- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
๏ ฝ่ายพระองค์ผู้ดำรงราชสมบัติ | เจ้าจังหวัดทวีปภาษาสิงหล |
ทรงคิดอ่านการศึกทั้งฝึกพล | ทำเรือยนต์กลอาวุธยุทธนา |
แล้วออกนั่งยังที่เก้าอี้อาสน์ | หมู่อำมาตย์เฝ้าฝ่ายทั้งซ้ายขวา |
อยู่พร้อมพรั่งทั้งพระน้องสองนัดดา | จึงปรึกษาสงครามตามทำนอง |
อันพาราการะเวกใช่วงศ์ญาติ | หมิ่นประมาทเมืองเราให้เศร้าหมอง |
เอาโคตรเพชรค่าเมืองงามเรืองรอง | ซึ่งเป็นของคู่ลังกาไปธานี |
จึงเมืองเราเบาบางโรยร้างเริศ | ไม่ก่อเกิดแก้วเพชรทั้งเจ็ดสี |
เราเจ็บจิตคิดแค้นแสนทวี | จะไปตีคืนเอาของเรามา |
ให้รุ่งเรืองเมืองเราเหมือนเก่าก่อน | ราษฎรจะเป็นสุขทุกทิศา |
พวกข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์ราชเสนา | แต่บรรดาขุนนางเห็นอย่างไร ฯ |
๏ ฝ่ายผู้เฒ่าเฝ้าฟังรับสั่งตรัส | จึงทูลทัดทานห้ามตามนิสัย |
อันพาราการะเวกพระเวียงชัย | เป็นเมืองใหญ่ไพร่พลพ้นคณนา |
มีราชครูผู้ชื่อโลกเชษฐ์ | ผู้วิเศษเวทมนตร์ดลคาถา |
ทหารเสือเมื่อครั้งรบลังกา | ล้วนแกล้วกล้ากลางณรงค์อยู่คงทน |
ทั้งแคล้วคลาดพลาดเพลี่ยงหลีกเลี่ยงหลบ | ฝีมือรบรับรองไม่ต้องฝน |
ซึ่งแก้วเก็จเพชรของเราเสาวคนธ์ | ขอพระชนนีให้ด้วยไมตรี |
ใช่หาญหักลักฉกจะยกทัพ | ไปโจมจับรบพุ่งถึงกรุงศรี |
จะสงครามลามลุกขึ้นทุกที | ชาวบุรีราษฎรจะร้อนรน |
แม้รู้เรื่องเมืองผลึกรมจักร | จะพร้อมพรักยกมาโกลาหล |
รุมรบพุ่งกรุงไกรเสียไพร่พล | ต้องทุกข์ทนทั่วทั้งเกาะลังกา |
เสียไมตรีมิหนำเสียอำนาจ | ต้องขาดญาติขาดวงศ์เผ่าพงศา |
แม้จะใคร่ได้เพชรแก้วเก็จมา | ควรพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี |
เขาขอเราเราก็ขอต่อเขาบ้าง | ตามเยี่ยงอย่างต่างบำรุงซึ่งกรุงศรี |
ขอพระองค์ทรงจังหวัดปถพี | อย่าให้มีเสี้ยนศึกจงตรึกการ ฯ |
๏ เจ้าหัสกันนั้นว่าคำของอำมาตย์ | เหมือนสตรีขี้ขลาดไม่อาจหาญ |
กลัวเหนื่อยยากอยากจะใคร่ได้สำราญ | อยู่เรือนบ้านกอดกันกับภรรยา |
จึงขัดขวางอย่างนี้เพราะขี้เกียจ | ให้เสื่อมเกียรติยศศักดิ์เสียหนักหนา |
เมื่อของเราเขาเอาไว้ไปเอามา | จะกลับว่าผิดนั้นด้วยอันใด |
ถึงขัดเคืองเมืองผลึกรมจักร | พระไม่รักชาติเชื้อนับเนื้อไข |
เขากับเราเล่าก็จะกลัวอะไร | ใครดีได้ดูกันสมันเกอ |
อันเกิดมาสามัญเป็นอันขาด | ย่อมรักชาติชีวีไม่มีเสมอ |
พระชุบย้อมหม่อมฉานเป็นหลานเธอ | ขออย่าเพ่อด่วนเสด็จเหนื่อยเหน็ดองค์ |
จะขอรับอาสาไปการะเวก | เอาเพชรเอกอันเป็นของต้องประสงค์ |
แม้มิได้ให้เคืองเบื้องบาทบงสุ์ | ขอให้ลงโทษหม่อมฉานผลาญชีวัน ฯ |
๏ พระฟังคำดำริตริตรองตรึก | พลอยเหิมฮึกเห็นจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
พระตรัสยอหน่อกษัตริย์หัสกัน | เจ้าคิดนั้นเหมือนในน้ำใจอา |
อันพวกเราเหล่าฝรั่งเชื่อฟังพระ | ไม่ปนปะเป็นญาตินอกศาสนา |
เจ้ายกไปให้ทูตเข้าพูดจา | ฟังเจ้าการะเวกก่อนคิดผ่อนปรน |
เจ้าวายุพัฒน์จัดทัพกำกับน้อง | ไปเป็นกองหนุนหลังฟังเหตุผล |
อย่าโมโหโต้ตอบให้ชอบกล | คิดผ่อนปรนปราบปรามตามทำนอง |
แม้ขัดขวางอย่างไรให้รู้ด้วย | เราจะช่วยหนุนหลังเจ้าทั้งสอง |
แล้วอวยชัยไปดีทั้งพี่น้อง | ให้ได้ของโคตรเพชรแก้วเก็จมา ฯ |
๏ เจ้าวายุพัฒน์หัสกันรับบรรหาร | ต่างกราบกรานรับพรอ่อนเกศา |
ไปจัดพลคนประจำลำนาวา | เป็นทัพหน้าร้อยลำประจำธง |
ปืนจังก้าหน้าท้ายทั้งรายข้าง | แลสล้างสลับสลอนเป็นหงอนหงส์ |
มีปีกหางกางกระโจมโรมณรงค์ | กำปั่นทรงธงทองมีกลองรบ |
พอฤกษ์ดีตีระฆังดังสนั่น | ต่างยิงปืนครื้นครั่นควันตลบ |
ออกจากฝั่งลังกามหรณพ | พลรบรับโห่ก้องโกลา ฯ |
๏ ฝ่ายทัพหลังตั้งกระบวนล้วนกำปั่น | เป็นดั้งกันเกียกกายปีกซ้ายขวา |
มีปีกหางอย่างครุฑยุทธนา | เป็นเรือห้าร้อยถ้วนกระบวนทัพ |
ที่ลำทรงธงทองทั้งท้ายหน้า | ปืนจังกาขานกยางสล้างสลับ |
ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องโห่ร้องรับ | เรือสำหรับนำทางก็กางใบ |
ออกแล่นนำกองทัพไม่สับสน | ดูเกลื่อนกล่นกลางมหาชลาไหล |
ประโคมฆ้องกลองแตรเซ็งแซ่ไป | ต่างใช้ใบเลี่ยงแล่นตามแผนทาง ฯ |
๏ จะกลับกล่าวเจ้าพาราการะเวก | การภิเษกขัดข้องคิดหมองหมาง |
ด้วยบุตรีหนีหายบุตรชายร้าง | ให้อ้างว้างวิญญาณ์ด้วยอาลัย |
แสนวิโยคโศกทรวงให้ง่วงเหงา | จนซูบเศร้าศรีหมองไม่ผ่องใส |
ทั้งข้าเฝ้าท้าวพระยาเสนาใน | พลอยหม่นไหม้ใจเศร้าด้วยเจ้านาย |
พวกห้ามแหนแสนสุรางค์นางสนม | ไม่หวีผมผัดหน้าเกศาสยาย |
ทั้งไพร่ฟ้าม้าช้างก็วางวาย | ฝูงวัวความตายห่าทั้งธานี |
สงัดสิ้นพิณพาทย์ระนาดฆ้อง | สยดสยองเย็นเยียบเงียบกรุงศรี |
ครั้นกลางวันควันมัวทั่วบุรี | กลางคืนมีดาวหางเป็นลางเมือง |
อากาศลั่นครั่นครื้นเหมือนปืนก้อง | กาก็ร้องเอาวาท้องฟ้าเหลือง |
อุกกาบาตผาดพุ่งแสงรุ่งเรือง | ตกกลางเมืองมีลางต่างต่างกัน ฯ |
๏ คืนหนึ่งเจ้าพารานิทราหลับ | ให้วาบวับหวั่นจิตนิมิตฝัน |
ว่าจระเข้เหราไล่มาทัน | เข้าคาบคั้นขบกัดฟาดฟัดยี |
ความเจ็บปวดยวดยิ่งพระกลิ้งล้ม | ลุยเลนตมตกน้ำแล้วดำหนี |
พอสองหน่อวรนาถราชบุตรี | ไล่ฆ่าตีเหรากุมภาพาล |
แล้วอุ้มองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ | ขึ้นแท่นรัตน์รจนามุกดาหาร |
พระทรงเครื่องเรืองจำรัสชัชวาล | พอเสียงขานฆ้องรุ่งสะดุ้งองค์ |
รู้ว่าฝันนั้นร้ายไม่วายตรึก | ตะลึงนึกในนิมิตพิศวง |
ยิ่งทุกข์ร้อนถอนสะอื้นฝืนดำรง | ตรัสบอกองค์อัคเรศเกศสตรี |
ตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุบินนิมิต | นางนิ่งคิดขัดข้องพลอยหมองศรี |
สะอื้นอั้นวันทาทูลสามี | จะร้ายดีมิได้แจ้งคลางแคลงครัน |
เชิญทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ | มาเล่าเหตุให้ท่านทายทำนายฝัน |
พระนึกได้ให้เอาพระเสลี่ยงสุวรรณ | ไปรับท่านครูมาอย่าช้าการ ฯ |
๏ พวกท้าวนางข้างในออกไปสั่ง | กรมวังวิ่งออกนอกราชฐาน |
ตำรวจไล่ไพร่ตามหามราชยาน | ตรงเข้าบ้านปาโมกข์ชะโงกมอง ฯ |
๏ ฝ่ายพราหมณ์ครูผู้ใหญ่อยู่ในตึก | กับเมียนึกสนุกนั่งอยู่ทั้งสอง |
เล่นดอกสร้อยปล่อยแก่แก้กันลอง | ท่านยายร้องตารับหน้าทับตาม |
ถึงท่อนปลายกลายร้องเป็นอุณรุท | ยายเป็นอุษาเมินขวยเขินขาม |
ท่านตารำทำบทดูงดงาม | โลมยายพราหมณ์ตามทำนองยิ้มย่องกัน |
พอเสียงเขามาเรียกสำเหนียกแน่ | รู้กระแสว่ารับสั่งนรังสรรค์ |
ออกจากห้องย่องหยกเดินงกงัน | คนทั้งนั้นไหว้ว่ากับอาจารย์ |
รับสั่งใช้ให้เอาพระเสลี่ยงประดับ | ออกมารับคุณเข้าไปในราชฐาน |
ปาโมกข์ฟังสังเกตมีเหตุการณ์ | ไม่หน่วงนานนุ่งห่มพอสมตัว |
ท่านยายว่าข้าจะเข้าไปเฝ้าบ้าง | ไม่ห่างข้างขึ้นเสลี่ยงนั่งเคียงผัว |
ไปตามทางกลางถนนผู้คนกลัว | ต่างยอบตัวตลอดไปถึงในวัง |
ลงจากพระเสลี่ยงทองค่อยย่องย่าง | ขึ้นบนปรางค์ปราสาทชัยเหมือนใจหวัง |
พระลดองค์ทรงธรรม์จากบัลลังก์ | เชิญไปนั่งแท่นทองทั้งสองรา |
ชลีหัตถ์มัสการอาจารย์เจ้า | แล้วตรัสเล่าความหลังที่กังขา |
จนสิ้นความตามฝันพรรณนา | เชิญพฤฒาทำนายร้ายหรือดี ฯ |
๏ ฝ่ายปาโมกข์โลกเชษฐ์ทราบเหตุฝัน | ลงเลขวันยามนิมิตสอบดิถี |
ก็รู้ความตามวิสัยว่าไพรี | จะย่ำยีหยาบช้าให้อาดูร |
แล้วชำระพระเคราะห์จำเพาะร้าย | จะพลัดพรายโภไคยเสียไอศูรย์ |
ราหูเสาร์เข้าถึงที่รวีมูล | จึงเทียบทูลทำนายว่าร้ายนัก |
อันจระเข้เหราคือข้าศึก | จะเหิมฮึกให้พระลดเสียยศศักดิ์ |
แต่หน่อนาถราชบุตรีเป็นที่รัก | จะพร้อมพรักหักหาญผลาญไพรี |
ให้พระองค์ทรงมหาอานุภาพ | ได้ปรามปราบปรปักษ์สูงศักดิ์ศรี |
ข้างต้นร้ายปลายมือกลับรื้อดี | ในเดือนสี่นี้แหละร้ายหลายประการ |
จะเกิดเพลิงเริงแรงข้างแขวงใต้ | ลุกลามไหม้หมดสิ้นทุกถิ่นฐาน |
ฝูงสัตว์สิงหญิงชายจะวายปราณ | เพราะพวกพาลไพรีจะบีฑา |
เหมือนพระรามข้ามสมุทรไปหยุดทัพ | ไมยราพณ์จับจำขังแทบสังขาร์ |
ต้องสะเดาะเคราห์ชำระพระชาตา | ตามตำราแก้ไขพอให้คลาย ฯ |
๏ พระจบหัตถ์มัสการอาจารย์เจ้า | ท่านผู้เฒ่าที่พึ่งเหมือนหนึ่งหมาย |
ช่วยผันแปรแก้กันอันตราย | พอเคลื่อนคลายเคราะห์นามตามตำรา ฯ |
๏ ฝ่ายปาโมกข์โลกเชษฐ์พระเวทขลัง | จึงให้ตั้งศาลสถิตแปดทิศา |
ริมรอบวังฝังอาถรรพณ์เกลือธัญญา | เพลิงไหม้มามิให้ไหม้ถึงในวัง |
แล้วลงยันต์กันปืนธนูแผลง | ข้ามกำแพงมิได้พ้นด้วยมนต์ขลัง |
เสกสะเดาะเคราห์เมืองเครื่องสูปัง | บายศรีตั้งสังเวยนมเนยครบ |
แล้วปักธงข้างประตูศัตรูเข้า | ให้มัวเมามืดคลุ้มกลุ้มตลบ |
จุดธูปเทียนเวียนรอบแล้วนอบนบ | กว่าจะครบเจ็ดวันป้องกันภัย |
ทั้งท่านครูอยู่กับองค์พระทรงยศ | เสกน้ำกลศสังข์สุคนธ์ด้วยมนต์ไสย |
สรงสะเดาะเคราะห์ท้าวเจ้ากรุงไกร | ตั้งอยู่ในศีลสัตย์สวัสดี ฯ |
๏ ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร | ตั้งเตรียมการรบศึกไม่นึกหนี |
กรมวังนั่งยามตามอัคคี | ขึ้นหน้าที่ทุกตำแหน่งจัดแจงการ ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งลังกากองหน้านั้น | เจ้าหัสกันกำกับทัพทหาร |
ต่างแล่นข้ามตามเข็มเต็มชำนาญ | หมายประมาณมุ่งมาทิศอาคเนย์ |
ออกกลางกึ่งถึงที่ชื่อสะดือสมุทร | อุตลุดเหล่ากำปั่นป่วนหันเห |
พวกพหลพลนิกรขึ้นนอนเปล | คลื่นทะเลใหญ่ขย้อนเรือคลอนโคลง |
บ้างย้ายแยกแตกกระบวนบ้างทวนกลับ | ยิงปืนรับเรียกกันควันโขมง |
ต้องคลี่คลายสายข้างระยางโยง | ให้ใบโป่งเปิดสูงพยูงลำ |
พอออกพ้นวนลึกเสียงครึกครื้น | ใช้ใบไปตามคลื่นทุกคืนค่ำ |
ครั้นน้ำหมดอดหนักหยุดตักน้ำ | แล้วเรียงลำลอยแล่นแสนสบาย |
เข้าเขตแคว้นแดนพาราการะเวก | ต้นหนเอกเอาแผนที่ชี้ถวาย |
พระทรงส่องกล้องสว่างกระจ่างประกาย | เห็นเรือรายไรไรยังไกลครัน ฯ |
๏ ฝ่ายนาวาการะเวกตระเวนด่าน | มากประมาณร้อยเศษตรวจเขตขัณฑ์ |
ต่างเที่ยวใช้ใบสลุบสลับกัน | เห็นกำปั่นแล่นสล้างมากลางชล |
สักร้อยลำคล่ำคล้ายตามสายคลื่น | จึงยิงปืนเป็นสัญญาโกลาหล |
แล้วแล่นสวนออกไปเข้าใกล้จน | เห็นหน้าคนแขกล่ามร้องถามไป |
เหวยฝรั่งอย่างไรจึงไม่หยุด | จะแล่นรุดรีบตะบึงไปถึงไหน |
ฝ่ายฝรั่งลังกาไม่ราใบ | ครั้นเรือใกล้แกล้งลวงดูท่วงที |
จะไปเฝ้าเจ้าพาราการะเวก | อย่าโหยกเหยกขัดข้องไม่ต้องที่ |
เคยมีตรามาไปเป็นไมตรี | ถึงมึงนี้มิให้ไปก็ไม่ฟัง |
ชาวค่ายว่าอย่าเข้าไปยังไม่ชอบ | ผิดระบอบเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง |
ถึงไมตรีมีตรามาทุกครั้ง | ต้องหยุดยั้งอยู่แต่นอกจะบอกไป |
จงส่งคำสำเนาให้เราอ่าน | ราชการร้อนเย็นเป็นไฉน |
แม้ขืนดื้อถือตัวไม่กลัวใคร | จะยิงให้ล่มคว่ำจมน้ำตาย ฯ |
๏ ฝรั่งว่าถ้าเป็นทูตถือรับสั่ง | ควรยับยั้งตามบทในกฎหมาย |
นี่องค์ท่านหลานท้าวเป็นเจ้านาย | มาแต่ฝ่ายฟากฝั่งกรุงลังกา |
นามกรหัสกันพันธุ์บพิตร | อาชญาสิทธิ์สูงชาติวาสนา |
ไม่ควรค้างกลางทะเลเหมือนเสนา | มึงอย่ามากั้นกางกีดขวางไว้ |
กองตระเวนเจนสมุทรจึงพูดแก้ | อย่าว่าแต่สุริย์วงศ์พระองค์ไหน |
ถึงหน่อนาถราชโอรสยศไกร | มาแต่ไกลก็ต้องห้ามตามทำนอง |
หยุดให้เราเฝ้าแหนนอกแดนก่อน | ต่อแน่นอนแล้วจึงจะทูลฉลอง |
อย่าล่วงด่านหาญฮึกจงตรึกตรอง | ให้ถูกต้องตามวิสัยเป็นไมตรี ฯ |
๏ ฝรั่งว่าข้ากลับบังคับเจ้า | ช่างโฉดเฉาชั่วช้ากะลาสี |
จะตรงไปให้ถึงท้าวเจ้าธานี | อย่าพาทีทุ่มเถียงหลีกเลี่ยงทาง ฯ |
๏ ฝ่ายตระเวนเห็นฝรั่งไม่ยั้งหยุด | ต่างแล่นรุดล้อมสกัดเข้าขัดขวาง |
ฝ่ายฝรั่งลังกาแล่นฝ่ากลาง | ตระเวนวางปืนปึงเสียงตึงตัง |
ตัดหางเสือเรือลังกาเสาหน้าหัก | ฝรั่งชักค่ายแขวนผูกแผ่นหนัง |
เหล็กหลังคาตารางกางกำบัง | ปล่อยปืนจังกาลั่นเสียงครั่นครื้น |
ถูกใบเสาชาวด่านยิงต้านรับ | ดูกลอกกลับกลางชลาแล่นฝ่าฝืน |
จนค่ำพลบรบรุดไม่หยุดปืน | เสียงครึกครื้นคลื่นลมระดมดัง |
กองตระเวนเกณฑ์ให้เรือใช้กลับ | ขอกองทัพทูลตามเนื้อความหลัง |
แล้วสมทบรบรุดไม่หยุดยั้ง | สกัดตั้งปิดทางกลางคงคา ฯ |
๏ ฝ่ายเรือใช้ไปถึงกรุงพอรุ่งเช้า | กราบทูลท้าวไทธิราชนาถนาถา |
ว่าหัสกันนั้นเป็นเจ้าชาวลังกา | จะเข้ามาห้ามไว้ก็ไม่ฟัง |
ขืนหักด่านราญรุกทำอุกอาจ | ยิงปืนสาดรบสู้อยู่ข้างหลัง |
แต่ลมเข้าเขารุกมาทุกครั้ง | ขอทัพช่วยด้วยฝรั่งคับคั่งมา ฯ |
๏ กรุงกษัตริย์ตรัสว่าถ้าเช่นนั้น | เจ้าหัสกันก็เหมือนวงศ์เผ่าพงศา |
ด้วยเป็นบุตรสุดสาครให้หล่อนมา | ให้กรมท่าเร่งรับมาฉับไว ฯ |
๏ ผู้รับสั่งบังคมบรมนาถ | ลงเรือลาดตระเวนมาชลาไหล |
แล้วบอกความห้ามทหารด่านกรุงไกร | โปรดมิให้รบรับทัพลังกา |
แล้วข้าเฝ้าเข้าไปหาพวกฝรั่ง | บอกรับสั่งทราบว่าองค์เผ่าพงศา |
ให้เชิญหน่อวรนาถราชนัดดา | เข้าพาราให้เรารับกองทัพไป ฯ |
๏ พวกลังกาพาไปลงลำทรงนั้น | พระหัสกันกล่าวแกล้งแถลงไข |
เหวยข้าเฝ้าเจ้าพารามาว่าไร | กูมิใช่เชื้อวงศ์เผ่าพงศ์พันธุ์ |
เพราะลูกสาวเจ้าพาราการะเวก | ลักเพชรเอกมาไว้ในไอศวรรย์ |
จะมาทวงดวงจินดาพูดจากัน | พวกมึงนั้นกั้นกางปิดทางไว้ |
เข้าระดมสมทบรบฝรั่ง | เขารบมั่งมันก็ต้านทานไม่ไหว |
กูแค้นนักจักต้องทำให้หนำใจ | ยกเข้าไปไล่สังหารผลาญชีวี |
เออเองรู้อยู่บ้างหรือปางก่อน | อันโคตรก้อนแก้วเก็จเป็นเจ็ดสี |
ของลังกามาอยู่ในบูรี | เอาไว้ที่แห่งหนตำบลใด ฯ |
๏ อำมาตย์รู้กิริยาของข้าศึก | มิได้นึกกลัวแกล้งแถลงไข |
เมื่อคราวครั้งลังกาข้าก็ไป | ตามหน่อไทเที่ยวดูทั่วบูรี |
นางวัณฬาพาเดินบนเนินเพชร | ให้แก้วเก็จกับธิดามารศรี |
ครั้นเลิกทัพกลับมาถึงธานี | ปลูกไว้ที่เนินเขาเนาวรัตน์ |
ท่านจะมาว่าลักคิดหักหาญ | เหมือนแกล้งพาลพูดดื้อไม่ถือสัตย์ |
แล้วลวงเหล่าชาวด่านที่ทานทัด | ว่าเป็นนัดดาบุตรสุดสาคร |
จึงโปรดใช้ให้มารับด้วยนับหน้า | สำคัญว่าเชื้อวงศ์พระทรงศร |
ยังหยิบผิดคิดการจะราญรอน | ทำยอกย้อนอย่างนี้ไม่มีอาย |
หมายจะทำซ้ำเติมพูดเหิมฮึก | อย่าพึงนึกว่าจะสมอารมณ์หมาย |
แม้ซึ่งหน้ามาที่ไหนทั้งไพร่นาย | จะต้องตายอยู่ที่ด่านชานชลา ฯ |
๏ หัสกันหันหุนด้วยรุ่นหนุ่ม | ดังเพลิงสุมทรวงแค้นนั้นแสนสา |
ให้จับจำอำมาตย์ลงอาชญา | สั่งเสนาฝรั่งทั่วทุกตัวนาย |
ให้รุมเข้าเผาพาราการะเวก | มันโหยกเหยกแย่งริบให้ฉิบหาย |
แต่สาวสาวเอาไว้ใช้อย่าให้ตาย | พบผู้ชายจงฟันให้บรรลัย ฯ |
๏ ฝ่ายนายทัพรับสั่งแล้วตั้งโห่ | เฮโลโล้กำปั่นเสียงหวั่นไหว |
ต่างรีบเข้าอ่าวเมืองแน่นเนื่องไป | ไม่มีใครรบสู้ทั้งบูรี |
พอทัพหลังลังกายกมาถึง | อึงคะนึงหนุนเข้าอ่าวกรุงศรี |
คนทั้งหลายหมายว่ามาโดยดี | ยืนดูที่ริมตลิ่งทั้งหญิงชาย |
พอทัพหน้ามาถึงวังไม่ยั้งหยุด | ขึ้นฝั่งจุดเพลิงไหม้เหมือนใจหมาย |
ตีกลองศึกครึกครื้นปืนประกาย | พังทลายตึกกว้านเผาบ้านเมือง |
พวกทัพหลังคั่งคับช่วยทัพหน้า | เที่ยวจุดไฟไหม้หลังคาติดฝาเฝือง |
เสียงผางโผงโพลงพลุ่งเพลิงรุ่งเรือง | ชาวบ้านเมืองวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี |
บ้างฉวยคว้าผ้าผ่อนแบกหมอนฟูก | บ้างอุ้มลูกจูงหลานลนลานหนี |
บ้างคลานคลุกลุมล้มไม่สมประดี | บ้างพลัดพี่พลัดน้องร้องตะโกน |
นางลูกค้าคว้าถุงกระบุงกระบะ | แบกกระทะโอ่งอ่างกระถางกระโถน |
ที่ผ้าผ่อนล่อนโล่งวิ่งโทงโทน | สะดุดโดนเด็กผู้ใหญ่ขวักไขว่กัน |
บ้างหอบของร้องไห้มุดใต้ถุน | ต่างว้าวุ่นวนเวียนวิ่งเหียนหัน |
พวกฝรั่งลังกาไล่ฆ่าฟัน | สกัดกั้นกลอกกลับไล่จับกุม |
พวกผู้หญิงวิ่งบุกเที่ยวซุกซ่อน | บ้างซอกนอนหนีไฟอยู่ในหลุม |
บ้างหลบตัวกลัวเหลือเอาเสื่อคลุม | บ้างมุดตุ่มลงแต่หัวตัวโก้งโค้ง |
พวกข้าศึกครึกครื้นยิงปืนใหญ่ | ไฟยิ่งไหม้มืดกลุ้มคลุ้มโขมง |
จะเหลียวแลไปทางไหนไฟลุกโพลง | ติดเรือนโรงโผงผางสว่างไป |
เสียงช้างม้าลาร้องออกซ้องแซ่ | ฮูมแปร้นแปร๋แซ่สนั่นวิ่งหวั่นไหว |
คนยิ่งตื่นครื้นครั่นหนีควันไฟ | ไฟยิ่งไหม้ไปจนรอบขอบกำแพง ฯ |
๏ จนพลบค่ำกำลังเพลิงพลั่งพลุ่ง | สว่างรุ่งเรืองโรจน์ช่วงโชติแสง |
พวกพหลพลนิกรต่างร้อนแรง | โจนกำแพงลงไปนั่งกำบังไฟ |
ฝรั่งยิ่งยิงปืนเสียงครื้นครึก | กระหึมฮึกโห่ลั่นเสียงหวั่นไหว |
ฝ่ายห้ามแหนแสนสนมกรมใน | ต่างตื่นไฟในอารมณ์ไม่สมประดี |
ร้องโปรดช่วยด้วยเถิดพระทูลกระหม่อม | เพลิงไหม้ล้อมรอบจะวายตายเป็นผี |
บ้างเลยหลงวงวิ่งเป็นสิงคลี | มาข้างนี้ไปข้างโน้นตะโกนกัน |
บ้างเก็บของทองนากลากไปทิ้ง | ฉวยเชี่ยนวิ่งวางเชี่ยนเปลี่ยนหยิบขัน |
บ้างฉวยผ้าคว้าถุงคาดพุงพัน | บ้างยกคันฉ่องกับหวีวิ่งหนีไฟ |
ที่พวกมากลากจูงพยุงยุด | อุตลุดเลี้ยววงเวียนหลงใหล |
ที่รักเพื่อนเหมือนชีวิตร่วมจิตใจ | อุส่าห์ใส่สะเอวอุ้มกอดกุมมือ |
ท่านท้าวนางต่างวิ่งล้มกลิ้งเกลือก | อุส่าห์เสือกไปตามทางครางหือหือ |
บ้างงันงกตกใจเห็นไฟฮือ | วิ่งกระพือผ้าหลุดไม่หยุดแล |
พวกเจ้าจอมหม่อมคุณตระกูลสูง | บ้างพยูงอยู่ข้างข้างไม่ห่างแห |
บ้างวิ่งวนจนหอบหมอบกระแต | ที่เฒ่าแก่โก้งโค้งลากโครงคราง |
ข้าหลวงเหล่าสาวใช้ตื่นไฟวิ่ง | กระตุ้งกระติ้งตาปลกตีอกผาง |
มุดใต้ถุนลุนช่องเที่ยวมองทาง | เห็นรางรางลดเลี้ยวเที่ยวเลาะลัด ฯ |
๏ สมเด็จท้าวเจ้าพาราการะเวก | กับองค์เอกอัคเรศเกศกษัตริย์ |
ทั้งห้ามแหนแสนสุรางค์อยู่ปรางค์รัตน์ | เมื่อลมพัดเพลิงไหม้มาใกล้วัง |
จะหนีออกนอกประตูท่านครูห้าม | รู้ว่ายามเคราะห์ค่อยคิดถอยหลัง |
จนค่ำไฟไหม้ครื้นเสียงปืนดัง | อุตส่าห์นั่งนิ่งภาวนามนต์ ฯ |
๏ ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ | อ่านพระเวทวิทยาเป็นห่าฝน |
ให้ไฟดับลับตาประชาชน | ต่างมืดมนไม่เห็นทางในกลางคืน |
ทั้งโยธาข้าศึกซึ่งฮึกโหม | ถูกฝนโซมเสื้อผ้าไม่ฝ่าฝืน |
กลับลงลำกำปั่นลั่นแต่ปืน | ให้คนตื่นแตกพลัดกระจัดกระจาย |
จนรุ่งเช้าชาวบูรีต่างหนีเร้น | แลไม่เห็นผู้คนทั้งฝนหาย |
ทั้งสองทัพกลับไล่พวกไพร่นาย | ขึ้นตั้งค่ายราบรอบขอบกำแพง ฯ |
๏ เจ้าวายุพัฒน์หัสกันเกณฑ์ทหาร | ให้ถือขวานคนละเล่มล้วนเข้มแข็ง |
ฟันประตูดูประหลาดพลิ้วพลาดแพลง | จนสิ้นแรงรู้ว่าฤทธิ์วิทยา |
เอาไม้ลำทำบันไดไต่ไปพาด | ขึ้นปีนพลาดพลัดคะมำถลำถลา |
บ้างหัวหกตกดิ้นสิ้นชีวา | บ้างแขนขาหักตายเสียหลายคน |
บ้างปวดหัวมัวตาให้หน้ามืด | เป็นหอบหืดเห็นวิบัติคิดขัดสน |
จึงอุบายถ่ายเททำเล่ห์กล | ให้พวกพลร้องว่าชาวธานี |
กองทัพเราเข้ามาล้อมอยู่พร้อมพรั่ง | เปรียบเหมือนขังไก่ไว้มิให้หนี |
แม้ผู้ใดใครออกมาหาโดยดี | จะให้มีชื่อเสียงชุบเลี้ยงไว้ |
เร่งเร็วเถิดเปิดประตูอย่าอยู่ช้า | จะพลอยพากันตายทั้งนายไพร่ |
จงทำชอบนอบน้อมคิดพร้อมใจ | ก็จะให้เงินทองของดีดี ฯ |
๏ ฝ่ายข้าเฝ้าชาวบุรินทร์สิ้นทั้งหลาย | ทั้งไพร่นายรายรักษาทุกหน้าที่ |
ต่างเยี่ยมมองช่องเสมาร้องพาที | เหวยอ้ายผีพวกฝรั่งเกาะลังกา |
ทั้งลวงหลอกยอกย้อนทำซ่อนเงื่อน | เผาบ้านเรือนร้ายกาจนอกศาสนา |
หากพระองค์ทรงคิดถึงบิดา | โปรดให้มามึงจึงได้มาใกล้กราย |
ถ้าหาไม่ไหนน้ำหน้าอ้ายฝรั่ง | จะเห็นวังเวียงราชอย่ามาดหมาย |
แต่รบกับทัพเรือก็เหลือตาย | อยู่ที่ปลายแดนด่านชานชลา ฯ |
๏ เจ้าหัสกันสั่งให้ไพร่ว่าอ้ายโง่ | มึงเหมือนโคคอกขังจะสังขาร์ |
วิสัยศึกลึกล้ำเป็นธรรมดา | มีปัญญาย่อมจะได้ด้วยง่ายดาย |
ผู้ใดเซอะเคอะคะจะเป็นเหยื่อ | เปรียบเหมือนเนื้อทั้งปวงติดบ่วงหวาย |
จงกลับใจไหว้กราบอย่าหยาบคาย | บอกเจ้านายมึงให้รู้ว่ากูนี้ |
ตามมาทวงดวงเพชรอันเตร็ดตรัจ | พวกมึงขัดจึงได้เข้าเผากรุงศรี |
ว่าไม่รู้กูเข้ามารบธานี | ประเดี๋ยวนี้เล่าก็รู้นิ่งอยู่ไย |
ยังเข้าปีกหลีกหลบไม่รบสู้ | จะปิดประตูตายหรือถือไฉน |
ถ้าแม้ว่ากล้าจริงออกชิงชัย | ใครดีได้เห็นกันเป็นมั่นคง ฯ |
๏ พวกขุนนางต่างว่าเหวยฝรั่ง | พระจอมวังวรนาถเหมือนราชหงส์ |
จะสู้กาหน้าดำที่ต่ำวงศ์ | จะเสียทรงเสียนวลไม่ควรเลย |
แล้วก็รู้อยู่ว่ามึงไม่ถึงไหน | ไม่เข้าได้ในกำแพงจึงแกล้งเฉย |
เขาเกลียดเห็นเป็นว่ากลัวพูดยั่วเย้ย | อ้ายลูกเชลยลืมพ่อคิดล่อลวง |
อียุพาลาลีที่เป็นแม่ | ก็เป็นแต่ตัวเมียเขาเสียขวง |
ยังมีหน้าพาฝรั่งสิ้นทั้งปวง | มาลามล่วงลอบเข้าเผาพารา ฯ |
๏ วายุพัฒน์หัสกันให้ตันจิต | ต่างคนคิดคั่งแค้นนั้นแสนสา |
จะเข้าไปสังหารผลาญชีวา | พิฆาตฆ่าโคตรมันให้บรรลัย |
ก็ต้องมนต์คนปีนมือตีนอ่อน | จำจะผ่อนผันแปรคิดแก้ไข |
จึงรอรั้งสั่งพหลพลไกร | ให้ฆ่าไก่เป็ดแพะแกะโคควาย |
เอาเลือดฝาดสาดรอบทั้งขอบเขต | ทำลายเวทมนตร์ไสยให้เสื่อมหาย |
แล้วเร่งทัพขับพหลพลนิกาย | ฟันทลายประตูปีนตีนกำแพง |
พาดบันไดไต่พะองเข้ายงยุทธ์ | พุ่งอาวุธฟาดฟันล้วนขันแข็ง |
สับสายโซ่โย้เหนี่ยวด้วยเรี่ยวแรง | ชาวเมืองแทงถูกตายเป็นหลายคน |
แล้วทิ้งหินศิลาพุ่งอาวุธ | อุตลุดรบรับกันสับสน |
พวกข้าศึกครึกครื้นยิงปืนกล | ข้ามไม่พ้นกำแพงสิ้นแรงปืน |
พวกบนป้อมหลอมตะกั่วคั่วทรายสาด | น้ำร้อนราดโยธาไม่ฝ่าฝืน |
ต่างต่อแย้งแทงฟันเสียงครั่นครื้น | ระดมปืนป้อมทลายค่ายลังกา |
ถูกฝรั่งทั้งปวงตกร่วงหรุบ | บ้างตายฟุบตัวตะแคงเสียแข้งขา |
ที่เหลือตายฝ่ายฝรั่งถอยหลังมา | เขารักษาค่ายมั่นขยั้นใจ ฯ |
๏ เจ้าวายุพัฒน์หัสกันเห็นกองทัพ | จะเคี่ยวขับชาวบุรีตีไม่ไหว |
ให้เสนีที่ต้องจำนั้นนำไป | ขุดหินได้เแก้วเก็จโคตรเพชรมา |
ทลายเขาเนาวรัตน์ด้วยขัดแค้น | เก็บหัวแหวนเกิดใหม่ได้หนักหนา |
ให้กองทัพจับเหล่าชาวพารา | ลงเรือล่าเลิกทัพถอยกลับไป ฯ |
๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าพาราการะเวก | หมองเหมือนเมฆมืดมิดปิดสุริย์ใส |
ต้องถอยถดยศถาเสียข้าไท | บ้านเมืองไหม้ไพร่นายล้มตายครัน |
เป็นคราวเคราะห์เพราะประมาทจึงพลาดพลั้ง | แทบเสียทั้งนิเวศน์ขอบเขตขัณฑ์ |
หากท่านครูผู้เฒ่าเหมือนเผ่าพันธุ์ | ช่วยผันแปรแก้กันไม่อันตราย |
จึงตรัสกับมเหสีพี่กับเจ้า | มีลูกเต้ามันไม่เหมือนเพื่อนทั้งหลาย |
เห็นเหลือมือดื้อจริงทั้งหญิงชาย | พากันหายสูญเพลิงละเลิงใจ |
จนครั้งนี้มีศัตรูมาดูถูก | ไม่เห็นลูกเต้ามีอยู่ที่ไหน |
เหมือนลูกยางห่างต้นหลุดหล่นไป | ดังมิใช่ลูกเต้าเผ่าพงศ์พันธุ์ ฯ |
๏ มเหสีอัญชลีฉลองตอบ | เคราะห์ประกอบให้เป็นเหมือนเช่นฝัน |
เพราะยังเยาว์เบาความไปตามกัน | ด้วยผูกพันพิศวาสไม่คลาดคลา |
เป็นเหตุเพราะเคราะห์วิบัติให้พลัดพราก | ต้องลำบากเบญจเพสทั้งเชษฐา |
พอเคราะห์ดีพี่น้องทั้งสองรา | จะกลับมาเขตขัณฑ์เป็นมั่นคง |
ซึ่งเกิดเข็ญเป็นศึกน้องนึกแน่ | เพราะไปแก้พระอภัยเมื่อใหลหลง |
ธิดานาฏราชโอรสยศยง | ช่วยณรงค์รบพุ่งกรุงลังกา |
จึงฝรั่งคั่งแค้นมาแทนทด | ให้เสียยศเสียศักดิ์เสียหนักหนา |
ควรจะใช้ให้ทหารถือสารตรา | ไปพูดจาแจ้งกับพระอภัยมณี |
ด้วยพวกพ้องของท่านล้วนหลานลูก | มาดูถูกรบพุ่งเผากรุงศรี |
ให้ทราบความตามวิสัยเป็นไมตรี | ดูท่วงทีเธอบ้างจะอย่างไร ฯ |
๏ พระเห็นชอบตอบว่าปัญญาน้อง | ช่างคิดต้องกันกับพี่จะมีไหน |
แล้วอ่าองค์ทรงเครื่องย่างเยื้องไป | ออกนั่งในพระโรงรัตน์ชัชวาล |
พร้อมพระวงศ์พงศาพฤฒามาตย์ | เสนาชาติหมอบเมียงเคียงขนาน |
สั่งเสนาอาลักษณ์พนักงาน | ให้แต่งสารตามเรื่องเมืองลังกา |
ไปถึงท้าวเจ้าผลึกลงหมึกเขียน | ไม่ผิดเพี้ยนเพริศพรายลายเลขา |
แล้วใส่กล่องทองคำประจำตรา | ให้เสนารีบถือหนังสือไป ฯ |
๏ ผู้รับสั่งบังคมด้วยโสมนัส | มาเร่งรัดจัดกันเสียงหวั่นไหว |
เอาเรือรองสองลำล่องน้ำไป | รีบใช้ใบร่ำมาในสาคร ฯ |