- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช | กับนุชนาฏนางแขกแปลกวิสัย |
แต่ลอบลักรักกันทุกวันไป | กำหนดได้สิบเดือนไม่เคลื่อนคลา |
จนโฉมยงทรงครรภ์ขึ้นอ่อนอ่อน | พระบิดรรู้เรื่องเคืองนักหนา |
เสด็จเข้าห้องในที่ไสยา | แล้วให้หามเหสีมาชี้แจง |
จะคิดอ่านอย่างไรน้ำใจเจ้า | มีลูกเต้าเกิดอางขนางแหนง |
เขาย่อมว่าปลูกผักคือฟักแฟง | ก็เสียแรงรดน้ำทุกค่ำคืน |
เมื่อแตกกิ่งแตกก้านขึ้นร้านเขา | บุราณเล่าเป็นตำราไม่ฝ่าฝืน |
อันความอายหลายซ้ำต้องกล้ำกลืน | จำจะขืนใจทำไปตามเกิน |
คิดจะเสกสองราให้ปรากฏ | ไว้เกียรติยศอย่าให้อายระคายเขิน |
เหมือนปลาเน่าเถ้าใส่เพราะได้เกิน | ครั้นจะเมินทำไม่รู้อดสูคน |
จะระบือลือเล่าทั้งขอบเขต | ทั่วประเทศรู้แจ้งทุกแห่งหน |
อายกับฝูงไพร่ฟ้าประชาชน | ตามกุศลเยาวมาลย์พอกันอาย |
เจ้าจงไปไกล่เกลี่ยสองเมียผัว | อย่าให้มัวหมองช้ำระส่ำระสาย |
เอาความดีเข้าประจบพอกลบอาย | แม้นวุ่นวายพากันหนีมิเป็นการ ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มิ่งมเหสี | โอนเมาลีคำนับรับบรรหาร |
เพราะพาซื่อถือตรงเหมือนวงศ์วาน | จึงเกิดการชู้สาวเพราะท้าวไท |
จำจะต้องผูกสมัครไม่หักหาญ | ดูอาการกิริยาอัชฌาสัย |
แล้วออกจากปรางค์มาศปราสาทชัย | กำนัลในแวดล้อมมาพร้อมเพรียง |
เข้าในห้องปรางค์ปราธิดาราช | กำนัลนาฏอยู่ข้างท้ายชายเฉลียง |
นางมารดาปราศรัยแล้วไล่เลียง | แม่จะเบี่ยงบ่ายทูลมูลความ ฯ |
๏ พระธิดาอาดูรทูลฉลอง | โดยทำนองสารภาพไม่หยาบหยาม |
ลูกได้ชั่วมัวเมาเพราะเบาความ | ทั้งนี้ตามแต่จะโปรดซึ่งโทษทัณฑ์ ฯ |
๏ นางพระยาว่าเจ้าเล่าก็ชั่ว | ไปบอกผัวทุกข์ร้อนคิดผ่อนผัน |
มาหาแม่พูดจาปรึกษากัน | ได้ผ่อนผันตามเล่ห์ประเวณี |
นางตามนาฏมาตุรงค์ทรงคำนับ | แล้วตรัสกับพวกเหล่านางสาวศรี |
ให้ไปเชิญมังคลาอย่าช้าที | พระชนนีให้หามาในวัง |
นางสาวใช้รีบไปเชิญเสด็จ | มาด้วยเสร็จสมความตามรับสั่ง |
พระมังคลาเข้าปราสาทราชวัง | ถวายบังคมคัลพระมารดา ฯ |
๏ นางจึงมีสุนทรด้วยอ่อนหวาน | พ่อทำการอย่างนี้ดีหรือหนา |
ให้เสียศักดิ์จักรพรรดิกษัตรา | พระบิดากริ้วโกรธพิโรธแรง |
จะคิดอ่านอย่างไรจะใคร่รู้ | พ่อเอ็นดูแล้วอย่าอางขนางแหนง |
จงบอกแม่จะได้แก้คดีแสดง | เจ้าจงแจ้งให้กระจ่างอย่างพรางกัน ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช | เชิงฉลาดตัดรอนทูลผ่อนผัน |
ทั้งนี้ล่วงพระอาญาสารพัน | ซึ่งโทษทัณฑ์หลาบเข็ดจงเมตตา ฯ |
๏ นางฟังคำร่ำตอบก็ชอบชื่น | ที่แข็งขืนอ่อนลงทรงปรึกษา |
ละเมิดจิตผิดพลั้งแต่หลังมา | พ่อตรึกตราตรองความให้งามดี |
อันท้าวไทกริ้วโกรธพิโรธนัก | ว่าจะลักธิดาพากันหนี |
แม่แก้ไขเพ็ดทูลมูลคดี | ที่ราคีมิได้เคืองในเรื่องราว |
นางพูดจาปราศรัยอาลัยเขย | กลัวจะเลยยุ่งยิ่งทิ้งลูกสาว |
แล้วปราศรัยมิให้เคืองในเรื่องราว | กลัวลูกสาวจะเป็นม่ายอายเขาจริง |
แล้วว่าแม่ก็จะลาเจ้าอย่าวุ่น | เดชะบุญคงได้ครองกับน้องหญิง |
จะเพ็ดทูลดับร้อนช่วยวอนวิง | แต่ความจริงพ่ออย่าแจ้งให้แพร่งพราย |
แล้วกลับมาปราสาทค่อยยาตรเยื้อง | ไปแจ้งเรื่องเค้ามูลทูลถวาย |
ท้าวรายาฟังเล่าบรรเทาคลาย | ค่อยเหือดหายโกรธาจึ่งว่าพลาง |
นี่แน่เจ้าเราจะช่วยคิดอ่าน | ทำการงานปัดป้องที่หมองหมาง |
อย่าให้ทันคนผู้รู้ระคาง | ท้าวตรัสพลางเสด็จออกไปนอกวัง |
ออกพระโรงรจนาพร้อมข้าบาท | ท้าวประกาศเสนาฝ่ายหน้าหลัง |
ให้ตกแต่งปรางค์มาศราชวัง | จะแต่งตั้งมังคลาธิดาเรา |
ให้สองราว่าที่อุปราช | หมายประกาศฤกษ์เอกจะเสกเขา |
มีการเล่นเต้นรำตามลำเนา | ให้พวกเราจัดแจงเร่งแต่งการ |
ตามเยี่ยงอย่างขัตติยามหากษัตริย์ | มอบสมบัติราชัยอันไพศาล |
ขุนโหราหาฤกษ์มงคลการ | ตามบุราณซื่อตรงพงศ์ประยูร ฯ |
๏ โหรารับนับยามตามโฉลก | วันศุกร์โชคข้างไสยมไหสูรย์ |
ขึ้นสิบค่ำเดือนเก้าเป็นเค้ามูล | แล้วกราบทูลไทท้าวเจ้านคร ฯ |
๏ ฝ่ายทรงฤทธิ์อิศราพระยาแขก | สั่งให้แจกหมายการทุกด่านขนอน |
ครั้นสั่งเสร็จแล้วเสด็จบทจร | สู่แท่นรัตน์ปัจถรณ์พอสายัณห์ |
พวกทำงานการระดมมาสมทบ | จัดเครื่องครบพร้อมไว้แต่ไก่ขัน |
ขึ้นสิบค่ำทำวิวาห์สารพัน | ให้เชิญท่านโต๊ะหะยีสี่สิบคน |
มาพร้อมมูลทูลท้าวชวาราช | พระสั่งนาฏศรีสวัสดิ์พิพัฒน์ผล |
ให้แต่งองค์โฉมศรีนีฤมล | เข้ามณฑลตามอย่างทางบุราณ |
แล้วตรัสสั่งให้มังคลาราช | ขึ้นนั่งอาสน์รจนามุกดาหาร |
กับบุตรศรีสวัสดิ์ท้าวจัดการ | ให้เยาวมาลย์นั่งหน้าพระสามี |
ตามธรรมเนียมเมืองชวาอาณาจักร | จะได้รักกันไปไม่หน่ายหนี |
โต๊ะก็สวดตำราบรรดามี | พร้อมกันที่โรงรัตน์ชัชวาล |
สวดภาษามลายูผู้วิเศษ | ตามสังเกตยักย้ายหลายสถาน |
จบสำเร็จเสร็จสวดพิธีการ | พนักงานผู้เลี้ยงมาเรียงราย |
ยกสำรับกับข้าวเอามาตั้ง | ล้วนมังสังแพะแกะชำแหละถวาย |
มัสมั่นไก่ปิ้งกระทิงควาย | มาตั้งรายเรียงเรียบเทียบประจำ |
โต๊ะก็กินอาหารสำราญรส | มั่วกันหมดฉันชิมครั้นอิ่มหนำ |
พวกโรงงานการเล่นทั้งเต้นรำ | เวลาค่ำมีหนังให้ตั้งจอ |
คนที่มาดูแลเสียงแซ่ซ้อง | ทั้งพี่น้องเดินหลามตามกันสอ |
พวกเจ้าชู้เห็นผู้หญิงเที่ยววิ่งกรอ | เข้าเคลียคลอเกี้ยวพานเดินพล่านไป ฯ |
๏ งานภิเษกครบเสร็จสำเร็จหวัง | ฝ่ายพระมังคลาแจ้งแถลงไข |
พระบาทหลวงก็ค่อยคลายสบายใจ | อยู่ที่ในเมืองชวามาช้านาน |
ทั้งอ้วนพีปรีดิ์เปรมเกษมสุข | บรรเทาทุกข์ที่ในใจหลายสถาน |
ทั้งศิษย์เป็นอุปราชว่าราชการ | ค่อยคิดอ่านเอาใจพวกไพร่พล |
เลี้ยงคนดีมีวิชาที่กล้าแข็ง | คิดจัดแจงเกลี้ยกล่อมพร้อมพหล |
กับเหล่าพวกผู้วิเศษข้างเวทมนตร์ | ทั้งคงทนอาวุธยุทธนา |
ต่อกำปั่นพันลำทำด้วยเหล็ก | จ้างพวกเจ๊กตีพื้นแต่ปืนผา |
ทั้งเสน่าหลาวโล่โตมรา | เครื่องสาตรารวมรอมไว้พร้อมเพรียง |
คิดจะไปรบราวายุพัฒน์ | ไปกำจัดพวกกระบิลให้สิ้นเสียง |
จะตีเอาเมืองเซ็นเป็นเสบียง | ได้พร้อมเพรียงแล้วจะได้ไปลังกา |
คิดแล้วแสนแค้นเคืองเรื่องพระขรรค์ | ไม่ควรมันที่จะคิดริษยา |
ใช่คนอื่นคนไกลหาไหนมา | นี่บรรดาน้ำเนื้อในเชื้อวงศ์ |
เพราะเสียทีที่ประมาทจึงพลาดพลั้ง | ไม่ระวังตัวไว้เพราะใหลหลง |
เขาว่าหนอนบ่อนเจาะเพราะทะนง | มันไม่ตรงต่อญาติก็ขาดกัน ฯ |
๏ พระมังคลาว่าจริงเขาทิ้งสัตย์ | ก็ต้องตัดญาติกาจนอาสัญ |
ไม่ขอเป็นพวกพ้องพี่น้องมัน | แล้วขอท่านเจ้าคุณกรุณา |
บาทหลวงว่าถ้าชีวิตกูยังอยู่ | อ้ายพวกหมู่ประจามิตรที่ริษยา |
คงได้เล่นเห็นกันในทันตา | เองจะปรารมภ์ไปทำไมมี |
คิดอุบายถ่ายเทด้วยเล่ห์หลอก | คิดย้อนยอกด้วยอุบายให้หน่ายหนี |
แม้นหนามยอกหนามบ่งไปตามที | คิดให้มีชัยชนะจึ่งจะควร |
แต่เดี๋ยวนี้ไม่สนัดยังขัดข้อง | เพราะเมียท้องอย่าเพ่อวุ่นทำหุนหวน |
จะคิดการทัพค่ายยังไม่ควร | ฤดูจวนฟ้าฝนไปหนทาง |
ทะเลลมยมนาสาคเรศ | แม้นเกิดเหตุสารพัดจะขัดขวาง |
ต่อตกแล้งแต่งเรือไปสืบทาง | ทุกด่านขวางขอบเขตประเทศเมือง |
ให้รู้แจ้งจะได้แต่งกระบวนทัพ | ไปรบรับยุทธนาจนตาเหลือง |
คิดลอบลักหักหาญเอาบ้านเมือง | แก้แค้นเคืองแล้วจะได้ไปลังกา ฯ |
๏ บาทหลวงนั่งสั่งสอนสานุศิษย์ | ก็เพราะจิตมิได้ยั้งตั้งอิจฉา |
ตะแกอยากที่จะได้ไปลังกา | ด้วยเคยผาสุกสบายเป็นใหญ่โต |
มาตกยากกรากกรำระยำยับ | ให้คั่งคับในอุราอนาโถ |
ไม่ปราดเปรื่องเหมือนแต่ก่อนต้องนอนโซ | เกิดโทโสไม่รู้สิ้นถวิลวาย |
คิดสอนสั่งมังคลานราราช | พยาบาทเกิดอยู่ไม่รู้หาย |
ทุกเช้าค่ำผูกจิตคิดไม่วาย | หมายทำลายสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร |
จะได้ตั้งมังคลาสานุศิษย์ | ให้เป็นอิศราในมไหสูรย์ |
ทั้งบ้านเมืองศาสนาที่อาดูร | ให้เพิ่มพูนภิญโญมโหฬาร |
เมืองฝรั่งลังกาอาณาเขต | จะกลับเพศขัตติยามหาศาล |
ทั้งเสียศักดิ์เผ่าพงศ์เสียวงศ์วาน | แม้นเนิ่นนานจะเป็นไทยเพราะไพรี |
เร่งคิดอ่านการร้อนอย่านอนเปล่า | ให้พวกเราไปบำรุงจัดกรุงศรี |
กำพลเพชรเขตแคว้นแดนบุรี | ไว้เป็นที่ยับยั้งฟังเนื้อความ |
แล้วให้หาข้าเก่าเหล่าทหาร | มาคิดการที่จะไปเร่งไต่ถาม |
พวกพหลพลเชลยเคยสงคราม | เอาสักสามสี่พันให้ทันการ |
จัดกำปั่นบรรทุกเสบียงไว้ | เร่งจัดใส่ข้าวปลากระยาหาร |
ทั้งล้าต้าต้นหนล้วนคนงาน | เร่งจัดการให้สำเร็จในเจ็ดวัน ฯ |
๏ เสนารับอัภิวาทมาบาดหมาย | ทั้งบ่าวนายเร่งรัดมาจัดสรร |
เปลี่ยนเชือกเสาเพลาผ้าทาน้ำมัน | ร้องเรียกกันจัดแจงแต่งเภตรา ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช | กับครูบาทหลวงนั่งตั้งปรึกษา |
ทุกเช้าเย็นมิได้เว้นสักเวลา | จนเภตราพร้อมถ้วนจวนจะไป |
บาทหลวงดูฤกษ์ยามตามสังเกต | วันศุกร์เศษโชคดีคัมภีร์ไสย |
จึงสั่งพวกโยธาเสนาใน | เร่งใส่ใบเถิดอย่าช้าเพลาดี |
พวกพหลพลไพร่ทั้งนายบ่าว | ออกเล่นก้าวหมายมุ่งไปกรุงศรี |
เอาเข็มตั้งวางทิศหรดี | ตามแผนที่เคยสังเกตขอบเขตคัน ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายนางงามทรามสงวน | ครั้นครรภ์ถ้วนยามวิโยคให้โศกศัลย์ |
จะใกล้คลอดโอรสกำหนดวัน | ให้ป่วนปั่นไม่เคยสุขทุกทิวา |
กำนัลนางพลางไปเชิญเสด็จท้าว | มาพร้อมเหล่าญาติวงศ์เผ่าพงศา |
ทั้งนางนาฏมาตุรงค์เสร็จตรงมา | ขึ้นปรางค์ปราเขยขวัญมิทันนาน |
พลางอิงแอบแนบนุชสุดสวาท | พจนารถด้วยสุนทรอันอ่อนหวาน |
จงแข็งขืนกลืนกลั้นในสันดาน | ความรำคาญมีทั่วทุกตัวคน |
อย่าท้อแท้แม่จะช่วยที่ป่วยไข้ | แล้วเรียกให้หมอมาเอายาฝน |
ทาอุทรแต่พอเบาบรรเทาทน | ค่อยผ่อนปรนแก้ไขพอให้คลาย |
ถึงยามปลอดคลอคองค์นางนงลักษณ์ | ประไพพักตร์งามเหมือนดั่งเดือนฉาย |
คล้ายบิดาสามารถไม่คลาดคลาย | ทั้งกรกายพริ้งพร้อมละม่อมละไม |
ท้าวรายาปราโมทย์ในหลานขวัญ | จัดกำนัลให้นัดดาอัชฌาสัย |
ทั้งพี่เลี้ยงนางนมสนมใน | ประทานให้พระธิดากุมารี |
แล้วให้นามตามวงศ์ข้างพงศ์เพศ | ชื่อระเด่นกินเรศรัศมี |
แล้วอวยพรให้พิพัฒน์สวัสดี | จงเป็นศรีเมืองชวาอย่าอาดูร ฯ |
๏ อันเรื่องราวกล่าวมาที่ทารก | ขอหยิบยกยั้งไว้ที่ไอศูรย์ |
ค่อยเจริญสุขใสอันไพบูลย์ | ตามตระกูลเจ้านายฝ่ายชวา |
จะว่าด้วยสังฆราชพระบาทหลวง | แกนั่งง่วงก็เพราะจิตริษยา |
ทุกเช้าค่ำร่ำเตือนพระมังคลา | จะให้ว่าวอนท้าวผู้เจ้าเมือง |
ขอพหลพลไกรกลับไปถิ่น | มิได้สิ้นทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง |
คิดจะเอาถิ่นฐานทั้งบ้านเมือง | ให้ลือเลื่องชื่อไว้ในแผ่นดิน ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช | คอยโอกาสประวิงไว้ดั่งใจถวิล |
ทุกเย็นเช้าเฝ้าพ่อตาเป็นอาจิณ | ท้าวทมิฬรักใคร่ดังใจปอง |
ให้สิทธิ์ขาดราชการทั้งขอบเขต | ทั่วประเทศเกรงหมดสยดสยอง |
เมื่อวันนั้นสมจิตที่คิดปอง | จึงสนองทูลท้าวเจ้าบุรินทร์ |
มาอยู่ในกรุงชวาก็ผาสุก | แต่ความทุกข์ยังไม่หายวายถวิล |
จะทูลลาไปกำราบปราบไพริน | เสียให้สิ้นเสี้ยนหนามตามบุราณ |
ด้วยเมืองเพชรกำพลคนทั้งหลาย | ยังวุ่นวายย้ายแยกเที่ยวแตกฉาน |
จะไปปราบทรชนพวกคนพาล | ไม่ช้านานก็จะกลับมารับนาง ฯ |
๏ ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าชวาอาณาจักร | ด้วยแสนรักเขยแต่ไรมิได้หมาง |
พ่อจะจัดพวกทหารชำนาญทาง | ไปในกลางสาคโรชโลธร |
เกณฑ์กำปั่นพันลำประจำครบ | มีเครื่องรบทุกหมู่ธนูศร |
เหวยเสนาเร่งรัดจัดนิกร | เป็นการร้อนอย่าช้าในห้าวัน ฯ |
๏ ฝ่ายตำมะหงงรับสั่งมาตั้งหมาย | เรียกไพร่นายทุกหมวดมากวดขัน |
เกณฑ์พหลพลรบสมทบกัน | ลงกำปั่นพร้อมเสร็จทั้งเจ็ดเวร ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช | กับครูบาทหลวงชวาหน้าดั่งเสน |
บอกวิชาสารพัดจนจัดเจน | ทั้งดั้งเขนกระบวนรบได้ครบครัน ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลากลับมาห้อง | เคียงประคองน้องแก้วแล้วรับขวัญ |
พี่จะลาไปลังกาสิบห้าวัน | จะปราบบรรดาหมู่ศัตรูปอง |
ไม่ช้านักจักมาพาราเจ้า | โฉมเฉลาเนื้อละมุนอย่าขุ่นหมอง |
พอเสร็จสรรพพี่จะกลับมาประคอง | นุชน้องเจ้าอย่าหมางจงวางใจ |
อุตส่าห์เลี้ยงบุตรีศรีสวัสดิ์ | อยู่ปรัศว์ปรางค์ทองให้ผ่องใส |
แม้นเสร็จสรรพพี่จะกลับมารับไป | อยู่เวียงชัยครองสมบัติกษัตรา ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมเหสี | อัญชลีเศร้าสร้อยละห้อยหา |
กันแสงพลางทางตอบพจนา | พระเมตตาไปไหนจะไปตาม |
มิขออยู่สู้ตายวายชีวาตม์ | จะรองบาทอันชีวิตไม่คิดขาม |
พระอยู่ไหนน้องจะได้พยายาม | อย่าห้ามปรามเลยจงโปรดที่โทษทัณฑ์ ฯ |
๏ ฝ่ายบาทหลวงคอยศิษย์เห็นผิดนัก | นางเมียรักเห็นจะไม่ให้ผายผัน |
จำจะไปว่ากล่าวฟังข่าวมัน | ตะแกนั้นงุ่นง่านรำคาญจริง |
แล้วลุกออกนอกห้องย่องไปหา | เห็นมังคลาอิงแอบแนบผู้หญิง |
แกเดือดด่าว่าฉะอ้อนมาวอนวิง | เฝ้าอ้อยอิ่งไม่รู้สิ้นเจ้าลิ้นทอง |
ที่ทุกข์ร้อนอยู่ทุกวันไม่พันผูก | ทำแต่ลูกเล่นสบายเหมือนขายของ |
คิดต้นทุนกำไรไว้สำรอง | จะทำท้องอีกหรือเองเจ้าเพลงดี |
ที่บ้านเมืองเคืองเข็ญไม่เป็นทุกข์ | เล่นสนุกปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
ถูกนางเมียอ่อนคอใช่พอดี | เล่นเอาตีเพลงช้าพะว้าพะวัง |
หรือไม่ไปก็ให้ว่าอย่าช้าอยู่ | พลอยให้กูวุ่นวายเมื่อภายหลัง |
จะคลึงเคล้าเฝ้าคู่อยู่กับรัง | จะขอฟังลิ้นลมคารมเอง ฯ |
๏ พระมังคลาว่าเจ้าคุณอย่าหุนหัน | จะผ่อนผันตามตรงอย่าโฉงเฉง |
มิใช่จะขัดขืนอย่าครื้นเครง | จะไปเองดอกเจ้าคุณอย่าวุ่นวาย |
บาทหลวงว่าท่ากระนั้นจะคอยท่า | เร็วเร็วหวากลางวันจะผันผาย |
พลางลุกออกนอกปรางค์ค่อยย่างกราย | รีบผันผายกลับมาอยู่หน้าวัง ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช | สั่งนุชนาฏมิได้สิ้นถวิลหวัง |
เป็นจำเป็นจำพรากออกจากวัง | เหลียวหน้าหลังแลนุชทั้งบุตรี |
แต่จนใจกลัวอาจารย์จะพาลโกรธ | จะลงโทษบาปหนักเสียศักดิ์ศรี |
รีบดำเนินลงมาไม่ช้าที | กับเสนีรีบมาถึงหน้าวัง |
ไปทูลท้าวเจ้าชวาอาณาจักร | ที่ตำหนักข้างในดังใจหวัง ฯ |
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าประเทศนิเวศน์วัง | เสด็จนั่งพร้อมวงศ์พงศ์ประยูร |
พอเห็นหน้าพระมังคลานราราช | มาอภิวาทจะลาไปจากไอศูรย์ |
ความอาลัยในอุราให้อาดูร | ยิ่งเพิ่มพูนเศร้าหมองนองสุชล |
แต่จนใจไม่รู้ที่จะห้ามไว้ | แข็งพระทัยอวยสวัสดิ์พิพัฒน์ผล |
เจริญสุขทุกทิวาในสาชล | อย่าร้อนรนขอให้ได้ดั่งใจจง |
พระมังคลาเคารพอภิวาท | ขอสมมาดเหมือนหนึ่งจิตคิดประสงค์ |
แล้วก้มเกล้าน้อมประณตบทบงสุ์ | บังคมองค์ไทท้าวเจ้าพ่อตา |
ลงจากปรางค์ย่างเยื้องชำเลืองเนตร | แสนเทวษอยู่ด้วยมิตรกนิษฐา |
ฝ่ายองค์ท้าวเจ้าประเทศเขตชวา | เสด็จมาทรงรถบทจร |
รถข้างหลังมังคลานราราช | พวกอำมาตย์เกณฑ์แห่แลสลอน |
สารถีเร่งรัดอัสดร | เคลื่อนนิกรมาถึงท่าชลาลัย ฯ |
๏ ฝ่ายบาทหลวงคอยท่าสานุศิษย์ | ประหลาดจิตยังไม่มาน่าสงสัย |
เวลานี้จวนจะค่ำยังร่ำไร | มันไม่ไปดอกกระมังให้นั่งคอย |
หรือจะถูกอีเมียมันเขี่ยแคะ | สะกิดแกะร่ำพิไรมิใคร่ถอย |
อ้ายนี่หลงเต็มประดาเห็นตาลอย | ให้กูพลอยเหนื่อยยากลำบากกาย |
พอได้ยินเสียงพหลพลเแห่ | มาเซ็งแซ่สมตรึกที่นึกหมาย |
เห็นรถาขับเคียงมาเรียงราย | มาหยุดชายชลธาริมสาคร |
แกลุกเดินมาถึงท่าร้องด่าพลุ่ง | คอยแทบรุ่งแล้วนะมึงพึ่งจะถอน |
อ้ายพ่อตาว่ากระไรมิใคร่จร | เมื่อการร้อนอยู่ในอกจะยกไป |
ไม่ตักเตือนลูกเขยเลยหรือหวา | ให้ลอยหน้าอยู่จนค่ำทำไฉน |
สั่งแม่รักซักนิทานสำราญใจ | แกร่ำไรด่าทอเล่นพอแรง ฯ |
๏ ท้าวรายาว่าเจ้าคุณอย่าหุนหัน | ไม่เช่นนั้นดอกอย่าอางขนางแหนง |
เที่ยวลาญาติเอาคดีออกชี้แจง | ใช่จะแกล้งเหนี่ยวหน่วงไม่หวงกัน ฯ |
๏ บาทหลวงว่าชะอุแหม่แก้ลูกเขย | อย่าช้าเลยไวไวรีบผายผัน |
แกลุกเดินลงมาเภตราพลัน | วันนี้วันฤกษ์พาเวลาดี |
พระมังคลาท้าวเจ้าพิภพ | ให้ปรารถถึงมิ่งมเหสี |
แต่แข็งใจไปกำปั่นด้วยทันที | สถิตบัลลังก์ใหญ่ท้ายเภตรา |
บาทหลวงว่าฤกษ์ดีให้ตีฆ้อง | ทหารร้องเร่งกันลงส่งภาษา |
ถอนสมรช่อใบใช้เภตรา | ล่องออกมาปากน้ำแต่ค่ำคืน |
ยิงปืนใหญ่ให้ต้นหนพลรบ | จุดเพลิงคบแล่นมาไม่ฝ่าฝืน |
กำปั่นรีบถีบทะยานทหารปืน | ยิงครั่นครื้นลำละโหลโห่ประดัง ฯ |
๏ ท้าวรายากลับเข้าเขตประเทศถิ่น | คิดถวิลทรวงร้อนอาวรณ์หวัง |
ถึงเขยขวัญแต่วันพรากไปจากวัง | จะนอนนั่งไม่เป็นสุขทุกทิวา ฯ |
๏ ฝ่ายบาทหลวงล่วงเขตประเทศถิ่น | ไม่รู้สิ้นพยาบาทปรารถนา |
แกตรองตรึกนึกมุ่งกรุงลังกา | พิฆาตฆ่าสุริย์วงศ์องค์อภัย |
เรือก็แล่นล่องมาในสาคเรศ | ล่วงประเทศเมืองท่าชลาไหล |
ได้เดือนครึ่งถึงกำพลสกลไกร | ทั้งเรือใหญ่เรือรบประจบกัน |
ทอดสมอรอราท่าปากน้ำ | จอดเรียงลำเหล่าพหลพลขันธ์ |
รู้ไปถึงเสนาลงมาพลัน | อภิวันท์เชิญเจ้าเข้านคร ฯ |
๏ บาทหลวงว่าอย่าขึ้นเลยนะหวา | การจะช้าเจ็บจิตดังพิษศร |
เองจงรีบเข้าไปในนคร | เป็นการร้อนขอเสบียงไปเลี้ยงพล |
ทั้งลูกปืนดินดำนำมาส่ง | โดยจำนงสารพัดจะขัดสน |
บอกกันไปให้ทั่วทุกตัวคน | ให้เร่งขนมาส่งลงเภตรา |
ในสองวันมาให้ทันตามกูสั่ง | ให้ได้ดั่งมุ่งมาดปรารถนา |
ถ้าแม้นช้าวันไปไม่ได้มา | จะเข่นฆ่าพวกนายให้วายชนม์ ฯ |
๏ ฝ่ายเสนีได้ฟังสังฆราช | มาเร่งบาดหมายไปให้ไพร่ขน |
เครื่องเสบียงลูกดินสิ้นทุกคน | เร่งกันขนเอาไปส่งลงในเรือ ฯ |
๏ บาทหลวงสั่งต้นหนพลฝรั่ง | ให้เร่งตั้งเข็มไปข้างฝ่ายเหนือ |
การของใครรีบทำทุกลำเรือ | ทั้งหมวกเสื้อเตรียมใส่ไว้ทุกนาย |
พอสุริยงลงลับพยับฟ้า | พระจันทราแจ่มกระจ่างสว่างฉาย |
ดารากรเปล่งสีมณีพราย | พระพายชายพัดเฉื่อยระเรื่อยริน ฯ |
๏ บาทหลวงหยิบแผนที่มาคลี่อ่าน | ดูถิ่นฐานชื่นชมสมถวิล |
แหงนดูดาวเจ้าลังกาตรงธานินทร์ | แสงไม่สิ้นแต่ดูเศร้าไม่เวาวาม |
จึงเรียกพระมังคลาสานุศิษย์ | ออกมาคิดที่จะไปแล้วไต่ถาม |
กำปั่นท้าวรายาที่มาตาม | ทหารสามสิบหมื่นพื้นฉกรรจ์ |
ให้ตำมะหงงกำกับเป็นทัพหน้า | แขกชวาการรบเห็นขบขัน |
นายทหารให้ประจำลำละพัน | ตั้งวิหลั่นไว้ระวังบังลูกปืน |
พระมังคลาว่าเขาจัดมาเสร็จสรรพ | เราบังคับสารพัดไม่ขัดขืน |
บาทหลวงว่าจะยกไปในกลางคืน | ให้ครึกครื้นฤกษ์ยามตามเวลา |
แล้วสั่งให้ถอนสมออย่ารอรั้ง | พวกฝรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา |
ให้เป่าแตรสองคันตามสัญญา | พอลมกล้าฤกษ์ดีให้คลี่ใบ |
ทหารปืนยืนยิงสิบสองนัด | ลมก็พัดแล่มหลามตามไสว |
ออกจากเมืองลมจัดสะบัดใบ | ตามกันไปหมายมุ่งกรุงลังกา |
ชมละเมาะเกาะเกียนเหมือนเขียนวาด | ระดาดาษเรียงรายทั้งซ้ายขวา |
เรือก็แล่นลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยมา | ชมฝูงปลาว่ายฟ่องบ้างล่องลอย |
ฝูงฉลามล้วนฉลามว่ายตามคลื่น | สำราญรื่นเคียงคู่กินปูหอย |
ฝูงพิมพาพ่นฟองขึ้นล่องลอย | ตัวน้อยน้อยว่ายตามกันหลามไป |
ฝูงฉนากล้วนฉนากปากเหมือนเลื่อย | ดูยาวเฟื้อยมิใช่น้อยลอยไสว |
ตะเพียนทองท่องท้องสมุทรไท | ขึ้นลอยไล่เคียงคู่อยู่ในชล |
ฝูงโลมาน่ากลัวหัวเหมือนบาตร | ผุดแล้วฟาดหางกลับอยู่สับสน |
เหล่าราหูเคล้าคู่อยู่ในวน | แล้วดำด้นโดดดิ้นในสินธู ฯ |
๏ จะพรรณนาฝูงสัตว์แลมัจฉา | ในชลาสาครก็อ่อนหู |
มากกว่ามากมิใช่น้อยทั้งหอยปู | ยากจะรู้จักพันธุ์ดั่งพรรณนา |
เรือก็แล่นใบสล้างมากลางหน | ข้ามวังวนเกาะวลำสำปันหนา |
บ่ายหัวเรือตรงเข้าอ่าวลังกา | แต่แล่นมาเดือนครึ่งถึงบุรินทร์ |
เร่งให้จอดทอดสมอลงหน้าด่าน | พร้อมทหารแขกฝรั่งดั่งถวิล |
บาทหลวงให้ตรวจพหลพลทมิฬ | ทั้งลูกดินปืนผาสารพัน ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านเมืองปากน้ำ | ทุกคืนค่ำดั่งนายหมวดไว้กวดขัน |
เป็นเวรเวียนเปลี่ยนผลัดจัดทุกวัน | ลงกำปั่นใช้ใบไปตระเวน |
พอเห็นเรือมากมายมีหลายร้อย | ปืนใหญ่น้อยแลสะพรั่งทั้งดั้งเขน |
จึงปรึกษากับปลัดหัสเกน | ให้บ่ายเบนเรือเข้าอ่าวบุรี |
รีบไปแจ้งกับพระยารักษาด่าน | ว่าเกิดการศึกประชิดติดกรุงศรี |
ล้วนกำปั่นหลายหลากดูมากมี | ประมาณสี่ห้าร้อยลอยประดัง ฯ |
๏ ฝ่ายตาเฒ่าเจ้าพระยารักษาด่าน | ให้เขียนสารบอกเข้าไปดังใจหวัง |
รีบทูลเจ้านคเรศนิเวศน์วัง | อย่ารอรั้งเร่งไปในนคร |
พวกม้าใช้รีบไปไม่หยุดยั้ง | ถึงเวียงวังขึ้นศาลาพาอักษร |
ส่งให้เจ้าพนักงานด่านนคร | เป็นเรื่องร้อนศึกมาถึงธานี |
จางวางเวรรับไปให้กรมท่า | ขุนเสนาแจ้งการในสารศรี |
รีบเข้าไปคอยเฝ้าเจ้าบุรี | พร้อมกันที่พระโรงรัตน์ชัชวาล ฯ |