ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ

๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง ค่อยสร่างทรวงซึมเซาเมานักหนา
หวนรำลึกตรึกตรองมองตำรา จะยาตรากรีทัพไปรับรอง
จนดึกดื่นคืนยังรุ่งมิได้หลับ ให้กระสับกระส่ายจิตคิดหม่นหมอง
เกือบจะรุ่งฟ้าแดงไขแสงทอง สกุณร้องก้องโกกิลาบิน
ไก่กระชั้นขันเอกวิเวกแว่ว เสียงเจื้อยแจ้วกลางป่าพนาสัณฑ์
ฝูงวิหคนกกาถลาบิน ออกจากถิ่นรังเร่พเนจร
แสงหิรัญเรืองรองขึ้นส่องฟ้า พระสุริยาแย้มเยี่ยมเหลี่ยมสิงขร
พวกพหลพลิกฟื้นบ้างตื่นนอน ยกหาบคอนหุงข้าวบ้างเผาปลา ฯ
๏ ฝ่ายบาทหลวงง่วงเหงาบนเก้าอี้ สกุณีเพรียกพร้องก้องเวหา
พอหายเศร้าเบาบางสร่างอุรา เรียกมังคลาสานุศิษย์คิดรำพึง
เห็นเงียบไปมิได้ขานนานนักหนา ลุกออกมาด่าโป้งเสียงโผงผึง
นอนกระไรไม่รู้สึกนึกรำพึง มันเมาถึงขนาดจริงจึ่งนิ่งไป
พลางลุกเดินมาดูประตูปิด เห็นลิขิตปิดประตูดูสงสัย
ประหลาดจิตผิดแล้วหวาไปหาไฟ มาส่องใกล้อ่านดูจึ่งรู้ความ ฯ
๏ หนังสือพระมังคลานราราช เป็นเชื้อชาติอังกฤษให้คิดขาม
อาจารย์แช่งร่ำไรเป็นใจความ ก็ครั่นคร้ามกลัวจะตายวายพระชนม์
อยู่ไม่ได้ใจคอให้ท้อแท้ ถึงจะแก้เล่าก็เห็นไม่เป็นผล
ทั้งกลัวพระวิญญาณเหลือทานทน ต้องดั้นด้นไปแต่ตัวเพราะกลัวภัย
อันลังกาธานินทร์เป็นถิ่นฐาน เชิญอาจารย์คิดความตามวิสัย
ไม่จงรักหนักหน่วงเป็นห่วงใย ตามแต่ใจฝ่ายท้าวเจ้าประคุณ
ทั้งเสนีมีถ้วนกระบวนรบ ผู้สมทบขาดเหลือคอยเกื้อหนุน
ข้าพเจ้าถูกแช่งแห่งเจ้าคุณ อยู่จะวุ่นวายใจไม่สบาย
เพราะคบหญิงไม่ดีจึ่งมิโทษ เสียประโยชน์ชั่วช้าพาฉิบหาย
พาให้เสื่อมมนตราวิชาคลาย ต้องผันผายไปให้พ้นคนไม่ดี ฯ
๏ พอจบเรื่องแกยิ่งเคืองโทโสพลุ่ง มาเกิดยุ่งเจ็บจิตดั่งพิษฝี
น้อยหรือกูเมตตาทั้งปรานี ไม่พอที่มันจะทำให้ช้ำใจ
แล้วลงจากตึกใหญ่พลางให้หา พวกเสนาจงเรียกท้าวโกสัย
มาหากูเร็วพลันด้วยทันใด จงเร่งไปเดี๋ยวนี้มีกังวล
ขุนนางรับบัญชาเรียกม้าใช้ รีบลงไปเล่าแถลงแห่งนุสนธิ์
พวกม้าใช้รีบรัดไปบัดดล นำยุบลลงไปท่าชลาพลัน
ทูลท่านท้าวโกสัยว่าให้หา พระสังฆราชาร้อนให้ผ่อนผัน
รีบขึ้นไปยังเขาเจ้าประจัน จงเร็วพลันโดยบัญชาอย่าช้าที ฯ
๏ ท้าวโกสัยได้ฟังพระสังฆราช ผู้สิทธิ์ขาดเร่งรัดตัดวิถี
รีบขึ้นบกวกมาไม่ช้าที ขึ้นพาชีรีบไปดั่งใจจง
ครั้นถึงเขาเจ้าประจันมิทันช้า ลงจากม้ารีบไปฟังดั่งประสงค์
บาทหลวงเรียกขึ้นไปดั่งใจจง แกพาตรงขึ้นตึกเหมือนนึกปอง
แล้วให้นั่งยังที่เก้าอี้ใหญ่ พลางปราศรัยโดยจิตสนิทสนอง
ว่าลูกเขยเองไปไหนดั่งใจปอง หรือปรองดองพากันไปอยู่ในเรือ
จงบอกกูไปแต่จริงอย่านิ่งเฉย การไม่เคยทำวลก็ล้นเหลือ
หรือเองพาไปไว้ที่ในเรือ กูไม่เชื่อใครดอกบอกจริงจริง ฯ
๏ ท้าวโกสัยได้ฟังสังฆราช แกเกรี้ยวกราดเต็มที่ดั่งผีสิง
เราก็บอกเนื้อความไปตามจริง แกก็ยิ่งขู่ตะคอกว่าหลอกลวง
เป็นจนจิตด้วยว่าศิษย์เป็นเขยขวัญ หาไม่จะดันเอากับปราชญ์ตาบาทหลวง
บอกกันโดยสัตย์ธรรม์มันว่าลวง เราจะหวงกันไว้ทำไมมี
แล้วจึ่งว่าข้าแต่อาจารย์เจ้า จะมาเฝ้าสงสัยอย่างใช้ผี
จะซ่อนเหน็บเก็บไว้ทำไมมี ไม่พอที่จะพะวงคิดสงกา
เมื่อเจ้าคุณให้ไปรับเป็นทัพหนุน ก็ไปวุ่นจัดทหารการอาสา
คอยเสียงปืนครื้นครั่นดั่งสัญญา เตรียมเภตราคอยประจญรณรงค์
บาทหลวงว่าถ้าเองไม่รู้เห็น สาบานเป็นหรือไม่อย่าใหลหลง
เอาให้กูนับถือว่าซื่อตรง จะได้ปลงอารมณ์ไม่ซมซาน
ท้าวโกสัยได้สดับรับว่าได้ แกจึ่งให้สบถทศฐาน
แม้นมึงไม่รู้จริงอย่านิ่งนาน เร่งสาบานไปสิหวาว่าให้ดัง
ถ้าแม้นมึงเป็นใจกับอ้ายเขย ให้หนีเลยลับไวเหมือนใจหวัง
ให้ตามึงบอดมิดเหมือนติดตัง ทั้งไม้กังเขนขึงตรึงต้นคอ
ให้องค์พระเยซูผู้เป็นเจ้า เอาไม้เท้ามาขยี้ตีหัวขอ
ทั้งเชือกหนังมามัดรัดเอาคอ ให้ตกหม้อแกงตายวายชีวี
จงว่าตามกูไปอย่าได้นิ่ง ให้เห็นจริงเหมือนกูว่าอีตาผี
ท้าวโกสัยว่าพลันไปทันที ไปตามที่เรื่องราวแกกล่าวพลัน ฯ
๏ บาทหลวงเห็นจริงแจ้งไม่แคลงจิต สุจริตแท้จริงทุกสิ่งสรรพ์
สบถได้เหมือนอย่างว่าสารพัน จริงของมันมั่นคงปลงอารมณ์
แกจึ่งว่าฮ้าเฮ้ยท้าวโกสัย กูเจ็บใจควรหรือศิษย์สนิทสนม
มันทำให้เคืองขัดตัดอารมณ์ ต้องเตรียมตรมใจกูผู้อาจารย์
ถึงจะอยู่จะไปก็ไม่ห้าม มันลวนลามเกเรเดรฉาน
เสียแรงกูผู้รักษาพยาบาล ไม่เป็นการจริงละเหวยลูกเขยมึง
อันลังกาครานี้ทีจะได้ อ้ายพวกไทยอ่อนหูกูรู้ถึง
เหมือนลูกไก่อยู่ในมือไม่ดื้อดึง การก็พึ่งจะสำเร็จได้เจ็ดวัน
มันกลัวจะต้องรบหลบไปเสีย พาเอาเมียไปเสียก่อนคิดผ่อนผัน
กูก็ไม่งอนง้อคิดรอมัน เองช่วยกันตีได้เป็นไรมี
กูจะให้ครองกรุงให้ฟุ้งเฟื่อง เป็นเจ้าเมืองมอบสมบัติกษัตริย์ศรี
จงเร่งกลับไปเภตราอย่าช้าที พอราตรีกูจะรบจุดคบเพลิง
คอยฟังเสียงปืนใหญ่ไล่พหล จงจัดพลเพิ่มเจือให้เหลือเหลิง
ข้างด้านน้ำเองเข้าแหกให้แตกเปิง ดูชั้นเชิงพอเป็นทีตีเข้าไป
ข้างฝ่ายกูก็จะกรูกันขึ้นบก อย่าวิตกเลยออเจ้าท้าวโกสัย
เอากำปั่นพันลำตีร่ำไป ทั้งปืนใหญ่ปืนน้อยคอยระดม
ขึ้นบกได้ไฟจุดอย่าหยุดยั้ง ตีประดังยกกันรุมเข้าทุ่มถม
มันคงได้ลังกาอย่าปรารมภ์ จะได้ชมบุญมึงให้ถึงลือ ฯ
๏ ท้าวโกสัยได้ฟังสังฆราช แกองอาจการทัพน่านับถือ
เหตุไฉนมังคลาระอามือ ไม่นับถือครูบาดูน่าชัง
แต่นิ่งไว้ในจิตเพราะคิดเชื่อ ลาไปเรือรีบไปเหมือนใจหวัง
จัดเรือรบพันร้อยลอยประดัง จะคอยฟังเสียงปืนยืนประดา ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชชาติอังกฤษ เห็นสมคิดสารพันก็หรรษา
พอสุริยงลงลับบรรพตา เรียกเสนานายหมวดให้ตรวจพล
พร้อมสะพรั่งตั้งตามพิชัยยุทธ์ กระบวนครุฑเร่งรัดจัดพหล
เป็นปีกขวาปีกซ้ายระบายพล เป็นทัพปล้นทัพหนุนพร้อมมุลนาย
ครั้นฤกษ์ดีคลี่คลายขยายทัพ ออกคั่งคับเร่งกันให้ผันผาย
พวกฝรั่งทั้งมหาเสนานาย ก็ผันผายจากเขาเจ้าประจัน
บาทหลวงขึ้นรถระย้าฝากระจก เป็นทัพบกนำพหลพลขันธ์
เหน็บกระบี่ทีท่าสง่าครัน ถือปืนสั้นหกกระสุนหนุนกระบวน
สารถีตีม้าอาชาชาติ เผ่นผงาดวิ่งกลมดั่งลมหวน
เดินในดงวงอ้อมพร้อมกระบวน ทั้งพลทวนเกาทัณฑ์เป็นหลั่นไป
ปืนนกสับคาบศิลาระดาดาด ดูเกลื่อนกลาดเร่งกันเสียงหวั่นไหว
ทั้งปืนล้อลากเรียงเคียงกันไป พวกคบไฟสำหรับเข้าเผาบุรินทร์
บาทหลวงแสนแค้นจิตคิดระทด มันคิดคดทำได้ดั่งใจถวิล
แม้นสมหวังได้ลังกาในธานินทร์ เป็นที่ถิ่นสุขเกษมเปรมอุรา
ถึงมันจะมาบระจบไม่คบไว้ ก็เห็นใจจริงจังสิ้นกังขา
อ้ายนี่ถูกถ้อยคำอย่างตำรา เขาว่าปลาแรงเพราะหางอย่างทำนอง
เป็นเหตุผลด้วยอีเมียจึ่งเสียท่า มันชักพาหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง
แล้วหวนห้ามความหลังตั้งแต่ตรอง มาในท้องแถวทางกลางอรัญ
ให้เร่งรถรีบมาเวลาค่ำ จวนจะย่ำยามชัยพอไก่ขัน
ถึงลำเนาเขาเขินเนินอรัญ หยุดพร้อมกันแต่บรรดาเสนานาย ฯ
๏ บาทหลวงนั่งตั้งสง่าบนหน้ารถ มาพร้อมหมดยืนคำนับรับกฎหมาย
จะคอยฟังสั่งงานการอุบาย ทั้งไพร่นายข้างฝรั่งอย่างแต่เดิม ฯ
๏ ฝ่ายตัวท่านสังฆราชพระบาทหลวง พร้อมกระทรวงสมนึกให้ฮึกเหิม
จึงว่าเฮ้ยคนงานทหารเดิม คิดเพิ่มเติมกองแซงแต่งกระบวน
เอาไฟจุดป่าไม้ไพรระหง แล้วก็ตรงวิ่งกลมดั่งลมหวน
เร่งประจุปืนหินดินชนวน ให้พร้อมถ้วนปืนหลักยักกะตรา
พอจุดเพลิงเริงแรงแสงสว่าง ออกจากทางยิงพื้นแต่ปืนผา
ตรงเข้าไปเมืองด่านชานชลา เอาโยธาเรียงล้อมป้อมกำแพง
อย่าให้มันรู้ตัวทั่วจังหวัด เอาคบมัดให้สว่างกระจ่างแสง
โยนหม้อดินเข้าไปในกำแพง ทหารแซงพร้อมกันฟันประตู
ทั้งปืนใหญ่เร่งลากจุกปากช่อง ไปคอยมองทุกกระบอกกรอกดินหู
ทั้งสกัดตัดทางหว่างประตู จัดเอาผู้กล้าหาญการณรงค์
ครั้นสั่งเสร็จรีบทัพขับพหล กระบวนพลลัดในไพรระหง
ถึงทางแยกมรรคาปากป่าดง เป็นชายพงออกทุ่งหลังกรุงไกร ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายทัพหน้าพวกวาโหม วาหุโลมคอยอยู่ทางหว่างไศล
เข้าซุ่มซ่อนนอนนั่งระวังภัย ทั้งนายไพร่พร้อมพรั่งบ้างนั่งยาม
เห็นทัพบกยกมาเวลาดึก เสียงครื้นครึกผู้คนออกล้นหลาม
ให้แอบแฝงหลีกไปไม่ไอจาม จะฟังความซุ่มรายทั้งไพร่พล
แล้วสั่งให้ขุนนางใส่หางปีก จงบินหลีกรีบไปในสิงหล
นำเอาข่าวไปแถลงแจ้งยุบล เตรียมพหลรับรองไว้ป้องกัน
แต่ทัพเรานี้จะเข้าคอยตัดหลัง จะรอรั้งอยู่ในป่าพนาสัณฑ์
แล้วจึงค่อยรุกรบประจบกัน รับให้ทันเร็วราอย่าช้าที
ครั้นสั่งเสร็จขุนนางสอดหางปีก ก็บินหลีกรีบไปในวิถี
ทั้งสองนายรีบมาไม่ช้าที เข้าบุรีเมืองด่านชานนคร
รีบไปเฝ้าเจ้าบุรินทร์ปิ่นกษัตริย์ ตามรหัสเหตุทหารชาญสมร
คอยรับสั่งฟังกระแสให้แน่นอน พระภูธรจะโองการสถานใด ฯ
๏ ป่างพระองค์ทรงภพจบจังหวัด โองการตรัสสนทนาแล้วปราศรัย
ว่าเร่งรีบการร้อนอย่านอนใจ พระสั่งให้จัดแจงแต่งกระบวน
แต่บรรดาเตรียมไว้เร่งให้ยก ไปทางบกตามระบอบคิดสอบสวน
จงเร่งไปเร็วหนาเวลาจวน จัดกระบวนบอกให้ทั่วตัวขุนนาง
พระสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร พร้อมอำมาตย์นับร้อยไปคอยขวาง
อ้อมสกัดตัดประชิดคอยปิดทาง ที่ย่านกลางของนัดดาสุดสาคร
ทางข้างฝ่ายชายทะเลสินสมุทร กับราชบุตรพลผลึกเคยฝึกสอน
ก็รีบยกโยธาพลากร จากนครเมืองด่านชานชลา
ไปพร้อมพรั่งตั้งกระบวนพยุหบาตร แล้วประกาศไพร่นายทั้งซ้ายขวา
ให้ตั้งค่ายแลกลาดดาษดา เอาปืนผาจุกช่องกองละพัน ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชชาติอังกฤษ แกตามติดต้อนพหลพลขันธ์
ทั้งทัพหน้าทัพหลังประดังกัน ไม่สำคัญว่าทัพคอยรับรอง
เร่งพหลพลรบเอาคบจุด แกว่งอาวุธวิ่งถลันผันผยอง
สารวัตรนายหมวดตรวจทุกกอง ออกจากช่องปากดงตรงออกไป
พอถึงทัพหัสไชยไฟสว่าง ไหม้ยูงยางแดงป่าพฤกษาไสว
ให้ยิงปืนเป็นสัญญาก้องป่าไพร พลไพร่ถึงกันฟันประดา ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมรมจักรนัคเรศ รักษาเขตปากทางอยู่ข้างขวา
ให้ทหารขานโห่เป็นโกลา เร่งพระยากัณฐัศว์อัสดร
เข้ารบรับทัพฝรั่งประดังเสียง ทหารเคียงคั่งคับสลับสลอน
ถือแหลนหลาวง้าวโล่แลโตมร พร้อมนิกรเกียกกายให้รายพล ฯ
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชตาบาทหลวง ครั้นตีล่วงเลยทางมากลางหน
ไม่ยับยั้งรั้งราพลาพล หมายจะปล้นให้กระทั่งถึงลังกา
ระดมปืนครื้นครั่นสนั่นเสียง ก้องสำเนียงควันกลุ้มคลุ้มเวหา
น้ำมันไฟไล่สาดดาษดา ถูกโยธาทัพไทยบ้างไหม้พอง
ทั้งปวดเจ็บเหน็บชาถึงสาหัส ยิ่งเป่าปัดแตกซ้ำเป็นน้ำหนอง
ศรีสุวรรณนั้นชำนาญการกระบอง คอยปัดป้องไฟน้ำมันพอกันองค์
ให้ถอยทัพกลับหลังเข้ายังด่าน แสนรำคาญที่ในจิตพิศวง
ทั้งไพร่พลบางเบาบรรเทาลง จะทำสงครามไปก็ใช่ที
กลับเข้าด่านชานชลาขึ้นหน้าป้อม ทหารพร้อมเสนาบดีศรี
พระให้หาครูพลันมาทันที แล้วจึงมีสิงหนาทประภาษพลัน
ว่าดูราข้าแต่อาจารย์เฒ่า แถลงเล่าความจริงทุกสิ่งสรรพ์
มันเอาไฟกรดสาดฉกาจฉกรรจ์ เป็นน้ำมันไหม้กายเพียงวายปราณ
ขอท่านครูชูช่วยคนป่วยเจ็บ ที่เป็นเหน็บร้อนเริงถูกเพลิงผลาญ
ช่วยแก้ไขพอให้พ้นทนทรมาน ช่วยคิดการเป่าปัดกำจัดภัย ฯ
๏ ฝ่ายครูเฒ่าผู้ชำนาญในการเวท แกรู้เหตุโดยวิธีคัมภีร์ไสย
อันฝรั่งตั้งสาดน้ำมันไฟ จะแก้ไขด้วยมนต์ให้ฝนมี
จึงกราบทูลเจ้าพิภพจบจังหวัด ขอเป่าปัดที่กำบังตั้งบายศรี
จะตั้งสรวงสารพัดทำบัดพลี ให้ฝนมีมาในดึกเหมือนนึกปอง
พระทรงฟังสั่งว่าถ้าเช่นนั้น จงผ่อนผันจัดแจงเร่งแต่งของ
อย่าให้ทันรุ่งแจ้งไขแสงทอง จงตรึกตรองเสียให้เสร็จสำเร็จการ ฯ
๏ ฝ่ายครูพักตร์จักราพฤฒาเฒ่า จึงก้มเกล้ารีบรัดมาจัดศาล
เอาผ้าขาววงลาดดาดเพดาน ห้อยเป็นม่านตั้งพิธีพลีกรรม์ ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายพวกทมิฬกินปักษา เข้าแอบป่าพุ่มไม้ในไพรสัณฑ์
เห็นทัพบกยกไปเป็นหลายพัน แล้วกลับหันถาโถมเข้าโจมตี
กำลังไฟไหม้ป่าพวกวาโหม โจนกระโจมลุยไล่ในวิถี
ฝรั่งตื่นครื้นวิ่งเป็นสิงคลี ทมิฬตีแตกตายลงหลายกอง
ไม่รู้กลวนวิ่งทิ้งอาวุธ อุตลุดสับสนปล้นเอาของ
ชิงอาวุธน้อยใหญ่ไว้เป็นกอง ฝรั่งต้องปืนตายลงหลายพัน
พวกวาโหมโจมตีไม่หยุดยั้ง จนกระทั่งทัพใหญ่พอไก่ขัน
จนเวลายามสามตามประจัญ ไล่กระชั้นถึงทางหว่างคีริน
บาทหลวงเห็นทัพหลังมาคั่งคับ บ้างแตกยับมาในป่าพนาสัณฑ์
ให้ตั้งทัพรับรองกองทมิฬ เอาลูกดินยัดพลุประจุปืน
น้ำมันไฟไล่สาดเสียงฉาดฉับ เป็นเพลิงวับไหม้มาไม่ฝ่าฝืน
ถูกพหลพลทมิฬทั้งดินปืน เสียงครั่นครื้นโกลาทั้งป่าดง
น้ำมันไฟไหม้ปีกบ้างหลีกกลับ แล้วถอยทัพเข้าในไพรระหง
ถอดปีกหางขว้างไปเสียในดง เข้าแอบพงลัดแลงเที่ยวแฝงกาย ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายเภตราที่หน้าด่าน พวกทหารพร้อมพรั่งคนทั้งหลาย
ได้ยินเสียงปืนใหญ่ทั้งไพร่นาย เหมือนนัดหมายเร่งพหลพลเภตรา
ท้าวโกสัยสุริย์วงศ์ทรงพระแสง ออกกวัดแกว่งต้อนพหลพลอาสา
ให้เข้าตีเมืองด่านชานชลา ทั้งกองหน้ากองหนุนหมุนเข้าไป
ปืนระดมสมทบเข้ารบพุ่ง เกือบจะรุ่งรางรางสว่างไสว
ป่างพระจอมสินสมุทรวุฒิไกร ออกจากค่ายทรงสิงโตให้โห่ดัง
วายุพัฒน์ราชบุตรทรงสินธพ ไล่ตลบกำกับเป็นทัพหลัง
อ้ายยักษ์หมีถือกระบองมองระวัง เดินข้างหลังมิ่งม้าอาชาชาญ
ใส่เสื้อแดงแต่งตัวหัวเหมือนเงาะ แล้วใส่เกราะหนังเย็บเอวเหน็บขวาน
คาดปั้นเหน่งเรือนมณีทองสีลาน ใส่สังวาลลูกปัดจัดประจง
มันรักงามกรุ่มกริ่มเดินยิ้มย่อง ใส่ข้าวของชื่นชมสมประสงค์
สะพายย่ามใส่เสบียงเคียงม้าทรง จัตุรงค์โห่เร้าจะเอาชัย
ถึงชายหาดดาษดาโยธาทัพ ออกคั่งคับธงทิวปลิวไสว
ให้ตั้งที่นาคนามตามกันไป โดยพิชัยสงครามตามตำรา ฯ
๏ ฝ่ายทรงฤทธิ์อิศโรท้าวโกสัย จวนอุทัยจะสร่างกลางเวหา
สั่งให้ยิงปืนหลักยักกะตรา พร้อมเภตราตรงเข้าอ่าวบุรินทร์
ระดมปืนครื้นครั่นควันโขมง เสียงผางโผงก้องท่าชลาสินธุ์
โจนขึ้นม้ายกพหลพลทมิฬ พร้อมกันสิ้นแต่บรรดามาในเรือ
อเนกแน่นแสนยาล้วนกล้าหาญ บ้างถือขวานตามพวกหมวกหนังสือ
เป็นทัพหน้ากล้ายกทั้งบกเรือ ราวกับเสือโลดเต้นเผ่นทะยาน
กระบวนหลังคั่งคับคนนับแสน อเนกแน่นถือสาตราล้วนกล้าหาญ
ยกเข้าตีพร้อมกันมิทันนาน ประจัญบานรบรับกองทัพไทย
ยิงสนั่นครั่นครื้นล้วนปืนตับ เสียงฉาดฉับก้องกังวานสะท้านไหว
เป็นควันคลุ้มกลุ้มแดงล้วนแสงไฟ ข้างทัพไทยยิงประดังเสียงตังตึง
ถูกพหลพลไพร่บ้างตายกลาด เอาดินสาดควันโขมงเสียงโผงผึง
ปล่อยปืนใหญ่ไฟฟูมเสียงตูมตึง อึงคะนึงจนสว่างกระจ่างตา
บ้างล้มตายก่ายกองทั้งสองข้าง พวกขุนนางเร่งร้นพลอาสา
อาวุธสั้นฟันฟาดถึงสาตรา พิฆาตฆ่ากันตายลงหลายพัน ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายจักราพฤฒาเฒ่า แกเร่งเข้าพิธีขมีขมัน
ทางกสิณอภิญญาณชำนาญครัน เสียงฟ้าลั่นครืนครืนพื้นอำพน
มหาเมฆตั้งมาบนอากาศ สุนีบาตเปรี้ยงเปรี้ยงเป็นเสียงฝน
วลาหกตกปรายเป็นสายชล นภาดลมืดมัวทั่วนภางค์
ปัจจุสมัยไก่แก้วจะแจ้วเจื้อย เรไรเรื่อยท้องทุ่งพอรุ่งสาง
พิรุณโรยโปรยชื้นพื้นนภางค์ ทั้งน้ำค้างหยดย้อยลงพรอยพราย
พวกที่ต้องไฟกรดหมดทั้งนั้น อันผิวพรรณแสบร้อนก็ผ่อนหาย
ที่ถูกมากเหลือทนกระวนกระวาย ออกตากสายฝนเบาบรรเทาลง ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมนคเรศเกศกษัตริย์ โองการตรัสชื่นชมสมประสงค์
จะคิดการกำราบปราบณรงค์ เสด็จตรงไปพิธีพลีกรรม
แล้วจึงตรัสว่าท่านอาจารย์เฒ่า จงโปรดเราช่วยชุบอุปถัมภ์
ปราบศัตรูหมู่ร้ายรายประจำ ท่านจงทำตามกิจวิทยา ฯ
๏ ฝ่ายครูเฒ่าเจ้าตำราว่าช้าก่อน จะผันผ่อนดูแผนให้แน่นหนา
เขาก็เป็นคนดีมีวิชา ข้างฝ่ายฝาหรั่งกลัวทั่วทุกคน
ขอตรองตรึกดูตำราวิชาก่อน คิดผันผ่อนที่ในเรื่องเมืองสิงหล
ดูชะตาในประเทศเขตมณฑล ถ้าแม้นพ้นเคราะห์ดีคงมีชัย
แล้วครูเฒ่าเอาตำราออกมาคลี่ ในคัมภีร์ยัญเวทข้างเพทไสย
พิเคราะห์ดูรู้แท้แน่แก่ใจ จะชิงชัยก็ไม่สมอารมณ์ปอง
เพราะราหูเล็งลัคน์ชักให้ถอย กำลังน้อยฝ่ายเรามักเศร้าหมอง
ต่อเทวดายกไปดั่งใจปอง อีกสักสองเดือนครึ่งจึ่งจะดี
แล้วกราบทูลมูลความไปตามเรื่อง ชะตาเมืองเศร้าหมองไม่ผ่องศรี
อย่าเพ่อยกโยธาออกราวี จะเสียทีเปล่าเปล่าไม่เข้าการ
จงรอรั้งอย่างทูลมูลเหตุ ขออ่านเวทวิทยาเหมือนว่าขาน
ให้ฝนตกท่วมนองดั่งท้องธาร จะบันดาลให้เป็นลมระดมมา ฯ
๏ ฝ่ายพระองค์ทรงโลกเฉลิมภพ ขจรจบนครินทร์ปิ่นมหา
ได้ทรงฟังครูพักตร์จักรา พระปรีดาตรัสตอบว่าขอบคุณ
ตามแต่ท่านจะประกอบให้ชอบจิต ไปโดยกิจขาดเหลือได้เกี้อหนุน
ท่านจงเอาธุระเดชะบุญ จะได้อุ่นอกอาณาประชากร ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายโยธาพวกวาโหม ไปคอยโจมตัดหลังหว่างสิงขร
ถูกไฟกรดแล้วพหลพลนิกร ไปซอกซ่อนชายเขาลำเนาเนิน
ต้องน้ำฝนโปรยปรายก็หายพิษ ยิ่งแค้นจิตขึ้นลำเนาภูเขาเขิน
เก็บก้อนหินศิลาที่หน้าเนิน ตามแผ่นเผินเอามาไว้ได้ทุกคน
แล้วก็ทำปีกหางขึ้นอย่างเก่า ครั้นรุ่งเช้าแฝงไม้ในไพรสณฑ์
จึ่งจัดแจงแต่งตัวทั่วทุกคน ทั่งไพร่พลพร้อมทั่วตัวขุนนาง
ถือก้อนหินศิลาที่หาไว้ พลางสอดใส่สารพัดจัดปีกหาง
แล้วปีนขึ้นยังพื้นนภาพลาง เอาหินขว้างไปในกองแล้วร้องพลัน
ว่าฮ้าเฮ้ยพวกฝรั่งอย่านั่งนิ่ง ลุกขึ้นชิงชัยรับเป็นทัพขัน
เองก็มีไฟกรดหมดด้วยกัน แต่กูนั้นมีแต่หินก้อนศิลา
แล้วโยนลงพร้อมกันสักพันก้อน ถูกนิกรไพร่นายทั้งซ้ายขวา
พลฝรั่งตายกลาดดาษดา ที่แขนขาหักบ้างยังไม่ตาย ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ