- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
๏ ฝ่ายเสนีที่ถือหนังสือบอก | ขับม้าออกพักเดียวไม่เหลียวหลัง |
ถึงลังกาคลาไคลเข้าในวัง | ถวายหนังสือตามเนื้อความมี ฯ |
๏ พนักงานอ่านว่าข้าพระบาท | ทั้งสองราชธิดามารศรี |
ตั้งอยู่เขาเจ้าประจัญกันไพรี | เห็นได้ทีข้าศึกนึกทะนง |
จึงใช้ให้ย่องตอดลอดไปจับ | ได้นายทัพสามพราหมณ์ตามประสงค์ |
ยังพี่น้องสองกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ | จะจับส่งมาให้เสร็จสำเร็จการ |
แต่โอรสพระอภัยมิได้หลับ | กลับล้อมจับย่องตอดยอดทหาร |
มีฤทธิ์เดชเวทมนตร์แล้วทนทาน | ย่องตอดต้านทานตีต้องหนีมนต์ |
จึงออกรบพบทัพรับปะทะ | รบชนะสงครามถึงสามหน |
ครั้นได้ทีตีทัพถึงอับจน | บังเกิดฝนลมกล้าสลาตัน |
ต้องถอยทัพกลับมารักษาด่าน | ประจำการเกณฑ์ตรวจกันกวดขัน |
ข้าศึกอ้อมล้อมเขาเจ้าประจัญ | ยังผ่อนผันคิดอ่านการสงคราม ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงทรงฟังสั่งอำมาตย์ | นิมนต์บาทหลวงใหญ่มาไต่ถาม |
ทัพผลึกศึกเสือเห็นเหลือลาม | จะปราบปรามคิดอ่านประการใด ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง | ฉลาดล่วงพูดจาอัชฌาสัย |
จะปราบศึกนึกเห็นไม่เป็นไร | กลัวแต่ใจจะไม่ทำเหมือนคำเรา ฯ |
๏ นางละเวงเกรงกริ่งต้องนิ่งนึก | ฉลาดลึกเหลือรู้ท่านครูเฒ่า |
จึงนบนอบตอบคำตามสำเนา | ข้าพเจ้าได้บำรุงกรุงลังกา |
ก็ตั้งจิตคิดแต่จะแก้เผ็ด | แทนสมเด็จบิตุเรศพระเชษฐา |
อันองค์พระอภัยแม้ได้มา | จะแล่เนื้อเกลือทาให้สาใจ |
ก็ขัดสนจนอยู่เป็นผู้หญิง | มีแต่สิ่งซึ่งพระองค์จะสงสัย |
วิตกนักจักใคร่ล้วงดวงฤทัย | ถวายให้เห็นจริงทุกสิ่งอัน ฯ |
๏ บาทหลวงฟังนั่งนิ่งเห็นจริงจิต | จึงช่วยคิดความให้เจ้าไอศวรรย์ |
อันพวกพลคนอื่นสักหมื่นพัน | จะป้องกันศึกเสือเหลือกำลัง |
แต่เทวีมีบุญการุญราษฎร์ | จะคิดฆาตข้าศึกสมนึกหวัง |
แม้คราวนี้มิทำลายให้พ่ายพัง | พวกฝรั่งก็จะสูญตระกูลไป |
จะลวงล่อพอให้เขานั้นเป่าปี่ | พวกโยธีกองทัพจะหลับใหล |
จึงลวงล้างทางเล่ห์เสน่ห์ใน | พระอภัยไม่รอดคงวอดวาย ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงกริ่งเกรงศึก | จึงว่านึกก็จะสมอารมณ์หมาย |
แต่หากว่าฆ่าพระอภัยตาย | ยังลูกชายกับน้องทั้งสองคน |
กับทั้งพราหมณ์สามนายก็ร้ายกาจ | เคยองอาจออกศึกล้วนฝึกฝน |
ชำนาญในไตรเพทด้วยเวทมนตร์ | ทั้งคงทนแทงฟันไม่บรรลัย |
จะแค้นนักหักโหมเข้าโรมรุก | ฉันนี้ทุกข์ที่จะต้านทานไม่ไหว |
จะรับรองป้องกันทำฉันใด | จึงจะให้ศึกเสร็จสำเร็จการ ฯ |
๏ บาทหลวงว่าถ้านายถวายชีวิต | จะรับคิดเข่นฆ่าโยธาหาญ |
จะไปด้วยช่วยกันประจัญบาน | เอาเพลิงผลาญเสียให้ยับทั้งทัพชัย ฯ |
๏ นางทรงฟังสังฆราชฉลาดล้ำ | แม้ตามคำเอาชนะพอจะได้ |
แค้นแต่ตัวกลัวจะปะพระอภัย | จะอ่อนใจเสียไม่ฆ่าด้วยการุญ |
แล้วแค้นว่าฆ่าพ่อไม่ขอพบ | คิดจะรบรวดเดียวด้วยเฉียวฉุน |
จึงกราบพระครูเฒ่าเจ้าประคุณ | จงการุญไปด้วยได้ช่วยกัน |
แล้วสั่งให้ไปเทียมที่รถที่นั่ง | ทั้งรถสังฆราชเลิศล้วนเฉิดฉัน |
ยกโยธาห้าหมื่นปืนทั้งนั้น | ไปตั้งเขาเจ้าประจัญป้องกันเมือง ฯ |
๏ ฝ่ายสามนางต่างพากันมาเฝ้า | แล้วทูลเล่าข้อความไปตามเรื่อง |
ออกชิงชัยไพร่นายตายก็เปลือง | ข้าศึกเนื่องหนุนกันประจัญบาน ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง | จะดูท่วงทีศึกที่ฮึกหาญ |
ชวนลูกสาวเจ้าลังกาขึ้นปราการ | ตรวจหน้าด่านเชิงเทินเที่ยวเดินดู |
เห็นทัพล้อมพร้อมพหลพลผลึก | กระหึมฮึกโห่ลั่นสนั่นหู |
ทั้งหกค่ายรายรอบริมขอบคู | กระบวนปูเปิดก้ามตามตำรา |
จึงขึ้นป้อมพร้อมพรั่งนั่งเก้าอี้ | ดูท่วงทีทัพศึกแล้วปรึกษา |
แต่งเป็นสารการกษัตริย์ขัตติยา | ไปเจรจากับพระอภัยมณี |
เป็นใจความตามขนบที่รบพุ่ง | ให้ลือเลื่องเฟื่องฟุ้งทุกกรุงศรี |
ใส่กล่องแก้วแล้วปิดผนิดดี | ให้เสนีราชทูตไปพูดจา ฯ |
๏ เสนานำคำนับแล้วรับสาร | มาใส่พานมรกตขึ้นรถา |
ออกประตูคู่แห่แตรลังกา | เป่าไปหน้ารถทั้งกังสดาล |
ถึงกองทัพยับยั้งอยู่ข้างนอก | ให้ร้องบอกประกาศราชสาร |
พระอภัยให้ถามตามโบราณ | ครั้นทราบการก็ให้รับมาพลับพลา |
พระออกนั่งยังที่เก้าอี้รัตน์ | สองกษัตริย์เฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา |
ทหารล้อมพร้อมพรั่งฟังกิจจา | เจ้าโมราคลี่สารออกอ่านพลัน ฯ |
๏ ในสาราว่าพระองค์ดำรงราชย์ | บรมบาทบังอรอัปสรสวรรค์ |
ทรงพระนามตามยศทศธรรม์ | ละเวงวัณฬาลบภพไตร |
บำรุงราษฎร์ศาสนาให้ผาสุก | ประเทศทุกภาษาให้อาศัย |
แต่รบรับกับองค์พระอภัย | สงสารไพร่พลตายเสียก่ายกอง |
เหมือนโจรไพรไม่มีอิสริยยศ | จะปรากฏความชั่วให้มัวหมอง |
คิดจะขอต่อตีกันพี่น้อง | สองต่อสองสงครามตามโบราณ |
เราเพลี่ยงพลั้งลังกาอาณาเขต | เป็นของเชษฐาสิ้นทั้งถิ่นฐาน |
เราชนะจะเอาสัตย์ปฏิญาณ | แล้วปล่อยไปไม่สังหารผลาญชีวา |
ถึงวอดวายภายหลังได้สรรเสริญ | จะอยู่เกินกัปกัลป์ชันษา |
แม้ไม่สู้ผู้หญิงทิ้งศัสตรา | ก็เลิกทัพกลับไปหานางมาลี ฯ |
๏ พระอภัยใจซื่อถือว่าหึง | ยิ่งคิดถึงนางวัณฬามารศรี |
ปราศรัยทูตพูดถามความบุตรี | ว่านางมีลูกผัวคือตัวใคร ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งสรรเสริญให้เพลินจิต | ใครจะคิดเคียงคู่พระสูริย์ใส |
กษัตรามาจบภพไตร | แต่พระทัยเทพินไม่ยินดี |
อันพี่น้องสององค์พงศ์กษัตริย์ | อยู่ปรางค์รัตน์ร่วมชีวามารศรี |
จึงชุบเลี้ยงเพียงพระราชบุตรี | เสกเป็นที่พระธิดายุพาพาล |
แล้วทูลถามตามทำนองว่ากองทัพ | จะรบรับหรือจะล่าโยธาหาญ |
จงออกโอษฐ์โปรดตรัสดำรัสการ | ขอประทานแต่พอไปได้กราบทูล ฯ |
๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นนิ่งจึงชิงตรัส | อันกษัตริย์สูงใหญ่เจ้าไอศูรย์ |
สงวนยศงดงามตามประยูร | ต่ำตระกูลก็ให้ข้าเข้าราวี |
เหมือนหญิงสู้ผู้ชายเสียดายยศ | เปรียบเหมือนคชสารสู้กับหนูผี |
เหวยอำมาตย์ราชทูตช่างพูดดี | เจ้ามึงมีผัวชู้กูรู้ความ |
อันพระองค์ทรงยศทศพิธ | มิได้คิดทำบาปที่หยาบหยาม |
เหตุเพราะหญิงสิงหลต้นสงคราม | คบสิบสามเมืองมาเป็นสามี |
ไปรบพุ่งกรุงผลึกจึงนึกโกรธ | มาลงโทษนางวัณฬามารศรี |
แม้โอนอ่อนงอนง้อไม่ต่อตี | จะไว้ชีวีโปรดซึ่งโทษทัณฑ์ |
ยังกลับซ้ำทำอุบายจะหมายสู้ | ไม่ควรคู่ควรฆ่าให้อาสัญ |
ไปบอกกล่าวเจ้าละเวงของเองนั้น | มาสู้กันแต่กับกูจึงคู่ควร ฯ |
๏ พระอภัยไม่ชอบตอบพระน้อง | อย่าขัดข้องเคืองขุ่นทำหุนหวน |
ถึงผิดชอบตอบคำให้น้ำนวล | พอสมควรคุณโทษจะโกรธไย |
แล้วหยิบสารลานทองมาตรองตรึก | ทรงจารึกสาราอัชฌาสัย |
ไม่พรายแพร่งแต่งตอบตามชอบใจ | แล้วส่งให้ทูตกลับไปฉับพลัน ฯ |
๏ พระอนุชาอาดูรจึงทูลถาม | การสงครามคราวนี้นี่กวดขัน |
พระลักลอบตอบนางไปอย่างนั้น | กระหม่อมฉันทั้งปวงไม่ล่วงรู้ |
ฉวยเพลี่ยงพลั้งครั้งนี้เป็นที่สุด | จะโทรมทรุดเสียยศให้อดสู |
ทั้งเสียทีกระหม่อมฉันกตัญญู | ไม่ได้รู้เรื่องสารรำคาญใจ ฯ |
๏ พระเชษฐาว่าเราตีด้วยฝีปาก | ไม่เหนื่อยยากโยธาหามิได้ |
จึงแต่งตอบปลอบนางเป็นทางใน | ด้วยเข้าใจกลศึกที่ลึกซึ้ง |
เราห่างเหินเนิ่นนานไม่พานพบ | จึงชวนรบชะรอยจิตจะคิดถึง |
ที่ท้าทายปลายคำจะรำพึง | เป็นเชิงหึงเห็นจะรักหนักอุรา |
ข้างพวกเจ้าเล่าก็ชายนายทหาร | จะคิดการมิได้ห้ามตามประสา |
เห็นอย่างไรไม่ห้ามตามอัชฌา | การของข้าข้าจะตอบตามชอบใจ ฯ |
๏ ศรีสุวรรณครั้นจะขัดตัดประโยชน์ | กลัวกริ้วโกรธกราบลาอัชฌาสัย |
เที่ยวสั่งซ้ำกำชับทุกทัพชัย | พอพลบให้ขานฆ้องกองอัคคี ฯ |
๏ ฝ่ายอำมาตย์ราชทูตมาถึงด่าน | ถวายสารนางวัณฬามารศรี |
ทูลแถลงแจ้งความตามคดี | พระบุตรีคลี่สารแล้วอ่านความ ฯ |
๏ ในสาราว่าพระองค์ดำรงโลก | มาวิโยคแยกน้องที่ท้องสนาม |
เสน่ห์นุชสุจริตสู้ติดตาม | ได้แต่ความโศกเศร้าทุกเช้าเย็น |
แม่ยอดมิ่งทิ้งสัตย์เฝ้าจัดทัพ | มาตั้งรับพี่ต้องรบใคร่พบเห็น |
เจ้าตัดรักหักสวาทขาดกระเด็น | ไม่ยอมเข็นขืนใจเป็นไมตรี |
จะรบพุ่งมุ่งหมายทำลายล้าง | ไม่ขัดขวางขวัญน้องอย่าหมองศรี |
จะสู้ม้วยด้วยสวาทแล้วชาตินี้ | พรุ่งนี้พี่จะไปหาให้ฆ่าฟัน |
ฝากแต่รักหนักแน่นเท่าแผ่นภพ | ขอประสบทรามเชยเสวยสวรรค์ |
จะเกิดไหนขอให้พบประสบกัน | ละเวงวัณฬาน้องอย่าหมองนวล |
แม้นปรานีศรีสวัสดิ์ไม่ตัดรัก | จะฟูมฟักเข้าประคองครองสงวน |
งามละม่อมจอมขวัญอย่ารัญจวน | จงคิดควรคำจริงทุกสิ่งอัน ฯ |
๏ นางฟังความยามเศร้ายิ่งเหงาง่วง | พระบาทหลวงร้องว่าเอทำเหหัน |
เห็นได้ทีมิทำที่สำคัญ | จะมีอันตรายเพราะตายใจ ฯ |
นางละเวงเกรงครูเห็นรู้แจ้ง | ทำเสแสร้งแกล้งถามตามสงสัย |
ที่ธุระจะไปฆ่าพระอภัย | เห็นจะได้ด้วยเล่ห์เพทุบาย |
แล้วจะเผาเหล่าทหารผลาญข้าศึก | ยังต้องตรึกเกรงจะไม่เหมือนใจหมาย |
ขอทราบเหตุเภทผลกลอุบาย | เชิญภิปรายโปรดเล่าให้เข้าใจ ฯ |
๏ บาทหลวงว่าถ้าเขาได้เป่าปี่ | พวกโยธีกองทัพคงหลับใหล |
แต่พวกเราเอาปรอทหยอดหูไว้ | ให้ถือไฟฟางหญ้าทาน้ำมัน |
กองดินปืนฟืนรอบเป็นขอบคอก | เอาเพลิงคลอกโยธาให้อาสัญ |
ถึงอยู่ปืนยืนยงคงกระพัน | ก็เห็นมันจะไม่รอดคงวอดวาย ฯ |
๏ นางวัณฬาว่าชอบมอบทหาร | ให้อาจารย์จัดใช้เหมือนใจหมาย |
จะคิดฆ่าพระอภัยเสียให้ตาย | ตามอุบายสั่งสอนแต่ก่อนกาล |
บาทหลวงรับกลับมาเวลาพลบ | ถึงหอรบเรียกฝ่ายนายทหาร |
นางละเวงวัณฬายุพาพาล | คิดรำคาญขัดข้องไม่คล่องใจ |
ขึ้นประทับพลับพลาตรงหน้าป้อม | ดูไพร่พร้อมพลรบครบไสว |
ทั้งสองนางต่างนั่งระวังระไว | คอยช่วงใช้ชิดองค์นางนงคราญ ฯ |
๏ นางวัณฬาอาวรณ์ถอนสะอื้น | สุดจะขืนข่มรักหักประหาร |
คิดจะฆ่าพระอภัยเห็นได้การ | แต่สงสารสาราที่อาวรณ์ |
เมื่อแรกรบพบน้องได้ลองจิต | เห็นทรงฤทธิ์แสนรักเหมือนอักษร |
จะตัดรักหักสวาทไม่ขาดรอน | สะท้อนถอนฤทัยไม่ไสยา |
จนยามสองกลองเกราะเสนาะสนั่น | นางเคลิ้มฝันฟื้นกรีดหวีดผวา |
พระบุตรีพี่น้องสองสุดา | ทั้งรำภาพยุงองค์นางนงคราญ |
ครั้นโฉมยงรู้สึกทรงนึกได้ | เหมือนพบปะพระอภัยให้สงสาร |
จึงเล่าความตามนิมิตพิสดาร | ว่าอาจารย์จุดเพลิงตะเกิงกอง |
พระอภัยเธอเข้ามาผวากอด | จนกายคอดขาดกระเด็นออกเป็นสอง |
เธอรวบรัดหัตถ์รับประคับประคอง | ข้าร้องร้องรู้สึกก็นึกอาย |
อัศจรรย์ฝันเห็นไปเช่นนี้ | จะเสียทีหรือจะสมอารมณ์หมาย |
แล้วตรัสถามสามสุดาตำราทาย | เคยทำนายบ้างหรือไม่ช่วยให้พร |
นางยุพาว่าเมื่ออยู่กับครูเฒ่า | ได้เรียนเล่าโฉลกตั้งพระสั่งสอน |
ทายนิมิตมีตำราพยากรณ์ | ตามอักษรซึ่งสุบินจินตนา |
แล้วนั่งนับจับยามตามโฉลก | ราชาโชคชัยวันชันษา |
ทราบนิมิตพิสดารของมารดา | นางก้มหน้านึกยิ้มทำพริ้มพราย |
นางนงลักษณ์ซักถามถึงสามครั้ง | กลัวรับสั่งจำทูลทำนายถวาย |
เห็นองค์พระอภัยจะไม่ตาย | จะกลับกลายเกลียวกลมภิรมยา |
ซึ่งเสียทรงองค์ขาดชาติฝรั่ง | จะเสื่อมทั้งศักราชพระศาสนา |
เธอประคองสองหัตถ์คือสัจจา | จะรักษาสัตย์สวาทไม่คลาดคลาย |
ซึ่งครูเฒ่าเผาเพลิงตะเกิงแสง | จะโกรธแรงราวกับไฟมิใคร่หาย |
แล้วอวยผลมนต์พร่ำรำพันท้าย | น้อมถวายพรนบอภิวันท์ ฯ |
๏ นางลูบอกตกตะลึงรำพึงคิด | นึกพินิจเหมือนจะจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
นางปรึกษาว่าเป็นไปเช่นนั้น | จะผ่อนผันแก้ไขฉันใดดี ฯ |
๏ ทั้งสามนางต่างคนก็จนจิต | เป็นสุดคิดสุดจะอายชม้ายหนี |
นางยุพาว่าอือหนังสือมี | พระบาลีให้สำหรับเมื่ออับจน |
จึงฉีกเสื้อเครือปักชักกระดาษ | เป็นลายลักษณ์ศักราชชาติสิงหล |
ว่าถึงยุคทุกภาษาจะมาปน | ด้วยตั้งต้นแต่ลูกสาวเจ้าลังกา |
พระอภัยอย่าได้หมายทำร้ายเขา | จะสูญเผ่าพงศ์ชาติพระศาสนา |
เป็นคู่สร้างนางละเวงวัณฬามา | ถึงไตรดายุคแล้วไม่แคล้วกัน |
แม้บาทหลวงล่วงรู้จะขู่ถาม | อย่าบอกความว่าจะฆ่าให้อาสัญ |
ผู้มีบุญขุ่นหมองช่วยป้องกัน | จะสืบพันธุ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี |
เมื่อแม่เลี้ยงได้ผัวตัวเป็นลูก | จงพันผูกพึ่งพาเป็นราศี |
ตามวิสัยในจังหวัดปัถพี | อย่าถือผีพวกฝรั่งเมืองลังกา |
ทั้งสี่นางต่างฟังต่างนั่งนิ่ง | ต่างเห็นจริงจวนดึกจึงปรึกษา |
พระบาลีนี้คะเนเหมือนเทวา | ช่างเขียนมามิได้ผิดสักนิดเลย |
นางละเวงเกรงฝรั่งสังฆราช | จะกริ้วกราดโกรธงกแล้วอกเอ๋ย |
จึงตรัสถามยุพาว่าทรามเชย | เจ้าก็เคยอยู่มากับอาจารย์ |
จะควรฟังหนังสือในมือเสื้อ | หรือจะเชื่อสังฆราชอันอาจหาญ |
ขอฟังคำรำภาตุลาการ | ช่วยว่าขานขาดคำจะทำตาม ฯ |
๏ ฝ่ายพี่น้องสองนางต่างคำนับ | ที่บังคับควรฟังมีทั้งสาม |
คือครูเฒ่าเจ้าสุธาบิดาปราม | ต้องทำตามตัวจึงได้พึ่งพา |
ประการหนึ่งถึงที่กลียุค | จะปราบทุกเมืองน้อยร้อยภาษา |
เป็นมนุษย์สุดแต่ชื่อให้ลือชา | พี่รำภาเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร ฯ |
๏ ฝ่ายรำภานารีคนมีสัตย์ | สุดจะขัดสุดจะขืนฝืนนิสัย |
ต้องทูลความตามจริงทุกสิ่งไป | ถึงใจไม่ปรารถนามีสามี |
เมื่อเคราะห์กรรมจำเป็นเหมือนเช่นข้า | ต้องชั่วช้าชายต้องให้หมองศรี |
เขามาขอพ่อจะให้ไม่ไยดี | ประเดี๋ยวนี้ซ้ำร้ายเสียดายตัว |
เมื่อต่อตีศรีสุวรรณประจัญปล้ำ | แสนระยำยังเว้นแต่เป็นผัว |
จะมีใหม่ให้เป็นสองก็หมองมัว | จึงครองตัวตั้งสัตย์ว่าภัสดา |
เธอม้วยมอดวอดวายจะตายด้วย | แม้ไม่ม้วยหมายจะรบไม่คบหา |
แม้ตรัสใช้ให้ประหารผลาญชีวา | จะเชือดคอมรณากับสามี |
พระแม่เจ้าเล่าก็ยังกำลังสาว | ทุกไทท้าวเธอนิยมประสมศรี |
ฉวยเสียเมืองเบื้องหน้าจะราคี | เป็นสตรีสำหรับจะอับอาย |
พระอภัยให้สัตย์จะตัดศึก | จงทรงตรึกตรองการประมาณหมาย |
แม้ลวงหลอกคลอกเผาเขาไม่ตาย | จะฉิบหายสิ้นทั้งเกาะลังกา |
อันหนังสือมือเสื้อคงเชื่อได้ | ด้วยเขียนไว้ก่อนกาลนานหนักหนา |
คำโบราณท่านว่าคิดผิดตำรา | ไปเบื้องหน้าจะลำบากให้ยากเย็น ฯ |
๏ นางวัณฬาว่าจะสู้เขาไม่ได้ | เมื่อนานไปก็เป็นเครื่องจะเคืองเข็ญ |
เพราะรบรุกฉุกเฉินเผอิญเป็น | ก็เหมือนเช่นอกข้าเมื่อหย่าทัพ |
พระอภัยไล่ลัดสกัดกั้น | หลบไม่ทันเธอก็โถมเข้าโจมจับ |
จึงลวงล่อขอสัตย์เธอตรัสรับ | ไปปลุกทัพโยธีได้หนีมา |
เมื่อจิตใจไม่ชั่วแต่ตัวช้ำ | ผลกรรมจะให้ขาดพระศาสนา |
ถึงไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะนินทา | เทวดาท่านก็รู้อยู่ด้วยกัน |
แต่ได้สั่งสังฆราชพระบาทหลวง | ว่าจะลวงล่อฆ่าให้อาสัญ |
มิทำเขาเล่าจะโกรธทำโทษทัณฑ์ | จะป้องกันแก้ไขฉันใดดี ฯ |
๏ นางรำภาว่าออกไปเสียให้พบ | เธอไม่รบรอนราญเหมือนสารศรี |
จึงถอยทัพกลับมาเข้าธานี | ไม่ได้ทีใครจะฆ่าได้ว่าไร |
ถึงท่านครูรู้ว่าเราหย่าทัพ | ที่การลับแล้วแต่จะแก้ไข |
เห็นดีพร้อมยอมคิดตั้งจิตใจ | จนอุทัยรุ่งรางสว่างตา ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชประสาทสั่ง | ทหารทั้งไพร่นายทั้งซ้ายขวา |
เอาปรอทหยอดหูดูปัญญา | เก็บฟางหญ้าฟืนตองสำรองไว้ |
ถ้าโบกธงตรงออกไปคลอกทัพ | กำลังหลับเลยตายทั้งนายไพร่ |
ทหารพร้อมรอมริบรีบกลับไป | ทั้งนายไพร่เตรียมตัวทั่วทุกคน ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเจ้าไตรจักร | ละล่ำละลักถึงลูกสาวเจ้าสิงหล |
ให้หวนเห็นเป็นเหตุด้วยเวทมนตร์ | หอมสุคนธ์เหมือนเมื่อได้เข้าใกล้เคียง |
อยู่อยู่ผีปีศาจให้หวาดหวั่น | เหมือนเสียงวัณฬาแว่วแจ้วแจ้วเสียง |
ลางทีเห็นเป็นนางอยู่ข้างเตียง | ลุกขึ้นเมียงมองหาทุกราตรี |
ซึ่งรอนราญการศึกไม่นึกรบ | จะใคร่พบนางวัณฬามารศรี |
พอเช้าตรู่จู่มาสรงวารี | กรีดพระหัตถ์ขัดสีฉวีวรรณ |
อยู่กลางทัพอับจนสุคนธรส | ดอกไม้สดใส่แช่ในแม่ขัน |
พนักงานพานสุคนธ์คอยฝนจันทน์ | ต่างสุคันธรสรื่นค่อยชื่นใจ |
แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองระยับ | เพชรประดับแพรวพร่างสว่างไสว |
ออกหยุดยั้งนั่งหน้าพลับพลาชัย | เสนาในอภิวาทดาษดา |
พระโอรสอนุชาก็มาพร้อม | ประณตน้อมนั่งฝ่ายทั้งซ้ายขวา |
พระเอื้อนอรรถตรัสความตามสัญญา | นางวัณฬาจะออกรบพบกับเรา |
จะขอสู้ผู้เดียวเกี้ยวให้ติด | ใครอย่าคิดมุ่งหมายทำร้ายเขา |
จะปลอบโลมโฉมงามตามสำเนา | การของเรามิใช่การราญณรงค์ ฯ |
๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นผิดจริตนัก | จะห้ามหักเห็นไม่ฟังกำลังหลง |
จึงทูลว่าถ้ากระนั้นให้มั่นคง | การณรงค์จะได้ทำแต่ลำพัง |
แล้วทูลลาพาหลานมาด้านหน้า | เขาออกมาเราจะได้ออกไปมั่ง |
กลศึกลึกเหลือจะเชื่อฟัง | คอยระวังตนทั่วทุกตัวคน ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬารัตน์ | เป็นยอดขัตติยาหญิงในสิงหล |
บรรทมตื่นฟื้นองค์เข้าสรงชล | ในมณฑลถือเสน่ห์เทวดา |
กับสามนางต่างเลียนจุดเทียนพร้อม | เสกน้ำหอมโซมซาบอาบมังสา |
ผัดสุคนธ์ปนแก้วแววนัยน์ตา | ใครเห็นหน้านึกรักร้องทักทาย |
ยิ่งเข้าใกล้ได้กลิ่นเหมือนกินเหล้า | ให้มัวเมาความรักหักไม่หาย |
เสน่ห์ยาทาปนกระวนกระวาย | อยากใคร่ก่ายกอดจูบใคร่ลูบโลม |
แล้วทรงเสื้อเครือวัลย์สีจันทร์อ่อน | ดังกินนรแน่งน้อยแช่มช้อยโฉม |
มวยกระหมวดกวดกันน้ำมันโซม | อุณาโลมลงแก้มยิ้มแย้มงาม |
แล้วทรงช้องป้องพักตร์แล้วปักปิ่น | ล้วนเพชรนิลแนมมณีสีสยาม |
ตุ้มหูห้อยพรอยแพรวดูแวววาม | นิ้วอร่ามธำมรงค์เป็นวงวาว |
ใส่เกือกเพชรเสร็จสรรพจับกระบี่ | นางนารีเรียงตามทั้งสามสาว |
แลละม้ายคล้ายเคลื่อนดังเดือนดาว | ใครเห็นหาวนอนทั่วทุกตัวชาย |
ถึงหอรบพบฝรั่งสังฆราช | อภิวาทถามไถ่เหมือนใจหมาย |
เห็นเมฆเบิกฤกษ์ดีจะคลี่คลาย | แต่การภายหลังนั้นให้ทันการ ฯ |
๏ บาทหลวงว่าอย่าวิตกเร่งยกทัพ | เตรียมไว้รับรถาโยธาหาญ |
นางรับคำอำลาพระอาจารย์ | มาพระลานเลยตรงขึ้นทรงรถ |
สามนารีขี่ม้าสีฟ้าเหลือง | ประดับเครื่องเครือกุดั่นกั้นพระกลด |
จามรชอนตะวันเป็นหลั่นลด | ให้ชักรถรีบออกนอกกำแพง |
ทหารแห่แตรสังข์ประดังเสียง | ก้องสำเนียงโห่ฮึกนึกแสยง |
พวกเกียกกายซ้ายขวาพวกม้าแซง | เป็นคู่แข่งเคียงรถบทจร |
ถึงหน้าทัพยับยั้งคอยฟังศึก | พลผลึกออกมารับสลับสลอน |
แต่รู้ความตามสารไม่ราญรอน | ต่างหยุดหย่อนยืนยั้งระวังความ ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยวิไลโฉม | เสียงแห่โหมกึกก้องท้องสนาม |
ให้สืบดูรู้ว่าพะงางาม | ออกมาตามสัญญายิ่งอาวรณ์ |
ขึ้นทรงนั่งหลังพระยาวลาหก | เครื่องกระหนกเนาวรัตน์ประภัสสร |
ฝ่ายพระน้องหน่อกษัตริย์ขึ้นอัสดร | คอยราญรอนเรียงมาริมม้าทรง |
ถึงหน้าทัพยับยั้งพระสังเกต | พอสบเนตรทรามสงวนนวลหง |
สวาทหวังคลั่งคลุ้มใคร่อุ้มองค์ | ตะลึงหลงแลเปล่งดังเพ็งจันทร์ |
จะพิศไหนให้เห็นเหมือนเช่นรัก | วิไลลักษณ์ล้ำสุรางค์นางสวรรค์ |
ขนงเนตรเกศแก้มแต้มอำพัน | เหมือนลูกจันทร์แจ่มผ่องละอองนวล |
ขึ้นดำรงทรงนั่งบัลลังก์รถ | ดูช้อยชดโฉมงามทรามสงวน |
ยิ่งเพ่งพิศฤทธิ์เสน่ห์ให้เรรวน | จึงตรัสชวนเชิญนางทางประโลม |
แม่วัณฬายาหยีเจ้าพี่เอ๋ย | กระไรเลยลืมรักเฝ้าหักโหม |
พี่คนซื่อหรือมาลวงให้ทรวงโทรม | จึงรุกโรมติดตามด้วยความรัก |
แม่คิดร้ายหมายรบไม่คบแล้ว | หรือน้องแก้วแลดูยังรู้จัก |
ที่เมืองใหม่ไฟสว่างกระจ่างพักตร์ | แม่นงลักษณ์ลืมแล้วหรือแก้วตา ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงฟังเพลงพลอด | ระทวยทอดนัยน์เนตรดูเชษฐา |
ทำเยื้อนยิ้มพริ้มพรายชม้ายมา | กิริยาอย่างละครให้งอนงาม |
แล้วตรัสตอบขอบคุณการุญรัก | ที่หาญหักข่มเหงไม่เกรงขาม |
เหลือละโมบโลภลาภเที่ยวปราบปราม | ไม่ทำตามมธุรสพจมาน |
เมื่อพบกันสัญญาจะหย่าทัพ | แล้วไม่กลับแกล้งว่ารักมาหักหาญ |
เห็นพระทัยไม่ตามความโบราณ | จะสู้ต้านต่อยุทธ์จนสุดมือ |
วันนี้ที่สัญญาได้มาพบ | จะรอรบกันกับน้องแต่สองหรือ |
หรือจะขับทัพใหญ่ไล่กระพือ | จึงไม่ถือศัสตรามาราวี ฯ |
๏ พระอภัยได้ฟังเห็นยังรัก | อุตส่าห์ปลักปลอบประโลมนางโฉมศรี |
ซึ่งพูดกันสัญญาในราตรี | โทษของพี่นี้ไม่ผิดสักนิดเลย |
ได้ปลุกทัพกลับมาลังกาหมด | ว่าฉันปดเสียอีกเล่าแม่เจ้าเอ๋ย |
คอยรอรั้งฟังความแม่ทรามเชย | ก็ลอยเลยลิบหายมาหลายเดือน |
แสนละห้อยคอยข่าวทุกเช้าค่ำ | จนโรคซ้ำเสียใจใครจะเหมือน |
จึงแต่งสารการรักมาตักเตือน | แม่กลบเกลื่อนแกล้งเสด้วยเล่ห์กล |
จะเลิกทัพกลับไปอย่างไรรอด | รักแม่ยอดเยาวมิ่งเมืองสิงหล |
แม้ชีวีพี่ชายมิวายชนม์ | มิให้คนอื่นต้องแม่น้องเลย |
เจ้าหมายมั่นสัญญาจะมารบ | พี่อยากพบนวลละอองดอกน้องเอ๋ย |
ไม่ณรงค์สงครามกับทรามเชย | อย่าแคลงเลยไม่ลวงแม่ดวงใจ |
ตัวของพี่นี้ถ้าแม้แม่แค้นเดือด | ตามแต่เชือดฉะลงที่ตรงไหน |
จะขอกอดยอดมิ่งไม่ชิงชัย | จนขาดใจจึงจะวางให้ห่างทรวง ฯ |
๏ นางวัณฬาอาวรณ์ถอนสะอื้น | สู้กล้ำกลืนกลัวอำนาจพระบาทหลวง |
สงสารคำร่ำง้อไม่ล่อลวง | เราแกล้งหน่วงเนิ่นช้าเธอว่าจริง |
เป็นจนใจไม่รู้ที่จะชี้ชอบ | จะต้องตอบตามประสามารยาหญิง |
จึงว่าชะพระช่างกล่าวล้วนเพราพริ้ง | ว่าไม่ทิ้งความสัตย์ซึ่งปฏิญาณ |
จนยินยอมน้อมนบไม่รบพุ่ง | เชิญบำรุงราชัยมไหสถาน |
ขอเป็นข้าสารภาพถึงกราบกราน | หนังสือสารก็ยังมีที่พระองค์ |
จนข้าเฝ้าเขาเย้ยไม่เงยพักตร์ | ว่าลานรักพระอภัยจนใหลหลง |
แต่ตัวของน้องนี้ถือว่าซื่อตรง | ต่อตีวงต้านแตกจึงแปลกใจ |
มาล้อมเขาเจ้าประจัญจึงขันสู้ | ก็ทราบอยู่จะชนะพระที่ไหน |
เหมือนมาวานผลาญชีวันให้บรรลัย | แต่พอได้ลือชื่อว่าซื่อตรง |
อย่าร่ำรักนักเลยน้องเคยพบ | เชิญมารบเอาศีรษะตามประสงค์ |
แล้วลงจากรถาขึ้นม้าทรง | ให้ปักธงสัญญาต่อหน้าคน |
น้องวอดวายฝ่ายพระองค์ทรงสวัสดิ์ | ผ่านสมบัติแว่นแคว้นแดนสิงหล |
พระแพ้น้องกองทัพให้กลับพล | ไปเสียพ้นพาราอย่ามาตี |
อันผู้หญิงสิงหลคนนี้ซื่อ | ใครดึงดื้อแล้วก็สู้ไม่รู้หนี |
ไม่เหมือนอย่างนางสุวรรณมาลี | เขารู้ทีทำจริตกระบิดกระบวน ฯ |
๏ พระอภัยใจรู้ว่าขู่หยอก | จึงเอื้อนออกโอษฐ์พลางทางพระสรวล |
พี่อาลัยใจรักไม่ชักชวน | มาก่อกวนท้าพี่มิอยากรบ |
จะฆ่าฟันฉันใดก็ไม่ห้าม | ก็เล่าความตั้งแต่ต้นไปจนจบ |
เมื่อแจ้งการสารตอบตามนอบนบ | ไม่นึกรบนึกรักน้องหนักครัน |
เป็นคราวเคราะห์เพราะพระน้องเข้าข้องขัด | ว่าให้ตัดญาติกาให้อาสัญ |
บอกว่าหยอกดอกก็เขาว่าเข้ากัน | จึงหุนหันหักด่านดงตาลมา |
พี่ผิดจริงมิ่งแม่จงแก้แค้น | ทำทดแทนเถือหนังแลมังสา |
ไม่ต่อตีศรีสวัสดิ์เป็นสัจจา | พลางขับม้าเข้าไปตรงธงสำคัญ |
นางละเวงเกรงจะจับขยับกริช | พระน้องชิดชักทวนสวนถลัน |
ฝ่ายสามนางต่างน้าวสายเกาทัณฑ์ | ต่างขยั้นหยุดยั้งระวังที ฯ |
๏ ศรีสุวรรณครั้นเห็นหน้ารำภาน้อย | ดูแช่มช้อยชื่นจิตด้วยฤทธิ์ผี |
พึ่งรุ่นสาวขาวล้ำเหมือนสำลี | ได้เป็นที่เจ้าเมืองมีเครื่องยศ |
ยิ่งงามคมสมควรเป็นนวลเปล่ง | ยิ่งพิศเพ่งผ่องเหมือนเดือนทรงกลด |
ยิ่งรวยรินกลิ่นกลั่นคันธรส | เหลือจะอดออกปากฝากไมตรี |
เออนี่แน่แม่รำภานิจจาเอ๋ย | กระไรเลยแลพบก็หลบหนี |
เมื่อแรกเล่าเราก็เหมือนเพื่อนชีวี | เจ้าแปลกพี่แล้วหรือน้องลองรำลึก |
ถึงรบรับอับจนใช่คนอื่น | พอได้ชื่นใจบ้างที่กลางศึก |
ไฉนน้าวเกาทัณฑ์หุนหันฮึก | ไม่รำลึกความหลังดูบ้างเลย ฯ |
๏ นางรำภาหน้าอายซังตายตอบ | ถึงจะชอบเหมือนคำก็ทำเฉย |
เคยรบสู้รู้จักอย่าทักเปรย | ถึงเยาะเย้ยอย่างไรก็ไม่อาย |
เมื่อรบกันฉันได้ผ้าเช็ดหน้าไว้ | ถ้าแม้ไม่มีอื่นจะคืนถวาย |
แต่หมวกเพชรเม็ดบุษย์สุดเสียดาย | จะขอถ่ายเงินทองที่ต้องการ ฯ |
๏ พระยิ้มพลางทางว่าเช็ดหน้าพี่ | ถึงจะมีเหมือนหาไม่ด้วยไกลสถาน |
สู้เปลื้องไว้ให้เจ้าอ้างต่างพยาน | ไม่ต้องการเลยแล้วหรือแก้วตา |
หมวกของเจ้าเอาไว้จะได้ชื่น | แล้วจะคืนให้กับมิตรกนิษฐา |
พลางใช้ไพร่ให้กลับไปพลับพลา | เอาหมวกมาจูบต้องประคองเชย |
พี่ขอยืมปลื้มใจเมื่อไสยาสน์ | อย่าเพ่อขาดไมตรีเจ้าพี่เอ๋ย |
นางแลดูชูผ้าเช็ดหน้าเย้ย | ต่างก็เปรยเปรียบปราศรัยกันในที ฯ |
๏ สินสมุทรหยุดฟังบนหลังม้า | ดูยุพาผกามารศรี |
ก็ฉุนเฉียวเสียวเสน่ห์ประเวณี | ด้วยฤทธิ์ผีพาให้พระทัยเพลิน |
จะเกี้ยวบ้างอย่างพระอาบิดาเกี้ยว | แล้วหน่วงเหนี่ยวนึกคร้ามให้ขามเขิน |
แต่ยิ้มเยื้อนเอื้อนอายชม้ายเมิน | ให้เผอิญอกใจดังไฟฮือ |
จึงขับม้ามาตรงนางแล้วพลางถาม | แม่น้องนามยุพาผกาหรือ |
ยิงเกาทัณฑ์สันทัดเคยหัดปรือ | มีหนังสือมาถึงฉันเมื่อวันซืน |
ว่าสินทรัพย์นับโกฏิจะโปรดให้ | ขอสไบน้องรักแต่สักผืน |
อย่าหมองหมางจางจืดให้ยืดยืน | ใช่คนอื่นคนไกลหาไหนมา ฯ |
๏ นางฟังคำน้ำใจมิได้รัก | ดูเหมือนยักษ์ร้ายกาจไม่ปรารถนา |
แกล้งยียวนสรวลสันต์จำนรรจา | ขอทานผ้าพี่ชายไม่อายเลย |
มาตีปล้นขนทรัพย์ไปนับหมื่น | ยังขอผืนผ้าเล่าเจ้าแม่เอ๋ย |
ละโมบนักมักได้ฉันไม่เคย | ไม่อายเลยเจียวหรือพี่พูดดีจริง ฯ |
สินสมุทรสุดจนให้อ้นอั้น | ไม่รู้ผันผ่อนแก้แพ้ผู้หญิง |
แต่ยิ้มยิ้มหงิมง่วงไม่ท้วงติง | ทำเมินนิ่งนึกเขินสะเทิ้นที ฯ |
๏ พระอภัยได้เห็นสองพี่น้องน้อย | ดูแช่มช้อยเช่นวัณฬามารศรี |
ให้นึกรักทักยุพาสุลาลี | มาถึงนี่หน่อยเถิดพ่อจะขอชม |
ช่างฉอเลาะเราะรายละม้ายเหมือน | ได้เป็นเพื่อนชนนีเห็นดีสม |
ฝ่ายสองนางได้ฟังต่างบังคม | พระตรัสชมกระหม่อมฉันด้วยกรุณา |
ขอบพระคุณอุ่นจิตดังบิตุเรศ | จงโปรดเกศกระหม่อมฉันให้หรรษา |
ช่วยเลิกทัพกลับไปอย่าได้มา | จะเห็นว่าโปรดปรานสำราญใจ ฯ |
๏ พระฟังนางช่างพลอดฉอดฉอดเสียง | เหมือนแม่เลี้ยงเหลือดีจะมีไหน |
จึงตอบว่าข้าจะขับกองทัพไป | มิให้ใครรบพุ่งกรุงลังกา |
แต่ตัวพ่อขออยู่เอ็นดูด้วย | เจ้าจงช่วยปลูกฝังพ่อบ้างหนา |
แม้รับคำสำคัญที่สัญญา | จะให้ล่าเลิกทัพถอยกลับไป ฯ |
๏ นางยุพาผกาปรีชาฉลอง | พระแกล้งลองเล่นว่าจะอาศัย |
เมืองผลึกตึกกว้านสำราญใจ | จะเห็นอะไรกับฝรั่งเมืองลังกา |
แม้จริงจังดังตรัสไม่ขัดข้อง | สุดแต่ต้องพระประสงค์คงอาสา |
เชิญพระองค์ทรงธรรม์ได้สัญญา | จะเลิกล่าพลขันธ์ไปวันไร ฯ |
๏ พระแย้มพลางทางว่านิจจาเอ่ย | ไม่ลวงเลยแล้วบิดาจะอาศัย |
ให้มารดรอ่อนน้อมพร้อมพระทัย | พ่อจะให้สัจจังอยู่ลังกา |
แล้วถอดเพชรธำมรงค์ที่ทรงก้อย | วงน้อยน้อยน่ารักเป็นหนักหนา |
ให้ทหารคลานไปให้ใกล้อาชา | ให้ยุพาผกาสุลาลีวัน |
แล้วว่าพ่อขอมีไมตรีไว้ | ถ้าแม้ได้เหมือนคำจะทำขวัญ |
นางยอบองค์ลงรับแล้วอภิวันท์ | พอสายัณห์หย่าทัพต่างกลับไป ฯ |
๏ นางวัณฬามายังพระสังฆราช | เชิงฉลาดเล่าแจ้งแถลงไข |
ไม่สมหวังดังจิตที่คิดไว้ | ต้องเกลี่ยไกล่กลับมาตรึกตราการ |
แล้วกราบลามาสำนักตำหนักตึก | เปลื้องเครื่องศึกสรงเสวยนมเนยหวาน |
พอพลบค่ำย่ำฆ้องก้องกังวาน | เหล่าทหารเฮฮาพูดจาเกรียว |
เราไปทัพกับผู้ชายเป็นนายทัพ | ต้องรบรับฟันแทงสิ้นแรงเรี่ยว |
ไปตามเจ้าเราเป็นหญิงดีจริงเจียว | ฟังเธอเกี้ยวกันก็เพลินเจริญใจ |
บ้างร้องถามสามคู่สู้ศึกปาก | เดิมพันมากอยู่อ้ายเกลอเสมอไหน |
เสียงหัวร่อต่อรองกันก้องไป | บาทหลวงได้ยินความเที่ยวถามดู ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายต่างพรายแพร่ง | บาทหลวงแจ้งจึงว่าเบื่อเหลืออดสู |
คิดไปว่าราวีมามีชู้ | ขี้ปดกูกูจะว่าให้สาใจ |
แล้วรีบหาข้าเฝ้าเหล่าฝรั่ง | มาพร้อมพรั่งที่วัณฬาอยู่อาศัย |
ขึ้นนั่งเตียงเสียงสำลักกระอักกระไอ | แล้วถามไถ่พี่น้องสองสุดา |
พระอภัยให้แหวนไว้แทนหรือ | นางแม่สื่อสองทัพรับอาสา |
ให้ลวงเขาเจ้าไม่ลวงหน่วงเวลา | แล้วมีหน้าไหว้เขาให้เราอาย |
อ้ายพวกไพร่ได้เห็นมาเป็นโจทก์ | จะทำโทษตามบทในกฎหมาย |
นางแม่สื่อซื้อหน้าฆ่าให้ตาย | แต่เจ้านายเนรเทศจากเขตคัน ฯ |
๏ ยุพาฟังสังฆราชกริ้วกราดโกรธ | จะลงโทษโทษาให้อาสัญ |
ถึงอับจนกลศึกรำลึกทัน | เอากลผันภูผาออกพาที |
พระคุณเจ้าเฒ่าชราพูดจาหลง | ไม่มั่นคงควรหรือกลับถือผี |
วิสัยศึกลึกซึ้งจึงจะดี | ได้รู้ที่แข็งอ่อนได้ผ่อนปรน |
จะลวงเขาเป่าปี่เขามิเป่า | ปากของเขาใครจะงัดเห็นขัดสน |
จึงยักย้ายถ่ายเทด้วยเล่ห์กล | ชื่อว่าฝนดับไฟท่านไม่รู้ |
พรุ่งนี้เช้าเราจะจับทัพผลึก | ให้สิ้นศึกเสียไม่เหลือเหมือนเบื่อหนู |
พวกนายไพร่ใหญ่น้อยจงคอยดู | จะได้รู้ความในทำไมมี |
อันเยี่ยงอย่างข้างกำหนดในกฎหมาย | โทษถึงตายแต่ไม่รบกลับหลบหนี |
นี่เราปราบราบได้ด้วยไมตรี | พอพรุ่งนี้ก็จะเสร็จสำเร็จการ |
ฝ่ายพระบาทมาตุรงค์ปลงธุระ | สั่งให้พระยกออกคลอกทหาร |
แม้ไม่ทันสัญญาพระอาจารย์ | โทษของท่านใหญ่หลวงอย่าท้วงติง ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชฉลาดมาก | แต่ฝีปากอ่อนแอแพ้ผู้หญิง |
นึกว่าถูกลูกคนนี้มันดีจริง | ตะลึงนิ่งหน้าม้านรำคาญใจ |
สักครู่หนึ่งจึงว่าถ้าเช่นนั้น | ใครไม่ทันโทษหนักถึงตักษัย |
แล้วลุกลามากำชับทุกทัพชัย | ให้นายไพร่พร้อมกันตามสัญญา ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงเกรงบาทหลวง | ครั้นดึกดวงเดือนสว่างกลางเวหา |
จึงตรัสถามความคิดของธิดา | ไยสัญญาอย่างนั้นกับท่านครู ฯ |
๏ นางยุพาว่าพระคุณการุญเลี้ยง | การแต่เพียงนี้มิได้ให้อดสู |
จะผ่อนปรนกลการผลาญศัตรู | ชื่อว่างูกินหางอย่างโบราณ |
แล้วเล่าความตามคิดไม่ปิดป้อง | มิให้ต้องคลอกเผาเหล่าทหาร |
พระชนนีดีใจเห็นได้การ | ค่อยคิดอ่านอุบอิบซุบซิบกัน ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยมิได้หลับ | แต่พลิกกลับกลุ้มใจจนไก่ขัน |
เผยพระแกลแลชมพนมวัน | เห็นพระจันทร์แจ่มดวงจะล่วงลับ |
ค่อยคล้อยเคลื่อนเลื่อนรถสลดเหลือง | ดูเรื่อเรืองไรไรมิใคร่ดับ |
โอ้ดูเดือนเหมือนวัณฬาเมื่อล่าทัพ | ไปลิบลับแล้วเมื่อไรจะได้เชย |
โอ้รินรินกลิ่นพิกุลมาฉุนชื่น | ถอนสะอื้นอิงแอบแนบเขนย |
หนาวน้ำค้างพร่างพรมลมรำเพย | พระก็เลยหลับไปในไสยา |
เทพเจ้าเอายุบลมาดลจิต | ให้นิมิตฝันฟื้นตื่นผวา |
พระตรึกไตรในสุบินจินตนา | จนเวลารุ่งแจ้งยิ่งแคลงใจ |
จึงโสรจสรงทรงเครื่องเรืองระยับ | ออกหน้าพลับพลาทองม่านสองไข |
พร้อมโอรสอนุชาเสนาใน | จึงตรัสให้สานนเป็นคนทาย |
ฝันว่าปี่ที่เราเป่าแต่ก่อน | เป็นมังกรกับนาคมามากหลาย |
เข้ารุมรบขบตอดเราวอดวาย | ยังแต่กายกรบาทขาดกระเด็น |
แล้วตัวเราเข้าไปอยู่ในถ้ำ | จะคลานคลำไปข้างไหนก็ไม่เห็น |
พระโยคีมหาคงคาเย็น | ชุบให้เป็นคนคืนพอฟื้นกาย ฯ |
๏ เจ้าพราหมณ์ฟังบังคมบรมนาถ | จึงอ่านศาสตร์ไสยมนต์มงคลถวาย |
แจ้งนิมิตคิดคูณแล้วทูลทาย | พระเคราะห์ร้ายเร่งระมัดบำหยัดองค์ |
อันงูขบรบรอนมังกรกลุ้ม | หญิงจะรุมรักใคร่ให้ใหลหลง |
จะพลัดพรากจากตระกูลประยูรวงศ์ | แต่พระองค์นั้นว่าหญิงจะชิงไป |
ซึ่งมืดสิ้นดินฟ้ามหาสมุทร | จะทิ้งพุทธภาวนาภาษาไสย |
อันโยคีที่ให้ฟื้นใช่อื่นไกล | คือผู้ใหญ่อยู่ในศีลพระชินวงศ์ |
จะชูช่วยด้วยวิชาอานุภาพ | ให้เกิดลาภล้นลบสบประสงค์ |
สืบกษัตริย์อติเรกเป็นเอกองค์ | พระญาติวงศ์พรั่งพร้อมเป็นจอมเจิม |
ในสามวันชันษาชะตาขาด | จะร้างราชสมบัติฉัตรเฉลิม |
ที่ตรงปี่นี้สังเกตเป็นเหตุเดิม | จะแรกเริ่มร้ายดีให้มีมา |
ขอทัดทานผ่านเกล้าอย่าเป่าปี่ | ภัยจะมีแม่นแท้แน่หนักหนา |
เคราะห์นี้ร้ายคล้ายพระรามตามสีดา | ไมราพณ์พาลงไปไว้ใต้บาดาล |
แต่มีชายตายแทนเป็นแม่นมั่น | พระเคราะห์ร้ายนั้นถึงฆาตอย่าอาจหาญ |
จงอยู่ในไสยาสมาทาน | จะตั้งศาลบวงสรวงดวงชาตา |
เสกสะเดาะเคราะห์ร้ายให้คลายเคลื่อน | จนดาวเดือนดวงดับลับเวหา |
จึงสรงชลมนต์พรหมมุรธา | ตามตำราไสยเวทประเภทพราหมณ์ ฯ |
๏ พระฟังคำทำนายเห็นร้ายนัก | ค่อยลืมรักนางละเวงด้วยเกรงขาม |
แต่มานะกษัตริย์จึงตรัสความ | ที่ห้ามปรามสอนสั่งจะฟังคำ |
จงคิดอ่านการสะเดาะพระเคราะห์ด้วย | เหมือนชูช่วยเชิดชุบอุปถัมภ์ |
แล้วเข้าห้องของพระองค์นั่งทรงธรรม | ชักประคำภาวนาสมาทาน ฯ |
๏ ฝ่ายเจ้าพราหมณ์สามคนมนต์ชะงัด | จึงรีบจัดแจงสั่งให้ตั้งศาล |
กันยาแฝดแปดทิศพิสดาร | มาแต่งการข้างที่บัตรพลีราย |
เอาแพรบางอย่างดีแปดสีซ้อน | บนบรรจถรณ์ให้บรรทมโบกลมถวาย |
แล้วอ่านมนต์สะเดาะสดัมยัมพวาย | ธงนารายณ์กรายปัดกำจัดภัย |
ผ้าแพรสีที่รองขนองนั้น | เอาผูกพันภาพยนตร์ด้วยมนต์ไสย |
เป็นคนธรรพ์รับเคราะห์แล้วเหาะไป | พระอภัยค่อยหายกระวายกระวน |
ที่ผูกพันวัณฬามาแต่หลัง | ครั้นคล้ายคลั่งคิดเห็นไม่เป็นผล |
ปรึกษาพราหมณ์ถามฤกษ์จะเลิกพล | เจ้าสานนคอยสนองให้ต้องตาม ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงกริ่งเกรงตรึก | กลัวการศึกจะไม่เสร็จคิดเข็ดขาม |
ครั้นเช้าใช้ให้ยุพาพะงางาม | ไปจัดตามกลศึกซึ่งตรึกการ |
๏ ฝ่ายพี่น้องสองสุดาลาลีลาศ | มาบอกบาทหลวงฝ่ายนายทหาร |
รับสั่งใช้ให้มาหาพระอาจารย์ | เห็นว่าท่านฟั่นเฟือนไม่เหมือนเดิม |
ฉวยได้ทีมิทำให้สำเร็จ | ไม่สิ้นเสร็จเสี้ยนศึกจะฮึกเหิม |
จะเกณฑ์ไพร่ในลังกาให้มาเติม | พอได้เพิ่มพลขันธ์ให้ทันการ |
แล้วจัดผู้รู้ขนบในรบพุ่ง | ไปกันกรุงลังกามหาสถาน |
เผื่อเพลี่ยงพลั้งตั้งมั่นประจัญบาน | ท่านคิดการอย่างเดียวมันเปลี่ยวใจ ฯ |
๏ พระฝรั่งสังฆราชตวาดว่า | อย่าพักมาผันแปรพูดแก้ไข |
เราได้รับสัประยุทธ์จะจุดไฟ | แม้ไม่ได้แล้วกูจะสู้ตาย |
จะแต่งใครไปรักษาลังกานั้น | ตามจะผันผ่อนการประมาณหมาย |
แม้ไพรีมิหลับทำกลับกลาย | จะต้องตายตามกันเหมือนสัญญา ฯ |
๏ นางฟังคำทำเป็นว่าถ้าเช่นนั้น | ต้องแยกกันทำสงครามตามประสา |
คงจะคิดบิดผันจำนรรจา | พิฆาตฆ่าพระอภัยเสียให้ตาย |
แล้วจะรีบไปรักษาลังกาไว้ | ที่จุดไฟนี่เป็นการท่านทั้งหลาย |
บาทหลวงรับกลับว่าแม้ฆ่าตาย | เอารูปกายพระอภัยมาให้เรา |
จงไปวังลังกาเถิดอย่าอยู่ | แล้วพวกกูจึงจะออกไปคลอกเผา |
นางคำนับรับความตามสำเนา | นึกว่าเราลวงได้ด้วยง่ายดาย |
แล้วกราบลามาเตรียมรถที่นั่ง | มีบัลลังก์หลังคาฝาพระฉาย |
พวกนารีที่ให้แต่งแปลงเป็นชาย | อยู่เรียงรายซ้ายขวารักษาองค์ |
สุลาลีนั้นสำหรับให้ขับรถ | บอกกำหนดสงครามตามประสงค์ |
คอยประทับรับพระบาทมาตุรงค์ | แล้วรีบตรงไปลังกาในราตรี |
เตรียมสำเร็จเสร็จสรรพกลับมาเฝ้า | ทูลพระเจ้าลังกามารศรี |
จะออกไปใช้พระอภัยมณี | ให้เป่าปี่คนหลับทบทับกัน |
แล้วจะพามาถวายขึ้นท้ายรถ | แต่ทรงยศอย่าเพ่อฆ่าให้อาสัญ |
คุมไปวังขังไว้ให้หลายวัน | กระหม่อมฉันจะอยู่รับกองทัพชัย |
ด้วยท่านครูผู้เฒ่าจะเอาศพ | จะต้องกลบเกลื่อนล้างทางสงสัย |
แล้วจัดแจงแต่งหนังสือจะถือไป | ห่อสไบย้อมยาไว้ช้านาน |
ทูลลาบาทมาตุรงค์มาทรงม้า | ร้องเรียกหาย่องตอดยอดทหาร |
ให้ตามหลังสั่งเสร็จสำเร็จการ | ออกจากด่านเดินมาถึงหน้าทัพ |
จึงร้องบอกหลอกเหล่าชาวผลึก | วันนี้ศึกจะสำเร็จเป็นเสร็จสรรพ |
นางทรามวัยใช้ธิดามาคำนับ | จงเปิดรับเร็วเราจะเข้าไป ฯ |