ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก

   
๏ จะกล่าวกลับจับเรื่องเมืองผลึก ยังว่างศึกสงัดเหตุทุกเขตขัณฑ์
พระอภัยได้สำราญมานานครัน กับสุวรรณมาลีนิฤมล
ตั้งแต่ใช้ให้พระน้องกับหน่อนาถ ไปเฝ้าบาทบิตุเรศฟังเหตุผล
เป็นปีหนึ่งจึงได้แจ้งแห่งยุบล ด้วยสานนพราหมณ์ถือหนังสือมา
ว่าพระน้องกับสองโอรสราช บังคมบาทบทเรศพระเชษฐา
ด้วยไปถึงซึ่งจังหวัดกรุงรัตนา พระพาราผาสุกสนุกสบาย
แต่พระชนกชนนีโมลีโลก ชราโรคเรื้อรังยังไม่หาย
ต้องคอยฟังรั้งรออยู่พอคลาย จะถวายบังคมกลับกองทัพมา
พระทราบเรื่องเปลื้องทรวงที่ห่วงหลัง ด้วยพร้อมพรั่งเผ่าพงศ์พระวงศา
จึงปลดเปลื้องเครื่องทรงอลงการ์ ประทานสานนพราหมณ์ด้วยความรัก
ทั้งพวกไพร่ได้บำเหน็จแล้วเสร็จสรรพ ทูลลากลับล่องลมไปรมจักร
พระโฉมยงองค์อภัยวิไลลักษณ์ บำรุงรักราษฎรไม่ร้อนรน
แล้วรางวัลบรรดาสานุศิษย์ ซึ่งตามติดปรนนิบัติเมื่อขัดสน
ล้วนจีนจามพราหมณ์แขกฝรั่งปน ทั้งร้อยคนคู่ยากลำบากมา
ประทานเมียสาวสาวขาวน้อยน้อย ถ้วนทั้งร้อยรูปงามตามภาษา
กับกำปั่นบรรทุกเกลือข้าวปลา ทั้งเงินห้าร้อยทั่วทุกตัวคน
ให้ไปอยู่บูรีรอบขอบประเทศ คอยแจ้งเหตุตื้นลึกศึกสิงหล
ให้มีไพร่ไว้สำหรับอยู่กับตน ทั้งร้อยคนคนละร้อยไม่น้อยใจ ฯ
๏ ฝ่ายจีนจามพราหมณ์ฝรั่งแขกอังกฤษ สุจริตรักพระองค์ไม่สงสัย
ได้กำปั่นภรรยาทั้งข้าไท เหมือนเกิดใหม่มั่งมียินดีนัก
ต่างทูลว่าถ้าแม้นเมืองผลึก ต้องทำศึกกับลังกาอาณาจักร
จะเจ็บแค้นแทนพระคุณการุญรัก สาพิภักดิ์ต่อเจ้ากินข้าวเกลือ
แล้วทูลลาพาอนงค์ลงกำปั่น อยู่ห้องกั้นเก๋งท้ายสบายเหลือ
ทั้งไพร่พลคนใช้ที่ในเรือ มีห้องนอนหมอนเสื่อสบายใจ
พอลมดีคลี่ใบขึ้นใส่รอก ต่างแล่นออกอ่าวมหาชลาไหล
ด้วยเจนทางกลางคงคาเคยมาไป ต่างใช้ใบแยกย้ายไปรายเรียง
พวกจีนแล่นแผนที่ตะวันออก ออกเส้นนอกแหลมเรียวเลี้ยวเฉลียง
ไปกึงตั๋งกังจิ๋วจุนติ๋วเซียง เข้าลัดเลี่ยงอ้ายมุ้ยแล่นฉุยมา
ข้างพวกแขกแยกเยื้องเข้าเมืองเทศ อรุมเขตคุ้งสุหรัดปัตหนา
ไปปะหังปังกะเราะเกาะชวา มะละกากะเลหวังตรังกะนู
วิลันดามาแหลมโล้บ้านข้าม เข้าคุ้งฉลามแหลมเงาะเกาะราหู
อัดแจจามข้ามหน้ามลายู พวกญวนอยู่เวียดนามก็ข้ามไป
ข้างพวกพราหมณ์ข้ามไปเมืองสาวถี เวสาลีวาหุโลมโรมวิสัย
กบิลพัสดุ์โรมพัฒน์ถัดถัดไป เมืองอภัยสาลีเป็นที่พราหมณ์
ข้างพวกไทยได้ลมก็แล่นรี่ เข้ากรุงศรีอยุธยาภาษาสยาม
พม่ามอญย้อนเข้าอ่าวพุกาม ฝรั่งข้ามฟากเข้าอ่าวเยียระมัน
ที่บางเหล่าก็เข้าอ่าววิลาส เมืองมะงาดมะงาดามะงาศวรรย์
ข้ามเกาะเชามาลีกปิตัน หาพงศ์พันธุ์พวกพ้องพี่น้องตัว
ที่จากบ้านนานเหลือพวกเรือแตก จนเมียแปลกผัวรักไม่ทักผัว
ที่ถึงค่ำร่ำเรียกอยู่ริมรั้ว ก็กลับกลัวว่าปีศาจไม่อาจรับ
ที่เรือเสียเมียหมายตายเป็นผี จนเขามีผัวใหม่พอได้กลับ
ทั้งสองข้างต่างกระดากปากงับงับ บ้างร้องฟ้องต้องปรับจับชู้เมีย
ที่เมียมีขี้หึงพอถึงรั้ว ก็แคลงผัวมิอยากเชื่อว่าเรือเสีย
รู้ว่าพามาใหม่เหมือนไฟเลีย ต้องปลอบเมียแทบทั่วทุกตัวคน ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ ปล่อยคนรักรายแฝงทุกแห่งหน
แม้นฝรั่งลังกามาประจญ จะซ้อนกลการศึกให้ลึกซึ้ง
แล้วพระองค์ทรงสำราญผ่านสมบัติ แต่นางกษัตริย์มเหสีนั้นขี้หึง
เห็นโปรดใครใหญ่ขึ้นก็มึนตึง จึงทรงครรภ์ไม่ทันถึงในครึ่งปี
ครั้นคลอดราชธิดาเป็นฝาแฝด ดังทองแปดนพคุณจรูญศรี
ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนกันสิ้นทั้งอินทรีย์ พระอัยกีรักใคร่กระไรเลย
เห็นหลานมากอยากเลี้ยงเข้าเคียงข้าง พระทัยนางนึกนิยมชมลูกเขย
แล้วว่าดีมีถมดอกนมเนย ขอให้เคยคู่แฝดสักแปดคราว
แล้วเลือกสรรบรรดานางข้าหลวง ดูงามท่วงทีละมุนพึ่งรุ่นสาว
ให้เห่เรื่อยเฉื่อยฉ่ำทุกค่ำเช้า สำเนียงราวเรไรในไพรวัน
ทั้งพี่เลี้ยงนางนมล้วนสมศักดิ์ บำรุงรักตื่นหลับเฝ้ารับขวัญ
พระอู่ทองสองอู่เป็นคู่กัน ทุกคืนวันเวียนระวังเป็นกังวล ฯ
๏ จะกลับกล่าวเจ้าลังกาอาณาเขต ปิ่นประเทศแว่นแคว้นแดนสิงหล
แต่ลูกยามาแถลงแจ้งยุบล ว่าเสียพลพ่ายแพ้จะแก้อาย
ก็ห่วงบุตรอุศเรนพระลูกรัก พระชงฆ์หักหมอแก้พอแผลหาย
แล้วรื้อกลับจับไข้มิใคร่คลาย ศึกจึงวายเว้นช้าถึงห้าปี
ให้พอประทังยังชั่วตั้งตัวได้ หมายจะไปทำศึกไม่นึกหนี
ให้เกณฑ์คนพลเมืองเอกโทตรี บรรดามีมาระดมเข้าสมทบ
แต่ทัพหน้าห้าแสนถือแหลนหลาว ทั้งปืนยาวปืนสั้นเข้าบรรจบ
ยังปีกป้องกองหลวงควงเข้างบ ทหารรบห้าหมื่นพื้นฉกรรจ์
ทั้งกองหลังรั้งท้ายก็หลายแสน ล้วนปืนแม่นมีแรงแข็งขยัน
มารวมรอมพร้อมหมดกำหนดวัน ใครไม่ทันโทษาถึงผ่าทรวง
ราชบุตรอุศเรนเป็นทัพหน้า เจ้าลังกากำกับเป็นทัพหลวง
มาถึงทั่วหัวเมืองสิ้นทั้งปวง ตามกระทรวงศึกกษัตริย์ปราบดัสกร
แล้วเดินบกยกมาลงท่าข้าม ถนนพระรามเรือแพแซ่สลอน
ยั้งหยุดจัดหัดทหารให้ราญรอน ข่าวขจรทั่วทั้งเกาะลังกา ฯ
๏ ฝ่ายทหารพระอภัยเป็นไส้ศึก ที่ตื้นลึกลอบถามตามภาษา
ครั้นรู้แจ้งแต่ให้เรือใช้มา แจ้งกิจจาเจ้านายได้ถ่ายเท ฯ
๏ พระอภัยได้ความให้ขามศึก อุตส่าห์ตรึกตรองอุบายเป็นหลายเล่ห์
จะรบพุ่งกรุงไกรใกล้ทะเล ให้ว้าเหว่วิญญาณ์เอกากาย
เป็นห่วงหลังระวังหน้าหนักหนานัก พระน้องรักลูกน้อยก็คอยหาย
ยิ่งตรองตรึกนึกไปไม่สบาย จึงภิปรายปรึกษานางวาลี
ศึกมายั้งตั้งกระบวนจะจวนข้าม มาสงครามรบพุ่งถึงกรุงศรี
จะจัดแจงแต่งทหารออกต้านตี หรือจะหนีนางเห็นเป็นอย่างไร ฯ
๏ ส่วนวาลีปรีชาปัญญาหญิง เป็นยอดยิ่งยิ้มย่องสนองไข
จะฟันแทงแย้งยิงออกชิงชัย สงสารไพร่ก็จะม้วยลงด้วยกัน
แม้นลวงล่อพอให้ได้ชัยชนะ ก็เห็นจะทำได้ใจหม่อมฉัน
ขอพระองค์จงเป็นกองออกป้องกัน คุมกำปั่นแปดร้อยคอยระวัง
แม้นสงครามตามตีจงหนีหลบ ไปวันหนึ่งจึงค่อยทบตลบหลัง
มาปากอ่าวก้าวสกัดตัดกำลัง ให้พร้อมพรั่งทั้งทัพรบสมทบกัน
ข้าจะรับจับท้าวเจ้าสิงหล ด้วยเล่ห์กลโอนอ่อนคิดผ่อนผัน
นางทูลความตามปัญญาสารพัน ทั้งสุวรรณมาลีเห็นดีจริง
จึงทูลว่าข้าจะรับเป็นทัพซ้ำ ช่วยเผาลำนาวาประสาหญิง
พระทรงฟังนั่งเอกเขนกอิง เห็นดียิ่งเจียวปัญญานางวาลี
ทั้งโฉมยงนงลักษณ์อัคเรศ รู้ไตรเพทพอใจรบไม่หลบหนี
เคยรบเรือเชื่อถือฝีมือดี พระเปรมปรีดิ์ปรึกษาเสนาใน
ให้เตรียมรับทัพลังกาพวกข้าศึก ที่ตื้นลึกเล่าแจ้งแถลงไข
เห็นสมคะเนเสนีก็ดีใจ ไปเตรียมไว้พร้อมพรั่งคอยฟังความ ฯ
๏ ฝ่ายลังกาฝรั่งอยู่หลังถนน พอพักพลฝึกทหารชาญสนาม
ออกจากฝั่งวังวนถนนพระราม แล้วยกข้ามฟากมาสิบห้าคืน
ถึงเขตคุ้งกรุงผลึกนึกประหลาด ไม่เห็นลาดตระเวนแขวงมาแข็งขืน
เข้าปากน้ำสำคัญให้ลั่นปืน เสียงปึงปังดังครื้นทั้งธรณี
พอเช้าตรู่ดูเรือเหนือปากอ่าว ออกแล่นก้าวคลาดเคลื่อนเหมือนจะหนี
จึงสั่งบุตรอุศเรนเจนวารี ให้ตามตีต้อนตัดสกัดทาง
ฝ่ายทัพหน้าห้าแสนเรือพันสอง ออกลอยล่องแล่นไล่ใบสล้าง
ได้ครึ่งวันทันทัพที่ท่ามกลาง เข้ารบพลางแล่นหนียิ่งตีตาม ฯ
๏ ฝ่ายทัพหลวงล่วงเข้าอ่าวปากน้ำ พอพบลำเรือครัวจับตัวถาม
ตะคอกขู่ผู้เฒ่าจึงเล่าความ ว่าสงครามข้ามอ่าวมาคราวนี้
จะสังหารผลาญอาณาประชาราษฎร์ ให้วินาศนองเนืองไปเมืองผี
พอเดือนเที่ยงเสียงปืนเมื่อคืนนี้ ชาวบุรีหนีพลัดกระจัดกระจาย
พระอภัยได้กำปั่นสักพันถ้วน บรรทุกล้วนเงินทองของทั้งหลาย
แล้วจุดเผาข้าวปลาพาหญิงชาย หนีไปฝ่ายทะเลลมยมนา
ที่เหลืออยู่บูรีก็หนีเร้น มิให้เห็นเนื้อตัวกลัวหนักหนา
เดี๋ยวนี้ไฟไหม้เผาฉางข้าวปลา ชาวพาราร้องอึงคะนึงไป
ข้าเจ้านี้มีเรือเกลือข้าวสาร พาลูกหลานจะไปหาที่อาศัย
ไม่สู้รบหลบตัวด้วยกลัวภัย จงโปรดไว้ชีวาอย่าฆ่าฟัน
สมเด็จท้าวเจ้าลังกาอาณาเขต ได้ทราบเหตุเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์
จึงว่าทัพอุศเรนเห็นจะทัน ด้วยติดพันพอเขม้นเห็นไรไร
ให้ทัพหลังตั้งปิดอยู่ปากอ่าว คอยสืบข่าวทัพหน้าว่าถึงไหน
ถ้าหนักแน่นแล่นหนุนเนื่องกันไป เราทัพใหญ่จะเข้าอยู่ในบูรี
ได้เกลี้ยกล่อมล้อมอาณาประชาราษฎร์ ที่ขยาดยกอพยพหนี
พอเรียบราบปราบปรามสามราตรี จึงตามตีทัพเรือก็เหลือทัน
แล้วเตือนไพร่ให้รีบเรือที่นั่ง ทั้งหน้าหลังหลามแม่น้ำล้วนกำปั่น
เห็นเมืองไหม้ไฟกลุ้มชอุ่มควัน เห็นสำคัญคิดว่าจริงไม่กริ่งใจ
ให้จอดฝั่งพรั่งพร้อมทหารรบ พอจวนพลบไฟฟางสว่างไสว
ให้แยกกองป้องกันชาวกรุงไกร อย่าให้ใครหนีออกนอกกำแพง
พอมืดมนพลทัพก็ยับยั้ง อยู่บนฝั่งฟากบุรินทร์ไม่กินแหนง
บ้างสูบฝิ่นกินเหล้าหุงข้าวแกง ขุนนางแต่งโต๊ะเลี้ยงกันเรียงราย ฯ
๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสมร เป็นทัพซ่อนซุ่มสมอารมณ์หมาย
จึงขับไพร่ให้ล้อมเลียบหาดทราย แล้วตัดสายสมอใหญ่จุดไฟโพลง
ผลักกำปั่นหันกลับทับปะทะ ล้วนเกะกะปะกันควันโขมง
นางวาลีที่อยู่ห้องท้องพระโรง เห็นเพลิงโพลงพลอยให้ปืนใหญ่ยิง
แล้วยกออกนอกกำแพงไล่แทงทัพ มิทันรับรบสู้เสียรู้หญิง
บ้างล้มตายนายไพร่ตกใจจริง กระเจิงวิ่งเวียนวนด้วยจนใจ
จะลงเรือเชื้อเพลิงก็โพลงผลาญ เหล่าทหารเห็นไม่มีที่อาศัย
บ้างลงน้ำดำดั้นจนบรรลัย ชาวเมืองไล่จับกุมตะลุมบอน
ส่วนสุวรรณมาลีตีสกัด ให้แตกตัดขึ้นตลิ่งข้างสิงขร
ด้วยมากมายหลายแสนแน่นนคร จึงตีต้อนแต่พอให้ไพร่พลัดพราย
หมายว่ารุ่งพรุ่งนี้จึงตีทัพ เที่ยวตามจับก็จะได้ดังใจหมาย
ชาวผลึกฮึกใจทั้งไพร่นาย เที่ยวฟันตายดุเดือดลุยเลือดแดง ฯ
๏ สงสารท้าวเจ้าลังกาชราร่าง ขี่ขุนนางนายทหารชาญกำแหง
ขึ้นตลิ่งวิ่งเลี้ยวด้วยเรี่ยวแรง ใครกีดขวางทางแทงตะลุยมา
ฝ่ายปลัดหัศเกนกุเวนระเวก ทหารเอกสี่นายทั้งซ้ายขวา
ไม่ขึ้นบกวกลงข้างคงคา ทัพนางวาลีลัดสกัดกัน
เข้าเกลื่อนกลุ้มรุมจับก็กลับรบ ตีตลบเลี้ยวเวียนเที่ยวเหียนหัน
พอทัพหลังลังกาเข้ามาทัน ต้องขยั้นหยุดแลอยู่แต่ไกล
ด้วยกลางคืนครื้นครึกเสียงกึกก้อง ทั้งพวกพ้องไม่รู้ว่าอยู่ไหน
แต่โห่ร้องก้องลั่นสนั่นไป หมายจะให้เพื่อนรู้เร่งสู้รบ ฯ
๏ ฝ่ายพวกพลบนตลิ่งวิ่งลงน้ำ ชาวเมืองซ้ำแทงทับไม่นับศพ
ด้วยเหตุเหล่าชาวบุรีนั้นมีคบ จึงพรักพร้อมล้อมตลบสมทบกัน
แต่สุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ ให้เกณฑ์หัดเขนทองกับกองขัน
เที่ยวเก็บเรือเหลือเผาที่เหล่านั้น ได้กำปั่นหลายร้อยรีบถอยมา
เอาปืนใหญ่ใส่ลำละร้อยบอก ให้ยกออกโอบฝั่งไปข้างหน้า
เข้ารบรับทัพหลังชาวลังกา แต่เวลายังดึกเสียงครึกครื้น
ฝ่ายเสนาวาลีนารีห้าม ก็ติดตามฆ่าแขกวิ่งแตกตื่น
กำปั่นรับกับกำปั่นต่างลั่นปืน สะเทื้อนสะทึกครึกครื้นในราตรี ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไอศวรรย์ คุมกำปั่นแปดร้อยทำถอยหนี
ค่อยรบล่อรอมาในราตรี เห็นทัพตีต้านรุดไม่หยุดยั้ง
ให้กองร้อยลอยรอล่อให้ไล่ แต่ทัพใหญ่ย้อนทบตลบหลัง
มาปากอ่าวเช้าตรู่ดูประดัง เห็นเรือลังกาลอยจะถอยทัพ
เร่งระดมสมทบเข้ารบพุ่ง ช่วยชาวกรุงกลุ้มกลัดสกัดจับ
ลังกาแตกแยกย้ายล้มตายยับ อยู่กลางทัพเรือกระหนาบลงกราบกราน
ทิ้งศัสตราอาวุธลงทรุดนั่ง ยังสู้มั่งอยู่แต่ฝ่ายนายทหาร
คนหนึ่งดำล่ำเหลือดังเสือทะยาน ทั้งถือขวานสองมือดูดื้อดึง
โดดขึ้นลำกำปั่นเพื่อนกันได้ จะเข้าไปช่วยเจ้าเข้าไม่ถึง
พอทัพบกยกออกมาอึงคะนึง เสียงหึ่งหึ่งโห่ร้องก้องกังวาน
องค์พระมเหสีนั้นขี่รถ กั้นพระกลดแปลงกายเป็นนายทหาร
นางวาลีขี่ม้ามีเบาะอาน คนละด้านเดินรบบรรจบกัน
พอเห็นแขกแบกเจ้าลังกาวิ่ง เลียบตลิ่งจะลงลำเรือกำปั่น
นางวาลีฝีมือแม่นเกาทัณฑ์ เขย่งยันยิงท้าวเจ้าลังกา
ทั้งสามลูกถูกเกราะกะเทาะทะลุ ลูกหนึ่งปรุปักแน่นที่แขนขวา
พอทหารขวานสองมือดื้อเข้ามา ยกใส่บ่าแบกพระองค์วิ่งลงเรือ
แล้วรีบฝ่าพาเจ้าออกอ่าวได้ กับนายไพร่ทัพหลังที่ยังเหลือ
สงสารท้าวเจ้าลังกาชราเรื้อ ลงถึงเรือรู้ว่าถูกลูกเกาทัณฑ์
พอถอนหลุดสุดแสบให้แปลบปลาบ โลหิตอาบอังสาแทบอาสัญ
ที่ปากแผลแก้เอาผ้าเช็ดหน้าพัน รีบกำปั่นข้ามฝั่งไปลังกา ฯ
๏ พระอภัยได้ของพวกกองทัพ เครื่องสำหรับรบพื้นแต่ปืนผา
ทั้งหมวกเสื้อเหลือล้นคณนา ของโยธาทิ้งกลาดที่หาดทราย
ให้ร้องป่าวชาวเมืองมาเก็บของ ตามจะต้องการในน้ำใจหมาย
ทั้งได้คนพลเรือที่เหลือตาย ก็มากมายหมื่นแสนแน่นนคร
จึงให้พระมเหสีวาลีห้าม อยู่ปราบปรามพลศึกคิดฝึกสอน
ส่วนพระองค์ลงที่นั่งเรือมังกร ให้ตีต้อนฆ้องเตือนแล้วเคลื่อนทัพ
ออกกำปั่นพันร้อยลอยสล้าง คอยปิดทางทัพหน้าเมื่อขากลับ
กองละร้อยลอยกระบวนจะสวนรับ รุมกันจับอุศเรนเจนณรงค์ ฯ
๏ ฝ่ายลูกท้าวเจ้าลังกากองหน้านั้น ตามกำปั่นไปด้วยเชิงละเลิงหลง
เมื่อเสียทัพอับปางเป็นลางลง เผอิญธงชัยปักนั้นหักทบ
ทั้งทัพหนีทีจะยกกลับวกหลัง จึงรอรั้งเรียกทัพกลับตลบ
ให้กองร้อยลอยล่อมาพอพลบ ก็พอพบทัพพระอภัยมณี
ด้วยมืดค่ำสำคัญว่าทัพหลวง ก็ล่องล่วงเลียบคุ้งเข้ากรุงศรี
พอลำทรงตรงเข้าอ่าวชาวบุรี ต่างก็ตีฆ้องโห่เป็นโกลา
แล้วลอบลอยปล่อยปืนเสียงครื้นครึก ถูกข้าศึกไพร่นายตายหนักหนา
อุศเรนเห็นผิดทัพบิดา จะกลับลำเขาก็ล้อมไว้พร้อมเพรียง
มานะหนักชักใบขึ้นใส่รอก จะกลับออกปากอ่าวแล่นก้าวเฉียง
พวกชาวเมืองเยื้องยิงปืนใหญ่เรียง ลูกส้มเกลี้ยงวับผึงเสียงตึงตัง
ถูกท้ายแตกแยกโย้ราโทหัก ทะลุทะลักล่มคว่ำบ้างน้ำขัง
จะปิดแผลแก้ไขก็ไม่ฟัง ลำที่นั่งอุศเรนได้เอนเอียง
ดังอู้อู้ครู่หนึ่งท่วมถึงท้าย คนลงว่ายน้ำเรียกกันเพรียกเสียง
พอลำพระอภัยเข้าไปเคียง จำสำเนียงอุศเรนได้เจนใจ
ดังอู้อู้ครู่หนึ่งท่วมถึงท้าย คนลงว่ายน้ำเรียกกันเพรียกเสียง
พอลำพระอภัยเข้าไปเคียง จำสำเนียงอุศเรนได้เจนใจ
จึงให้คนบนเรือลงไปรับ อุ้มประคับประคองพาขึ้นมาได้
อุศเรนเอนซบสลบไป พระอภัยเข้าประคองนองน้ำตา
พอรุ่งแจ้งแสงตะวันกำปั่นรบ ต่างหลีกหลบแล่นไขว่เที่ยวไล่หา
พระอภัยให้ยิงปืนสัญญา หยุดโยธาถอยทัพกลับเข้าเมือง ฯ
๏ ฝ่ายพวกเรือเหลือแตกต้องแยกย้าย ที่ไม่ตายรอดบ้างก็คางเหลือง
ต่างหลบลี้หนีล่องไปนองเนือง กลัวชาวเมืองผลึกนึกขนพอง
พระอภัยใจดีเป็นที่สุด เมื่อจับอุศเรนได้มิให้หมอง
ให้เชิญองค์ทรงเสลี่ยงเคียงประคอง หามมาท้องพระโรงรัตน์ชัชวาล
ทั้งทอดที่มีแท่นแสนสะอาด ให้ไสยาสน์เอนองค์ด้วยสงสาร
พวกมดหมอก็ให้มาพยาบาล เอาเครื่องอานพร้อมเพรียงตั้งเรียงราย ฯ
๏ สงสารสุดอุศเรนเมื่อรู้สึก ทรวงสะทึกแทบจะแยกแตกสลาย
พอเห็นองค์พระอภัยยิ่งให้อาย จะใคร่ตายเสียให้พ้นก็จนใจ
คลำพระแสงแฝงองค์ที่ทรงเหน็บ เขาก็เก็บเสียเมื่อพบสลบไสล
ให้อัดอั้นตันตึงตะลึงตะไล พระอภัยพิศดูก็รู้ที
จึงสุนทรอ่อนหวานชาญฉลาด เราเหมือนญาติกันดอกน้องอย่างหมองศรี
เมื่อแรกเริ่มเดิมก็ได้เป็นไมตรี เจ้ากับพี่เล่าก็รักกันหนักครัน
มาขัดข้องหมองหมางเพราะนางหนึ่ง จนได้ถึงรบสู้เป็นคู่ขัน
อันวิสัยในพิภพแม้นรบกัน ก็หมายมั่นจะใคร่ได้ชัยชนะ
ซึ่งครั้งนี้พี่พาเจ้ามาไว้ หวังจะได้สนทนาวิสาสะ
ให้น้องหายคลายเคืองเรื่องธุระ แล้วก็จะรักกันจนวันตาย
ทั้งกำปั่นบรรดาโยธาทัพ จะคืนกลับให้ไปเหมือนใจหมาย
ทั้งสองข้างอยู่ตามความสบาย เชิญภิปรายโปรดตรัสสัตย์สัญญา ฯ
๏ อุศเรนเอนเอกเขนกสนอง ตามทำนององอาจไม่ปรารถนา
เราก็รู้ว่าท่านเจ้ามารยา ที่เรามาหมายเชือดเอาเลือดเนื้อ
ไม่สมนึกศึกพลั้งลงครั้งนี้ จะกลับดีด้วยศัตรูอดสูเหลือ
เราก็ชายหมายมาดว่าชาติเชื้อ ไม่เอื้อเฟื้อฝากตัวไม่กลัวตาย
จงห้ำหั่นบั่นเกล้าเราเสียเถิด จะไปเกิดมาใหม่เหมือนใจหมาย
แกล้งจ้วงจาบหยาบช้าพูดท้าทาย จะใคร่ตายเสียให้ลับอัประมาณ ฯ
๏ พระอภัยใจอ่อนเฝ้าวอนว่า ด้วยปรีชาเชิงชักสมัครสมาน
มิปรองดองน้องหมายจะวายปราณ พี่สงสารสุดจะทำให้จำตาย
จะขอถามตามในน้ำใจเจ้า จะให้เราทำไฉนดังใจหมาย
ที่โกรธขึ้งจึงจะเบาบรรเทาคลาย แม้นไม่ตายแต่พองามจะตามใจ ฯ
๏ ฝ่ายลูกท้าวเจ้าลังกาพยาบาท จึงว่ามาตรแม้นเราตีบุรีได้
จะจับตัวผัวเมียมามัดไว้ แล้วจะให้แล่เนื้อเอาเกลือทา
กับเปลี่ยนหัวผัวเมียเสียสำเร็จ จึงจะเสร็จสมมาดปรารถนา
พระอภัยได้ยินผินพักตรา เกินศรัทธาที่จะให้เหมือนใจคิด
จึงว่าเจ้าเล่าก็ยังกำลังแค้น จะทดแทนทำสงครามก็ตามจิต
จะปล่อยไปไม่สังหารผลาญชีวิต ด้วยว่าคิดคุณน้องสนองคุณ
เดี๋ยวนี้เล่าเจ้าก็ป่วยจะช่วยเจ้า แทนที่เรามาเรือเจ้าเกื้อหนุน
พระน้องจงสรงเสวยเหมือนเคยคุ้น พระการุญร่ำว่าด้วยอาลัย ฯ
๏ ฝ่ายวาลีปรีชาปัญญาแหลม คนสอดแนมเข้าไปแจ้งแถลงไข
ว่าพระจะส่งองค์อุศเรนไป จึงตรึกไตรตรองความตามปัญญา
พระผ่านเกล้าเรานี้อารีเหลือ เหมือนดูถูกลูกเสือเบื่อนักหนา
พระทัยซื่อถือว่าคุณเขามีมา ถึงจะว่าเห็นไม่ฟังกำลังเรา
ทั้งองค์พระมเหสีก็มิห้าม เพราะมีความการุญคิดคุณเขา
ด้วยเป็นมิตรบิตุรงค์ของนงเยาว์ เว้นแต่เราจะต้องทำแต่ลำพัง
ประเวณีตีงูให้หลังหัก มันก็มักทำร้ายเมื่อภายหลัง
จระเข้ใหญ่ไปถึงน้ำมีกำลัง เหมือนเสือขังเข้าถึงดงก็คงร้าย
อันแม่ทัพจับได้แล้วไม่ฆ่า ไปข้างหน้าศึกจะใหญ่ขึ้นใจหาย
ต้องตำรับจับให้มั่นคั้นให้ตาย จะทำภายหลังยากลำบากครัน
จะพลิกพลิ้วชิวหาเป็นอาวุธ ประหารบุตรเจ้าลังกาให้อาสัญ
ต้องตัดศึกลึกล้ำที่สำคัญ นางหมายมั่นมุ่งเห็นจะเป็นการ
จึงกลับแกล้งแต่งกายเป็นนายทัพ เหน็บกริชคร่ำด้ามประดับสำหรับทหาร
ถือธนูดูทีตะลีตะลาน มากราบกรานทูลพระอภัยมณี
ว่าองค์ท้าวเจ้าเกาะลังกานั้น ถูกเกาทัณฑ์สามดอกแล้วออกหนี
คงบรรลัยไม่ข้ามสามราตรี ขอตามตีให้กระทั่งเมืองลังกา
พระทรงฟังสั่งว่าอย่าเพ่อยก ยังวิตกอยู่ด้วยรักกันนักหนา
สงสารสุดอุศเรนพระน้องยา จะรบราฆ่าฟันกันไปไย
นางวาลีปรีชาปัญญาเย้ย ทำเงยเงยเหมือนจะดูว่าอยู่ไหน
แล้วทำว่าถ้าจะโปรดยกโทษไว้ ก็ปล่อยให้ไปรักษาบิดาเธอ ฯ
๏ ฝ่ายลูกท้าวเจ้าสิงหลอยู่บนแท่น ให้แสนแค้นคำพร้องสนองเสนอ
แต่ฮึดฮัดกัดฟันคันคะเยอ ยิ่งหาวเรอโรครุมกลุ้มอุรา
ด้วยตัวเราเขาจับมาอัปยศ ทั้งเสียยศเสียศักดิ์เสียนักหนา
แล้วมิหนำซ้ำสมเด็จพระบิดา แก่ชราก็มาถูกลูกเกาทัณฑ์
แสนระกำช้ำอกเหมือนตกเหว อีหญิงเลวแลเหมือนเงาะมาเยาะหยัน
ยิ่งคิดคิดพิษลมระดมกัน สะอื้นอั้นอกแยกแตกทำลาย
ชักชะงากรากเลือดเป็นลิ่มลิ่ม ถึงปัจฉิมชีวาตม์ก็ขาดหาย
เป็นวันพุธอุศเรนถึงเวรตาย ปีศาจร้ายร้องก้องท้องพระโรง
แล้ววิ่งเข้าชาวที่ยืนชี้นิ้ว เหมือนเล่นงิ้วเต้นโลดกระโดดโหยง
พวกขอเฝ้าเข้ายุดฉุดชะโลง ปีศาจโหงฮึดฮาดประกาศร้อง
ไม่รู้หรือคืออุศเรนราช พยาบาทอีผู้หญิงหยิ่งจองหอง
แล้วดิ้นโดดโลดโผนโจนคะนอง ไล่ทุบถองวาลีวิ่งหนีทัน
พอผีออกกลอกหัวจับตัวถาม ไม่ได้ความฟั่นเฟือนดูเหมือนฝัน
พระอภัยให้ขุนนางช่างสุวรรณ ระดมกันพร้อมพรั่งที่วังใน
ทำโกศทองรองศพมณฑปประดับ เครื่องสำหรับราชวัติฉัตรไสว
ทั้งพวกพ้องกองทัพที่จับไว้ ก็โปรดให้แห่เจ้าไปด้าวแดน
ลงกำปั่นบรรดาโยธาหาญ มากประมาณเบ็ดเสร็จสักเจ็ดแสน
ต่างไหว้กราบหลาบหมดไม่ทดแทน ตั้งแห่แหนศพเจ้าออกอ่าวไป ฯ
๏ ฝ่ายวาลีผีทับกลับมาตึก ไม่รู้สึกงวยงงให้หลงใหล
กายระรัวกลัวฝรั่งให้คลั่งไคล้ พระอภัยเสด็จมาพยาบาล
ทั้งมดหมอก็เข้าล้อมอยู่พร้อมพรั่ง จะแก้คลั่งยังไม่หายหลายขนาน
บ้างเสียผีพลีบัตรปัดรางควาน ปรายข้าวสารกรากกรากไม่อยากคลาย
ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี เห็นวาลีล้มไข้พระทัยหาย
เคียงประคองร้องเรียกอยู่ริมกาย พลางฟูมฟายชลนาด้วยอาวรณ์ ฯ
๏ ฝ่ายวาลีปีศาจเข้ากราดเกรี้ยว มันยุดเหนี่ยวหน้าหลังนั่งสลอน
สะดุ้งดิ้นสิ้นแรงตะแคงนอน สะอื้นอ้อนอ่อนอารมณ์ค่อยสมประดี
แลเห็นองค์พระอภัยวิไลลักษณ์ ทั้งองค์อัครชายามารศรี
มาพร้อมพรั่งทั้งสิ้นความยินดี ค่อยพาทีทูลลาน้ำตานอง
ชันษาข้าบาทนี้ขาดแล้ว จะคลาดแคล้วมิได้อยู่ชูฉลอง
ขอดับสูญทูลลาฝ่าละออง กษัตริย์สองพระองค์อยู่จงดี
ซึ่งผิดพลั้งตั้งแต่มาเป็นข้าบาท อย่ากริ้วกราดโปรดเกล้าช่วยเผาผี
พอขาดคำร่ำว่านางวาลี ร้องหวีดทีเดียวดิ้นก็สิ้นใจ ฯ
๏ สงสารพระมเหสีมีความรัก สะอื้นฮักเห็นกระดิกริกริกไหว
จะตกหมอนกรรองประคองไว้ ร่ำพิไรขอขมานางวาลี
ได้โกรธขึ้งหึงหวงในดวงจิต อย่าผูกคิดพ้นทุกข์เป็นสุขี
นิจจาเอ๋ยเคยอยู่คู่ชีวี ออกต่อตีตามผู้หญิงไม่ทิ้งกัน
ตั้งแต่นี้มีทุกข์ถึงยุคเข็ญ ไม่แลเห็นผู้ใดทั้งไอศวรรย์
จะวายเว้นเป็นคนอื่นทุกคืนวัน จนสิ้นกัลป์สิ้นกัปไม่กลับมา
แม้นวาลีมีทุกข์ไปทางอื่น ถึงทางหมื่นแสนไกลจะไปหา
นี่ขัดสนจนใจไปป่าช้า อนิจจาใจหายเสียดายนัก
น่าเอ็นดูรู้ดีอารีอารอบ ทำความชอบช่วยพยุงให้สูงศักดิ์
มาบรรลัยไปยังกำลังรัก สงสารนักนางพร่ำร่ำโศกี ฯ
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยอาลัยเหลือ มิใช่เชื้อชายซัดสลัดหนี
เหมือนคู่สร้างเห็นหน้านางวาลี ให้ปรานีนึกถึงมาสาพิภักดิ์
ลดพระองค์ลงขมาข้างขวาศพ ได้พานพบพิสมัยใจสมัคร
ถึงรูปชั่วยั่วเยาะก็เพราะรัก เป็นคำหนักนิดหน่อยอย่าน้อยใจ
นิจจาเอ๋ยเคยขับให้จับจิต ช่างประดิษฐ์ดัดแปลงกระแสงใส
เสนาะคำพร่ำพร้องทำนองใน ได้ชื่นใจไสยาในราตรี
เคยเมียงหมอบลอบลักดูพักตร์พบ ก็เลี่ยงหลบเอียงอายชม้ายหนี
แต่นี้ไปไม่เห็นหน้านางวาลี จงดูพี่เสียยังแล้วจะแคล้วน้อง
แม้นกำเนิดเกิดไหนขอให้ปะ ได้เป็นพระมเหสีในที่สอง
ให้รูปงามทรามสงวนนวลละออง อย่าให้ต้องอดสูกับผู้ใด
จงพ้นทุกข์สุโขอโหสิ ไปจุติตามประสาอัชฌาสัย
พระครวญคร่ำร่ำว่าด้วยอาลัย พระชลนัยน์ผอยเผาะเหยาะเหยาะย้อย
ด้วยอาลัยในที่วาลีห้าม ถึงมิงามก็แต่งอนเหมือนช้อนหอย
พระทรงศักดิ์รักใคร่มิได้น้อย จึงเศร้าสร้อยโศกาถึงวาลี
แล้วพระองค์ทรงสั่งให้ตั้งแต่ง ศพตำแหน่งน้องพระมเหสี
มีโขนหนังตั้งสมโภชโปรดเต็มที แล้วให้มีมวยผู้หญิงทั้งทิ้งทาน
ให้ทำบุญมุนีฤๅษีสิทธ์ ตามจริตไสยศาสตร์ในราชฐาน
ถึงเจ็ดวันครั้นเสร็จสำเร็จการ โปรดประทานเพลิงศพเป็นจบความ ฯ
๏ ของดเรื่องเมืองผลึกด้วยศึกว่าง แต่กีดขวางยังไม่เตียนที่เสี้ยนหนาม
จะกลับกล่าวเจ้าลังกาล่าสงคราม ถึงท่าข้ามเขตฝั่งข้างลังกา
ให้หยุดทัพยับยั้งอยู่หลังถนน คอยรับพลแตกกลับคอยทัพหน้า
แต่ท้าวถูกลูกกำซาบซึ่งอาบยา พระพาหาแข็งขึงให้ตึงตาย
กำเริบฤทธิ์พิษสงลงกระดูก จะปิดหยูกยาอย่างไรก็ไม่หาย
ให้ขบปวดรวดเร้าทุกเพรางาย กระสับกระส่ายสู้ทรงดำรงแรง
ให้เคลิ้มเห็นเป็นว่าอุศเรนราช มาริมอาสน์อภิวันท์แล้วกันแสง
เห็นทรวงแยกแตกกลางเป็นลางแรง แล้วคลางแคลงกลับกลายเคลิ้มหายไป
พอโยธาพาศพมณฑปประดับ มาถึงทัพทูลแจ้งแถลงไข
ทราบว่าบุตรสุดสิ้นชีวาลัย สลดใจเจียนว่าเลือดตากระเด็น
ให้ปลดเปลื้องเครื่องมณฑปดูศพสด ปรอทรดรอบกายให้หายเหม็น
แต่อกแตกแปลกซูบกว่ารูปเป็น พระแลเห็นใจหายเจียนตายตาม
ประคองบุตรอุศเรนไว้ริมตัก โอ้ลูกรักวายวางลงกลางสนาม
เพราะประมาทอาจหาญการสงคราม มาติดตามแตกทัพถึงอับจน
โอ้น้อยจิตบิดาก็มาด้วย หรือไม่ช่วยลูกรักได้สักหน
ถึงตัวถูกลูกธนูก็สู้ทน พอข้ามพ้นภัยมารักษากาย
แต่ตัวเจ้าเขาจับให้ลับเนตร สุดสังเกตกลศึกลึกใจหาย
แล้วมิหนำซ้ำเกณฑ์อ้ายเดนตาย เอาศพสายสวาทมามารยาครัน
ชิชะพระอภัยกระไรหนอ ทั้งหลอกล่อลามเลยมาเย้ยหยัน
ยิ่งแค้นคั่งสั่งมาลีกปิตัน ของของมันสารพัดเครื่องฉัตรธง
ทั้งโกศทองรองศพมณฑปใส่ รักษาไว้ท่าข้ามตามประสงค์
จะจับตัวพระอภัยสับใส่ลง ข้ามไปส่งเสียเหมือนกันให้มันอาย
พระสั่งพลางทางแลดูลูกรัก สงสารนักนึกไปก็ใจหาย
เมื่อยามเป็นเห็นหน้าพาสบาย เห็นเจ้าตายใจพ่อระท้อเย็น
โอ้แต่นี้มีแต่จะแลลับ มิได้กลับทวนทบมาพบเห็น
เปรียบเหมือนพ่อข้อแขนขาดกระเด็น จะรอดเป็นชีวีอยู่กี่วัน
เมื่อดวงใจไปจากอุระแล้ว ไม่คลาดแคล้วกายาคงอาสัญ
สิ้นชีวิตบิตุรงค์สิ้นพงศ์พันธุ์ ใครจะกันเขตแคว้นแดนลังกา
ยังแต่น้องของเจ้าเป็นสาวรุ่น แม้นสิ้นบุญบิตุเรศกับเชษฐา
จะเปล่าเปลี่ยวเดียวดิ้นกินน้ำตา โอนึกน่าหนักทรวงเป็นห่วงใย
หวังจะปลูกลูกรักทั้งชายหญิง ให้ยอดยิ่งญาติกาได้อาศัย
ไม่สมคิดบิตุราชจะขาดใจ เหลืออาลัยลูกยาธิดาดวง
เสียดายศักดิ์รักตระกูลพูนเทวษ น้ำพระเนตรมิรู้สิ้นรินรินร่วง
เหมือนอกเจ็บเหน็บเข็มไว้เต็มทรวง โอ้บาทหลวงพระไม่ช่วยฉันด้วยเลย
ระทวยทอดกอดศพซบสะอื้น ไม่พลิกฟื้นวรองค์สรงเสวย
พอสายัณห์จันทร์กระจ่างน้ำค้างเชย ท้าวก็เลยล่วงสวรรคครรไล ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายเสียดายเจ้า ต่างสร้อยเศร้าซบหน้าน้ำตาไหล
พอเช้าตรู่รู้อึงคะนึงไป เสียงร้องไห้แซ่ซ้องทั้งกองทัพ
พวกเสนาว่าโอ้พระทูลกระหม่อม นิพพานพร้อมเพราะสิ้นแผ่นดินกลับ
เหมือนจันทราภาณุมาศลีลาศลับ เหมือนสิ้นกัปสิ้นกัลป์พุทธันดร
สิ้นแผ่นดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ทั้งสิ้นสุดพระสุเมรุเกณฑ์สิงขร
เหมือนแผ่นดินสิ้นกษัตริย์ฉัตรนคร ราษฎรร้อนทั่วทุกตัวคน
โอ้พระองค์ทรงทวีปประทีปแก้ว จะลับแล้วหล้าแหล่งทุกแห่งหน
นิเวศน์วังลังกาประชาชน จะร้อนรนเรรวนรัญจวนใจ
ต่างครวญคร่ำรำลึกสะอึกสะอื้น ดังเสียงคลื่นครึมมหาชลาไหล
จนรุ่งเช้าเหงาเงียบระเยียบใจ เสนาในพร้อมหน้าปรึกษากัน
นางละเวงวัณฬาธิดาท้าว ก็รุ่นสาวควรจะได้ไอศวรรย์
สืบกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ตามพงศ์พันธุ์ เห็นพร้อมกันถ้วนทั่วตัวขุนนาง
จึงจัดแจงแต่งมณฑปใส่ศพเจ้า ล้วนเครื่องขาวโขมพัตถ์ตามขัดขวาง
ใส่รถทองสองรถพระกลดกาง พวกขุนนางพร้อมเพรียงอยู่เคียงรถ
ทหารแห่แตรสังข์ทั้งหลังหน้า ให้โยธาทุกพวกถอดหมวกหมด
ตามภาษาฝรั่งตั้งประณต แล้วแห่รถศพมาถึงธานี
เข้าในวังยั้งหยุดอยู่ข้างหน้า ให้กราบทูลพระธิดามารศรี
ส่วนละเวงวัณฬากุมารี ทราบว่าพี่กับบิดานิคาลัย
ตกตะลึงขึงแข็งสิ้นแรงเรี่ยว ร้องกรีดเดียวดิ้นซบสลบไสล
พวกพี่เลี้ยงเคียงขนองประคองไว้ ต่างแก้ไขค่อยฟื้นสะอื้นองค์
อุตส่าห์ฝืนขืนอารมณ์ดมโอสถ ระรื่นรสนาสาด้วยยาผง
ค่อยมีแรงแข็งขืนยืนดำรง พร้อมพี่เลี้ยงเคียงองค์ลีลามา
ถึงเกยทองสองรถเรียงมณฑป รู้ว่าศพบิตุเรศกับเชษฐา
ขึ้นบนเกยเผยมณฑปศพบิดา ยังเต็มหน้าหนวดเคราไม่เน่าพอง
นางทรุดองค์ลงเคารพอภิวาท กราบพระบาทบิดาบูชาฉลอง
สะอื้นร่ำน้ำพระเนตรลงเนืองนอง พิไรร้องร่ำว่าสารพัน
ทูลกระหม่อมจอมโลกของลูกเอ๋ย พระละเลยลูกไว้ไปสวรรค์
แล้วมิหนำซ้ำพระพี่สิ้นชีวัน ลูกจะผันพักตราไปหาใคร
เหลือลำบากยากเย็นด้วยเป็นหญิง ยิ่งคิดยิ่งเยือกอุราน้ำตาไหล
กำพร้าแม่แต่ได้อยู่กับภูวไนย ไม่เปลี่ยวใจลูกยาเหมือนครานี้
โอ้พระองค์ทรงสวัสดิ์ฉัตรทวีป ดังประทีปแจ่มจำรัสรัศมี
มาดับวับลับฟ้าทั้งธาตรี ไม่เห็นพี่พ่อแม่อยู่แต่ตัว
พระบิดาพาลูกไปด้วยเถิด จะขอเกิดกับอุระพระอยู่หัว
เป็นมนุษย์สุดจะอายไม่วายกลัว จะฆ่าตัวตามติดพระบิตุรงค์
แล้วชักตรีที่เหน็บในมือเสื้อ แต่พอเงื้อพระพี่เลี้ยงร้องเสียงหลง
เข้าแย่งยุดฉุดชิงนางโฉมยง กันแสงทรงโศกาแล้วว่าพลาง
น้อยหรือรุมคุมเหงคะเนงร้าย เขาจะตายนอกรีดมากีดขวาง
จะชิงตรีพี่เลี้ยงไม่ละวาง พวกขุนนางร้องห้ามปรามทุกคน
อย่าปล่อยนะพระพี่เลี้ยงจงยึดไว้ ไม่มีใครครองสมบัติจะขัดสน
แล้วชวนกันอัญชลีนีฤมล อย่าสิ้นชนม์เชิญบำรุงกรุงลังกา
อันเยี่ยงอย่างปางก่อนบวรนาถ เสวยราชย์เรียงกันตามชันษา
บัดนี้สิ้นปิ่นกษัตริย์ขัตติยา พระธิดาจงเป็นใหญ่ได้เอ็นดู
จะได้คิดปิดอุมงค์ปลงพระศพ เป็นเคารพรับตราพระราหู
แล้วจึงคิดกิจการผลาญศัตรู ที่เป็นคู่เคืองแค้นแทนบิดร ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาน้อย ให้เศร้าสร้อยโศกทรวงดวงสมร
จึงตรัสตอบขอบคำที่ร่ำวอน การนครควรคู่กับผู้ชาย
เราเป็นหญิงยิ่งเป็นเจ้าชาวสิงหล ทุกตำบลจะบังอาจประมาทหมาย
จงจัดกันบรรดาเสนานาย ช่วยสืบสายสมบัติกษัตรา
อันเรานี้มิขออยู่จะสู้ม้วย ไปเกิดด้วยบิตุเรศกับเชษฐา
นางตรัสพลางทางสะอื้นกลืนน้ำตา พวกเสนาน้อยใหญ่พิไรทูล
อันคนอื่นพื้นแต่ไพร่มิใช่กษัตริย์ สุดจะจัดขึ้นเป็นปิ่นบดินทร์สูร
แม่เป็นหญิงจริงอยู่แลแต่ตระกูล สืบประยูรปกเกล้าชาวลังกา
แม้นเมืองน้อยร้อยเอ็ดไม่เข็ดขาม จะปราบปรามข้าศึกทรงปรึกษา
ข้าพเจ้าเหล่าอำมาตย์มาตยา ขออาสาสิ้นชีวิตไม่คิดกาย
ประการหนึ่งซึ่งตราพระราหู เป็นของคู่ขัตติยาเทวาถวาย
เป็นตราแก้วแววเวียนวิเชียรพราย แต่เช้าสายสีรุ้งดูรุ่งเรือง
ครั้นแดดแข็งแสงขาวดูพราวพร้อย ครั้นบ่ายคล้อยเคลือบสีมณีเหลือง
ครั้นค่ำช่วงดวงแดงแสงประเทือง อร่ามเหลืองรัศมีเหมือนสีไฟ
แม้นเดินหนฝนตกไม่ถูกต้อง เอาไว้ห้องหับแห่งตำแหน่งไหน
ไม่หนาวร้อนอ่อนอุ่นละมุนละไม ถ้าชิงชัยแคล้วคลาดซึ่งสาตรา
แต่ครั้งนี้ท้าวมิได้เอาไปศึก เพราะท้าวนึกห่วงพระแม่แน่นักหนา
ด้วยเป็นหญิงทิ้งไว้จึงให้ตรา ไว้รักษาสารพันอันตราย
จึงธนูผู้หญิงมันยิ่งถูก ควรพระลูกทดแทนให้แค้นหาย
หญิงผลึกศึกกล้าเสียกว่าชาย เชิญพระแม่แก้อายอย่าวายวาง ฯ
๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาลูกฝรั่ง ครั้นได้ฟังข้าเฝ้าเขาถากถาง
จึงตรัสตอบขอบคุณพวกขุนนาง ช่วยคิดล้างไพรินให้สิ้นอาย
จะถือตราราหูคู่ชีวิต อาญาสิทธิ์สุดแต่บทตามกฎหมาย
อนึ่งเราเยาวพาปัญญาคลาย ท่านทั้งหลายแหลมหลักช่วยตักเตือน
แต่รีบรัดจัดแจงแต่งพระศพ ตามขนบมาอย่างไรก็ให้เหมือน
ฝ่ายข้าเฝ้าเหล่าทหารพลเรือน ไม่บิดเบือนบังคมชมปัญญา
พนักงานการสำหรับประดับศพ ก็แต่งครบเครื่องอร่ามตามภาษา
อันเยี่ยงอย่างข้างฝรั่งเกาะลังกา ท้าวพระยาอยู่ปราสาทราชวัง
ก็ต้องมีที่ตายไว้ท้ายปราสาท สำหรับบาทหลวงจะได้เอาไปฝัง
เป็นห้องหับลับลี้ที่กำบัง ถึงฝรั่งพลเรือนก็เหมือนกัน
ใครบรรลัยไปบอกพระบาทหลวง มาควักดวงเนตรให้ไปสวรรค์
มีไม้ขวางกางเขนเป็นสำคัญ ขึ้นแปลธรรม์เทศนาตามบาลี
ว่าเกิดมาสามัญคนทั้งหลาย มีร่างกายก็ลำบากคือซากผี
ครั้นตัวตายภายหลังฝังอินทรีย์ เอาเท้าชี้ขึ้นนั้นด้วยอันใด
วิสัชนาว่าจะให้ไปสวรรค์ ว่าเท้านั้นนำเดินดำเนินได้
อันอินทรีย์ชีวิตพลอยติดไป ครั้นเท้าย่างไปทางไหนไปทางนั้น
จึงฝรั่งฝังผีตีนชี้ฟ้า ให้บาทาเยื้องย่างไปทางสวรรค์
ว่ารูปเหมือนเรือนโรคโสโครกครัน ให้สูญลับกัปกัลป์พุทธันดร
เทศนาหน้าศพจบแล้วสวด พวกนักบวชบาทหลวงทั้งปวงสอน
ให้เผ่าพงศ์วงศานรากร นั้นมานอนคว่ำเรียงเคียงเคียงกัน
ครั้นสวดจบศพใส่เข้าในถุง บาทหลวงนุ่งห่มดำนำไปสวรรค์
อ่านหนังสือถือเทียนเวียนระวัน ลูกศิษย์นั้นแบกผีทั้งสี่คน
ค่อยเดินตามข้ามหลังคนทั้งหลาย ที่นอนรายเรียงขวางกลางถนน
บาทหลวงพระประพรำด้วยน้ำมนต์ ตลอดจนห้องฝังกำบังลับ
หกศีรษะเอาศพใส่หลุมตรุ แต่พอจุศพถุงเหมือนปรุงปรับ
พระบาทบงสุ์ตรงฟ้าศิลาทัพ เครื่องคำนับนั้นก็ตั้งหลังศิลา
ให้ลูกหลานว่านเครือแลเชื้อสาย ได้ถวายข้าวตอกดอกบุปผา
ให้กราบลงตรงบัลลังก์ตั้งบูชา เหมือนกราบฝ่าพระบาทไม่ขาดวัน
แล้วกรวดน้ำทำบุญกับบาทหลวง ตามกระทรวงส่งให้ไปสวรรค์
ครั้นสำเร็จเสร็จศพทำครบครัน มาพร้อมกันบรรดาเสนาใน
เชิญละเวงวัณฬาธิดาราช ขึ้นนั่งอาสน์เนาวรัตน์จำรัสไข
ฝ่ายเสนีที่บำรุงเจ้ากรุงไกร ถวายไอศวรรยาทั้งธานี
ทั้งหัศเกนเป็นนายฝ่ายทหาร ถวายรถคชสารชาญชัยศรี
แล้วเวียงวังคลังนาบรรดามี อัญชลีแล้วถวายรายกันไป ฯ
๏ นางถือตราราหูคู่พระหัตถ์ เพชรรัตน์รุ้งพร่างสว่างไสว
ทรงกระบี่มีโกร่งโปร่งเปลวไฟ จึงปราศรัยเสนาบรรดามี
เราขอบคุณขุนนางต่างตำแหน่ง ช่วยตบแต่งให้บำรุงซึ่งกรุงศรี
อายุเราเล่าพึ่งได้สิบหกปี เป็นสตรีไม่ชำนาญการสงคราม
แต่สุดแสนแค้นเคืองเมืองผลึก จะทำศึกสิ้นชีวิตไม่คิดขาม
ขอปัญญาข้าเฝ้าอย่าเบาความ จะปราบปรามเมืองผลึกช่วยตรึกตรา
ฝ่ายขุนนางต่างคนก็จนจิต สุดจะคิดการศึกที่ปรึกษา
จึงทูลความตามธรรมเนียมเจียมปัญญา ธรรมดาข้าบาทในราชการ
ก็เรียนรู้อยู่คงเข้ายงยุทธ์ เพลงอาวุธป้องปัดประหัตประหาร
กับพิชัยสงครามตามโบราณ ไม่ทราบการกลศึกที่ลึกลับ
สุดแต่องค์นงลักษณ์ศักดิ์กษัตริย์ จะทรงจัดการสำเร็จให้เสร็จสรรพ
จะชนะจะแพ้เพราะแม่ทัพ ที่บังคับคิดอ่านการทั้งปวง
อันนักปราชญ์ราชครูผู้สำเร็จ คือสมเด็จสังฆราชพระบาทหลวง
รู้วิสัยไตรยุคทุกกระทรวง แล้วก็ล่วงรู้ประมาณการสงคราม
ทั้งดินฟ้าอาเพศเหตุวิบัติ แม้นกษัตริย์สงสัยได้ไต่ถาม
เป็นที่ครูสุริย์วงศ์ทรงพระนาม ได้ปราบปรามบ้านเมืองเรืองเจริญ ฯ
๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาสุดาสดับ กิตติศัพท์ซึ่งรำพันสรรเสริญ
จึงสั่งเสนาในให้ไปเชิญ บาทหลวงเดินเข้ามานั่งบัลลังก์รัตน์
นางโฉมยงทรงรินสุราถวาย เสนานายหลายคนปรนนิบัติ
เครื่องน้ำชามาตั้งบ้างนั่งพัด บ้างหยิบยัดยากล้องจ้องประเคน
นางละเวงวัณฬาอัชฌาฉลาด คำนับบาทหลวงต่างไม้กางเขน
แล้วเล่าเรื่องเมืองผลึกทำศึกเจน อุศเรนบิตุราชไปพลาดพลั้ง
เสียพระชนม์คนตายก็หลายแสน จะแก้แค้นคิดหมายไม่วายหวัง
ขอพึ่งบุญคนช่วยด้วยสักครั้ง ช่วยโปรดสั่งสอนให้เหมือนใจนึก ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง ฉลาดล่วงคาดการประมาณศึก
หัวร่อร่าว่าเป็นกรรมที่ล้ำลึก เมืองผลึกดีแต่สู้กับผู้ชาย
แผ่นดินนี้สีกามหากษัตริย์ เห็นจะตัดศึกได้ดังใจหมาย
ยิ่งเป็นหญิงยิ่งจะได้ด้วยง่ายดาย ถ้าเป็นชายก็จะแพ้แก่ศัตรู
จะต้องตรองตรึกตราวิชาหญิง สละทิ้งเสียทั้งตราพระราหู
แม้นคิดเห็นเช่นเราสั่งทั้งชมพู ไม่หาญสู้ศึกโยมพระโฉมงาม ฯ
๏ นางละเวงเกรงฉลาดพระบาทหลวง ไม่ทราบทรวงสงสัยจึงไต่ถาม
ข้าพเจ้าเยาวพาปัญญาทราม ช่วยแนะความเหตุผลในกลการ
พระหัวเราะเคาะกล้องจะลองจิต บอกเป็นปริศนาว่าวิตถาร
กลก็การการก็กลกลปนการ เร่งคิดอ่านองค์ละเวงอย่าเกรงเลย
แล้วลุกลาคลาไคลกลับไปกุฏิ์ นิมนต์หยุดก็ยิ่งเดินทำเมินเฉย
นางคิดคำทำเนียบที่เปรียบเปรย ยังไม่เคยแก้กลก็จนใจ
ให้ทิ้งตราราหูรู้อย่างหญิง จะให้ยิ่งยังไม่เห็นว่าเป็นไฉน
ไม่พูดจาว่าขานประการใด กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ
๏ แต่นั้นมาข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์ พยาบาทเมืองผลึกจึงปรึกษา
แม้นโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาพะงา ออกนั่งว่าราชกิจที่ติดพัน
จะให้ผู้เฒ่าเฝ้าห้องร้องว่าศึก เมืองผลึกยิงบิดาท่าอาสัญ
เหมือนเตือนเจ้าเช้าเย็นไม่เว้นวัน ด้วยผูกพันพยาบาทดังชาติทมิฬ ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ