ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร

๏ จะกล่าวถึงพระอภัยมณีนาถ พร้อมพระญาติตรองตรึกว่างศึกเสือ
สมประสงค์วงศ์วานในว่านเครือ แต่ล้วนเชื้อสายกษัตริย์ขัตติยา
สินสมุทรสุดสาครบวรนาถ เชิญพระบาทบิตุรงค์เผ่าพงศา
ให้เสด็จกลับหลังเข้าลังกา ทั้งเสนานักพรตหมดทุกองค์
สั่งพหลพลทหารโห่เตรียมรถ มาพร้อมหมดสมหวังดั่งประสงค์
พวกเกณฑ์แห่แออัดจัตุรงค์ ทั้งทวนธงเขียวแดงแย่งมังกร
อภิรุมชุมสายรายสลับ แลระยับฉัตรเรียงเคียงสลอน
เครื่องอาวุธเสโล่แลโตมร ธนูศรดาบดั้งตั้งกระบวน
เชิญเสด็จสามกษัตริย์ขึ้นรถา เสวกาแห่แหนเข้าแดนสวน
เจ็ดกษัตริย์พร้อมพรักแล้วชักชวน ตามกระบวนพระมุนินทร์ปิ่นประชา ฯ
๏ ชมวิหคนกไม้ในวิถี จำปาจำปีขึ้นชิดต้นกฤษณา
ทั้งกาหลงชงโคโยทะกา มะลิลามะลิวัลย์พันประยงคุ์
อังกาบแก้วสายหยุดพุทธชาด ระดาดาษดอกระย้ามหาหงส์
ยี่สุ่นแซมแกมปนต้นประยงคุ์ ประดู่ดงดอกเหลืองเนื่องกันไป
ฝูงกาลิงจับกิ่งอุโลกร้อง นกยูงทองจับยอดยางไสว
กาสักจับยืนพลอดบนยอดไทร นกเขาไฟจับแฟบยืนแอบตัว
สาลิกาจับนิ่งบนกิ่งแก้ว เสียงเจื้อยแจ้วคลอเคลียทั้งเมียผัว
เห็นคนมาบินว่อนเที่ยวซ่อนตัว เพราะความกลัวหนีไปเสียไกลรัง
นกขมิ้นจับแมงเม่าพลางเคล้าคู่ ซังแชวอยู่พูดพลอดยอดมะสัง
กาเรียนดงส่งเสียงสำเนียงดัง บนยอตตรังแซ่ซ้องก้องกังวาน
โพระดกจับไม้มะเดื่อปล้อง กระทุ้งทองจับกระถินกินอาหาร
ฝูงกระทาจับกระทิงไม่นิ่งนาน ร้องประสานควักข้าวตากไปฝากตา ฯ
๏ เจ็ดกษัตริย์ทอดทัศนานก ฝูงวิหคหลายอย่างต่างภาษา
จัตุบาทดาษดื่นพื้นสุธา ฝูงเลียงผาเม่นหมีชะนีไพร
ละมั่งระมาดผาดเผ่นเล่นบนโขด เสือกระโดดจับฟัดจนตัดษัย
ฝูงโคถึกมฤคาพากันไป เที่ยวในไพรพงกว้างทางอรัญ
ทั้งลิงค่างช้างเถื่อนวิ่งเกลื่อนกลุ้ม แอบสุมทุมชายป่าพนาสัณฑ์
ทั้งฟานแฟนแล่นเรียงไปเคียงกัน ชะมดฉมันกวางทรายกระต่ายดง
ฝูงแรดร้ายควายเปลี่ยวเที่ยวเลี้ยวลัด ในป่าชัฏพุ่มไม้ไพรระหง
ทั้งฝูงฬากาสรในดอนดง ตุ่นกระจงจามรีมีบนเนิน
เจ็ดกษัตริย์ทัศนาในป่าไม้ ยกพลไปตามลำเนาภูเขาเขิน
ระยะย่างทางไปพอใจเพลิน รีบดำเนินพลไปใกล้ลังกา ฯ
๏ ฝ่ายพระยาวาโหมที่อยู่ด่าน เมืองป่าตาลพร้อมพรักคอยรักษา
ครั้นรู้ข่าวเจ้านายเสด็จมา ก็ปรีดาต้อนรับกองทัพพลัน
เอาสิ่งของกองรายถวายเสร็จ เชิญเสด็จทรงเดชเข้าเขตขัณฑ์
เจ็ดกษัตริย์สุริย์วงศ์เผ่าพงพันธุ์ ทั้งนักธรรม์เสวกาพลากร
พระอภัยมุนีฤๅษีสาม เสด็จตามมรรคาหน้าสิงขร
หยุดประทับรถาพลากร เจ้านครนคราเมืองป่าตาล
เจ็ดกษัตริย์ขึ้นประทับบนตึกใหญ่ พลไพร่พวกพหลพลทหาร
เข้ายับยั้งนั่งนอนผ่อนสำราญ เสพอาหารถ้วนทั่วทุกตัวตน
พระอภัยมุนีหลวงชีสอง เสวยของโอชาผลาผล
เจ็ดกษัตริย์ขัตติยาเจ้าสากล ให้ตรวจพลล้อมรอบขอบกำแพง
พวกวาโหมเกณฑ์ไพร่ให้รายรอบ ตามเขตขอบไฟสว่างกระจ่างแสง
แล้วเกณฑ์พวกสารวัตรคอยจัดแจง ตามตำแหน่งนายหมวดให้ตรวจตรา ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมมุนินทร์ปิ่นฤๅษี ประทับที่ป่าตาลริมชานผา
บนเก๋งใหญ่ในประเทศเขตลังกา ภาวนาทางธรรมสำมดึงส์
มัธยัสถ์ตัดห่วงบ่วงสงสาร หมายนิพพานลุล่วงไม่หวงหึง
หวังประโยชน์ทางธรรมสำมดึงส์ กว่าจะถึงพระนิพพานเหมือนการตรอง
ให้โอวาทแต่บรรดาที่มาด้วย พระหวังช่วยเหล่าคนที่หม่นหมอง
เทศนาสากลให้คนตรอง โดยทำนองนักพรตให้อดใจ
แล้วดำริติเตียนกองกิเลส แม้นใครเจตนานักมักหลงใหล
ไม่เป็นอันนั่งนอนมักร้อนใจ จะพาให้ทุกข์ขังไม่ยั่งยืน
ทุจริตจิตชั่วอ้ายตัวโลภ หลงละโมบเรี่ยวแรงต้องแข็งขืน
เกิดทิษฐิที่ในจิตดั่งพิษปืน ต้องแข็งขืนมานะในอารมณ์
คืนฉันทากล้านักมักให้ชั่ว ต้องหมองมัวหวานหายกลายเป็นขม
ผู้ที่จะเข้ามาสมาคม ไม่นิยมรักกันเพราะฉันทา ฯ
๏ พระปิ่นเกศเทศนาคาถาจบ พอค่ำพลบผายผันต่างหรรษา
บางหลับนอนผ่อนสบายคลายอุรา ที่เมื่อยมาค่อยเป็นสุขที่ทุกข์ทน
ต่อรุ่งแจ้งแสงทองส่องอากาศ จึ่งจะยาตราทัพขับพหล
ประเวศวังลังกาพลาพล โดยตำบลรัถยาจากป่าตาล
จันทร์กระจ่างกลางฟ้าเวหาห้อง สกุณร้องไก่กระชันขันประสาน
โกกิลาการ้องก้องกังวาน พระพายพานพัดพาสุมาลัย
ระรื่นรินกลิ่นกุหลาบอังกาบแก้ว ทั้งนมแมวคัดเค้าขาวไสว
มะลิวัลย์จันทน์อบตลบไป สุมาลัยเกสรขจรจาย
กำดัดดึกเย็นเยียบเงียบสงัด สำเนียงสัตว์ร้องขานประสานถวาย
จังหรีดร้องกิ่งไทรเรไรราย ราวกับสายซอสีปี่ชวา
เจ็ดกษัตริย์สุริย์วงศ์ทรงสดับ สำเนียงจับโสตสิ้นถวิลหา
ที่มีคู่อยู่ยังเมืองลังกา ที่พาราอยู่ไกลพระทัยครวญ
อยากจะใคร่ไปยลวิมลสมร แสนอาวรณ์ดิ้นโดยเฝ้าโหยหวน
ป่านนี้มิตรกนิษฐ์น้อยจะคอยครวญ ใครจะชวนให้เจ้าชื่นเมื่อตื่นนอน
แสนวิตกอกเอ๋ยมาช่วยศึก อนาถนึกพากันทิ้งมิ่งสมร
มากรากกรำจำร้างห่างที่นอน แสนอาวรณ์เหมือนกันหมดต้องอดโซ
เพราะบาทหลวงเจ้ากรรมมันทำวุ่น จึงเคืองขุ่นพากันมาอนาโถ
จะตัดรักหักอาลัยเห็นใหญ่โต หัวอกโอ้แสนช้ำระกำทรวง
เจ็ดกษัตริย์อัดอั้นเหมือนกันหมด โศกกำสรดร้อนพระทัยเป็นใหญ่หลวง
อนาถนอนกรประทับกับพระทรวง ให้เหงาง่วงร้อนรักหนักอุรา
โอ้พระจันทร์อันสว่างกลางเวหน นำนิพนธ์ไปถึงมิตรกนิษฐา
ช่วยแจ้งโศกโรครักหนักอุรา ถึงสุดาดวงเดือนเพื่อนที่นอน ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โทมนัสหวนคะนึงถึงสมร
แต่ขืนแข็งแสร้งตรัสเหมือนตัดรอน ว่าดูก่อนลูกหลานการกังวล
ประเวณีมีทั่วทุกตัวสัตว์ แม้นจะตัดญาติเห็นไม่เป็นผล
บังเกิดมีทุกข์ร้อนต้องผ่อนปรน กว่าจะพ้นความเข็ญค่อยเย็นใจ
ไปถึงวังลังกาถ้าเสร็จศึก คงสมนึกมั่นคงอย่าสงสัย
เหมือนคำอาว่าวอนอย่าอ่อนใจ คงจะได้คืนหลังไปวังเวียง
แต่เจ้าสุดสาครเขานอนหลับ พอทัพกลับไปถึงถิ่นก็สิ้นเสียง
ไม่ต้องวิ่งสับสนขนเสบียง จะฟังเสียงเห็นไม่ได้คงไสยา
หกกษัตริย์สรวลสันต์พอกันทุกข์ ค่อยสนุกเอะอะเสียงจ๊ะจ๋า
ฟังรับสั่งปิ่นเกล้าพระเจ้าอา สนทนากันไปพอใจคลาย
พอเดือนเที่ยงเสียงนกวิหคร้อง ประสานซ้องจวนอุทัยจะใกล้ฉาย
ไก่กระชั้นขันเกริ่นบนเนินทราย ดาวประกายพฤกษ์เผ่นขึ้นเด่นตรง
กระเหว่าดงส่งเสียงสำเนียงแจ้ว วิเวกแว่วก้องในไพรระหง
ดึกสงัดสัตว์ป่าคณาดง ต่างก็ส่งเสียงร้องก้องกังวาน ฯ
๏ จะกล่าวฝ่ายนายหมวดตรวจพหล เอารถต้นมาประทับกับทหาร
ที่นั่งทองรองเรืองจัดเครื่องอาน พนักงานทุกตำแหน่งแต่งกระบวน
พลโล่โตมรศรกำซาบ ทั้งดั้งดาบตั้งรายอยู่ชายสวน
จวนจะรุ่งสุริย์ฉายรายกระบวน ทั้งธงทวนฉัตรชั้นกรรภิรมย์
เครื่องจามรทอนตะวันเป็นหลั่นลด ทั้งกลิ้งกลดราเชนทร์เกณฑ์สนม
พอแสงทองส่องสว่างน้ำค้างพรม ตื่นประทมพร้อมพระวงศ์ต่างสรงชล
เต้าสุหร่ายสายรินกลิ่นกุหลาบ ละอองอาบโปรยปรอยตั้งฝอยฝน
พนักงานคลานถวายสายสุคนธ์ จรุงปนเครื่องอำพันจันทนา ฯ
๏ ครั้นเสร็จสรงทรงเครื่องเรืองจรัส เนาวรัตน์ฉลององค์ทรงภูษา
ปางพระจอมมุนินทร์ปิ่นประชา ทรงชฎากลีบกระหวัดจัดประจง
ดาบสินีชีสองครองภูษิต สำรวมกิจยุรย่างดังนางหงส์
พระดาบสเสด็จตามกันสามองค์ พร้อมพระวงศ์สิบกษัตริย์รับจัดแจง
สามพระองค์ทรงรถมีกลดกั้น เป็นหลั่นหลั่นพอสว่างกระจ่างแสง
พวกเสนาพร้อมถ้วนกระบวนแซง ครบตำแหน่งตามข้างอย่างโบราณ
พวกฤๅษีเสวกามาข้างหลัง เดินสะพรั่งเสนาโยธาหาญ
เจ็ดกษัตริย์ทรงม้าอาชาชาญ แสนสำราญรีบเดินดำเนินพล
เดินกระบวนทวนธงตรงเข้าป่า ชมรุกขาเขาไม้ไพรระหง
กระทุ่มกระถินอินจันทน์ต้นคันทรง ประดู่ดงกร่างไกรไทรพุ่มเรียง
มะตูมแต้วแก้วเกดพิกุลค้อม พะยุงพะยอมขวิดขวาดมะหาดเหียง
โศกมะสังยางสะคร้อสมอเรียง ตะเคียนเคียงซึกสนต้นพะวา
ชมวิหกนกไม้ก็หลายอย่าง มีต่างต่างหลายหลากมากนักหนา
จะรำพันฝูงสัตว์ที่วัฒนา ยุติกาแต่พอควรจะด่วนไป ฯ
๏ ป่างพระจอมมุนินทร์ปิ่นฤๅษี สุวรรณมาลีวัณฬาอัชฌาสัย
ถือเอาเพศขันตีเป็นชีไพร ฉันลูกไม้เผือกมันพรรณผลา
ถือบำเพ็งเคร่งครัดหวังตัดเชื้อ ไม่เอื้อเฟื้อสุริย์วงศ์เผ่าพงศา
ดำเนินพลมากระทั่งถึงลังกา พอเวลาบ่ายสีรวีวรรณ ฯ
๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลฉวี สุลาลีวายวิโยคที่โศกศัลย์
พลางชวนพวกสาวสุรางค์นางกำนัล มาพร้อมกันรีบออกไปนอกวัง
รับเสด็จพระมุนินทร์ปิ่นกษัตริย์ ขึ้นปรางค์รัตน์โดยในพระทัยหวัง
เจ็ดกษัตริย์สุริย์วงศ์ดำรงวัง มาคับคั่งวงศาพลากร
ทั้งฤๅษีเสนาพวกข้าเฝ้า ผู้เป็นเจ้าคับคั่งนั่งสลอน
ให้เลี้ยงดูหมู่พหลพลนิกร ราษฎรอิ่มเอมเกษมใจ ฯ
๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ อภิวาททูลแจ้งแถลงไข
แต่พระองค์ทรงสิกขาด้วยอาลัย ขอเชิญไทธิบดินทร์ปิ่นประชา
พวกพระวงศ์พงศ์เผ่าเหล่าพระญาติ ขอโอวาทจะได้จำคำสิกขา
จำเริญเรียนเพียรไปในศรัทธา ตามปัญญาจะได้ทราบที่บาปบุญ ฯ
๏ ป่างพระจอมธิบดินทร์มุนินทร์นาถ ให้อนุญาตขาดเหลือจะเกื้อหนุน
ว่าผู้ใดใจศรัทธาจะการุญ จะอุดหนุนสอนสั่งอย่างบาลี
ตามวิสัยในจริตกิจดาบส คงปรากฏวายทุกข์เป็นสุขี
ตามกุศลผลผลาบารมี ได้เป็นที่พึ่งพักประจักษ์ความ
เจ็ดกษัตริย์มัสการแล้วกรานกราบ ศิโรราบพระมุนินทร์ปิ่นสยาม
แล้วพระองค์ทรงตรัสตัดเนื้อความ ไม่ห้ามปรามหลานบุตรสุดแต่ใจ
เมื่อศรัทธากล้าหาญทิ้งบ้านช่อง ละพี่น้องภรรยาอัชฌาสัย
จะตั้งเพียรพยายามก็ตามใจ หรือจะไม่ศรัทธาก็อย่าทำ
ไม่ข่มขืนอารมณ์เที่ยวข่มขี่ ใครรักดีจะช่วยชุบอุปถัมภ์
ไม่ศรัทธาอย่าพ้องเกิดกองกรรม อย่าควรทำเอาแต่หน้าสมาทาน
พระดำรัสตรัสความไปตามเหตุ แล้วก็เทศนาซ้ำบนคำขาน
แม้นผู้ใดจะประโยชน์โพธิญาณ หมายนิพพานภาคหน้าให้ถาวร
ต้องตัดบ่วงห่วงใยไปอยู่ป่า เสพผลาอยู่ลำเนาเขาสิงขร
กินเผือกมันพรรณผลาในป่าดอน เอาสิงขรเป็นเคหาบูชาไฟ ฯ
๏ พอจบธรรมคำสอนพระนักพรต สิกขาบทจึ่งค่อยแจ้งแถลงไข
เจ็ดพระองค์ทรงฟังตั้งพระทัย แต่ยังไม่อยากบวชสวดสุบิน
เพราะยังไม่ลุล่วงตัดห่วงได้ เป็นจนใจแต่ยังคิดจิตถวิล
จะบวชเรียนเขียนอ่านการแผ่นดิน ยังไม่สิ้นศึกเสร็จสำเร็จความ
เจ็ดกษัตริย์ทรงฟังรับสั่งสอน ชุลีกรนอบนบคำรบสาม
มิได้ทูลข้อใดในใจความ จะบวชตามร้อนทรวงยังห่วงเมีย
แต่บรรดาเผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์ ให้อั้นอัดทรวงจริงต่างนิ่งเสีย
แม้นได้ช่องคิดจะลาไปหาเมีย จะบวชเสียก็ต้องอดหมดทุกคน ฯ
๏ จะกล่าวถึงนคราการะเวก อดิเรกรุ่งฟ้าเวหาหน
เสด็จออกพระโรงใหญ่ไพชยนต์ ภูวดลสั่งมหาเสนานาย
ให้จัดลำกำปั่นที่สันทัด จงรีบรัดเร็วไปเหมือนใจหมาย
เชิญเอาสารไปลังกาสักห้านาย จงผันผายรีบไปดั่งใจจง
บอกกษัตริย์หัสไชยว่าให้กลับ ตามบังคับกูไปอย่าใหลหลง
ให้ทูลลาบิตุราชมาตุรงค์ ว่าสององค์สร้อยสุวรรณจันทร์สุดา
ให้ปั่นป่วนครรภ์แก่เกือบจะคลอด จะทิ้งทอดสองไว้อย่างไรหนา
เองรีบไปบอกเล่าให้เขามา ตามบัญชากูสั่งอย่างคดี
ขุนเสนาคลาไคลรีบไปบอก ให้เวรนอกจัดหากะลาสี
ลงเรือใหญ่ใส่เสบียงเลี้ยงโยธี ขุนเสนีรับสารใส่พานทอง
เชิญลงลำกำปั่นมิทันช้า เสวกาเข้าประมูลทูลฉลอง
ถวายบังคมลาฝ่าละออง แล้วรับของเสื้อผ้าทูลลาไป
ลงกำปั่นฤกษ์ดีให้ตีฆ้อง ออกแล่นล่องตามมหาชลาไหล
กะลาสีคลี่สายระบายใบ ออกแล่นไปเข็มตั้งฝั่งลังกา
สองเดือนครึ่งถึงอ่าวเมืองสิงหล ประชาชนไพร่นายทั้งซ้ายขวา
ลงเรือช่วงล่วงเข้าในลังกา แวะเข้าหาขุนด่านชานนคร
แจ้งคดีสาราเมืองการะเวก เสนาเอกเชิญพานสารอักษร
พวกขุนด่านพาไปในนคร แจ้งอักษรกรมท่าศาลากลาง
ขุนนางรับผู้ถือหนังสือสาร กับขุนด่านรีบรัดไม่ขัดขวาง
เอาสารใส่เสลี่ยงงามาตามทาง พระกลดกางกั้นไปจนในวัง
ถึงพระโรงรจนามุกดาหาร ก็เชิญพานคลานเข้าไปดั่งใจหวัง
ปางพระศรีสุวรรณวงศ์ดำรงวัง เสด็จออกนั่งแท่นแก้วอันแพรวพราย
พร้อมพระวงศ์พงศาเสนาสนอง ทูลละอองธุลีบาทเหมือนมาดหมาย
พระทรงศิลผินพักตร์มาทักทาย เสนานายผู้ถือหนังสือมา
แต่นครนคราการะเวก อำมาตย์เอกทูลถวายลายเลขา
พระตรัสสั่งพระศรีผู้ปรีชา คลี่สาราอ่านถวายเป็นใจความ ฯ
๏ ศุภลักษณ์อักขราเมืองการะเวก เสวยเศวกฉัตรชัยในสนาม
ถึงพระปิ่นลังกาสง่างาม เพราะมีความวิตกในอกใจ
ด้วยพระสุณิสาสองสมร ตั้งอุทรเศร้าหมองไม่ผ่องใส
ครรภ์ก็แก่สองบังอรร้อนพระทัย ขอหัสไชยสามีให้ลีลา
ด้วยสององค์บังอรอาวรณ์หวัง ให้กลับหลังไปพิทักษ์อยู่รักษา
พระลูกน้อยสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา ด้วยครรภาเกือบจะคลอดยอดบังอร ฯ
๏ พอจบสารเจ้าพาราการะเวก เสนาเอกกราบบพิตรอดิศร
หัสไชยได้ฟังสองบังอร อุราร้อนราวกับไฟประลัยลาญ
พระพักตร์เศร้าเหงาหงิมไม่ยิ้มแย้ม เหมือนเดือนแจ่มเมฆตั้งบังประหาร
ก็อับแสงไม่จำรัสชัชวาล เหมือนบัวบานต้องอาทิตย์ก็อิดโรย
จึ่งกราบทูลพระเจ้าอาขอลากลับ อันการทัพก็ค่อยสร่างสว่างโหย
ด้วยพระน้องสองมิตรจะอิดโรย เห็นจะโกยกองเศร้าทุกเช้าเย็น ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ทรงสดับ พระทัยวับเอะของเราเล่าก็เห็น
เกือบจะคลอดลูกเต้าปะคราวเป็น จะร้อนเย็นหรืออย่างไรความไกลตา
จึงว่ากับหัสไชยไปสิหลาน ข้อรำคาญอยู่ด้วยมิตรกนิษฐา
ถึงตัวเจ้าก็วิตกเหมือนอกอา นางรำภาเล่าก็ท้องจะต้องไป
แม้นช้าอยู่ดูเหมือนเราทิ้งขว้าง จะอ้างว้างวิญญาณ์เลือดตาไหล
วิสัยหญิงจริงนะหลานแม้นนานไป จะเห็นใจเสียเปล่าเปล่าไม่เข้าการ
จำจะไปทูลลาพระดาบส คิดเปลื้องปลดไปพาราอากับหลาน
เจ้าสี่คนเขาไม่ไปก็ใช่การ เราอาหลานมาไปเฝ้าเล่าคดี
พลางชวนพระหัสไชยเข้าไปเฝ้า แล้วก้มเกล้าทูลความตามสารศรี
เมืองการะเวกเวียงชัยให้มนตรี นำคดีสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา
ว่าโฉมยงทรงครรภ์เกือบประสูติ ให้พวกทูตมาแสดงแจ้งเลขา
ทูลพระจอมนครินทร์ปิ่นประชา ขอทูลลาองค์กษัตริย์หัสไชย ฯ
๏ ป่างพระจอมธิบดินทร์มุนินทร์นาถ ตรัสประภาษชี้แจงแถลงไข
ธุระเจ้าเล่าก็ร้อนอย่านอนใจ จงรีบไปพาราอย่าช้าที
แล้วพระองค์อวยสวัสดิ์พิพัฒน์ผล ให้ผ่องพ้นจากทุกข์เป็นสุขี
ทิ้งพยาธิโรคาอย่ายายี จงเปรมปรีดิ์ครองอาณาประชาชน ฯ
๏ ฝ่ายพระจอมโมลีศรีสุวรรณ ทูลรำพันเล่าแจ้งแห่งนุสนธิ์
ว่ารำภาเล่าก็ท้องหมองกมล ไปอยู่คนเดียวเปล่าเศร้าวิญญาณ์
ขอลาไปรมจักรนัคเรศ นางเทวษโดยดิ้นถวิลหา
เมื่อคลอดแล้วเสร็จสรรพจะกลับมา อยู่ลังกาบวชบ้างอย่างพระองค์ ฯ
๏ ฝ่ายละเวงดาบสอดไม่ได้ พระห่วงใยอยู่ที่ของต้องประสงค์
จะเสด็จกลับมาอยู่ป่าดง อันไพรพงเงียบเหงาเศร้าอุรา
เห็นจะตัดห่วงใยไม่ตลอด จะทิ้งทอดเผ่าพงศ์พระวงศา
เห็นไม่สมอย่าตรัสวัจนา มิใช่ว่าบวชตัวเพราะกลัวนาย
ไปถึงวังนั่งนอนก็เป็นสุข มิใช่ทุกข์ร้อนรนต้องขวนขวาย
ใช่ขุ่นข้องหมองหมางระคางคาย ตามสบายสารพัดไม่ขัดเคือง
ถึงศรัทธาจริงจังก็ยังขัด ที่จะตัดญาติวงศ์มาทรงเหลือง
เห็นเขาไม่ยินยอมพร้อมทั้งเมือง พระจะเปลื้องปลดปละสละมา
ไม่เห็นจริงดอกหนาพระอย่าตรัส คงจะขัดกีดขวางทางสิกขา
ถึงพระองค์ทรงสวัสดิ์จะศรัทธา ก็เห็นว่าบ่วงน้อยจะคอยกัน ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์ทรงสดับ บทบังคับถูกพระทัยดังใฝ่ฝัน
แต่ความอายหลายอย่างนางรำพัน มันให้ตันทรวงต้องนิ่งจริงของนาง
แต่จำใจจำตอบพระดาบส น้อมประณตทูลไปมิได้หมาง
อันตัวน้องก็ศรัทธาหาหนทาง ไม่กีดขวางที่ตรงเล่ห์ประเวณี
อันเปรี้ยวหวานจืดเค็มก็เต็มอก หมายจะยกกองทุกข์เอาสุขี
ไม่ห่วงใยในสันดานการโลกีย์ เชิญพระพี่ดูไปแม้นไม่มา
บรรพชิตให้เหมือนคำน้องดำริ จึ่งค่อยติโทษน้องให้นักหนา
ฝ่ายองค์ดาบสินีชีวัณฬา จึ่งตรัสว่าสาธุสะฉันจะคอย
ศรีสุวรรณรันทดแล้วพจนารถ แต่หวั่นหวาดอยู่ด้วยรักพระพักตร์จ๋อย
แข็งพระทัยตอบสนองไม่ต้องคอย ไปสักหน่อยก็จะมาเหมือนวาจัง ฯ
๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีว่าดีแท้ ยังไม่แก่บรรพชาห่วงหน้าหลัง
เป็นฤๅษีชีป่าก็น่าชัง หยุดอยู่บ้างเลี้ยงอาณาประชาชน
พระเชษฐาเล่าก็บวชผนวชแล้ว เหมือนฉัตรแก้วคงจะได้ฝ่ายกุศล
อยู่ครอบครองไพร่ฟ้าประชาชน ทั้งสิงหลรมจักรนัครา
พอเป็นที่พึ่งพักสำนักญาติ จะตัดขาดเช่นสมเด็จพระเชษฐา
ฉันก็ไม่ห้ามปรามตามศรัทธา แต่เห็นว่าห่วงใยหลายประการ ฯ
๏ พระอภัยมุนินทร์ปิ่นฤๅษี ฟังสองชีพูดจาต่างว่าขาน
จึงเอื้อนอรรถตรัสไปว่าใช่การ อันบุญทานน้องเราไม่เข้าใจ
ตามประสงค์ตรงถนัดอย่าขัดขวาง ใครกั้นกางเสียกิจผิดวิสัย
อย่าไปพูดให้เขาตื่นข่มขืนใจ ผิดวิสัยนักสิทธ์อย่าคิดปอง ฯ
๏ ศรีสุวรรณนั่งยิ้มอิ่มในจิต พระนักสิทธ์ตรัสบรรเทาที่เศร้าหมอง
เห็นจะได้สมนึกเหมือนตรึกตรอง หลวงชีสองพูดจาไม่น่าฟัง
จะชักชวนให้ไปอดเหมือนมดง่าม วิ่งซุ่มซ่ามสำทับจะจับขัง
จะบวชเรียนเพียรไปไม่จีรัง มิใช่ยังเช่นพระพี่เมียมิยอม
แต่จำใจจำจนเหมือนคนโง่ ทนโทโสคราวจนเช่นคนผอม
นึกในจิตเหมือนแต่ก่อนไม่หย่อนยอม จะอดออมแนมเหน็บให้เจ็บใจ
นี่เธอเป็นฤๅษีจะมีโทษ จะถือโกรธใช่กิจผิดวิสัย
ครั้นจะตอบไปให้มากกระดากใจ เอาแต่ได้การเราพอเบาทรวง
แล้วทูลลาพาหัสไชยหลาน ต่างก็คลานจากที่พักตำหนักหลวง
มาสั่งพวกไพร่พลคนทั้งปวง ตามกระทรวงที่จะกลับกองทัพไป
พวกเสนาข้าเฝ้าเหล่าพหล ให้จัดพลเรียกกันเสียงหวั่นไหว
พวกรมจักรนัคราจะคลาไคล บ้างผูกใบเปลี่ยนเพลาเสากระโดง ฯ
๏ ฝ่ายเภตราการะเวกอำมาตย์ ไปเฝ้ากราดเรือบัลลังก์ที่นั่งโถง
ผูกเชือกเสาเพลาใบชักสายโยง เสากระโดงเภตราทาน้ำมัน
ครั้นสำเร็จเสร็จสรรพประทับท่า พร้อมล้าต้าต้นหนคนขยัน
มาเตรียมคอยลอยสะพรั่งทั้งดั้งดัน พร้อมกำปั่นสองพาราจะคลาไคล ฯ
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ โองการตรัสอำลาอัชฌาสัย
ทั้งลูกหลานว่านเครือเมื่อจะไป พระหัสไชยทูลลาสุดสาคร
กับสินสมุทรภุชพงศ์องค์เชษฐา ทั้งกัลยาเสาวคนธ์วิมลสมร
ศิโรราบกราบก้มประนมกร ต่างอวยพรให้พิพัฒน์สวัสดี
สินสมุทรสุดคะนองจึ่งร้องว่า อันพี่ยาตรึกตรองเห็นต้องที่
เพราะลูกเมียก็ไม่ท้องถึงสองปี ต้องอยู่นี่แท้แล้วไม่แคล้วเลย
ไหนจะได้ไปผลึกเหมือนนึกหมาย คิดก็อายอนุชาเจ้าข้าเอ๋ย
เมียจะแสนแค้นใจไม่เสบย อรุณเอ๋ยม่ายแท้เจ้าแม่คุณ
ต่างสำรวลสรวลสันต์ด้วยกันหมด ฟังประชดเปรียบเหมือนถูกลูกกระสุน
ศรีสุวรรณตรัสห้ามอย่าตามทุน มันจะวุ่นไปดอกหลานรำคาญใจ
พระตรัสว่าอาเล่าก็พลอยด้วย การเจ็บป่วยมันก็เช่นเป็นนิสัย
เปรียบเหมือนหนึ่งพ่อค้าหากำไร ผู้ดีไพร่มีอยู่ทุกผู้คน
ครั้นจะอยู่ตัวเปล่ามันเหงาหงอย มันจึงคอยวุ่นวายต้องขวายขวน
ประเวณีมีทั่วทุกตัวคน ก็ต้องจนใจจริงหญิงกับชาย ฯ
๏ พระตรัสพลางทางว่าขอลาหลาน อยู่สำราญเปรื่องปราดเหมือนมาดหมาย
พระสั่งเสร็จยุรยาตรค่อยนาดกราย ลาผันผายรีบตรงมาลงเรือ
ห้ากษัตริย์ตามลงส่งเสด็จ พอสรรพเสร็จใช้ใบไปฝ่ายเหนือ
หัสไชยสมประสงค์เสร็จลงเรือ พร้อมทั้งเชื้อญาติวงศ์พงศ์ประยูร
มาตามส่งจนลงเรือที่นั่ง แล้วกลับยังวังเวียงชัยมไหสูรย์
พวกกษัตริย์สุริย์วงศ์พงศ์ประยูร ต่างเพิ่มพูนอยู่ด้วยมิตรคิดจะไป
แม้นได้ช่องจะทูลลาไปหาคู่ จะมาอยู่ใช่กิจผิดวิสัย
ครั้นจะบวชก็ยังหนุ่มนึกกลุ้มใจ จำจะไปพาราหายุพิน
พระวลายุดาวายุพัฒน์ กับพระหัสกันจิตคิดถวิล
ปรึกษากันจะทูลลาไปธานินทร์ พอพระสินสมุทรมาจึ่งว่าพลัน
พ่อจะพากันไปดั่งใจหวัง ฉันก็ตั้งจิตไว้จะผายผัน
เรามาไปเฝ้าองค์พระทรงธรรม์ บังคมคัลทูลลาฝ่าละออง
ไปเยี่ยมเยียนเวียงชัยไอศวรรย์ พร้อมด้วยกันได้ประมูลทูลฉลอง
พระก็ชวนกันไปดั่งใจปอง เฝ้าที่ท้องพระโรงรัตน์ชัชวาล
พลางบังคมก้มเศียรลงกราบบาท พระจอมนาถนักสิทธ์คิดสงสาร
ทรงปราศรัยทั่วองค์พวกวงศ์วาน ทั้งลูกหลานที่มาเฝ้าเข้าพระทัย
เห็นจะมาลาไปยังถิ่นฐาน จึ่งโองการชี้แจงแถลงไข
จงร่วมรสรักกันจนบรรลัย มิใช่ใครแต่ล้วนวงศ์พงศ์ประยูร
พระสั่งสอนสุริย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ ดำรงรัตน์ราชัยสืบไอศูรย์
เมตตาติดตัวไว้ให้เป็นมูล จงเพิ่มพูนรักกันอย่าฉันทา
สินสมุทรได้ช่องฉลองอรรถ พวกกษัตริย์สุริย์วงศ์เผ่าพงศา
มาช่วยการศึกใหญ่ในลังกา ขอทูลลากลับไปดั่งใจปอง ฯ
๏ ป่างพระจอมธิบดินทร์มุนินทร์นาถ โปรดประภาษพรประสิทธิ์สนิทสนอง
นึกสิ่งใดขอให้สมอารมณ์ปอง อย่ารู้ข้องเคืองขัดกำจัดภัย
สี่กษัตริย์รับรสพจนารถ แล้วกราบบาทกลับมาที่อาศัย
มาสั่งพวกเสนาจะคลาไคล จงเร่งไปจัดกำปั่นให้ทันการ
พวกพหลพลรบให้ครบถ้วน ตามกระบวนแต่บรรดาโยธาหาญ
ครั้นจัดแจงแต่งเสร็จสำเร็จการ ไปทูลสารโดยคดีทั้งสี่องค์ ฯ
๏ ฝ่ายกษัตริย์ขัตติยานราราช จากปราสาทที่นั่งบัลลังก์หงส์
ให้กางใบครบถ้วนปักทวนธง ตั้งเข็มตรงตามแผนต่างแล่นไป
สี่กษัตริย์กับบรรดาโยธาหาญ ออกจากด่านแล่นหลามตามไสว
พวกต้นหนดูเข็มแล่นเล็มไป เมืองของใครใครก็เข้าอ่าวบุรินทร์
เป็นสิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมในจิต ด้วยสมคิดชื่นชมสมถวิล
ที่หนักอกยกวางเสียกลางดิน เป็นเสร็จสิ้นความเศร้าบรรเทาคลาย
เข้าเวียงวังตั้งหน้าไปหามิตร ประคองชิดใช้เนื้อให้เหลือหลาย
วันจากห้องต้องร้างไปห่างกาย ต้องคิดรายวันประชดหมดทุกองค์ ฯ
๏ ฝ่ายพระสุดสาครบวรนาถ ครั้นส่งญาติเสร็จสมอารมณ์ประสงค์
แล้วเสด็จเข้าวังดั่งจำนง ขึ้นเฝ้าองค์พระมุนินทร์ปิ่นประชา
ปรนนิบัติจัดแจงของเสวย ทั้งนมเนยใส่เครื่องต้นผลพฤกษา
ถวายสามพระมุนินทร์ปิ่นประชา ทุกเวลามิได้คลาดบาทยุคล ฯ
๏ ฝ่ายนักสิทธ์องค์อภัยวิไลลักษณ์ เข้าหยุดพักยับยั้งวังสิงหล
ครั้นเสร็จศึกสั่งเสนาพลาพล จะจรดลไปสิงคุตรอยู่กุฎี
เสนารีบอภิวาทมาบาดหมาย ทั่วทุกนายกัณฐัศว์ทั้งหัตถี
รถที่นั่งทั้งรถดาบสินี มาเตรียมที่ชานชลาหน้าพระลาน
พอรุ่งเช้าพระมุนีฤๅษีสิทธ์ สำเร็จกิจฉันผลาทั้งอาหาร
เสด็จออกเกยชลาหน้าพระลาน กับเยาวมาลย์นักพรตดาบสินี
เสร็จขึ้นทรงรถาฝากระจก แล้วให้ยกพลไกรเข้าไพรศรี
พระดาบสทรงรถแก้วมณี สารถีขับม้าให้คลาไคล
เข้าดงดอนสิงขรเขาลำเนาป่า ร่มรุกขายางยูงสูงไสว
พวกนักสิทธ์เสวกาก็คลาไคล ตามภูวไนยไปสิงคุตรอยู่กุฎี ฯ

 

แชร์ชวนกันอ่าน

แจ้งคำสะกดผิดและข้อผิดพลาด หรือคำแนะนำต่างๆ ได้ ที่นี่ค่ะ