- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
๏ จะกล่าวถึงนคราเมืองกาศึก | ให้ตั้งฝึกพวกทหารชาญสมร |
สะพรั่งพร้อมเสนาประชากร | เจ้านครนามนรินทร์ท้าวสินชัย |
มเหสีมีนามตามภาษา | ชื่อบุษยาดวงมณีผ่องสีใส |
มีบุตรีสวยสำอางอยู่ปรางค์ชัย | ชื่อระเด่นดวงประไพวิไลทรง |
ดังดวงจิตบิตุเรศเกศกษัตริย์ | ท้าวเธอจัดสาวที่รุ่นสกุลหงส์ |
เป็นพี่เลี้ยงนุชนางสำอางองค์ | แต่ล้วนวงศ์พวกผู้ดีมีตระกูล |
เฉลิมยศพระบุตรีนารีรัตน์ | ตามกษัตริย์ธิบดินทร์นรินทร์สูร |
อันกาศึกเมืองนี้บริบูรณ์ | ทั้งตระกูลเศรษฐีพวกมีเรือ |
รับสั่งของต่างต่างขึ้นห้างไว้ | แล้วขนไปเที่ยวขายข้างฝ่ายเหนือ |
ทั้งยุ้งฉางใหญ่ใหญ่ใส่ข้าวเกลือ | ใครขาดเหลือจับจ่ายให้เป็นทาน |
แต่เมืองขึ้นนั้นก็มีถึงสี่ร้อย | มิใช่น้อยล้วนเป็นสุขสนุกสนาน |
มีแต่ความสุโขมโหฬาร | ทุกเมืองบ้านผาสุกไม่ทุกข์ภัย ฯ |
๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง | แต่แล่นล่วงข้ามมหาชลาไหล |
สิบห้าวันบรรลุถึงทรงไกร | แกสั่งให้ทอดท่าหน้าสันดอน |
ฝ่ายเรือใช้ไปตระเวนเห็นกำปั่น | ประมาณพันจอดรายชายสิงขร |
จึงแวะเข้าไต่ถามนามกร | ว่าเรือจรมาแต่ไหนหรือไพรี |
ฝ่ายพวกแขกในกำปั่นนั้นจึ่งว่า | เราแล่นมาจากเมืองปตาหวี |
เจ้าพารามาเที่ยวชมนที | ลมมันตีพัดพาเภตราไป |
ถึงห้าเดือนเหมือนอย่างว่าใช่ข้าศึก | อย่าได้นึกเคลือบแคลงแหนงไฉน |
สิ้นแผนที่แล่นหลงเวียนวงไป | จำไม่ได้ขอบเขตประเทศทาง |
ขออาศัยซื้อหากระยาหาร | ทางกันดารสารพัดจะขัดขวาง |
ขัดเสบียงอาหารลงย่านกลาง | ไพร่ขุนนางเดิมทีไม่มีกิน |
จะขอซื้อข้าวปลากระยาหาร | ทั้งคาวหวานพอได้สมอารมณ์ถวิล |
แล้วก็จะขอลาไปธานินทร์ | ประเทศถิ่นนคราเหมือนอาวรณ์ ฯ |
๏ พวกตระเวนแจ้งกิจจาพากันกลับ | มาบอกกับขุนด่านชาญสมร |
ว่ากำปั่นที่มาหน้าสันดอน | เจ้านครปตาหวีบุรีเรือง |
มาเที่ยวชมยมนาสาคเรศ | บังเกิดเหตุลมกล้าฟ้าก็เหลือง |
ตีกำปั่นปัดส่งหลงบ้านเมือง | ทั้งขัดเคืองของเสบียงเลี้ยงโยธา |
ขุนด่านแจ้งบอกเข้าไปในนิเวศน์ | นำเอาเหตุเรื่องราวไปกล่าวหนา |
กับท่านขุนเสนีผู้ปรีชา | ให้ทูลฝ่าบาทบงสุ์ดำรงวัง |
พวกเสมียนเขียนสารให้ม้าใช้ | รีบเข้าไปแจ้งยุบลเหมือนหนหลัง |
คนที่รับหนังสือไปเข้าในวัง | ส่งให้ยังเสนาในธานี |
พอไทท้าวเจ้านิเวศน์เสด็จออก | รีบเอาบอกเข้าประณตบทศรี |
อ่านถวายเจ้าจังหวัดปัถพี | ตามคดีขุนด่านให้สารมา ฯ |
๏ ในอักษรว่ากำปั่นสักพันเศษ | เจ้าประเทศปตาหวีมียศถา |
จากประเทศไปเที่ยวชมยมนา | พลัดพาราหลงทางไปกลางชล |
ถึงห้าเดือนเฟือนทางสิ้นแผนที่ | หลงมานี้สารพัดจะขัดสน |
สิ้นเสบียงเลี้ยงเสนาประชาชน | ไปตกวนแทบจะตายวายชีวัน |
มาขอซื้อข้าวปลากระยาหาร | พอสำราญอิ่มเอมเกษมสันต์ |
ขออยู่ซื้อหาสักพอห้าวัน | พระทรงธรรม์จะโปรดปรานสถานใด ฯ |
๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพิภพจบจังหวัด | โองการตรัสโปรดปรานแล้วขานไข |
คิดก็น่าเวทนามาแต่ไกล | ทั้งพลัดไพร่พลัดเมืองเคืองรำคาญ |
เหมือนอกเราอกเขาก็เร่าร้อน | ต้องอาวรณ์หลงมาน่าสงสาร |
อย่าต้องซื้อต้องหาให้ช้าการ | กับอาหารไม่กระไรจะให้ปัน |
จงไปเชิญเจ้าพาราขึ้นมาก่อน | มีทุกข์ร้อนเป็นไฉนจึ่งผายผัน |
อันข้าวของเครื่องเสบียงจะเลี้ยงกัน | เราให้ปันดอกให้คนมาขนไป |
เสนารับอภิวันท์รีบผันผาย | ไปบรรยายทูลแจ้งแถลงไข |
ฝ่ายท่านท้าวปตาหวีก็ดีใจ | จึ่งเล่าให้กับท่านอาจารย์ฟัง ฯ |
๏ บาทหลวงเฒ่าดีใจไปเถิดหวา | เจ้าพาราชื่นชมแล้วสมหวัง |
เขาเมตตาปรานีดีกว่าชัง | ขึ้นไปฟังเจ้าพาราจะปรานี |
กูไปด้วยจะได้ช่วยพูดประจบ | ให้เขาคบเขารักเป็นศักดิ์ศรี |
ได้ผูกพันกันไว้เป็นไมตรี | คุณจะมีอยู่ดอกหวาพากันไป |
แล้วบอกกับเสวกาที่มาแจ้ง | ท่านชี้แจงทูลพระองค์อย่าสงสัย |
พรุ่งนี้เช้าเราจะชวนอาจารย์ไป | เฝ้าภูวไนยจอมประเทศเขตนคร |
เสนารับอภิวันท์แล้วผันผาย | ลงเรือพายรีบมาหน้าสิงขร |
ขึ้นไปเฝ้าท้าวสินชัยในนคร | ทูลภูธรตามที่ฟังแต่หลังมา |
ฝ่ายไทท้าวเจ้ามิ่งมไหสวรรย์ | จึ่งมีบัญชาตรัสให้จัดหา |
เครื่องกระบวนทวนธงอลงการ์ | กับรถาลงไปรับประคับประคอง |
ให้สมยศเจ้าพาราปตาหวี | ไปให้ขี่จากเภตรามาทั้งสอง |
กับสังฆราชรีบไปรับประคับประคอง | อย่าให้ข้องเคืองขัดอัธยา |
แล้วให้แต่งพระโรงคัลที่ชั้นนอก | เราจะออกรับสู้ผู้มาหา |
ตำมะหงงรับรสพจนา | คลานออกมาสั่งเสร็จสำเร็จการ |
พอเช้าตรู่สุริยาภาณุมาศ | ให้เคลื่อนคลาดพวกพหลพลทหาร |
เอารถรัตน์เทียมม้าอาชาชาญ | ออกทวารนครารีบคลาไคล |
เดินกระบวนทวนธงตรงไปด่าน | ถึงสถานเมืองท่าชลาไหล |
ให้หยุดพวกจัตุรงค์ทั้งธงชัย | คอยท้าวไทจะขึ้นมาจากสาคร ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายเจ้าพาราปตาหวี | ครั้นสุริย์ศรีแจ่มจำรัสประภัสสร |
กับบาทหลวงที่จะไปในนคร | พลางรีบร้อนลงเรือบดหมดด้วยกัน |
กับสิ่งของต่างต่างอย่างฝรั่ง | เครื่องแขวงตั้งสารพัดแกจัดสรร |
เอาขึ้นไปตามทำนองของกำนัล | รีบผายผันมาถึงท่าหน้าบุรินทร์ |
พวกเสนาลงมาอยู่คอยรับ | ต่างคำนับชื่นชมสมถวิล |
เชิญให้ขึ้นรถาไปธานินทร์ | พร้อมกันสิ้นแห่เข้าไปในนคร ฯ |
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าบุรินทร์ปิ่นกษัตริย์ | ออกแท่นรัตน์ขุนนางเข้าเฝ้าสลอน |
ขุนเสนีกราบก้มประนมกร | เจ้านครแล้วทูลมูลคดี |
ว่าบาทหลวงกับพระยาขึ้นมาเฝ้า | เชิญให้เข้าหยุดพักตำหนักศรี |
ฝ่ายพระจอมจังหวัดปัถพี | ทราบคดีสั่งมหาเสนาใน |
ให้ไปเชิญเจ้าพาราปตาหวี | เข้ามาที่พระโรงรัตน์จำรัสไข |
กับบาทหลวงอาจารย์อันชาญชัย | เสนาไปกราบประณตบทบงสุ์ |
แล้วเชิญท้าวเจ้าพาราปตาหวี | ให้จรลีเข้าในวังดั่งประสงค์ |
กับบาทหลวงเดินไปดั่งใจจง | เขานำตรงเข้าไปในพระโรง |
ป่างพระปิ่นสินชัยปราศรัยทัก | เชิญให้พักบนบัลลังก์ที่นั่งโถง |
แต่อาจารย์เก้าอี้ตั้งกลางพระโรง | ดูโอ่โถงเชิญให้นั่งอย่างธรรมเนียม ฯ |
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี | อัญชลีท้าวไทไม่อายเหนียม |
เพราะเธอแก่แลเห็นเป็นธรรมเนียม | แล้วฟุบเฟี้ยมยอบตัวต้องกลัวเกรง |
ข้างบาทหลวงแกคำนับพลางจับหัตถ์ | ท้าวเธอตรัสไพเราะดูเหมาะเหมง |
ว่าดูก่อนท้าวกุลาท่านอย่าเกรง | ใจข้าเองนับเนื้อเหมือนเชื้อวงศ์ |
จะต้องการสิ่งไรมิได้ขัด | สารพัดข้าวของต้องประสงค์ |
เราจงรักกันไว้ดั่งใจจง | โดยจำนงตามกษัตริย์ขัตติยา |
ฝ่ายบาทหลวงแกให้บ่าวยกข้าวของ | เครื่องเงินทองหลายอย่างต่างภาษา |
มาถวายท่านท้าวเจ้าพารา | ปรารถนาจะประสงค์เป็นวงศ์วาน ฯ |
๏ ฝ่ายท่านท้าวสินชัยให้โอกาส | แก่สังฆราชโดยนัยปราศรัยสาร |
แล้วจึ่งว่าข้าแต่พระอาจารย์ | จะต้องการสิ่งใดในบุรินทร์ ฯ |
๏ บาทหลวงเฒ่าเสาวนาท้าวปราศรัย | แกอิ่มใจอิ่มอารมณ์สมถวิล |
จำจะให้ไทท้าวเจ้าแผ่นดิน | นิยมยินรักใคร่ที่ในกู |
จะได้เป็นที่หวังเห็นอย่างคิด | เอาเป็นศิษย์อีกนครให้อ่อนหู |
แล้วจะได้ตรึกตรองหาช่องคู | ปราบศัตรูแก้แค้นที่แน่นทรวง |
แกจึงว่าข้าแต่ท้าวเจ้าพิภพ | ขอนอบนบพระคุณไท้นั่นใหญ่หลวง |
ข้าพเจ้ามิได้ปองของทั้งปวง | อันในดวงจิตข้าผู้อาจารย์ |
หวังประโยชน์แต่จะโปรดคนมีทุกข์ | ให้เป็นสุขอิ่มเอมเกษมศานต์ |
เที่ยวสั่งสอนศาสนามาช้านาน | ทุกถิ่นฐานนคราให้ถาวร |
พอไปถึงพาราปตาหวี | ท้าวยินดีชวนให้อยู่เป็นครูสอน |
แล้วพากันเที่ยวมาในสาคร | เกิดทุกข์ร้อนลมวิบัติให้ซัดมา |
แกเล่าความตามเรื่องที่เคืองขัด | ให้กษัตริย์เธอฟังที่กังขา |
ครั้นเสร็จสิ้นเรื่องยุบลสนทนา | ท้าวให้หาเครื่องเสวยทั้งเนยนม |
สารพัดจัดสรรพรรณลูกไม้ | ทั้งเป็ดไก่เครื่องลุดตี้มีขนม |
ยกขึ้นตั้งแต่งไว้ในโต๊ะกลม | ของอุดมหลายหลากดูมากมี |
ยกเก้าอี้ฝรั่งมาตั้งเสร็จ | เชิญเสด็จเจ้าพาราปตาหวี |
กับบาทหลวงมาพลันด้วยทันที | ขึ้นนั่งที่เรียงตามกันสามองค์ |
ท้าวสินชัยเชิญให้บาทหลวงฉัน | พร้อมด้วยกันโดยในพระทัยประสงค์ |
ท้าวสินชัยนับเนื้อเหมือนเชื้อวงศ์ | ด้วยจำนงชื่นบานสงสารครัน |
เสวยพลางทางว่าเจ้าอย่าคิด | เรารักสนิทเปรียบปานดั่งหลานขวัญ |
จงยับยั้งพอสบายให้หลายวัน | พลขันธ์จะได้นอนผ่อนสบาย |
ท้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ | ประสานหัตถ์ทูลไปดั่งใจหมาย |
พระคุณล้นพ้นที่จะอภิปราย | ขอถวายความสัตย์ปัฏิญาณ |
แม้นเคืองเข็ญเป็นอย่างไรจงใช้ข้า | ตามประสาใจรักสมัครสมาน |
เสวยเสร็จท้าวจึ่งเยื้อนเอื้อนโองการ | ให้จัดสถานเก๋งใหญ่ในบุรินทร์ |
ทั้งผู้คนปรนนิบัติปัจถรณ์ | ที่นั่งนอนแต่งตั้งอย่างถวิล |
เชิญไปพักให้สบายในบุรินทร์ | จงอยู่กินเหมือนอย่างวงศ์พงศ์ประยูร |
กับท่านครูอยู่ให้สุขสิ้นทุกข์ร้อน | จึ่งค่อยจรกลับไปยังไอศูรย์ |
ไปสำนักพักพาราอย่าอาดูร | จงเพิ่มพูนภิญโญเดโชชัย |
ท้าวสั่งเสร็จแล้วเสด็จยุรยาตร | เข้าปรางค์มาศนพรัตน์จำรัสไข |
แล้วตรัสสั่งมเหสีที่ข้างใน | เอาใจใส่กินอยู่ช่วยดูการ |
เขาเป็นเจ้านคราปตาหวี | พลัดถิ่นที่เอ้องค์น่าสงสาร |
แต่เรือซัดขัดขวางทางกันดาร | โดยประมาณห้าเดือนไม่เคลื่อนคลา |
มเหสีฟังสารโองการสั่ง | นางจัดทั้งเครื่องอานพานสลา |
ทั้งสิ่งของเอมโอชโภชนา | ทุกเวลาจัดนางพวกข้างใน |
ที่รูปทรงรื่นรวยสวยสะอาด | ให้เชิญภาชนะทองอันผ่องใส |
ไปถวายกษัตรามาแต่ไกล | เอาใจใส่มิให้ขาดราชการ ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายพระธิดาพระยาหญิง | สมรมิ่งดวงประไพอยู่ในสถาน |
ได้ยินว่าท้าวกุลากับอาจารย์ | จากสถานพลัดมาพาราเรา |
พระบิตุรงค์โองการให้อยู่พัก | ในตำหนักกรุณาเมตตาเขา |
จึ่งรับสั่งให้หามารดาเรา | ขึ้นไปเฝ้าที่ชานพักตำหนักจันทน์ |
ให้เลี้ยงดูอยู่กับพระฝรั่ง | สถิตวังข้างฉนวนริมสวนขวัญ |
นางจึ่งเรียกพี่เลี้ยงมาเร็วพลัน | พี่ชวนกันออกไปดูครูอาจารย์ |
ว่ารูปร่างอย่างไรพระสังฆราช | จึงองอาจศักดาทั้งกล้าหาญ |
พี่จงรีบออกไปดูอย่าอยู่นาน | พระอาจารย์รูปร่างจะอย่างไร |
สี่พี่เลี้ยงเสาวนีย์คดีสดับ | น้อมคำนับแล้วก็มาที่อาศัย |
พลางแต่งตัวเรียกหาพวกข้าไท | แล้วรีบไปที่ข้างหน้าเห็นอาจารย์ |
กับท่านท้าวเจ้าพาราปตาหวี | นั่งเก้าอี้ทั้งสองกินของหวาน |
ทั้งสี่นางหยุดดูเป็นครู่นาน | เห็นอาจารย์รูปร่างสำอางตา |
แล้วดูท้าวเจ้าพาราปตาหวี | ก็งามดีหมดจดสมยศถา |
แต่ท่านครูผู้อาจารย์พานชรา | ดูผิวหน้าแดงก่ำเป็นน้ำนวล |
ทั้งสี่นางต่างกลับเห็นสรรพเสร็จ | เข้าไปเพ็ดทูลอนงค์ทรงพระสรวล |
เขาแต่งตัวอย่างไรในกระบวน | ดูสมควรหรือว่านุ่งพะรุงพะรัง |
พี่เลี้ยงเล่าชี้แจงแถลงไข | เขาสวมใส่หมวกดำทำด้วยหนัง |
ใส่เสื้อสีตากุ้งไม่รุงรัง | ดูเหมือนอย่างพวกข้างเราเข้ากะดี |
พี่เลี้ยงกล่าวรูปทรงส่งสัณฐาน | พระอาจารย์กับพระยาปตาหวี |
พระนางได้ทราบสิ้นก็ยินดี | ให้นึกมีใจจิตคิดศรัทธา ฯ |
๏ ฝ่ายท่านท้าวสินชัยในนิเวศน์ | ให้คิดเจตนานึกอยากศึกษา |
จิตประสงค์คงจะเพียรเรียนวิชา | กับพระอาจารย์เจ้าให้เข้าใจ |
แล้วท้าวเธอเสด็จไปใกล้สังฆราช | พลางประภาษพจนาอัชฌาสัย |
ทั้งไทท้าวปตาหวีก็ดีใจ | บังคมไทเจ้านิเวศน์เกศนคร ฯ |
๏ บาทหลวงเฒ่าลุกขยับมาจับหัตถ์ | จอมกษัตริย์บพิตรอดิศร |
ว่าขอบใจไทท้าวเจ้านคร | ค่อยวายร้อนบางเบาบรรเทาทรวง |
พระคุณล้ำดินฟ้ามหาสถาน | ท้าวต้องการสิ่งไรมิได้หวง |
ทั้งวิชาสารพันการทั้งปวง | ไม่แหนหวงแต่พระองค์อย่าสงกา ฯ |
๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราเมืองกาศึก | สมที่นึกมุ่งมาดปรารถนา |
อยากจะใคร่พากเพียรเรียนวิชา | ขอเป็นสานุศิษย์ท้าวเจ้าประคุณ ฯ |
๏ บาทหลวงว่าข้าแต่ท้าวเจ้าพิภพ | อย่าปรารภขาดเหลือจะเกื้อหนุน |
การวิชาขอเป็นของสนองคุณ | จะการุญบอกกล่าวให้ท้าวไท |
ไม่อำพรางทางที่จะประสงค์ | แม้นจำนงแล้วจะแจ้งแถลงไข |
ท่านจะชอบวิชาการสถานใด | สุดแต่ใจเถิดจะบอกไม่หลอกลวง ฯ |
๏ ท้าวทมิฬสินชัยได้สดับ | จึ่งคำนับสังฆราชพระบาทหลวง |
เชิญครูสอนให้ชำนาญการทั้งปวง | จะได้ล่วงรู้วิชาทางฟ้าดิน ฯ |
๏ บาทหลวงว่าวันดีที่คำนับ | เชิญมารับเอาตำราอย่าถวิล |
จะชี้แจงให้แก่ท้าวเจ้าแผ่นดิน | ให้รู้สิ้นการวิชาสารพัน |
พูดกันเสร็จท้าวก็ลามาปราสาท | ยุรยาตรเข้าข้างในไอศวรรย์ |
ออกขุนนางที่นั่งโถงพระโรงคัล | อีกสามวันเราจะไปไหว้เทวา |
ที่เขาใหญ่ท้ายเมืองจัดเครื่องสรวง | จะบำบวงเทวฤทธิ์ทุกทิศา |
ตามเยี่ยงอย่างปีใหม่ไหว้วันทา | ขุนเสนาเร่งรัดไปจัดการ |
ปลูกโรงครัวเลี้ยงดูหมู่พหล | เครื่องบวงบนแกะไก่ของไหว้ศาล |
ทั้งเต้นรำตามธรรมเนียมจงเตรียมการ | พวกลูกหลานคนข้างในจะได้ดู ฯ |
๏ ท้าวสั่งเสร็จแล้วเสด็จขึ้นจากอาสน์ | ขุนอำมาตย์เรียกกันสนั่นหู |
แต่บรรดาคนใช้ให้ไปดู | หมายตามหมู่นอกในไพร่ทั้งปวง |
ปลูกโรงร้านรายทางข้างถนน | เร่งจ่ายคนสมทบกับไพร่หลวง |
หมู่ของใครเร่งไปทำตามกระทรวง | เบิกของหลวงให้ทุกนายรายกันไป |
ทั้งจอบเสียมไม้ไหล้เร่งให้ขน | ถ้วนทุกคนหาบหามตามไสว |
นายกำกับบ่าวตนให้ขนไป | ที่เขาใหญ่ชักนำให้ทำการ |
ปลูกพลับพลาฝาเลื่อนแต่งเรือนหลวง | ตามกระทรวงเร่งรัดให้จัดศาล |
แล้วแต่งทั้งบายศรีพิธีการ | ดาดเพดานม่านผูกทุกตำบล |
ครั้นแล้วเสร็จทูลท้าวเจ้าจังหวัด | กรุงกษัตริย์ทราบความตามนุสนธิ์ |
เธอจึงสั่งเสนาพลาพล | จะจรดลออกไปบวงสรวงเทวา |
ขุนเสนารับโองการคลานมาสั่ง | กรมวังตำรวจในทั้งซ้ายขวา |
ให้เตรียมรถพระที่นั่งอลังการ์ | เทียมอาชามาประทับไว้กับเกย |
รถประเทียบเรียบเรียงเคียงขนาน | ทั้งเครื่องอานชูเชิดดูเปิดเผย |
กระบวนแห่แตรสังข์เหมือนอย่างเคย | ดาบเชลยหอกคู่ดูตระการ |
จัดสำเร็จเสร็จถ้วนกระบวนแห่ | ออกอัดแอในพาราที่หน้าฉาน |
ครั้นรุ่งรางสางสีรวีวาร | ท้าวผู้ผ่านนคราเจ้าธานี |
พลางแต่งองค์สรงสนานสำราญจิต | ขึ้นสถิตแท่นทองละอองศรี |
แล้วตรัสชวนนงนุชพระบุตรี | มเหสีสาวสุรางค์นางกำนัล |
ให้แต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส | ล้วนแก้วเก้าเนาวรัตน์ทุกสิ่งสรรพ์ |
เสด็จเดินด้วยสุรางค์นางกำนัล | จรจรัลไปขึ้นรถบทจร |
ฝ่ายท้าวไทบิตุรงค์ขึ้นทรงรถ | มีกลิ้งกลดเกณฑ์แห่แลสลอน |
สารถีตีกัณฐัศว์อัสดร | จากนครแห่ไปท้ายบุรินทร์ |
ถึงสถานที่พักตำหนักใหม่ | ฝ่ายท้าวไทชื่นชมสมถวิล |
มเหสีพระธิดายุพาพิน | พร้อมกับสิ้นบนพลับพลาหน้าคีรี |
แล้วจึ่งให้ไปเชิญบาทหลวงเฒ่า | กับองค์ท้าวเจ้าพาราปตาหวี |
ให้เร่งรัดแสนยาพวกพาชี | ไปรับที่เก๋งใหญ่ที่ท้ายวัง |
ฝ่ายเสนีก็ไปรับคำนับน้อม | ว่าพระจอมนครินทร์ถวิลหวัง |
ให้เชิญไปเขาใหญ่ที่ท้ายวัง | ท้าวเธอตั้งสรวงไหว้ไทเทวา |
บาทหลวงเฒ่าชวนท้าวปตาหวี | ขึ้นพาชีรีบไปไวไวหวา |
ไปให้ทันการท้าวเจ้าพารา | ต่างขึ้นม้าตำมะหงงนำตรงไป ฯ |
๏ ครั้นถึงที่ประทับก็ยับยั้ง | พร้อมสะพรั่งเกณฑ์แห่แลไสว |
ฝ่ายพระจอมธิบดินทร์ท้าวสินชัย | เสด็จไปคำนับรับอาจารย์ |
กับไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี | ให้นั่งที่แท่นสุวรรณแล้วบรรหาร |
เราเชิญเจ้ากับพระครูผู้อาจารย์ | มาดูการเต้นรำตามทำนอง |
ในวันนี้ปีใหม่เคยไหว้ศาล | แต่งสักการนานาบูชาฉลอง |
ท้าวกุลาว่าไปดั่งใจปอง | ในเมืองของข้าเจ้าเขาก็ทำ |
ท้าวสินชัยว่าไปกับเราเถิด | เทพจะเชิดช่วยชุบอุปถัมภ์ |
เมื่อกลับไปถึงจังหวัดจึ่งจัดทำ | เหมือนถ้อยคำเราว่าอย่าอาวรณ์ |
ท้าวกุลามาลีศรีสวัสดิ์ | ประสานหัตถ์ทูลบพิตรอดิศร |
ฝ่ายไทท้าวเจ้านิเวศน์เขตนคร | บทจรเดินไปไหว้เทวา |
ทั้งไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี | ลุกจากที่ตามไปพลันด้วยหรรษา |
บาทหลวงเฒ่าต่างนิสัยไม่ศรัทธา | ทำเป็นว่าสรรเสริญเจริญดี |
สองท้าวไทไปไหว้แล้วบวงสรวง | ตามกระทรวงจุดไฟตั้งบายศรี |
กับทั้งพวกฝ่ายพหลแลมนตรี | ไปไหว้ที่บนเขาลำเนาเนิน |
ทั้งสองท้าวไหว้เสร็จเสด็จกลับ | มาประทับบนแท่นที่แผ่นเผิน |
ฝ่ายนงนุชบุตรีที่จำเริญ | นางก็เชิญเครื่องสักการตามมารดา |
ยุรยาตรนาดนวยระทวยทด | ดูอ่อนชดงามขำล้ำเลขา |
ทั้งทรวดทรงราวกับหงส์เหมรา | ลักขณาพริ้มพร้อมละม่อมละไม |
เหล่าสุรางค์นางห้ามตามเสด็จ | ใส่แหวนเพชรดูก็งามตามวิสัย |
ท้าวกุลาดูเพลินจำเริญใจ | จะพิศไหนงามสิ้นทั้งอินทรีย์ |
จนลืมตัวมัวแต่ดูพึ่งรู้จัก | กำเริบรักอิ่มเอมเกษมศรี |
นึกในใจแม้นได้พระบุตรี | จะพลีเทเวศร์สักเจ็ดวัน ฯ |
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้านิเวศน์เกศกษัตริย์ | สั่งให้จัดเครื่องเสวยนมเนยขยัน |
ทั้งเป็ดไก่หลายอย่างต่างต่างกัน | มัสมั่นเนื้อแพะแกะกระทิง |
เครื่องกับข้าวคาวหวานใส่จานแก้ว | ตั้งเป็นแถวไก่ต้มขนมผิง |
เครื่องลูกไม้หลายอย่างมะปรางปริง | แต่ละสิ่งเอมโอชโภชนา |
ตั้งไว้บนโต๊ะใหญ่ใส่สำเร็จ | เชิญเสด็จเสวยพลันด้วยหรรษา |
ตั้งเก้าอี้ที่สำหรับบนพลับพลา | ท้าวลีลามาทั้งสองแล้วร้องเชิญ |
ให้อาจารย์ท่านนั่งยังเก้าอี้ | ขึ้นตามที่โดยหวังสังรเสริญ |
ขอเจ้าคุณหนุนนำให้จำเริญ | ข้าขอเชิญขบฉันอันมงคล |
แล้วสั่งให้เล่นงานการฉลอง | โดยทำนองจัดแจงทุกแห่งหน |
บ้างรำเต้นเล่นสนุกทั่วทุกคน | ตามถนนพวกดูเป็นหมู่มุง |
ปะผู้หญิงเดินตามไล่ถามไต่ | เข้าคว้าไขว่รวบรุมนางกุมถุง |
พวกที่ตามนางดำเนินเชิญกระบุง | เดินออกยุ่งเกี้ยวพานสำราญใจ ฯ |
๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าพาราเสวยเสร็จ | จะเสด็จไปลำเนาเขาไสว |
จึ่งชวนองค์พระอาจารย์อันชาญชัย | กับท้าวไทปตาหวีให้ลีลา |
ลงจากอาสน์นาดกรายไปท้ายเขา | ตามลำเนาสิงขรชะง่อนผา |
เป็นโตรกตรอกซอกหินล้วนศิลา | มีธาราไหลย้อยดูพรอยพราย |
ที่สีเขียวดูเขียวดั่งมรกต | เป็นหลั่นลดสีแดงดั่งแสงฉาย |
ที่ขาวช่วงพวงพู่ดูกระจาย | บ้างเป็นสายสีดำดั่งน้ำนิล |
มีธารท่าหน้าชะง่อนสิงขรเขา | เป็นวุ้งเว้าดั่งมหาชลาสินธุ์ |
มีโกสุมปทุมมาศดูดาษดิน | ภุมรินคลึงเคล้าเสาวคนธ์ |
บาทหลวงแกเดินดูตามภูผา | เห็นจินดาของวิเศษแจ้งเหตุผล |
แก่ไทท้าวเจ้าพาราจอมสากล | ถ้าแม้นฝนแล้งไปให้บูชา |
อันแก้วนี้วิเศษมีเหตุผล | จะสุกล้นส่องสว่างกลางเวหา |
ข้าเคยเห็นมีจำเพาะเกาะลังกา | เมื่อศึกมาตั้งประชิดติดนคร |
ที่ลุกช่วงดวงใหญ่เหมือนไข่เป็ด | สีเหมือนเพชรแจ่มจำรัสประภัสสร |
จงจำไว้เถิดท้าวเจ้านคร | จะเย็นร้อนแจ้งเหตุในเภทภัย |
เจ้าบุรินทร์ปิ่นเกศประเทศสถาน | ฟังอาจารย์ชี้แจงแถลงไข |
พระอาจารย์บอกเล่าให้เข้าใจ | ของที่ในเขาเขินเนินอรัญ |
ท้าวยินดีปรีดาจะหาไหน | ในดวงใจอิ่มเอมเกษมสันต์ |
จวนจะย่ำสุริยาลงสายัณห์ | สั่งแต่บรรดาพหลสกลไกร |
จงกลับเข้าวังในอย่าได้ช้า | เรียกรถากระบวนแห่แลไสว |
ทั้งธงเทียวเขียวขำอันอำไพ | ฝ่ายท้าวไทขึ้นรถบทจร |
เชิญบาทหลวงกับพระยาปตาหวี | เอารถมณีแจ่มจำรัสประภัสสร |
มาให้ทรงองค์ละรถบทจร | ไปนครเวียงชัยดั่งใจปอง ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ประไพวิไลลักษณ์ | มาพร้อมพรักกับมารดามาทั้งสอง |
ขึ้นทรงรถมีกระจังที่นั่งรอง | ทำด้วยทองโปร่งปรุฉลุลาย |
บาทหลวงเฒ่าแลดูเห็นผู้หญิง | อีนี่พริ้งเพราเพริศดูเฉิดฉาย |
พลางตั้งคอแลดูไม่รู้วาย | ทั้งร่างกายงามพร้อมไม่ผอมพี |
ขอให้ท้าวปตาหวีเห็นดีเหลือ | ได้เป็นเชื้อร่วมรักสมศักดิ์ศรี |
ถึงเมียอ้ายมังคลาชมว่าดี | กับอีนี่มันก็ไม่กระไรกัน |
แกนิ่งนึกอยู่ในใจแม้นได้ช่อง | กูจะลองขอสู่เป็นคู่ขัน |
ให้อ้ายท้าวปตาหวีจะดีครัน | ได้ผูกพันหน่วงเหนี่ยวเป็นเกี่ยวดอง |
แล้วจะได้ไปตีลังกาเกาะ | เห็นจะเหมาะด้วยกำลังคนทั้งสอง |
แต่นิ่งนึกตรึกไปดั่งใจปอง | พอถึงท้องถนนใหญ่ในบุรินทร์ |
แล้วลงจากรถามาที่อยู่ | ขึ้นไปสู่เก๋งใหญ่ดั่งใจถวิล |
ฝ่ายไทท้าวเจ้าจังหวัดปัฐพิน | มาพร้อมสิ้นเข้าเขตนิเวศน์วัง ฯ |
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าพาราปตาหวี | แจ้งคดีเรื่องต้นแต่หนหลัง |
แถลงเล่าให้ท่านอาจารย์ฟัง | ข้านึกหวังอยากจะใคร่ได้อนงค์ |
บาทหลวงเฒ่าจึ่งว่าดูน่ารัก | มีใครชักเอาให้มึงไหลหลง |
เป็นเที่ยงแท้แต่อนุชบุษบง | มึงยังหลงบ่นบ้าสารพัน |
ต้องรบพุ่งยุ่งยิ่งจริงไหมหวา | เอ็งมันบ้ากามอยู่ดูมันขัน |
ยังมาปะอีนี่มันดีครัน | อย่าหุนหันไปเลยหวาได้ท่าทาง |
กูจะพูดกับอ้ายพ่อค่อยขอสู่ | จะจู่สู่ฉวยเขาตัดจะขัดขวาง |
แม้นมึงได้เขาเป็นเมียไม่เสียทาง | ตามเยี่ยงอย่างพวกแขกไม่แปลกปน ฯ |