ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ

๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง แกนั่งง่วงตรองตรึกพลางปรึกษา
ท้าวโกสัยดูฉบับตำหรับตำรา กับเสนาพวกฝรั่งฟังอาการ
ใครจะเห็นแยบคายอุบายมั่ง จะขอฟังวาจาเร่งว่าขาน
ดูปัญญามาประจบคิดรบราญ จะทัดทานอย่างไรในกระบวน
พวกเสนาฝรั่งฟังแกถาม ก็ว่าตามแต่ผู้ใหญ่จะไต่สวน
ข้าพเจ้าที่จะให้ไปใคร่ครวญ โดยกระบวนในตำราที่หารือ
คิดไม่เห็นเป็นแต่คนสำหรับใช้ ด้วยอยู่ใต้บังคับเคยนับถือ
แล้วแต่ท่านสารพัดจะหัดปรือ ให้ขุดรืออย่างไรจะไปตาม
บาทหลวงว่าใครจะรู้เหมือนกูเล่า ก็เห็นเปล่าจริงหนอแต่ล่อถาม
ไม่เห็นใครรู้หลักประจักษ์ความ ยิ่งชักถามก็ยิ่งเคอะเซอะทุกคน
เฮ้อนี่แน่แยบคายอุบายนี้ เห็นจะดีคิดเห็นจะเป็นผล
เราคิดทำโคมไฟใส่ไกกล ปล่อยไปบนเวหาสักห้าพัน
เอาดินดำทำไส้กับไฟกรด พอเชื้อหมดถึงดินดำกำมะถัน
ถัาพลัดตกลงที่ไหนเป็นไฟกัลป์ ถึงสามวันจึงจะดับระงับเปลว
ถูกตึกกว้านร้านโรงก็โพลงพลุ่ง เป็นเปลวฟุ้งคงถูกกระดูกเหลว
ปัญญากูคิดไว้มิใช่เลว เหมือนตกเหวขึ้นได้ดั่งใจปอง
ท้าวโกสัยกับขุนนางข้างฝรั่ง ที่นั่งฟังพร้อมกันสักพันสอง
สรรเสริญปัญญาดั่งทาทอง พอหายหมองสุกเปล่งดั่งเพ็งจันทร์
มิเสียทีที่เป็นปราชญ์ฉลาดเลิศ แสนประเสริฐใหญ่ยิ่งทุกสิ่งสรรพ์
ทั้งจะสมปรารถนาสารพัน ยืนพร้อมกันแล้วคำนับพลางจับมือ
๏ บาทหลวงค่อยบางเบาบรรเทาทุกข์ บังเกิดสุขเห็นผลคนนับถือ
เพราะความคิดของตนคนจึ่งลือ มันนับถือตัวกูผู้อาจารย์
ที่ทุกข์ร้อนอ่อนใจหายเป็นปลิด เห็นสมคิดปรีดิ์เปรมเกษมศานต์
ค่อยกินอยู่หลับนอนผ่อนสำราญ แล้วคิดการปรุงยาหาน้ำมัน
ประสมดินปืนไว้จะใส่เชื้อ เอากรดเจือลงในน้ำกำมะถัน
แล้วผูกเป็นโคมผ้าขึ้นห้าพัน เอาดินคั่นไว้ข้างล่างวางตะเกียง
แล้วทำไกใส่ลิ้นเมื่อลมหวน จะได้ครวญครางเพราะเสนาะเสียง
ให้จัดแจงแต่งเสร็จสำเร็จเรียง เป็นคู่เคียงใส่ยาทั้งห้าพัน
อันปัญญาฝรั่งสังฆราช แกฉลาดยิ่งบุรุษสุดขยัน
เกณฑ์พหลพลรบไว้ครบครัน ทั้งปืนสั้นปืนยาวทั้งง้าวทวน
สำหรับเข้าแหกค่ายจัดไว้พร้อม จะคอยอ้อมรบระดมเมื่อลมหวน
สั่งให้พวกเกณฑ์หัดจัดกระบวน ไว้ให้ถ้วนตามบังคับทุกทัพชัย
แม้ฤกษ์ดีวันไรจะได้ยก ไปข้างบกริมท่าชลาไหล
อ้ายพวกม้นก็จะแตกแยกกันไป เราแหกค่ายพลอยประสมระดมยิง
แล้วสั่งให้เลี้ยงดูหมู่ทหาร ทั้งคาวหวานเหล้าส้มขนมผิง
อีกเป็ดไก่เนื้อแพะแกะกระทิง ของย่างปิ้งต่างต่างวางในจาน
บนโต๊ะใหญ่หลายอย่างข้างละแถว สำเร็จแล้วรายเรียงเลี้ยงทหาร
ให้กินอยู่หลับนอนผ่อนสำราญ เหล่าทหารกองหนุนทั้งขุนพล ฯ
๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช ไปแอบหาดเกาะท้ายปลายสิงหล
ค่อยเป็นสุขทุกอาณาประชาชน ไม่ร้อนรนอยู่สบายมาหลายวัน
แต่ภิรมย์ชมสมรเสมอทิพย์ อันลอยลิบเปรียบเหมือนผ่านวิมานสวรรค์
ไม่จากห้องไสยาสน์อาสน์สุวรรณ ถนอมขวัญบุษบงอนงค์นาง
ในห้องท้ายบาหลีที่สถิต สำราญจิตโดยถนัดไม่ขัดขวาง
ดั่งเครื่องทิพย์หยิบส่งประจงวาง ไม่รู้จางที่ในรสเหมือนอดออม
พระจุมพิตชิดชื่นระรื่นกลิ่น สมถวิลมิรู้จางห่างถนอม
เหมือนแมลงผึ้งคลึงเกสรเฝ้าวอนตอม แนบถนอมกลั้วกลิ่นไม่สิ้นเชิง
พายุหวนป่วนปั่นสนั่นก้อง ฝนคะนองฟ้าเจือจนเหลือเหลิง
สุนีบาดฟาดสายกระจายเปิง กำปั่นเหลิงลอยชิดขึ้นติดเลน
สุริยาอัสดงจะลงลับ เมฆขึ้นจับฟ้าแดงดั่งแสงเสน
ทั้งเนมินอิสินธรอ่อนระเนน จนสุริเยนทร์เลี้ยวลับบรรพตา ฯ
๏ สองภิรมย์สมสนิทพิศวาส ไม่ห่างบาทบทเรศพระเชษฐา
พระจันทรจรกระจ่างกลางนภา ดวงดาราส่องสว่างกลางโพยม
พระเสร็จจากแท่นสุวรรณบรรจถรณ์ พลางกุมกรกัลยาสุดาโฉม
ให้ดูดาวพราวพร่างกลางโพยม เหมือนแสงโคมสุกใสในอัมพร
โน่นดาวไถใกล้เคียงกับดาวเต่า เป็นเหล่าเหล่ารายระดับสลับสลอน
นี่แน่ดาวกัณฐัศว์อัสดร ดาวมังกรเหรากุมภาพาล
ที่ตรงหน้าพาชีดาวลูกไก่ เห็นไรไรรูปทรงเหมือนธงฉาน
โน่นดาวข่างกลางพื้นโพยมมาน ทิศอีสานดาวสำเภามีเสาใบ
ถัดไปนั่นดาวโลงมีกาจับ ในตำหรับทายที่คัมภีร์ไสย
แม้กาจับหลายตัวมักกลัวไป ทายว่าไข้ย่อมมีมาบีฑา
โน่นดาวหางขึ้นอยู่ข้างทิศพายัพ มักเกิดทัพรบพุ่งยุ่งนักหนา
พวกโหรดูรู้ฉบับตำหรับตำรา จึงทายว่าหางหัวชั่วแลดี
พระจันทร์ตรงส่งกลดดูโชติช่วง กระจ่างดวงแจ่มจำรัสรัศมี
จับผิวพักตร์กัลยานางนารี นวลฉวีปลั่งเปล่งดั่งเพ็งจันทร์
พระเชยปรางพลางประโลมโฉมสมร ราวกับจรจากสถานพิมานสวรรค์
ครูบาทหลวงแกจะพรากให้จากกัน สารพันที่จะทำให้ช้ำใจ
ถึงเป็นตายก็ไม่วายเสน่ห์น้อง จะจากห้องบุษบงอย่าสงสัย
พลางรับขวัญกัลยาสุมาลัย พระเคล้นไคล้เคล้าพุ่มปทุมทอง
บุษบงนงเยาว์เสาวรส จงปรากฏเถิดอุบลอย่าหม่นหมอง
เหมือนดวงจันทร์ขวัญจิตอย่าคิดปอง ไม่เป็นสองดวงดอกพี่บอกจริง
ดังดวงจิตเชษฐาเจ้าอย่าแหนง ไม่พรายแพร่งเป็นสองดอกน้องหญิง
สุดาเดือนเหมือนประสงค์ที่ตรงจริง สมรมิ่งเหมือนเดือนเสมอดวง ฯ
๏ นางบังคมก้มเศียรลงกราบบาท พจนารถทูลความไม่ห้ามหวง
ถึงจะมีแสนสุรางค์นางทั้งปวง ไม่เคียดขึ้งหึงหวงให้ล่วงเกิน
เป็นความสัตย์ปฏิญาณสาบานถวาย ไม่วุ่นวายให้พระหมางระคางเขิน
ถึงนางใดจะมาทำให้ก้ำเกิน จะสู้เมินมิให้เคืองในเรื่องราว
พระรับขวัญขวัญตานิจจาน้อง มิให้ต้องเคืองขุ่นถึงวุ่นฉาว
อันหญิงอื่นหมื่นแสนในแดนดาว อย่ามากล่าวเลยในใจไม่นิยม
นอกจากนุชพี่ไม่สุจริตรัก ถึงใครชักให้ไปชิดสนิทสนม
ไม่ขอคบขอคิดจิตนิยม อย่าปรารมภ์เลยสมรกรประคอง
นางคำนับรับรสพจนารถ ไม่ห่างบาททรงฤทธิ์สนิทสนอง
จนเดือนเที่ยงเสียงโกกิลาคะนอง กระเรียนร้องที่บนเกาะเสนาะดัง
จังหรีดร้องลองไนเรไรเรื่อย สำเนียงเฉื่อยเหมือนดนตรีดีดสีสังข์
ดุเหว่าแว่วแจ้วเจื้อยระเรื่อยดัง วิเวกวังเวงรื่นชื่นกมล
พระพายพัดรวยรินกลิ่นเกสร ละอองอ่อนซาบเย็นทุกเส้นขน
น้ำค้างย้อยพรอยพรายดังสายชล พระขึ้นบนบาหลีที่ไสยา
ถนอมแนบแอบนุชสุดที่ชื่น สำราญรื่นรับขวัญต่างหรรษา
ค่อยคลายทุกข์สุขเกษมเปรมอุรา สองไสยาร่วมพระแท่นแสนสบาย ฯ
๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง ค่อยสร่างทรวงคิดสมอารมณ์หมาย
จึ่งสั่งท้าวโกสัยทั้งไพร่นาย พลนิกายรวมรอมให้พร้อมกัน
ค่ำวันนี้มีฤกษ์จะยกทัพ จงกำชับพวกพหลพลขันธ์
จะปล่อยโคมจักรไกไฟน้ำมัน เอาให้ทันฤกษ์พาเวลาดี
ท้าวโกสัยกำกับเป็นทัพหน้า ให้ผูกม้าเครื่องทองละอองศรี
อานฝรั่งลงยาราชาวดี ใส่เสื้อสีดำขลับระยับพลาย
ถือกระบี่ฝักทองประดับเพชร แต่ละเม็ดแจ่มจัดจำรัสฉาย
ใส่หมวกฝังทับทิมดูพริ้มพราย สังวาลสายมรกตดูงดงาม
เหน็บปืนสั้นสองข้างอย่างฝรั่ง พร้อมสะพรั่งพลไกรในสนาม
บาทหลวงใส่เครื่องมณีล้วนสีคราม ใส่หมวกสามยอดสลับประดับนิล
เสียบขนนกวายุภักษ์ปักข้างขวา เหมือนมาลาเจ้าฝรั่งดังถวิล
ถือกระบี่ที่ท้าวเจ้าบุรินทร์ มาพร้อมสิ้นพลหมื่นพื้นฉกรรจ์
แกขึ้นรถกำกับเป็นทัพหลวง ทุกกระทรวงเร่งรัดให้จัดสรรค์
เครื่องอาวุธยุทธนาสารพัน ทั้งปืนสั้นปืนยาวแลง้าวทวน
ได้ฤกษ์ดีสี่ทุ่มจึงจะยก กระบวนบกโดยระบอบคอยสอบสวน
แกบังคับยับยั้งตั้งกระบวน เลือกแต่ล้วนโยธีมีฝีมือ
เป็นทัพหน้ากล้าหาญในการรบ ได้สมทบยงยุทธ์อาวุธถือ
ปืนคาบชุดนกสับสำหรับมือ แจกให้ถือถ้วนทั่วทุกตัวคน
พอสุริยงลงลับพยับฟ้า ดวงดาราแจ่มกระจ่างกลางเวหน
บาทหลวงส่องกล้องคู่ดูฤกษ์บน พร้อมพหลพลยุทธ์ให้จุดไฟ
พอมีลมริ้วริ้วมาฉิวเฉื่อย ปล่อยโคมเรื่อยเพลิงกระจ่างสว่างไสว
ต้องลิ้นขลุ่ยเสียงเพราะเสนาะใน ลอยขึ้นไปในห้องท้องคัคนานต์ ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านเมืองปากน้ำ ครั้นพลบค่ำสิ้นแสงพระสุริย์ฉาน
ให้ตีฆ้องกองไฟไวปราการ ทหารขานยามให้ระไวระวัง
พวกพหลพลรบสมทบทัพ ดูคั่งคับดาษดาทั้งหน้าหลัง
พร้อมกษัตริย์สุริย์วงศ์ดำรงวัง มาเฝ้าบังคมคัลอัญชลี
สามพระองค์ทรงศิลมุนินทร์นาถ ให้โอวาทโดยจริตกิจฤๅษี
จงยับยั้งตั้งมั่นในขันตี เพราะเป็นที่ทางประโยชน์โพธิญาณ
อย่าโลภหลงปลงในพระไตรลักษณ์ จงประจักษ์ที่ตั้งแห่งสังขาร
เป็นอนิจจังยังขันธสันดาน ให้สาธารณ์มิได้ตั้งอยู่ยั่งยืน
เป็นเครื่องจมถมแผ่นสุธาวาส เพราะเป็นชาติชราไม่ฝ่าฝืน
อนัตตาสูญลับไม่กลับคืน อย่าชมชื่นร่างกายหมายว่าดี
กองกิเลสผูกพันนั่นคือห่วง จงหลีกล่วงหนีทุกข์ให้สุขี
พระอภัยเทศนาตามบาลี อยู่ในที่พลับพลาหน้าเชิงเทิน
พอสี่ทุ่มเห็นสว่างกลางอากาศ เสียงประหลาดดูเหมือนนกวิหคเหิน
ประสานซ้องก้องดังยังฟังเพลิน เลียงกริ่งเกริ่นบนเวหานภาลัย
พวกพลแหงนดูฟ้าบนอากาศ เห็นโคมดาษแจ่มกระจ่างสว่างไสว
ดาษดาน่าอนาถประหลาดใจ ทั้งแสงไฟส่องสว่างดั่งกลางวัน
พวกเสนาเข้าไปทูลมูลเหตุ ว่าอาเพศมาในทางกลางสวรรค์
ปางพระจอมโมลีศรีสุวรรณ กับพงศ์พันธุ์วงศาเสนานาย
พระมุนินทร์ปิ่นฤๅษีหลวงชีสอง ลุกจากห้องจรจรัลรีบผันผาย
ทอดพระเนตรเหตุผลฟังต้นปลาย เห็นแยบคายประจามิตรจะคิดกล ฯ
๏ ฝ่ายครูพักตร์จักราพฤฒาเฒ่า จึงก้มเกล้าทูลแถลงแจ้งนุสนธิ์
คงจะเป็นการร้ายอุบายกล จงเตรียมพลออกไปค่ายระไวระวัง
อย่าไว้ใจในการกลศึก จะโหมฮึกอ้อมทบตลบหลัง
เห็นผิดอย่างทางบนพ้นกำลัง จะยับยั้งข้าเห็นไม่เป็นการ ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสปรึกษาบรรดาหลาน
ให้ยกพวกพลไกรอันชัยชาญ ออกจากด่านไปค่ายชายทะเล
พร้อมพหลพลทัพสำหรับรบ เร่งสมทบไปให้ทันอย่าหันเห
รีบยกไปค่ายตั้งฝั่งทะเล ฝรั่งเฮฮาล้อมเข้าพร้อมเพรียง
บาทหลวงเร่งรถกำกับเป็นทัพหลวง ทุกกระทรวงโห่ลั่นสนั่นเสียง
พอโคมกรดตกลงส่งสำเนียง เสียงเปรี้ยงเปรี้ยงดินดังเสียงดังตึง
ถูกพหลพลไพร่ตายออกกลาด กระทบฉาดแตกดังเสียงผางผึง
ถูกโรงร้านเป็นไฟไหม้ตะบึง คนหนีอึงแตกเข้าย่านชานบุรินทร์
หกกษัตริย์ถอยทัพกลับเข้าด่าน ฝรั่งหาญเหิมจิตคิดถวิล
แหกเข้าค่ายชายชลาหน้าบุรินทร์ พร้อมกันสิ้นเข้าค้นเที่ยววนวง
ที่หนีไปไม่พ้นจนความคิด พวกอังกฤษเที่ยววนจับคนหลง
มาซักความถามไต่ดังใจจง แล้วก็ลงทัณฑกรรมให้จำตาย
เอาเชือกมัดรัดคอแขวนหอรบ ประจานศพข้าศึกเหมือนนึกหมาย
บาทหลวงสมความแค้นแสนสบาย เพราะแยบคายกลศึกดูตรึกตรอง
ค่ำพรุ่งนี้กูจะตีเอาเมืองด่าน จงเตรียมการแอบเอาทั้งข้าวของ
เข้าตั้งมั่นอยู่ในค่ายดั่งใจปอง แกคิดตรองหลายอย่างทางอุบาย ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายในพาราเวลาศึก อึกทึกต้อนกันให้ผันผาย
ครั้นรุ่งรางต่างคนกระวนกระวาย ทั้งไพร่นายหมู่หมวดให้ตรวจพล
ส่วนพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ ให้เร่งรัดโยธาโกลาหล
ลากปืนใหญ่ขึ้นป้อมจงพร้อมคน เกณฑ์กันขนก้อนดินทั้งศิลา
ให้ตักน้ำใส่ถังขึ้นตั้งไว้ คอยดับไฟสารพัดเร่งจัดหา
พระสั่งให้ครูพักตร์จักรา เชิญท่านอาจารย์ช่วยด้วยสักคราว
ตามตำราไสยเวทข้างเพทไสย เป็นศึกใหญ่อย่าให้ขุ่นถึงวุ่นฉาว
จงช่วยกันแว่นแคว้นทั้งแดนดาว ที่เรื่องราวแก้กันอันตราย
การที่จะรบรากับข้าศึก เราจะตรึกตรองไว้ดั่งใจหมาย
ท่านจงช่วยข้างมนต์กลอุบาย คิดยักย้ายตามแต่ท่านจะกันภัย ฯ
๏ ฝ่ายท่านครูผู้ชำนาญในการเวท โลกเชษฐ์เป็นอาจารย์แกขานไข
ได้ร่ำเรียนเขียนอ่านชำนาญใจ จึงทูลไทธิบดินทร์ปิ่นนคร
ขออาสาแก้ไขในพระเวท โดยสังเกตที่ได้รู้ตามครูสอน
จะอ่านมนตํให้พระพายขจายจร พัดเอาก้อนเพลิงไปไกลบุรินทร์
แล้วปลูกศาลบูชาเทพารักษ์ อันสิทธิศักดิ์ในมหาชลสินธุ์
จะป้องกันพวกศัตรูหมู่อรินทร์ รักษาถิ่นนคเรศนิเวศน์วัง
ขึ้นนั่งอาสน์ราธนาเทพารักษ์ สิทธิศักดิ์มาประชุมช่วยคุ้มขัง
อย่าให้เกิดอันตรายวายชีวัง แกจึงตั้งอธิษฐานการบูชา ฯ
๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง พอลับดวงสุริยนบนเวหา
จึงจัดแจงไฟกรดให้บดยา น้ำมันทาโคมลิ้นใส่ดินปืน
สายระยางกางไกใส่ไว้พร้อม สั่งให้ล้อมนคราใครฝ่าฝืน
ตีให้แตกแหกให้พังในกลางคืน ระดมปืนใหญ่ยิงชิงเอาเมือง
เฮ้ยออท้าวโกสัยไปกำกับ เป็นแม่ทัพเข่นฆ่าให้ตาเหลือง
กูคิดอ่านตอบแทนที่แค้นเคือง จะเอาเมืองด่านให้ได้ดั่งใจปอง
พอโคมตกไฟติดคิดเข้าปล้น จับเอาคนป่วยเจ็บเก็บเอาของ
พวกที่รบรบไปดั่งใจปอง จัดสำรองเหล้ายาหาไปกิน
จงเตรียมรถผูกม้าที่กล้าศึก เวลาดึกจึงจะไปดั่งใจถวิล
กรูกันเข้าโอบอ้อมล้อมบุรินทร์ ทั้งลูกดินปืนตับสำหรับมือ
พอแปดทุ่มลมอับพยับฝน แกเรียกคนพลรบจุดคบถือ
พวกจุดโคมพร้อมพรั่งนั่งกระพือ พอพร้อมมือปล่อยขึ้นโพยมมาน
บอกให้ยกพวกพหลพลรบ เร่งสมทบนายไพร่ฝ่ายทหาร
กรูกันเข้าโอบอ้อมล้อมปราการ เหล่าทหารพวกฝรั่งออกตั้งราย
โคมก็ลอยดาษดาบนอากาศ แสงโอภาสบนนภางค์สว่างฉาย
เสียงวังเวงเพลงเพราะเสนาะพราย คนทั้งหลายวิ่งดูเป็นหมู่ไป ฯ
๏ จะกล่าวถึงจักราพฤฒาเฒ่า กำลังเข้าบัดพลีพิธีไสย
เป็นลมหวนป่วนปั่นสนั่นไป พยุใหญ่พัดมาในทะเล
หอบเอาโคมกรดไปในอากาศ พยุกราดปั่นป่วนให้หวนเห
ไปตกลงโผงผางกลางทะเล ฝนก็เทตกลงกลาดดาษดา
สุนีบาตฟาดเปรี้ยงเสียงกระหึ่ม ท้องฟ้าครึ้มคล้ำมัวทั่วทิศา
ฝนก็ตกท่วมนองท้องสุธา ฝ่ายพวกฝาหรั่งหนาวทั้งหาวนอน
บาทหลวงนั่งคางสั่นอยู่ในรถ ให้ถอยถดกองทัพสลับสลอน
ไปตากฝนทนหนาวทั้งหาวนอน จนผ้าผ่อนเปียกฉ่ำเป็นน้ำไป ฯ
๏ บาทหลวงกลับเข้าค่ายให้วิตก ระกำอกดังใครเชือดให้เลือดไหล
อยู่ในค่ายชายทะเลว้าเหว่ใจ ช่างกระไรฝนแกล้งเหมือนแช่งกัน
ถ้าฝนหายกูจะกลับเข้ารับรบ ตีตลบเอาให้ได้ไอศวรรย์
จนเกือบใกล้รังสีรวีวรรณ ที่ฟ้าลั่นก็ค่อยเบาบรรเทาคลาย
ทั้งฝนปรายน้อยเม็ดท้องฟ้าขาว ทั้งเดือนดาวแจ่มกระจ่างสว่างฉาย
แสงอาทิตย์สางสางสว่างพราย แกสั่งนายขุนหมวดให้ตรวจพล
จะยกเข้าตีด่านเป็นการร้อน อย่าหลับนอนบอกให้ทั่วตัวพหล
เอารถเหล็กสำหรับรบสมทบพล จะเข้าปล้นปากน้ำที่สำคัญ ฯ
๏ ฝ่ายเสนาฝรั่งมาสั่งทั่ว ให้เตรียมตัวทั้งพหลพลขันธ์
พอรุ่งแจ้งสุริย์ฉายพรายพรรณ พลขันธ์พร้อมถ้วนกระบวนแซง
บาทหลวงขึ้นนั่งรถมีสารถี ให้คลายคลี่พวกทหารชาญกำแหง
ท้าวโกสัยขับม้าดูร่าแรง ใส่เสื้อแดงคล้ายกับท้าวเจ้าลงกา
ให้ตีกลองเป่าแตรแซ่สนั่น พลขันธ์เดินรายทั้งซ้ายขวา
ยกเข้าล้อมป้อมปราการชานชลา พวกโยธากึกก้องร้องตะโกน
เอาธงปักชักปันยืนสะพรั่ง ดูเหมือนอย่างชาติเช่นเขาเล่นโขน
บ้างโลดเต้นลำพองทำนองโจร ที่โลดโผนแกว่งหลาวทั้งง้าวทวน ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายในพาราเห็นข้าศึก อึกทึกวิ่งกลมดังลมหวน
บ้างขึ้นป้อมพร้อมพรั่งตั้งกระบวน เอาง้าวทวนคอยพุ่งกันกรุงไกร
บ้างคั่วทรายคอยสาดออกกลาดกลุ้ม บ้างยืนกุมแหลนหลาวยาวไสว
บ้างยัดปืนคาบชุดบ้างจุดไฟ พลไพร่พร้อมพหลบนเชิงเทิน ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมมุนีฤๅษีสิทธ์ พระอภัยคิดวิตกระหกเหิน
เวทนากองทัพจะยับเยิน เกิดเผอิญรบพุ่งกันรุงรัง
ไมรู้สิ้นรู้สุดมนุษย์เอ๋ย รบกันเลยร่ำไปเพราะใจหวัง
จนพวกพลล้มตายวางชีวัง ก็หลายครั้งหลายหนแต่ต้นมา
จำจะไปปราบปรามเหมือนห้ามทัพ ข้อบังคับแจ้งเหตุเทศนา
พลางชวนดาบสีนีให้ลีลา ไปพลับพลาบนปราการชานบุรินทร์
ดาบสีนีละเวงวัณฬาราช ก็ยุรยาตรตามองค์พระทรงศีล
ทั้งสุวรรณมาลีศรียุพิน พร้อมกันสิ้นสามองค์เสร็จตรงไป
ขึ้นพลับพลาหน้าเชิงเทินบนเนินป้อม ทหารพร้อมเซ็งแซ่แลไสว
พระนักสิทธ์ตรัสว่าอย่าออกไป ทั้งนายไพร่รอรั้งหยุดฟังความ
เราจะว่าโดยดีเหมือนที่ปลอบ ให้ชื่นชอบในน้ำใจจะไต่ถาม
พอจะไว้เกียรติยศให้งดงาม ให้ต้องตามความบทเบื้องบุราณ
สามพระองค์ทรงนั่งบัลลังก์อาสน์ ตรัสประภาษด้วยสุนทรอันอ่อนหวาน
ว่านี่แน่พวกฝรั่งอหังการ มาทรมานไพร่ฟ้าประชาชน
ต้องรบพุ่งยุ่งยิ่งชิงสมบัติ นิสัยสัตว์ยากไร้มาหลายหน
เราเอ็นดูแก่อาณาประชาชน ต้องรุกร้นฆ่าฟันกันบรรลัย
อันคนยากกรากกรำมาทำศึก อึกทึกร้อนรนทนไม่ไหว
เราผู้เป็นนักพรตถืออดใจ ไปอยู่ในป่าดงพงอรัญ
รักษาสัตย์ปฏิญาณการกุศล ไม่ทำวลกรุงไกรไอศวรรย์
อย่ามาต้องรบราถึงฆ่าฟัน จะแบ่งปันให้สักครึ่งกึ่งบุรินทร์
อยู่ด้วยกันโดยดีล้วนพี่น้อง มาปรองดองเหมือนเราว่าอย่าถวิล
ช่วยกินคิดปกป้องครองแผ่นดิน ให้เพิ่มภิญโญยศปรากฏนาม ฯ
๏ บาทหลวงฟังคั่งแค้นแสนพิโรธ ให้ฉุนโกรธร้องไปขอไต่ถาม
นี่แน่เฮ้ยพระอภัยใจตะกลาม มาหยาบหยามข่มเหงไม่เกรงใจ
กูก็เป็นฝรั่งในจังหวัด มาพิกัดพูดไม่เก้อเออไฉน
อันลังกาธานินทร์ถิ่นของใคร มาสร้างไว้หรือจะแสร้งมาแบ่งปัน
กูก็ไม่ง้องอนอย่าค่อนแคะ พูดเหลาะแหละปั้นเจ๋อละเมอฝัน
พลางลุกออกจากรถาตาเป็นมัน แล้วดุดันเกรี้ยวกราดตวาดไป
พอเหลือบเห็นพระธิดาวัณฬาสมร แกแคะค่อนด่าว่าไม่ปราศรัย
พวกอีคนทุจริตเข้ารีตไทย มาทำให้ศาสนาเป็นสาธารณ์
ก็เพราะมึงชั่วช้าสิบ้าผัว ต้องหมองมัวไปสิ้นทุกถิ่นฐาน
จนลูกเต้าเผ่าพงศ์ทั้งวงศ์วาน จนถิ่นฐานแทบชีวิตจะปลิดปลง
ไปอ่อนคอรอเรียงเคียงหม่อมผัว ชะไว้ตัวร้อยอย่างเจียวนางหงส์
สิบ้ากามปัวเปียจนเสียวงศ์ จะต้องลงชื่อไว้ในแผ่นดิน ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงทรงพรตดาบสสดับ ให้คั่งคับทรวงในพระทัยถวิล
แต่ถือพรหมจรรยาเป็นอาจิณ รักษาศิลไว้มั่นในขันตี
ต้องอดใจไม่โกรธหวังโปรดสัตว์ ถึงเคืองขัดก็เพราะถือเป็นฤๅษี
ต้องอดใจตอบความตามคดี ท่านอย่ามีความโกรธพิโรธเรา
จะบาปกรรมข้ามีแก่ตัวท่าน เป็นมหันต์ใหญ่โตพาโลเขา
เพราะเกิดความวิหิงสามาด่าเรา เหมือนก่อนเก่านั้นไม่ได้ภัยจะมี
เพราะบวชเป็นดาบสหมดทั้งนั้น ถือพรหมจรรย์สุจริตกิจฤๅษี
ไม่โลภหลงปลงจิตคิดแต่ดี เป็นมุนีอยู่ในป่าสมาทาน ฯ
๏ บาทหลวงฟังคั่งแค้นแสนพิโรธ กำลังโกรธขัดใจหลายสถาน
จึงชี้หน้าว่าอุเหม่อีเหพาน มาจัดจ้านพูดเล่นเหมือนเป็นนาย
ชะมึงหรือถือศิลกินขนม ไม่นิยมดอกหนามึงอย่าหมาย
อย่าพักพูดเกเรเพทุบาย อีท้องลายหนังลอกมาหลอกกู
นางฤๅษีขี้ข้าอีบ้าผัว ไปเมามัวให้มันสอนจนอ่อนหู
ยังจะมาตอแหลเล่นแก่กู ชะนางผู้นักปราชญ์กวาดบันได
มึงมันล้างศาสนาข้างฝาหรั่ง จะตกถังเช่นเขาว่าเลือดตาไหล
ไปถูกหลอกอ้ายเจ้าผัวตัวจัญไร พระจะให้มึงไปตกนรกนาน
เพราะมึงล้างศาสนาข้างฝาหรั่ง คนเขาชังทุกประเทศเขตสถาน
อย่าพักพูดเกะกะเที่ยวระราน จนเมืองบ้านเป็นของเขาอีเจ้ากรรม
ให้พวกพ้องของผัวมามั่วสุม ตั้งชุมนุมอยู่ในที่แล้วมิหนำ
ทั้งวัดวาป่นปี้ระยี่ระยำ แล้วยังทำเจ๋อเจ๊อะสเออะดวง
ชะน้อยหรืออีละเวงข่มเหงเล่น กูก็เช่นเชื้อปราชญ์เป็นบาทหลวง
มาตอแหลยักคอพูดล่อลวง ทำจาบจ้วงเอากูผู้อาจารย์
ทั้งเจ้าผัวพูดจาว่าจะแบ่ง เอาเมืองแล่งสักครึ่งกึ่งสถาน
กูก็ไม่งอนง้อมาขอทาน อันถิ่นฐานใช่ของมันจะปันใคร
แม้นจะคืนให้กูอย่าอยู่นี่ กลับไปที่พาราเคยอาศัย
ทั้งญาติวงศ์พงศาพากันไป กูมิให้เป็นเชื้อเพราะเหลือทน ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์วัณฬาพระดาบส เธอถืออดใจหมายฝ่ายกุศล
ฟังถ้อยคำเต็มเบื่อเห็นเหลือทน แกเป็นคนหยาบคายหลายประการ
แต่นึกเอาขันตีเป็นที่ตั้ง จึงหยุดยั้งอดใจหลายสถาน
แล้วนิ่งนึกตรึกตราอยู่ช้านาน จะสู้พาลเห็นไม่ได้ที่ในเชิง
แต่จำเป็นจำว่ากับข้าศึก อย่าหาญฮึกเพิ่มเชื้อให้เหลือหลง
แล้วตอบคำจำใจไปในเชิง เหมือนดับเพลิงหัวลมระดมเอา
ทั้งครองแครงแย่งยื้อดื้อเข้าปล้ำ ต้องเอาน้ำสาดไปเพราะไฟเผา
ถัาแม้นคนไม่ดื้อคงถือเอา แต่ตาเฒ่านี้แกดึงจนถึงดี ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงทรงพรตดาบสสมร มีสุนทรโดยจริตกิจฤๅษี
ว่าดูก่อนพระอาจารย์เป็นการดี ไม่ควรที่โมโหจะโกรธา
จงยับยั้งฟังก่อนอย่าร้อนเร่า อันลูกเต้าใช่จะคิดริษยา
เราก็ยกกรุงไกรในลังกา ให้สองราลูกหลานผ่านบุรินทร์
ก็ไม่อยู่ในสัตย์เพราะครูสอน ทำให้ร้อนรนไปโดยใจถวิล
เที่ยวข่มเหงญาติกาทุกธานินทร์ ไม่รู้สิ้นจิตพาลสันดานดึง
ก็เพราะใครให้ไปตีเมืองการะเวก ทำโหยกเหยกโกโรโมโหหึง
ลูกจึ่งได้เป็นพาลสันดานดึง ต้องโกรธขึ้งกันไปหมดเพราะคดโกง ฯ
๏ บาทหลวงฟังนั่งแค้นแหงนดูหน้า แกร้องด่าขึ้นไปอีตายโหง
ชะนางพวกฤๅษีอีชีโกง ใครชักโยงลูกมึงให้ดึงดัน
พูดตอแหลแก้ตัวให้ผัวรัก นั่งพยักเผยอหยิ่งทุกสิ่งสรรพ์
กูสอนสั่งครั้งไรใจของมัน มาเสกสรรค์ใส่เอากูผู้อาจารย์
มึงจะไปตกนรกสักหกหลุม ที่ไฟสุมร้อนเร่าจะเผาผลาญ
พระเยซูจะลงโทษไม่โปรดปราน จะทรมานตัวมึงอย่าพึงแคลง
หรือจะพึ่งบุญผัวหัวจะขาด ด้วยอำนาจพวกทหารชาญกำแหง
รู้สึกตัวชั่วช้ามาสำแดง ให้เห็นแจ้งแก่ฝรั่งทั้งกระบวน ฯ
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสดับ ให้คั่งคับหมกมุ่นนึกหุนหวน
เอาขันตีหักห้ามตามกระบวน จะก่อกวนขุ่นหมองไม่ต้องการ
แล้วร้องว่าอาจารย์ท่านอย่าโกรธ ไม่ประโยชน์หวงแหนเป็นแก่นสาร
เราถือสัตย์ในสิกขาสมาทาน ไม่เป็นการธุระดอกบอกจริงจริง
อันศฤงคารบ้านเมืองที่เรื่องนั้น ไม่ผูกพันไปอยู่ป่าประสาหญิง
สิ้นโลภหลงปลงใจไม่ประวิง เป็นความจริงที่ในจิตไม่คิดปอง ฯ
๏ บาทหลวงฟังคั่งแค้นแหงนชะแง้ อีตอแหลทำให้วุ่นจนขุ่นหมอง
ชะนางพวกถือศีลกินข้าวพอง หน่อยก็ท้องค้ำหน้าอีบ้ากาม
นางฤๅษีชีป่าอีบ้าผัว มันรอดชั่วอย่างไรหนอกูขอถาม
ไปลอยหน้าอยู่กับเขาเมาตะกลาม นางหม่อมห้ามไม่หยุดสุดฝีมือ
เองหรือตัดราคาตัณหาขาด มึงหรือปราชญ์จะปรับให้นับถือ
อย่ามาพูดสอพลอให้อออือ กูไม่ถือถ้อยคำอย่ารำพัน
พวกอีล้างศาสนาตำราตัด ต้องกำจัดเสียให้ไกลไอศวรรย์
มิให้มึงอยู่ยืดสืบพืชพันธุ์ ในเขตคันพาราลังกาเดิม
พวกอีเจ้าราคาตัณหาสด ให้ขบถข้าศึกพลอยฮึกเหิม
จนเสียชาติศาสนาพาราเดิม อย่าพักเหิมไปเลยเองไม่เกรงกลัว
พากันไปให้พ้นพวกหม่นหมอง เร่งตรึกตรองไปเสียทั้งเมียผัว
แต่บรรดาเขยสะใภ้ไปทั้งครัว หาไม่หัวมึงจะขาดดาษสุธา ฯ
๏ สินสมุทรได้ฟังสังฆราช มันองอาจอวดตัวชั่วนักหนา
ทั้งหยาบคายร้ายกาจอ้ายชาติกา ช่างพูดจาจองหองจะลองดู
แล้วร้องว่าฮ้าเฮ้ยตาบาทหลวง เอ็งจาบจ้วงร้อยท่าด่าฤๅษี
คนเช่นมึงก็ไพร่ใช่ผู้ดี มาข่มขี่ในตระกูลประยูรวงศ์
เองถือตัวว่าเป็นขรัวข้างฝรั่ง จะมาตั้งค่อนด่าพระยาหงส์
หรือเองเป็นน้ำเนื้อในเชื้อวงศ์ อย่ามาหลงพูดจาบ้าน้ำลาย
ถึงองค์ดาบสละเวงวัณฬาราช ก็สิ้นชาติเชื้ออังกฤษอย่าคิดหมาย
ไม่นับถือคนขี้ข้าบ้าน้ำลาย ท่านมุ่งหมายแต่สวรรค์ชั้นวิมาน
ศาสนาข้างเขาเจ้าเอาไม่ได้ เขาฟังไปคำที่กล่าวก็ร้าวฉาน
อย่าแคะแค่นแสนกลพวกคนพาล ทั้งดื้อด้านอวดอิทธิ์ฤทธิไกร
เองเป็นคนโลโภโมโหมาก ดีฝีปากเขาไม่หลงอย่าสงสัย
นิ่งเสียบ้างเถิดหวาระอาใจ เอาเก็บไว้หลอกเด็กเจ๊กคนโซ
อย่าอวดอ้างศาสนาข้างฝาหรั่ง เขาไม่นั่งคอยหาเยวาโห
พูดสำแดงแผลงฤทธิ์อิศโร เองมันโซสิ้นกระบิดเห็นผิดเชิง
ไหนองค์พระมังคลาสานุศิษย์ ไปสถิตอยู่ไหนเล่าเป็นว่าวเหลิง
ไม่มาช่วยครูคิดดูผิดเชิง หรือแตกเปิงกันไปหมดเพราะคดโกง
แต่กูฟังวาจาน่าเหียนราก ก็เพราะปากหยาบคายอ้ายตายโหง
แลวก็เองมันชำนาญข้างการโกง มิด่าโผงตามสบายหลายประการ
แต่องค์พระชนนีฤๅษีสิทธ์ สำรวมกิจทางธรรมกรรมฐาน
มึงยังด่าปี้ป่นไม่ทนทาน เพราะสันดานเองมันชั่วตัวมลทิน ฯ
๏ บาทหลวงฟังคั่งแค้นแสนสาหัส จะใคร่ตัดหัวให้ได้ดั่งใจถวิล
แกร้องว่าฮ้าเฮ้ยพวกทมิฬ กูรู้สิ้นดอกอย่ากล่าวให้ยาวความ
เอ็งเร่งคิดการณรงค์ไว้ยงยุทธ์ แม้นมือกุดตีนด้วนเองควรหยาม
เองอย่าพักอาจองในสงคราม กูจะตามตีกระทั่งจนลังกา
พลางเร่งทัพขับพหลพลทหาร เข้าหักด่านจุดไฟไวไวหวา
ระดมปืนครื้นครั่นเป็นสัญญา ให้โยธาพวกฝรั่งพังประตู ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ