรมจำนิรา มิได้มาฉลองคุณพระมุนี
เพราะเป็นสัตว์มัจฉาใช่มานุษย์ ไม่บริสุทธ์สารพัดจะบัดสี
แม้นชาติหน้าขอเป็นข้าฝ่าธุลี กว่าชีวีจะวอดวายทำลายลาญ
พระทรงฟังถ้อยคำที่ร่ำสั่ง ถวิลหวังวรนุชสุดสงสาร
แม้นไม่ได้มัจฉายุพาพาล จะวายปราณเสียในคลื่นไม่คืนเป็น
พระตรัสว่าแม่ของเจ้าคุณเขามาก เมื่อยามยากเข็ญใจก็ได้เห็น
สู้อุ้มพาฝ่าคลื่นให้คืนเป็น มาพบเห็นเจ้าประคุณพระมุนินทร์
พระตรัสพลางทางเรียกพระเจ้าหลาน กุมารคลานเข้าไปดั่งใจถวิล
บังคมเบื้องบาทบงส์องค์มุนินทร์ พระทรงศีลอวยชัยพลางให้พร
จงจำเริญสุขาอย่ามีทุกข์ ให้ผาสุกภิญโญสโมสร
จงเรืองสิทธ์ฤทธิไกรขจายขจร ทั่วนครชนะหมดปรากฏไป
สุมาลีชีละเวงวัณฬาราช ทั้งสองนาฏพจนาพลางปราศรัย
ต่างเชยชมพระเจ้าหลานสำราญใจ พระหน่อไทกราบก้มประนมกร ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมสิขรินมุนินทร์นาถ ให้โอวาทลูกยานัดดาสมร
จงสงเคราะห์เหล่าอาณาประชากร เลี้ยงราษฏรวงศาเสนานาย
ใครทำชอบตอบแทนให้สมยศ ได้ปรากฏสืบไปเหมือนใจหมาย
อุตส่าห์สร้างทางบุญอย่าวุ่นวาย ทั่งไพร่นายคุ้มขังทั้งแผ่นดิน ฯ
๏ สุดสาครคำนับรับบรรหาร พลางกราบกรานจะกลับวังดั่งถวิล
ศิโรราบกราบอนงค์องค์ยุพิน ออกจากถิ่นสิงคุตรกับบุตรพลัน
มาทรงรถบทจรจากอาวาส ระดาดาษพร้อมพหลพลขันธ์
จากประเทศเขตแคว้นแดนอรัญ สำเนียงลั่นกึกก้องทั้งท้องดง
ทั้งเสียงพลเสียงรถอัศวราช ระดาดาษเดินในไพรระหง
ล้วนเกณฑ์แห่แออัดจัตุรงค์ ทั้งทวนธงรีบมาในป่าดอน
ไม่ยับยั้งรั้งราโยธาหาญ ข้ามห้วยธารเดินทางหว่างสิงขร
พระเร่งรีบแสนยาพลากร ไม่แรมร้อนมากระทั่งถึงลังกา
หยุดประทับคับคั่งกันพรั่งพร้อม ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นมหา
เสด็จเข้าเวียงวังทั้งลูกยา ขึ้นมหาปรางค์มาศปราสาททอง ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ