- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
๏ บาทหลวงงกตกประหม่าให้ล่าทัพ | จะย้อนกลับไปไม่ได้ดั่งใจหมาย |
ให้รีบเร่งพวกพหลพลนิกาย | ไปหาดทรายเต็มกลัวหนังหัวพอง |
ไม่ออกจากรถฝรั่งนั่งคุดคู้ | เงี่ยแต่หูฟังพหลให้หม่นหมอง |
ให้หวาดไหวไปทั้งตัวหนังหัวพอง | พลางก็ร้องเร่งทัพให้ขับพล |
เกือบจะถึงธารท่าเภตราจอด | ให้คนสอดลงไปดูหมู่พหล |
ฟังเสียงปืนครื้นเครงวังเวงวน | แกให้คนตัดทางแยกห่างไป |
อย่าเพ่อเข้าไปประจบสมทบทัพ | ฟังกิตติศัพท์เรื่องราวท้าวโกสัย |
ให้เร่งทัพขับพหลสกลไกร | รีบลงไปกำปั่นมิทันนาน |
วิ่งเข้าไปท้ายบาหลีเห็นลี้ลับ | จิตยังวับหวามหวาดไม่อาจหาญ |
กลัวอ้ายพวกโยนหินทมิฬมาร | จะล้างผลาญชีวิตให้คิดเกรง |
มันมีปีกบินได้ในอากาศ | จึ่งสามารถมารุมกันคุมเหง |
แต่เดินดินมาสักหมื่นให้ครื้นเครง | ที่จะเกรงกลัวณรงค์อย่าสงกา |
แต่ครั้งนี้สารพัดจะขัดข้อง | ทั้งพวกพ้องคนชิดทั้งศิษย์หา |
มาแข็งขัดเคืองจิตผิดตำรา | อ้ายมังคลาเล่าก็หนีเพราะอีเมีย |
แม้นกูได้ลังกาจะผ่าอก | เอาใส่ครกสับคั่วเช่นตั้วเหีย |
ถึงอ้ายผัวจะมาง้อขออีเมีย | จะเมินเสียไม่ขอแลทำแชเชือน |
แต่ตัวมันเพราะเป็นศิษย์สนิทสนอง | หาไม่จะต้องทารกรรมทำให้เหมือน |
มันมาพูดตอแหลทำแชเชือน | เที่ยวบิดเบือนทิ้งกูผู้อาจารย์ |
แล้วหวนฮึกนึกมานะพระคงช่วย | อย่าให้ม้วยชีวังสิ้นสังขาร |
เราก็ซื่อถือศีลพระวิญญาณ | ที่ในการศาสนาคงถาวร |
แล้วจึ่งสวดคาถาข้างฝาหรั่ง | ตั้งแต่ครั้งพระเยซูเป็นผู้สอน |
ขอให้สมปรารถนาดั่งอาวรณ์ | การนครสิงหลอย่าพ้นมือ |
จะได้ตั้งศาสนาให้ผาสุก | บรรเทาทุกข์เหมือนแต่ครั้งฝรั่งถือ |
ทั้งไพร่บ้านพลเมืองได้เลื่องลือ | จะไว้ชื่อเสียงเราเข้าในวงศ์ |
แกตรองตรึกนึกไปใจละห้อย | จนบ่ายคล้อยลับไม้ไพรระหง |
แล้วเรียกคนมีชื่อที่ซื่อตรง | เองเอาธงโบกแม่ทัพให้กลับมา ฯ |
๏ ฝ่ายคนใช้รีบไปยังกองทัพ | นั่งคำนับบอกไปว่าให้หา |
พระสังฆราชแม่ทัพเธอกลับมา | อยู่เภตราลำใหญ่รีบไปพลัน |
ท้าวโกสัยไต่ถามเป็นความลับ | ทำไมกลับมาก่อนคิดผ่อนผัน |
จงให้เลิกพลไกรไปด้วยกัน | หรือจะมั่นอยู่อย่างไรไปแต่เรา |
คนที่มาว่าไปแต่ตัวท่าน | จะตั้งมั่นยับยั้งคอยฟังเขา |
แต่ตัวท่านสั่งให้ไปกับเรา | อย่าเพ่อเอากองทัพถอยกลับไป |
สั่งให้ตรวจตรากันมั่นอยู่นี่ | ต่อพรุ่งนี้จึ่งมาที่อาศัย |
พวกที่อยู่ยับยั้งระวังภัย | เราจะไปฟังท่านผู้บัญชา |
ครั้นสั่งเสร็จรีบมาหาบาทหลวง | เห็นนั่งง่วงผินหลังเข้าข้างฝา |
จึงเข้าไปไต่ถามตามสงกา | เจ้าคุณมาราชการสถานใด ฯ |
๏ บาทหลวงว่าฮ้าเฮ้ยออศิษย์หา | กูรบราพวกพหลทนไม่ไหว |
เอาน้ำมันกรดสาดฟาดเข้าไป | พวกทัพไทยแตกย่นไม่ทนทาน |
พากันแตกกลับไปเข้าในด่าน | ฝ่ายทหารพวกเราตามเผาผลาญ |
พอฝนตกหนาวล้นเหลือทนทาน | จะหักหาญเข้าไปก็ใช่ที |
จึงถอยทัพกลับมาตั้งอยู่ตีนเขา | ครั้นรุ่งเช้ามืดมัวทั่ววิถี |
ยังมีพวกโจรป่ามาราวี | แต่มันมีปีกหางมาทางบน |
เอาก้อนหินศิลาลงมาขว้าง | โดยนภางค์เมฆาเวหาหน |
ถูกทหารล้มตายถึงวายชนม์ | ไม่รู้กลตายกลาดดาษดา |
จะย้อนทัพกลับหลังมันตั้งมั่น | อยู่เขตคันกักทางไว้ข้างขวา |
เหลือกำลังพวกพหลพลโยธา | เพราะมันมาบนอากาศประหลาดใจ |
ต้องล่าทัพกลับมาเภตราก่อน | คิดผันผ่อนดูแลได้แก้ไข |
เองจะช่วยคิดอ่านสถานใด | จงว่าไปให้กระจ่างในทางความ ฯ |
๏ ท้าวโกสัยได้ฟังสังฆราช | แกตั้งคาดคั้นขู่กระทู้ถาม |
เป็นจนใจไม่รู้แห่งจะแจ้งความ | แกซักถามว่ากระไรจึงให้การ |
ท้าวโกสัยไหวปัญญาปรีชาฉลาด | ดูสังฆราชวุ่นวายหลายสถาน |
จำจะแก้แผลคันในสันดาน | ฟังอาการกิริยาแล้วว่าวอน |
ว่าข้าแต่ท่านครูผู้แม่ทัพ | จะบังคับก็จะฟังท่านสั่งสอน |
ไม่หลบลี้หนีแชท่าแง่งอน | คงผันผ่อนตามท่านผู้บัญชา ฯ |
๏ บาทหลวงยิ้มอิ่มใจค่อยวายทุกข์ | เขาขยุกเข้าที่คันก็หรรษา |
แกตบมือดีหนออ้ายพ่อตา | มีปัญญาดีจริงยิ่งบุคคล |
เออเช่นนี้จึ่งจะว่าพระยาเอก | ควรจะเสกให้เป็นเจ้าชาวสิงหล |
มึงอย่าได้นึกแหนงระแวงวน | คงได้ผลได้ประโยชน์จะโปรดมึง |
เอาให้ได้ชั้นฟ้าสุธาทิพย์ | ที่ลอยลิบอย่าพะวงส่งให้ถึง |
ขอแต่เพียงสัตย์ซื่ออย่าดื้อดึง | กูกับมึงร่วมจิตชีวิตเดียว |
ท้าวโกสัยคำนับรับธุระ | แกร้องฮะมึงก็ปราชญ์ฉลาดเฉลียว |
เออเช่นนี้ดีครันขยันเจียว | ไม่บิดเบี้ยวถือมั่นเหมือนสัญญา |
นี่แน่เฮ้ยแยบคายอุบายนี้ | เห็นคงที่จริงแท้แน่แล้วหวา |
กูจะคิดบำรุงจะหุงยา | ให้นิทราหลับใหลคงได้การ |
เข้าเหนือลมระดมเป่าเข้าให้พร้อม | แล้วจึ่งอ้อมใช้พหลพลทหาร |
เข้าตัดตีหลังค่ายคงได้การ | อย่านิ่งนานมาไปปรุงคิดหุงยา |
แกจัดเครื่องเบื่อเมาทำเตาเสร็จ | กลเม็ดหลายหลากมากนักหนา |
แล้วสุมให้เป็นเถ้าเคล้าสุรา | ตามตำราใส่กล้องเป่าลองดู |
คนในลำกำปั่นถูกควันง่วง | เข้าจับดวงจิตออกกระบอกหู |
ให้หาวนอนอ่อนเหมือนว่าตำราครู | ลงง่วงอยู่กับถิ่นสิ้นกำลัง |
จะแก้ได้ก็แต่หวานน้ำตาลสด | เอากลิ่นรสหยอดเข้าไปเหมือนใจหวัง |
นั่นแหละจึ่งจะหายคลายประทัง | แกจึ่งสั่งให้แก้พวกแน่ไป |
ฝรั่งเอาน้ำตาลที่หวานจัด | เอาน้ำหยัดหยดลงไม่สงสัย |
พวกที่เมาถูกน้ำตาลหวานเข้าไป | ก็หายในประเดี๋ยวนั้นดั่งบัญชา ฯ |
๏ บาทหลวงเห็นยินดีเป็นที่ยิ่ง | คงสมสิ่งมุ่งมาดปรารถนา |
จึ่งว่าในเกาะประเทศเขตลังกา | อยู่ในฝ่ามือแล้วไม่แคล้วเลย |
แต่ป่างก่อนช่างกระไรมิได้คิด | ช่างมืดมิดบังเงาแม่เจ้าเอ๋ย |
เอออ้ายท้าวโกสัยกระไรเลย | บุญเอ็งเคยได้บำรุงซึ่งกรุงไกร |
เผอิญกูตรึกตรองเห็นช่องแล้ว | สว่างแผ้วราวกับเขียนวิเชียรใส |
ที่ทุกข์ร้อนก่อนเก่าบรรเทาใจ | เองเร่งไปตรวจดูหมู่นิกร |
ทหารรบเรือแพจงแก้ไข | ให้พร้อมไว้ตามหมู่เช่นกูสอน |
ค่ำพร่งนี้จะได้ตีด่านนคร | เป็นการร้อนรีบไปดังใจจง |
ท้าวโกสัยคำนับกลับไปที่ | พอราตรีถึงที่ตั้งอย่างประสงค์ |
จึงตรวจเหล่าเกณฑ์หัดจัตุรงค์ | ให้ล้อมวงนั่งยามตามอัคคี ฯ |
๏ ฝ่ายบาทหลวงอิ่มใจดั่งได้แก้ว | สว่างแผ้วแจ่มจำรัสรัศมี |
ครั้นพลบค่ำสนธยาในราตรี | แกเปรมปรีดิ์ในใจเห็นได้เมือง |
เล่นอ้ายพวกประจามิตรที่คิดคด | จะแทนทดกันสิหวาให้ตาเหลือง |
คงสมคิดตอบแทนที่แค้นเคือง | ให้ลือเลื่องมนต์กูผู้อาจารย์ |
พลางเข้าในท้ายบาหลีคลี่ตำรับ | แล้วนั่งนับเกณฑ์ลังกามหาศาล |
เห็นจะตั้งยืนยงคงอยู่นาน | มาเสียการก็เพราะไทยเป็นไพรี |
อันตัวกูผู้จะตั้งศาสนา | ขอเทวาช่วยบำรุงซึ่งกรุงศรี |
ให้ชนะศัตรูกู้บูรี | อย่าให้มีกีดขวางทางประจญ |
แล้วเอนอิงพิงหมอนด้วยอ่อนหิว | วิเวกหวิวรวนเรระเหระหน |
พลางหยิบขวดบรั้นดีที่ชั้นบน | ให้หาคนพ่อครัวมาคั่วเจียว |
เครื่องกับข้าวเอามาตั้งบนโต๊ะใหญ่ | ทั้งเป็ดไก่หวานคาวกับข้าวเหนียว |
หยิบสุรามารินกินคนเดียว | เครื่องคั่วเจียวเป็ดแกล้มหมูแนมญวน |
กินจนเมาหาวเรอกะเพ้อกะพก | ความวิตกไม่รู้สิ้นถวิลหวน |
กำลังเมาเร่าร้อนลงนอนครวญ | ให้อักอ่วนอยู่ในจิตคิดคะนึง |
น้อยหรืออ้ายมังคลาสานุศิษย์ | มันคบคิดหนีกูรู้ไม่ถึง |
ประมาทหมิ่นลิ้นพาลสันดานดึง | ใช่จะพึ่งบุญญาบารมี |
แล้วหวนฮึกนึกมานะพระเจ้าขา | ขอให้ข้าสิ้นทุกข์เป็นสุขี |
จะไปปราบศัตรูหมู่ไพรี | อย่าให้มีแค้นเข็ญจงเย็นใจ |
แล้วลุกจากเก้าอี้เดินชี้นิ้ว | ให้หวิวหวิวหวั่นจิตคิดสงสัย |
กลัวอ้ายพวกทิ้งศิลาระอาใจ | แกจึ่งให้ขี่รถหมดด้วยกัน |
แล้วขึ้นบกยกถ้วนโยธาหาญ | ไปต้านทานต่อแย้งให้แข็งขัน |
พลางหยิบขวดยาสะกดหมดด้วยกัน | แล้วผายผันขึ้นรถหมดทุกคน |
พลางเดินทัพขับม้าเข้าหน้าค่าย | ท้าวโกสัยออกมารับอยู่สับสน |
เชิญบาทหลวงเข้าในห้องอยู่สองคน | แล้วคิดกลที่จะรับกองทัพไทย |
บาทหลวงว่าอย่าสลดจงอตส่าห์ | แม้นลมมาเป่าสำทับคงหลับใหล |
ในคราวนี้รอดตัวอย่ากลัวใคร | เอาให้ได้เมืองด่านชานบุรี |
จะออกรบดูลมเร่งสมทบ | อย่าหลีกหลบเร่งรับดั่งทัพผี |
แม้นเพลี่ยงพล้ำซ้ำเติมให้เต็มที | ชิงบุรีให้กระทั่งถึงลังกา ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์พงศ์นรินทร์สินสมุทร | กับราชบุตรวายุพัฒน์ให้จัดหา |
พวกพหลคนดีมีวิชา | เห็นทัพซาหยุดไปเป็นหลายวัน |
จงเร่งไปสืบข่าวเหล่าฝรั่ง | ไปคอยฟังดีร้ายเร่งผายผัน |
การอุบายหลายหลากมันมากครัน | ไปให้ทันค่ำวันนี้ที่ชุมนุม ฯ |
๏ ฝ่ายพวกพลนายทัพรับอาสา | รีบออกมาแต่งตัวแล้วมั่วสุม |
ได้เพื่อนกันหกนายไปชุมนุม | แอบสุมทุมภาวนามหามนต์ |
แล้วแฝงกายรายฟังกิตติศัพท์ | แม้นตรวจทัพแจกหมวกพวกพหล |
กับยาเมาที่จะเป่าทั่วทุกคน | ให้ไพร่พลเตรียมตัวทั่วทุกกอง |
พวกนายหมวดตรวจพหลพลรบ | มาสมทบเร่งกันผันผยอง |
เสนานายฝ่ายฝรั่งให้ตั้งกอง | เป็นสิบสองทัพประจบครบกระบวน |
แล้วสั่งกันวันพรุ่งนี้จะกรีทัพ | ไปตั้งรับคอยระดมเมื่อลมหวน |
จะเป่ายาเข้าไปในกระบวน | แล้วจึ่งสวนเข้าไปไล่ประจญ |
พวกมันเมาเอาไฟเข้าไล่จุด | ตีให้หลุดแหกเข้าด่านชานสิงหล |
พวกที่ไปสืบดูรู้ทุกคน | ที่ในกลข้าศึกมันตรึกตรอง |
แล้วชวนกันรีบออกมานอกค่าย | ต่างเรียงรายเข้าประมูลทูลฉลอง |
ตามที่ได้รู้ความตามทำนอง | มันตรึกตรองยาเมาจะเป่าควัน ฯ |
๏ ป่างพระจอมนฤบาลชาญสนาม | ครั้นทราบความสั่งพหลพลขันธ์ |
ให้ปลูกเป็นหอรบขึ้นครบครัน | อย่าให้ทันรุ่งรางสว่างตา |
เอาผ้าขาวยาวใหญ่ทำใบขึง | เอาสายตรึงโยนแขวนไว้แน่นหนา |
คอยบังลมโบกปัดจะพัดมา | กับพิษยาโบกไปให้ไกลคน |
แล้วสั่งให้ขนน้ำมาตั้งไว้ | ใส่โอ่งไหถ้วนทั่วตัวพหล |
เอาฝาปิดรายรอบไว้ชอบกล | สำหรับคนล้างตัวที่มัวเมา |
ครั้นเสร็จสรรพขับพหลพลรบ | ประจำครบชักสายบนปลายเสา |
คอยหันกลับรับล่างอย่างสำเภา | เมื่อลมเป่าจะได้ปัดพัดกระพือ |
คอยระวังนั่งรอบตามขอบค่าย | เกณฑ์พวกไพร่อย่าให้หลับจับสายถือ |
แล้วจัดพวกคนดีมีฝีมือ | ให้นั่งถือแหลนหลาวทั้งง้าวทวน ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายท่านครูผู้วิเศษ | ไหว้เทเวศร์วัชรินทร์พระอินทร์ศวร |
เข้าพิธีพลีกรรมตามกระบวน | คำรบถ้วนตามตำรับฉบับครู |
มหาเมฆตั้งมาบนอากาศ | สุนีบาตเปรี้ยงลั่นสนั่นหู |
พิรุณโรยโปรยปรอยเป็นฝอยฟู | เสียงอู้อู้ลมแดงดั่งแสงเพลิง |
จวนจะรุ่งสุริยาบนอากาศ | แต่ฝนสาดจานเจือจนเหลือเหลิง |
จนรุ่งฉายสายกระสินธุ์ไม่สิ้นเชิง | เป็นน้ำเจิ่งท่วมนองท้องสุธา ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง | ครั้นเห็นดวงสุริยนบนเวหา |
ให้เตรียมพวกพลไกรจะไคลคลา | จัดหยูกยาเครื่องสะกดหมดทุกคน |
จะยกออกต่อสู้หมู่ข้าศึก | ต่างเหิมฮึกแต่เห็นยังกำลังฝน |
จะคิดเป่ายาเบื่อยังเหลือทน | เพราะว่าฝนยังไม่หยุดสุดอาวรณ์ |
จะทำการไม่ถนัดยังขัดข้อง | ฟ้ายังร้องก้องดังฝั่งสิงขร |
คอยฝนหายจะขยายพลากร | กลับเข้านอนอยู่ห้องมองตำรา |
จนบ่ายแสงทินกรอาวรณ์หวัง | ไม่สมดั่งมุ่งมาดปรารถนา |
ฤดูนี้ใช่ฝนจนปัญญา | ไยจึงมาตกพรำจนย่ำเย็น |
เห็นผิดเพศเหตุไรไฉนหนอ | มาเกิดก่อเย็นฉ่ำจะทำเข็ญ |
หรือว่าพระวิญญาณบันดาลเป็น | คิดไม่เห็นครั้งนี้ที่มีมา |
ขอองค์พระเยซูมาชูช่วย | ให้รื่นรวยสมมาดปรารถนา |
จะได้ปราบพวกไทยในลังกา | ศาสนาเราจะกู้ให้อยู่เย็น |
จับอ้ายพวกประจามิตรที่คิดคด | มาแทนทดเพราะแสนที่แค้นเข็ญ |
จงบันดาลการร้อนให้ฝอนเย็น | การที่เป็นฝนปรายให้หายไป ฯ |
๏ ฝ่ายท่านครูจักราพฤฒาเฒ่า | ก็ตั้งเข้าอ่านเวทข้างเพทไสย |
พลกรรมร่ำภาวนาไป | ฝนมิได้ขาดเม็ดถึงเจ็ดวัน |
ด้วยมนต์ดลคาถาวิชาขลัง | เป็นน้ำขังทั่วไปทั้งไอศวรรย์ |
แล้วเกิดเป็นลมกล้าสลาตัน | ทั้งป่วนปั่นในนภางค์กลางทะเล |
กำปั่นรบเรียงรายอยู่ชายหาด | สมอขาดปะกันบ้างหันเห |
คลื่นกระแทกกระทบไหวดั่งไกวเปล | คนก็เซซบเมาอดข้าวปลา |
พวกต่างเมืองแต่บรรดาที่มาช่วย | ก็เจ็บป่วยหลายหลากมากนักหนา |
ก็อ่อนจิตคิดจะกลับไปพารา | จึงปรึกษาหมื่นขุนพวกมุลนาย ฯ |
๏ ท้าววะลำสำปันหนาชวาฉวี | จึ่งให้มีหนังสือไปให้สหาย |
ว่าผู้คนป่วยไข้ไม่สบาย | ทั้งล้มตายเสียก็มากได้ยากเย็น |
แล้วเดี๋ยวนี้ฝนฟ้าก็สาหัส | คลื่นก็จัดยากแค้นถึงแสนเข็ญ |
ทั้งอดน้ำอดข้าวทั้งเช้าเย็น | ทหารเป็นเหน็บตายเสียหลายพัน |
พอเขียนเสร็จสั่งให้คนไปบนบก | ตามวิตกเย็นร้อนคิดผ่อนผัน |
พวกคนใช้ผู้ถือหนังสือพลัน | ก็ชวนกันเข้าไปแจ้งแห่งคดี ฯ |
๏ ท้าวโกสัยไต่ถามตามกระแส | จึงรีบแก้ผนึกพลันตามสารศรี |
ให้คนงานอ่านคำนำคดี | ในสารศรีพระสหายถวายมา |
ให้ทราบความตามเรื่องที่เคืองขัด | มาวิบัติไพร่นายตายนักหนา |
ทั้งป่วยไข้หลายพันตันอุรา | เป็นเหน็บชาหลายอย่างต่างต่างกัน |
จะขอลาไปรักษาทหารก่อน | กลับนครกรุงไกรไอศวรรย์ |
พอหายเจ็บเหน็บชาสารพัน | จึ่งจะผันผ่อนมาช่วยราวี |
แม้นจะอยู่สู้ใครก็ไม่รอด | ลงนอนทอดทับทบดั่งศพผี |
ขอสหายกรุณาได้ปรานี | วันพรุ่งนี้แหละจะลาท่านคลาไคล ฯ |
๏ พอจบสารท้าววะลำสำปันหนา | บาทหลวงมาแล้วจึ่งแจ้งแถลงไป |
แกตบอกผางผางเป็นอย่างไร | เสียน้ำใจแทบชีวิตจะปลิดปลง |
ได้อ้ายพวกเหล่านี้เป็นที่พึ่ง | เปรียบเหมือนหนึ่งพุ่มไม้ไพรระหง |
พอบังแสงพระอาทิตย์ดั่งจิตจง | เป็นป้อมวงโล่ดั้งกำบังกาย |
จะขืนเอามันไว้ไหนจะอยู่ | ด้วยคนผู้เจ็บช้ำระส่ำระสาย |
เฮ้ยอ้ายท้าวโกสัยทั้งไพร่นาย | กอดกันตายมึงกับกูอยู่ด้วยกัน |
ชีวิตเดียวเคี่ยวขับอย่ากลับถอย | ถึงคนน้อยเอาให้ได้ไอศวรรย์ |
มีความรู้อยู่กับตัวอย่ากลัวมัน | คิดผ่อนผันกว่าจะสมอารมณ์ปอง |
ท้าวโกสัยได้ฟังสังฆราช | แกองอาจเหลือดีไม่มีสอง |
เพราะยังไม่เคยดูรู้ทำนอง | ก็จำต้องส่งท้ายเหมือนพายเรือ |
บาทหลวงชอบวิญญาณ์ว่ากล้าหาญ | อ้ายนี่นานไปจะดีอารีเหลือ |
คงจะได้ถิ่นฐานสืบว่านเครือ | ไว้เป็นเชื้อสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายท้าววะลำสำปันนา | ถอยเภตราล่องไปจากไอศูรย์ |
พายุปัดซัดไปเกาะไพฑูรย์ | ข้างทิศบูรพ์แล่นมาสิบห้าวัน |
ไม่พบฝั่งวังเวงวิเวกจิต | สังเกตทิศมืดมัวทั่วสวรรค์ |
ไม่เห็นแสงสุริยาฟ้าเป็นควัน | จะด้นดั้นแล่นไปก็ใช่ที |
ให้ทอดลำกำปั่นทั้งพันเศษ | เหลือสังเกตที่จะไปในวิถี |
ให้ล้มแกะแพะบวงสรวงพลี | ตามวิธีข้างชวามะลายู |
แล้วก็ตีรำมะนาภาษาเขา | เหมือนไหว้เจ้าสารพัดขาดแต่หมู |
แล้วสวดคำตามภาษามลายู | เชิญท่านผู้อารักษ์ช่วยทักทาย ฯ |
๏ จะกล่าวถึงเจ้ามหิงขสิงขร | อยู่ชะง่อนเขาไพฑูรย์จำรูญฉาย |
อันศักดิ์สิทธิ์ฤทธิแรงสำแดงกาย | ดูเป็นสายจากเขาลำเนาเนิน |
สว่างช่วงร่วงรุ้งพุ่งออกจาก | เชิงชะวากยอดลำเนาภูเขาเขิน |
ดูรูปการคล้ายกับหุ่นรุ่นจำเริญ | ลอยมาเดินอยู่ที่เสาบนเพลาใบ |
แล้วร้องบอกตามภาษาชวาฉวี | เองมานี่จะไปหนตำบลไหน |
หรือหลงทางกลางมหาชลาลัย | เร่งบอกไปกับกูให้รู้ความ ฯ |
๏ ฝ่ายท่านท้าวเจ้าวะลำสำปันหนา | ฟังเทวากล่าวกลอนสุนทรถาม |
จึงกล่าวคำร่ำแสดงให้แจ้งความ | ข้าแล่นข้ามมาแต่ฝั่งเกาะลังกา |
ด้วยสหายมีสารวานไปรบ | ช่วยสมทบรบพุ่งยุ่งนักหนา |
บังเกิดฝนคนเจ็บเป็นเหน็บชา | ต้องกลับมาคนตายลงหลายพัน |
จะกลับไปบ้านเมืองเพราะเคืองเข็ญ | แลไม่เห็นมืดสิ้นดินสวรรค์ |
ทั้งมหาสาคเรศขอบเขตคัน | อาทิตย์จันทร์มิได้เห็นเป็นพิกล ฯ |
๏ ฝ่ายมหิงขสิงขรเทวบุตร | ก็ทราบสุดเขาแถลงแห่งนุสนธิ์ |
จึ่งว่าท่านอย่าไปจะวายชนม์ | อันสิงหลคนเขาดีมีวิชา |
ใครชิงชัยไม่ชนะคงจะแพ้ | เป็นเที่ยงแท้บุญเขามากยากนักหนา |
เปรียบอย่างจอมจุลจักรมีศักดา | ทั้งชะตาผู้บำรุงก็รุ่งเรือง |
จงกลับไปนคราให้ผาสุก | อย่าไปรุกรบราให้ตาเหลือง |
กลับไปอยู่ถิ่นฐานครองบ้านเมือง | ไม่ได้เรื่องอย่าไปช่วยให้ป่วยการ |
พลางก็ชี้แถวทางกลางกระสินธุ์ | กลับไปถิ่นนคเรศประเทศสถาน |
ไปทางทิศข้างอุดรผ่อนสำราญ | ไม่ช้านานก็จะถึงอย่าพึงแคลง |
แล้วเทวาจึ่งเหาะไปเกาะใหญ่ | เมื่อลอยไปเห็นสว่างกระจ่างแสง |
ครั้นถึงยอดเกาะใหญ่เหมือนไฟแดง | แล้วหายแสงไปกับเขาลำเนาเนิน |
พวกกำปั่นพันลำยกมือไหว้ | เทพไทเจ้าเกาะเมื่อเหาะเหิน |
แล้วชักใบแล่นมาตามหน้าเนิน | พ้นเขาเขินหมายทางข้างอุดร |
พอเห็นดวงสุริยาภาณุมาศ | ขึ้นโอภาสแจ่มจำรัสประภัสสร |
สุดสิ้นแสงสุริยาดารากร | ศศิธรแจ่มกระจ่างดังกลางวัน |
ที่มืดมนอนธการบันดาลหาย | ทั้งไพร่นายปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
พลางแล่นลัดตัดมาได้ห้าวัน | ถึงเขตคันนคเรศประเทศตน ฯ |
๏ ฝ่ายท่านครูผู้ชำนาญฌานกสิณ | พอครบสิ้นวันพิธีที่ขอฝน |
ก็ออกจากบัดพลีที่มณฑล | พายุฝนหายพลันไปทันที ฯ |
๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | โองการตรัสกับเสนาบดีศรี |
ยังไปสิ้นสงครามจะตามตี | ให้ไพรีย่อยยับอัปรา |
จึงตรัสกับจักราพฤฒาเฒ่า | ว่าตัวเราจะยกไปอย่างไรหนา |
จะสิ้นเคราะห์หรืออย่างไรในตำรา | ท่านจงหาฤกษ์ดูให้รู้ความ ฯ |
๏ ฝ่ายท่านครูผู้ประสิทธิ์ฤทธิเวท | ได้ทราบเหตุโดยอย่างรับสั่งถาม |
ก็คูณหารจันทร์ลัคน์ประจักษ์ความ | แล้วทูลตามตำรับฉบับครู |
ถึงจะยกออกไปไม่ชนะ | ด้วยว่าพระเสาร์กลับทับราหู |
แล้วก็ร่วมธาตุติดมฤตยู | จันทร์ก็อยู่มังกรมักร้อนใจ |
ทั้งลัคนามาอยู่ธนูด้วย | มักเจ็บป่วยไม่สู้ดีคัมภีร์ไสย |
เขาทายตามลัคน์จรมักร้อนใจ | อย่าเพ่อไปจากประเทศเขตนคร ฯ |
๏ พระทรงฟังอาจารย์แกทานทัด | โองการตรัสกับพระหลานชาญสมร |
เราก็ควรจะหยุดสุดสาคร | เจ้ารีบจรไปรักษาเมืองป่าตาล |
หัสไชยไปด้วยได้ช่วยพี่ | อันเมืองนี้ใกล้ลังกามหาสถาน |
อาจจะอยู่รักษาหน้าปราการ | ที่ชายด่านคงคาชลาลัย |
สินสมุทรวายุพัฒน์คอยตัดทัพ | ไปคอยรับอยู่ที่ท่าชลาไหล |
แม้นข้าศึกฮึกหาญประการใด | จะบอกไปให้เจ้ากลับมารับรอง ฯ |
๏ สุดสาครหัสไชยเกณฑ์ไพร่พร้อม | ทูลลาจอมภพไกรไปทั้งสอง |
เป็นทัพบกยกไปดั่งใจปอง | ไปกักช่องพาราเมืองป่าตาล ฯ |
๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง | ครั้นเห็นดวงสุริยงส่งแสงฉาน |
ที่มืดมัวฟ้าฝนอนธการ | ก็บันดาลหายไปเห็นได้การ |
ปรึกษาท้าวโกสัยเห็นได้ช่อง | จัดแจงกล้องเป่ายาแล้วว่าขาน |
แต่ทัพเรือเหลืออยู่ดูอาการ | จะหักหาญทางน้ำประจำคน |
จงเตรียมเรือเหนิอใต้ไว้ให้พร้อม | เราจะอ้อมตีตัดแม้นขัดสน |
จงคอยช่วยอุดหนุนพวกขุนพล | ได้ประจญรบรับกองทัพไทย |
แกสั่งเสร็จให้เสมียนเขียนหนังสือ | เร่งให้ถือลงไปแจ้งแถลงไข |
ลงไปลำกำปั่นด้วยทันใด | บอกนายไพร่แต่บรรดาพวกมาเรือ |
แล้วหยิบธงส่งให้คนใช้รับ | อาญาทัพบอกไปทั้งใต้เหนือ |
เครื่องอาวุธอย่างบังคับแม่ทัพเรือ | ใครขาดเหลือหาใส่ในกระบวน |
เสนารับจับธงตรงไปสั่ง | คอยระวังตามระบอบเร่งสอบสวน |
สั่งทหารฝ่ายหน้าเวลาจวน | ตั้งกระบวนตามบังคับคอยรับรอง |
แล้วกลับมาโดยบังคับแม่ทัพสั่ง | บาทหลวงนั่งเร่งรัดให้จัดของ |
เครื่องอาวุธยุทธนาขนมากอง | ขุนนางรองแจกทั่วทุกตัวคน ฯ |
๏ ครั้นฤกษ์ดีตีกลองร้องประกาศ | ขุนอำมาตย์พร้อมพรั่งทั้งพหล |
พอสายัณห์ตะวันตกเร่งยกพล | เหล่าพหลเดินกระบวนถ้วนทุกคน |
บาทหลวงขึ้นรถฝรั่งนั่งกำกับ | เป็นแม่ทัพตรวจดูหมู่พหล |
ท้าวโกสัยต้อนหลังระวังพล | ขับพหลจัตุรงค์ทรงอาชา |
เหน็บกระบี่ฝักทองกล้องสลัด | ใส่หมวกปัสวะหล่ำงามนักหนา |
สำหรับที่ไทท้าวเจ้าลังกา | ถือเช็ดหน้าโหมดเทศข้างเพศตัว |
ใส่เสื้อดำกำมะหยี่อย่างฝรั่ง | บาทหลวงตั้งให้เป็นใหญ่ถือไม้ตั๋ว |
บังคับคนเชื่อฟังฝรั่งกลัว | รู้กันทั่วแต่บรรดาเสนานาย |
ยกพหลพลทัพมาคับคั่ง | ถึงกระทั่งล้อมค่ายดั่งใจหมาย |
ทุกหมู่หมวดตรวจพหลพลนิกาย | ให้ตั้งรายเรียงไปในกลางคืน ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์พงศ์นรินทร์สินสมุทร | สั่งให้จุดปืนสัญญาไม่ฝ่าฝืน |
เร่งพหลพลทหารชำนาญปืน | ให้ออกยืนหน้าค่ายรายระวัง |
พลโล่โตมรศรกำซาบ | ทั้งดั้งดาบง้าวทวนกระบวนหลัง |
ทหารหอกออกหน้าดาประดัง | พร้อมสะพรั่งแสนยาพลากร |
วายุพัฒน์ราชบุตรสุดสวาท | ไม่ห่างบาทบพิตรอดิศร |
สองพระองค์ทรงกัณฐัศว์อัสดร | คอยขับต้อนกองหัดทั้งจัดเจน |
อ้ายยักษ์หมีถือกระบองมองเขม้น | ทั่งโลดเต้นดาแดงดั่งแสงเสน |
เดินข้างม้ากัณฐัศว์ทั้งจัดเจน | ทหารเขนหนุนหลังระวังภัย |
ยกออกมาหน้าค่ายไฟสว่าง | แลสล้างดาษดาสุธาไหว |
โห่สนั่นครั่นครั้นยิงปืนไฟ | พลไพร่กองหน้าเข้าราวี ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชชาติอังกฤษ | กำเริบจิตปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
ไล่ทหารกองหน้าเข้าราวี | เร่งให้ตีกลองรบสมทบพล |
ยิงปืนตับคาบชุดอาวุธสั้น | เข้าโรมรันเร่งทัพขับพหล |
เสียงตูมตึงผึงผางทางประจญ | ถูกไพร่พลทั้งสองฝ่ายตายเป็นเบือ |
แกเร่งพวกเป่ายาเข้ามาพร้อม | สั่งให้อ้อมหลีกไปข้างฝ่ายเหนือ |
แม้นลมล่องเป่าประสานให้จานเจือ | ขึ้นข้างเหนือน้ำร่ำกระหน่ำไป |
แกสั่งเสร็จพวกทหารชาญสมร | ก็รีบร้อนเดินเรียงเคียงไสว |
ที่รบรับสัประยุทธ์โยนชุดไฟ | แต่ชิงชัยกันจนดึกเสียงครึกโครม |
พอลมล่องกองยาพากันเป่า | พร้อมกันเข้าหลายคันเป็นควันโหม |
ดูเหมือนหมอกหอบน้ำค้างกลางโพยม | มันประโคมเป่าลงเป็นผงคลี |
ถูกพหลพลไพร่มิได้รู้ | ลงง่วงอยู่ริมทางกลางวิถี |
พวกฝรั่งไล่บุกเข้าคลุกคลี | สกัดตีแตกยับทั้งทัพไทย ฯ |
๏ สินสมุทรถอยทัพกลับเข้าค่าย | ทั้งไพร่นายนอนซบสลบไสล |
ให้ง่วงเหงาหาวนอนทั้งอ่อนใจ | บ้างหลับไม่รู้ตัวลงมัวเมา |
สินสมุทรวายุพัฒน์กษัตริย์สอง | ให้หม่นหมองในพระทัยดังไฟเผา |
ขึ้นพลับพลาหน้าหอรบลงซบเซา | ให้มึนเมาหลับสนิทดั่งนิทรา |
แต่อ้ายยักษ์มักกะสันมันไม่แพ้ | คอยดูแลไพร่นายทั้งซ้ายขวา |
ถือกระบองเดินไขว่อยู่ไปมา | ตามข้างหน้าหอรบทำหลบลวง ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชชาติอังกฤษ | เห็นสมคิดจะเอาไฟเผาค่ายหลวง |
จึงเร่งทัพขับไพร่ไล่ทะลวง | เห็นคนง่วงเงียบไปทั้งไพร่นาย[๑] |
ไม่โงหัวออกรบสลบนิ่ง | เหมือนขอนทิ้งกลิ้งอยู่ดูเกลื่อนค่าย |
ด้วยฤทธิ์ยาพาหลับเหมือนกับตาย | เพราะอุบายกูแน่ไม่แพ้คน |
สมความคิดจิตเปรมเกษมสุข | สว่างทุกข์เรียกเหล่าชาวพหล |
จึ่งให้ยกเข้าไปพร้อมไพร่พล | แกเร่งคนเร็วราอย่าช้าที |
พลางเรียกท้าวโกสัยไวไวหวา | อย่านิ่งช้าจะสว่างกลางวิถี |
สมความคิดรีบเข้าไปจับไพรี | ไปทั้งที่กลางชลาให้ปลากิน |
พวกพหลพลฝรั่งสะพรั่งพร้อม | เข้าแวดล้อมค่ายหน้าชลาสินธุ์ |
กรูเข้าไปในด่านชานบุรินทร์ | เห็นคนสิ้นสติหลับทั้งทัพไทย |
อ้ายยักษ์หมีเห็นคนมาล้นหลาม | ขู่ค่ารามแกว่งขวานสะท้านไหว |
ออกโลดเต้นเข่นเขี้ยวประเดี๋ยวใจ | เข้าลุยไล่พวกฝรั่งไม่รั้งรอ |
เอาขวานฟันหันหกผงกผงะ | ไล่ฟันฉะวิ่งแยกแตกกันสอ |
ฝรั่งเอาง้าวฟันถูกก้านคอ | มันหัวร่อเสียงดังก้องกังวาน |
เอาปืนยิงตูมตึงเสียงผึงโผง | ถูกซี่โครงมันไม่เข้าเหล่าทหาร |
ระดมยิงพร้อมกันประจัญบาน | มันเอาขวานฟันตายลงก่ายกอง |
แย่งเอาเครื่องสาตราทั้งอาวุธ | ปืนคาบชุดชิงเอาจากเจ้าของ |
พวกฝรั่งวิ่งกลัวหนังหัวพอง | บาทหลวงร้องจับให้ได้เอาไฟโยน |
น้ำมันกรดสาดไปเป็นหลายครั้ง | มันเอาหนังปัดโลดกระโดดโผน |
ไม่ถูกต้องว่องไวมันไล่โจน | ควักเอาโคลนดับหายสบายใจ |
คนที่กรูเข้าไปอยู่ไม่รอด | วิ่งเล็ดลอดออกมาหาที่อาศัย |
มันฆ่าตายหลายร้อยต้องถอยไป | จนอุทัยรุ่งรางสว่างตา ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายนายด่านเมืองปากน้ำ | แต่หัวค่ำเสียงพื้นแต่ปืนผา |
ให้คนใช้ไปด่านชานชลา | สืบกิจจาเหตุการณ์สถานใด |
ครั้นแจ้งความรีบไปเข้าในด่าน | เอาข้อการทูลแจ้งแถลงไข |
ศรีสุวรรณนิ่งอึ้งตะลึงตะไล | ตกพระทัยเพียงจะดิ้นสิ้นชีวง |
แล้วสั่งพวกเสวกาพฤฒามาตย์ | ไปบอกราชนัดดาในป่าระหง |
ว่าเชษฐาออกประจญรณรงค์ | ให้งวยงงเมาหลับทั้งทัพไทย ฯ |
๏ ฝ่ายเสนาข้าทูลละอองบาท | พอภาณุมาศไตรตรัสจำรัสไข |
ขึ้นควบขับจับม้ารีบคลาไคล | ตามออกไปถึงหน้าเมืองป่าตาล |
สุดสาครหัสไชยตื่นไสยาสน์ | พร้อมอำมาตย์เสวกาที่หน้าฉาน |
พอม้าใช้ไปแถลงแจ้งอาการ | ทูลพระผ่านนคเรศเขตลังกา |
ตามเรื่องต้นหนหลังอย่างที่กล่าว | นำเอาข่าวทรงเดชพระเชษฐา |
ด้วยพระจอมจัตุรงค์องค์พระอา | ให้เชิญฝ่าพระบาทไปปราบไพริน |
สุดสาครหัสไชยพระทัยหาย | รีบผันผายกลับหลังอย่างถวิล |
เลิกพหลพลมายังธานินทร์ | ครั้นถึงถิ่นเข้าเฝ้าพระเจ้าอา ฯ |
๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | โองการตรัสเศร้าสร้อยละห้อยหา |
ว่าหลานเอ๋ยพี่ชายกับนัดดา | ไปปราบข้าศึกข้างฝ่ายริมชายชล |
ถูกยาเบื่ออ้ายฝรั่งสังฆราช | ลงนอนกลาดกลิ้งเกลือกเสลือกสลน |
พ่อกับอามาไปกับไพร่พล | จะได้ขวนขวายแก้ที่แน่ไป |
เชิญท่านครูผู้เฒ่าเอาไปด้วย | จะได้ช่วยผันแปรคิดแก้ไข |
ครั้งนี้เป็นการร้อนอย่านอนใจ | พลางยกไปจากด่านชานบุรี |
สามพระองค์ทรงพระยาอาชาชาติ | ล่วงลีลาศจากทางหว่างวิถี |
ครั้นถึงในค่ายชลาหน้าบุรี | เข้าไปที่พลับพลาแล้วจาบัลย์ |
เห็นหลานรักหลับนิ่งพิงเขนย | ตระกองเกยช้อนเศียรแล้วรับขวัญ |
อาดูรดิ้นดั่งจะสิ้นชีวาวัน | พลางรำพันความหลังนั่งประคอง |
สินสมุทรนัดดาของอาเอ๋ย | จะละเลยพงศ์เผ่าให้เศร้าหมอง |
มาเป็นกรรมทำศึกไม่ตรึกตรอง | จนหม่นหมองรันทดสลดลง |
พระร่ำเรียกสักเท่าไรไม่รู้สึก | ทรวงสะทึกถอนพระทัยอาลัยหลง |
พ่อดับสูญชีวิตถึงปลิดปลง | อาก็คงตายตามยามกันดาร |
พ่อเพื่อนยากจากไปมิได้กลับ | อนาถนับคืนวันโดยสัณฐาน |
แล้ววางองค์ลงกับแท่นแสนรำคาญ | มาดูหลานวายุพัฒน์ยิ่งอัดทรวง |
สุดสาครหัสไชยไห้สะอื้น | ปลุกไม่ฟื้นเสียพระทัยเป็นใหญ่หลวง |
พลางโศกาอาลัยที่ในทรวง | ให้เหงาง่วงเศร้าพระทัยไม่สบาย ฯ |
๏ ป่างพระองค์ผู้ดำรงรมจักร | เรียกอ้ายยักษ์หมีมาเวลาสาย |
แล้วจึ่งถามเหตุผลแต่ต้นปลาย | มันบรรยายเล่าแถลงแจ้งคดี |
พระทราบความถามซักประจักษ์แจ้ง | ที่เคลือบแคลงก็ประจักษ์เพราะยักษี |
จึงตรัสกับพฤฒาเสนาบดี | ใครจะมีปัญญาวิชาการ |
คิดแก้ไขให้นัดดาพ้นอาสัญ | จะแปงปันขอบเขตประเทศสถาน |
ให้กึ่งแดนแทนผู้มีปรีชาชาญ | แก้พระหลานเราให้ฟื้นได้คืนคง |
แล้วตรัสกับจักราพฤฒาเฒ่า | แถลงเล่าโดยความตามประสงค์ |
เชิญท่านดูสินสมุทรภุชพงศ์ | จะดำรงชีวันหรือบรรลัย |
อาจารย์เฒ่าเข้านั่งตั้งสติ | ตามลัทธิโดยวิถีคัมภีร์ไสย |
ก็รู้แท้แน่ตระหนักประจักษ์ใจ | จึงทูลไทเจ้าประเทศเขตนคร |
ไม่ดับสูญจะมีผู้มาชูช่วย | ที่จะม้วยมรณังนั่นยังก่อน |
ไม่เป็นไรในตำราอย่าอาวรณ์ | พระเคราะห์จรเข้าซ้ำจึงจำเป็น |
ข้าพเจ้าเป็นแต่รู้ดูตำรับ | จะให้ดับเมาเบื่อเหลือจะเข็ญ |
เรื่องมดหมอสิ่งไรก็ไม่เป็น | จะดับเข็ญเหลือรู้ครูไม่มี |
พระทรงฟังจักราพฤฒาเฒ่า | ยิ่งร้อนเร่าที่ในจิตดังพิษฝี |
กันแสงพลางทางโศกแสนทวี | ไม่รู้ที่จะคิดอ่านสถานใด ฯ |
๏ จะกล่าวถึงผีย่าวายุพัฒน์ | เขาเคยจัดของเซ่นเป็นนิสัย |
ถ้วนคำรบเจ็ดวันเข้าทันใด | ก็เคยไปรับประทานของหวานคาว |
แล้วแลรอบขอบเขตประเทศสถาน | ปิศาจมารรีบมาแต่ฟ้าขาว |
ถึงนิเวศน์เขตแคว้นในแดนดาว | อันเรื่องราวแจ้งใจเหมือนได้ยิน |
บุราณว่าหูผีจมูกมด | มันรู้หมดอย่างที่ในใจถวิล |
การที่ในลังกาทั้งธานินทร์ | ก็รู้สิ้นรีบไปมิได้นาน |
เหมือนลมปลิวฉิวถึงมิทันช้า | เห็นเมายาเข้าจมูกทั้งลูกหลาน |
แม้นมิเข้าคนทรงให้วงศ์วาน | มันแจ้งการจะไม่แก้ที่แพ้ยา |
แม้นถ้วนถึงเจ็ดทิวาตาจะบอด | ไหนจะรอดชีวังคงสังขาร์ |
แล้วทำให้เป็นลมระดมมา | พัดพลับพลาแทบจะเอนระเนนลง |
เสียงฮือฮือเป็นพยุระบุระบัด | กระพือพัดป่าไม้ไพรระหง |
ประเดี๋ยวใจเป็นเงาเข้าคนทรง | ที่ลมวงเวียนไปก็หายพลัน |
อ้ายคนดีผีเข้าก็สั่นหรับ | นัยน์ตาหลับเคลิ้มไปเหมือนใฝ่ฝัน |
แล้วจึงว่าฮ้าเฮ้ยเจ้าพวกเผ่าพันธุ์ | ไม่แก้กันก็จะตายวายชีวง |
กูนี้หรือคือแม่สินสมุทร | จะม้วยมุดอย่าไว้ใจอย่าใหลหลง |
เร่งแก้ไขเสียให้หมดจะปลดปลง | จึงจะคงชีวาไปธานี ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมนครินทร์ปิ่นกษัตริย์ | โองการตรัสปลอบประโลมนางโฉมศรี |
พี่นี้หรือคือผีเสื้ออยู่วารี | ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ข้าอย่าอาดูร |
มิได้เห็นเป็นแต่พระเชษฐา | กับหลานยาบอกว่าลับล่วงดับสูญ |
แต่ครั้งนี้พี่จงช่วยอนุกูล | อย่าให้สูญปีวันถึงบรรลัย ฯ |
๏ นางปีศาจชาติเชื้อผีเสื้อสมุทร | จึงยั้งหยุดเล่าแจ้งแถลงไข |
ออกจากคนทรงพลันด้วยทันใด | สำแดงให้เห็นกายทั้งใหญ่โต |
ทั้งเขี้ยวยาวราวสักศอกตากลอกกลับ | เหมือนหนึ่งกับยังเป็นเที่ยวเผ่นโผ |
ในกระสินธุ์ถิ่นชลาสาคโร | ช่างใหญ่โตเต็มประดาดูน่ากลัว |
แล้วสำแดงแปลงเป็นรูปนิมิต | ไว้จริตโดยทำนองให้น้องผัว |
ดูให้เห็นจำแลงเมื่อแปลงตัว | งามยังชั่ววงศ์พักตร์ลักขณา |
ศรีสุวรรณดูนางไม่วางเนตร | ช่างวิเศษเพราพริ้งยิ่งนักหนา |
แล้วนางปีศาจบอกชาติยา | เอาธาราหวานแก้ที่แปรปรวน |
คือตัวขัณฑสกรนั้นถอนพิษ | ให้ดวงจิตอิ่มเอมเกษมสรวล |
เร่งไปแก้กันอย่าช้าเวลาจวน | พอลมหวนหายวับไปกับตา ฯ |
๏ ฝ่ายพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | โองการตรัสไปพลันด้วยหรรษา |
ไปเอาขัณฑสกรมาถอนยา | ให้เสนารีบไปในบุรินทร์ |
พวกเสนาขึ้นมาอาชาชาติ | ล่วงลีลาศรีบไปดังใจถวิล |
ก็เข้าไปในประเทศเขตบุรินทร์ | พร้อมกันสิ้นได้ยากลับมาพลัน |
ถวายองค์ทรงเดชเกศกษัตริย์ | โองการตรัสให้ละลายใส่แม่ขัน |
แล้วตักใส่ลงในจอกสุวรรณ | พระทรงธรรม์หยอดประทานพระหลานยา ฯ |
๏ ฝ่ายพระองค์พงศ์นรินทร์สินสมุทร | ยังไม่สุดชีวังสิ้นสังขาร์ |
ได้รสหวานซ่านเส้นเย็นอุรา | ถอนพิษยาเบื่อเมาบรรเทาคลาย |
ค่อยพลิกฟื้นคืนสมประดีได้ | บรรเทาในทรวงเดือดก็เหือดหาย |
ทั้งวายุพัฒน์โฉมเฉลาบรรเทาคลาย | ที่เมามายในอารมณ์ได้สมประดี |
ทั้งสององค์กราบก้มบังคมบาท | รอดชีวาตม์ได้ประณตบทศรี |
ทั้งนี้เพราะบุญญาบารมี | ได้เป็นที่พึ่งพาอานุกูล |
หาไม่ตายวายชีวาเพราะข้าศึก | อนาถนึกเห็นชีวาตม์จะขาดสูญ |
แม้นพระอามิได้มาอนุกูล | ก็จะสูญยังแต่ชื่อเขาลือชา ฯ |
๏ ป่างพระศรีสุวรรณวงศ์พงศ์กษัตริย์ | โองการตรัสเล่าพลันด้วยหรรษา |
อาก็สิ้นความรู้สิ้นครูบา | ท่านจักราเล่าก็จนพ้นจะตรอง |
นี่หากพี่ผีเสื้อมารดาเจ้า | มาวิ่งเข้าแจ้งกลที่หม่นหมอง |
บอกให้แก้ยาเมาเอามาลอง | เจ้าทั้งสองจึงดำรงคงชีวัง |
สินสมุทรทราบว่ามารดาช่วย | พลางรื่นรวยสมจิตที่คิดหวัง |
กันแสงพลางฝืนองค์ทรงกำลัง | สั่งให้ตั้งเป็นศาลเชิญมารดา |
ศรีสุวรรณครั้นค่อยคลายวายวิโยค | บรรเทาโศกสมมาดปรารถนา |
จึ่งสั่งพวกเสนีมีปรีชา | ให้เอายาแก้คนที่หม่นมัว |
ขุนนางรับจับจอกกรอกไปหมด | พอได้รสต่างผงกบ้างยกหัว |
บ้างที่ลุกขึ้นเซายังเมามัว | กินกันทั่วหายหมดไม่ปลดปลง |
พวกที่ทำศาลเสร็จตั้งเป็ดไก่ | ทั้งเหล้าไข่สิ่งของต้องประสงค์ |
แล้วให้เรียกพวกพลเป็นคนทรง | มานั่งตรงหน้าศาลฉันสังเวย |
แล้วเรียกพวกที่เดินเชิญผีเสื้อ | ทั้งไก่เนื้อเชิญมาลงจงเสวย |
ข้าแต่งตั้งรับรองของที่เคย | มาสังเวยให้สบายเจ้านายเรา ฯ |
๏ จะกล่าวถึงอสุรีนางปีศาจ | เขาประกาศนึกอยากออกจากเขา |
ประเดี๋ยวหนึ่งถึงตรงเข้าทรงเอา | สั่นเทาเทาหลับตาแล้วว่าไป |
ร้องเรียกมาว่ากระไรจะไต่ถาม | หรือมีความเคืองเข็ญเป็นไฉน |
จงบอกเล่าไปแก่เราให้เข้าใจ | ตามที่ในเองประสงค์จำนงปอง ฯ |
๏ สินสมุทรกราบกรานสงสารแม่ | ให้ท้อแท้เศร้าในพระทัยหมอง |
แล้วจึ่งว่าข้าประสงค์จำนงปอง | จะฉลองพระคุณกรุณา |
ขอเชิญบาทมาตุรงค์มาทรงศาล | ที่เชิงชานหาดนี้ดีนักหนา |
จะได้ช่วยคุ้มภัยสิ่งใดมา | ขอจงปรานีบุตรสุดอาวรณ์ ฯ |
๏ นางปีศาจว่ากูอยู่ไม่ได้ | ด้วยมิใช่ปู่เจ้าเขาสิงขร |
จะมาอยู่เมืองบ้านชานนคร | ใช่สิงขรเทเวศป้องเขตคัน |
กำเนิดกูอยู่ถ้ำที่ต่ำใต้ | เพราะมิใช่ท้าวพระยาที่อาสัญ |
จะมาสิงอยู่ที่ศาลกินหวานมัน | ชั่วกัลป์อยู่ดำรงทรงแผ่นดิน |
แม้นมีทุกข์ขุกเข็ญเหมือนเช่นนี้ | จงเร่งตีโทนให้ดังอย่างถวิล |
จะมาช่วยทุกขาที่ราคิน | กว่าจะภิญโญยงคงชีวัง |
แล้วรับเครื่องที่เซ่นเช่นกับผี | เอารสที่วางไว้น้ำใจหวัง |
ครั้นอิ่มหนำพร่ำว่าด้วยวาจัง | จะนอนนั่งกินอยู่คอยดูแล |
อันข้าศึกปึกแผ่นยังแน่นหนา | ฟังมารดาจงระวังอย่าห่างแห |
ยังไม่พ้นศัตรูจงดูแล | จะคิดแก้กลศึกหมั่นตรึกตรอง |
มันจะใส่ยาเบื่อข้างเหนือน้ำ | จะเร่งทำบ่อไว้ให้เจ้าของ |
ทำฝาปิดบังไว้ดั่งใจปอง | เอาผ้ากรองเมื่อจะกินสิ้นทุกคน |
ตามแม่น้ำลำคลองทั้งสองฟาก | ถึงจะอยากก็อย่าตักเอาภักษ์ผล |
ต่อเจ็ดวันจึงจะหายในสายชล | อย่าให้คนกินอาบจงปราบปราม |
นางร้องว่าแม่จะลาไปก่อนแล้ว | แม้นลูกแก้วอยู่ที่นี่อย่าผลีผลาม |
จงจำคำมารดาอย่าอ่อนความ | ให้ต้องตามบทเบื้องเรื่องบุราณ |
ชาติฝรั่งอังกฤษมันบิดเบี้ยว | จะขับเคี่ยวเชิงวิวาทอย่าอาจหาญ |
รักษาตัวไว้ให้มั่นในสันดาน | แม้นเกิดการแล้วคิดถึงจึ่งจะมา |
แล้วคนทรงล้มหงายตัวหายสั่น | เหมือนหนึ่งฝันมิได้แจ้งแห่งภาษา |
ฝ่ายพระจอมรมจักรนัครา | ให้ตรวจตราพลขันธ์ไว้มั่นคง ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายสังฆราชชาติอังกฤษ | แกนั่งคิดหาโอกาสสาดยาผง |
หมายจะล้างชีวิตให้ปลิดปลง | ถึงทนคงถูกเบื่อก็เหลือตาย |
เอาไปโรยเหนือน้ำค่ำวันนี้ | ในวารีวังวนชลสาย |
แม้นมันกินมิได้รอดคงวอดวาย | เอาให้ตายเสียให้สิ้นเหมือนริ้นยุง |
พลางเรียกท้าวโกสัยไวไวหวา | กับเสนาพวกฝรั่งให้ตั้งหุง |
ของเบื่อเมาเข้าโหราเอามาปรุง | ตั้งกองหุงเจือจานใส่สารลง |
ครั้นสำเร็จเสร็จสมอารมณ์นึก | แล้วตรองตรึกโดยนิยมสมประสงค์ |
จึงจัดพร้อมคนฝีมือที่ซื่อตรง | ให้เดินวงอ้อมไปเที่ยวใส่ยา |
ในแม่น้ำลำคลองทั้งสองฟาก | แม้น้ำมากคนกินสิ้นสังขาร์ |
จงรีบไปตามกันดังสัญญา | อย่าให้ช้าเอาไปใส่ในนที |
ฝรั่งรับห่อยาพากันอ้อม | เที่ยวเดินด้อมลัดไปในวิถี |
ถึงแม่น้ำลำคลองช่องวารี | ชวนกันรี่เร็วไปแล้วใส่ยา ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมรมจักรนัคเรศ | ครั้นทราบเหตุสั่งพหลพลอาสา |
ให้ไปเที่ยวบอกกล่าวชาวพารา | เอากิจจานี้แจ้งทุกแห่งไป |
ทั้งแว่นแคว้นแดนลังกาอาณาจักร | อย่าให้ตักวารินกระสินธุ์ใส |
ในแม่น้ำลำคลองห้วยหนองใน | ให้อดใจเจ็ดวันดังสัญญา |
คิดอ่านขุดวารินพอกินอาบ | พวกสัตว์บาปคุมคิดกันอิจฉา |
มันแกล้งทำเหมือนขโมยเที่ยวโรยยา | ชาวพาราบอกให้ทั่วทุกตัวคน |
แล้วรีบไปในลังกาอาณาเขต | เที่ยวบอกเหตุโดยระบอบขอบสิงหล |
ไม่หยุดหย่อนร้อนใจทั้งไพร่พล | เที่ยวเวียนวนบอกไปทั้งไพร่นาย |
แล้วไปบอกทัพหน้าพวกวาโหม | วาหุโลมรู้ทุกคนต่างขวนขวาย |
ตามธารท่าสาชลเห็นคนกราย | แล้วแวดชายจับมาอย่าช้าที |
แล้วเกณฑ์กันขุดบ่อทำท่อน้ำ | คนประจำเกณฑ์กะเฝ้าสระศรี |
เอาไม้ทำฝาปิดสนิทดี | ปันหน้าที่คอยระวังให้นั่งยาม ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายฝรั่งพวกอังกฤษ | เอายาพิษห่อไปมิได้ขาม |
ค่อยลัดแลงแปลงแปลกเป็นแขกจาม | เดินไปตามริมท่าชลาลัย |
ถือคันเบ็ดมีสายสะพายข้อง | เที่ยวจดจ้องริมท่าชลาไหล |
เอาเบ็ดหย่อนตกปลาพากันไป | คนที่ไหนไม่พะวงคิดสงกา |
พอลับคนมันเอายาปาลงน้ำ | ครั้นเย็นค่ำรีบไปเที่ยวไล่หา |
แล้วพูดกันเป็นสำเนียงเสียงชวา | ที่ได้ปลาหิ้วไปคนไม่แคลง |
แล้วพากันกลับไปเข้าในป่า | ทำเป็นหาฟืนตองเที่ยวกองแฝง |
ครั้นพลบค่ำเดินตัดเที่ยวลัดแลง | ค่อยแอบแฝงกลับไปเข้าไพรพลัน |
บาทหลวงแกดีใจพลางไต่ถาม | ครั้นแจ้งความอิ่มเอมเกษมสันต์ |
สมคะเนไม่ต้องรุกต้องทุกบัน | จะรบกันไม่ได้เรื่องให้เปลืองตน |
อันอุบายครั้งนี้มันดีเหลือ | วิสัยเสือไว้ลายที่ปลายขน |
เฮ้ยอ้ายท้าวโกสัยจัดไพร่พล | ไว้คอยปล้นเมืองด่านชานบุรินทร์ ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายในลังกาอาณาจักร | พวกสำนักอยู่ท่าชลาสินธุ์ |
เห็นฝูงสัตว์มัจฉาในวาริน | บ้างโดดดิ้นตายกลาดดาษดา |
ทั้งกุ้งกั้งเต่าปูอยู่ในน้ำ | ลอยออกคล่ำม้วยชีวังสิ้นสังขาร์ |
ฝูงวิหคนกบินลงกินปลา | ก็มรณาล้มตายลงก่ายกอง |
พวกชาวเมืองเห็นประหลาดอนาถนัก | แจ้งประจักษ์ไปประมูลทูลฉลอง |
ว่าฝูงสัตว์ล้มตายลงก่ายกอง | ทั้งลำคลองแม่น้ำออกคล่ำไป |
พระทรงฟังสังรเสริญนางปีศาจ | ว่าเชื้อชาติพวกยักษ์แต่ตักษัย |
ยังอุตส่าห์มาแถลงให้แจ้งใจ | เป็นนิสัยรักบุตรจนสุดปราณ |
ควรจะต้องนับถือไว้ชื่อเสียง | เป็นอย่างเยี่ยงดินฟ้าสุธาสถาน |
ได้รู้เหตุหลายอย่างเพราะนางมาร | มาบันดาลออกให้จึ่งได้ความ |
พระจึ่งสั่งเสวกาพฤฒามาตย์ | จงแผ้วกวาดจัดแจงแต่งสนาม |
สำหรับรับศัตรูสู้สงคราม | ทั้งขวากหนามกรวดทรายเอารายกอง |
แต่บรรดาทางเข้าเอาไปใส่ | ทั้งปืนใหญ่จุกทางข้างละสอง |
แต่งทหารคอยระวังให้นั่งกอง | คิดจุกช่องล้อมวงให้จงดี |
เสนารับอภิวาทมาบาดหมาย | ตั้งให้นายตรวจตราอย่าให้หนี |
เรียกเอาขุนสารวัตรคิดบาญชี | ให้แทงหนีแทงตายจำหน่ายคน ฯ |
๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์สินสมุทร | ให้ยั้งหยุดพลไพร่ใช้พหล |
ไปสืบสาวราวความตามยุบล | มันติดกลที่ในการสถานใด |
จงจัดแจงแต่งตัวเป็นฝรั่ง | ไปคอยฟังเอาให้แจ้งแถลงไข |
เองอย่าได้พูดจาภาษาไทย | จงเข้าไปพลบค่ำต่อย่ำเย็น |
อย่าให้พวกจัตุรงค์มันสงสัย | เองจงไปฟังเรื่องมันเคืองเข็ญ |
ระวังตัวผันผ่อนที่ร้อนเย็น | ดูให้เห็นแยบยลกลอุบาย |
ขุนเสนาพาเพื่อนกันรีบรัด | เที่ยวเดินลัดในอรัญแล้วผันผาย |
พลางแต่งเป็นฝรั่งกำบังกาย | ไปถึงชายป่าชัฏสงัดคน |
พอพบพวกโรยยาเวลากลับ | จึงแอบกับพุ่มไม้ในไพรสณฑ์ |
มันเดินพูดกันมาสี่ห้าคน | ว่าพวกพลในลังกาสักห้าวัน |
คงตายหมดมิได้เหลือเบื่อให้สิ้น | เพราะมันกินน้ำยาคงอาสัญ |
บาทหลวงเฒ่าเจ้าความคิดคอยติดพัน | จะยกกันกรูเข้าเอาบุรินทร์ |
สมคะเนพวกเราแล้วคราวนี้ | ชิงบุรีเอาให้ได้ดั่งใจถวิล |
กลับเข้าอยู่ลังกาได้หากิน | เพราะว่าถิ่นฐานเราแต่เก่ามา |
แล้วรีบเลยไปแจ้งแถลงเล่า | ข้าพเจ้าได้ไปสมปรารถนา |
ได้เข้าไปในประเทศเขตลังกา | ข้าโรยยาในแม่น้ำทุกลำคลอง ฯ |
๏ บาทหลวงยิ้มอิ่มใจดั่งได้แก้ว | ก็ผ่องแผ้วเปรมปรีดิ์ไม่มีสอง |
สมความคิดกูแล้วหวาปัญญาตรอง | มันถูกต้องตามประสงค์เหมือนจงใจ |
เฮ้ยอ้ายพวกพลเรานะคราวนี้ | ได้นั่งชี้นิ้วเล่นเป็นนิสัย |
เพราะความรู้อยู่กับตัวกลัวมันไย | คงจะได้เวียงวังทั้งลังกา |
ไม่ต้องรบต้องสู้เป็นคู่ขัน | ในเจ็ดวันกรุงไกรคงได้หวา |
ถูกยาเบื่อก็จะดิ้นสิ้นชีวา | กรุงลังกาก็จะป่นไม่พ้นมือ |
ท้าวโกสัยได้ฟังสังฆราช | แกองอาจดีจริงยิ่งนับถือ |
ทั้งฝอนผันสันทัดได้หัดปรือ | เห็นจะลือฝ่าเท้าเจ้าประคุณ |
บาทหลวงแกถูกยอหัวร่อเร่อ | เสียงอือเออขาดเหลือจะเกื้อหนุน |
เองนับถือกูเป็นพระเดชะบุญ | จะมีคุณไปกับตัวอย่ากลัวใคร |
แล้วเรียกขุนเสนาข้างฝาหรั่ง | เข้ามานั่งพร้อมหน้าแล้วปราศรัย |
เองจงสั่งพวกพลสกลไกร | ให้รีบไปสืบข่าวเหล่าประชา |
ที่ท่าน้ำลำคลองทั้งสองฟาก | คนยังมากหรือกระไรรีบไปหวา |
แล้วฟังดูร้อนเย็นคนเจรจา | จงกลับมาบอกกูให้รู้ความ |
จะได้จัดพวกพหลพลทหาร | ไปต่อต้านดูฤทธิ์อย่าคิดขาม |
จงรีบไปให้กระทั่งฟังเนื้อความ | จะได้ตามเข้าไปตีให้มีชัย ฯ |
๏ ขุนนางฝาหรั่งนั่งคำนับ | ฟังบังคับจะแจ้งแถลงไข |
ที่บาทหลวงแกประสงค์จำนงใจ | ก็รีบไปแปลงแปลกเป็นแขกจาม |
พลางลัดแลงแฝงไปในประทศ | ถึงขอบเขตนคราภาษาสยาม |
เพราะในเมืองตั้งแต่แรกมีแขกจาม | ก็สิ้นความสงสัยไม่ระวัง |
สำคัญว่าพวกพ้องของพวกนั้น | อันพืชพันธุ์เขายังมีเป็นที่หวัง |
เคยเข้าออกมิได้ห้ามตามลำพัง | อยู่แต่ครั้งเริ่มแรกเพราะแขกเดิม |
จึงฝรั่งปลอมเข้าไปมิได้รู้ | เพราะเคยอยู่มามิตรึกไม่ฮึกเหิม |
อันพวกแขกพ่อค้ามาแต่เดิม | ตั้งแต่เริ่มแรกตั้งเมืองลังกา |
อันเสนาฝรั่งเมื่อครั้งนั้น | ก็ผูกพันพูดได้หลายภาษา |
ถึงข้างไทยได้เป็นทูตรู้พูดจา | จึงเข้ามาโดยง่ายในบุรินทร์ |
แล้วเดี๋ยวนี้เดินวงไม่สงสัย | จึงรู้ในธารท่าชลาสินธุ์ |
เห็นแต่ฝูงเต่าปลาในวาริน | บางโดดดิ้นตายกลาดดาษเดียร |
แต่คนผู้ดูก็ดีไม่มีทุกข์ | เห็นเป็นสุขชื่นมื่นไม่คลื่นเหียน |
จึงแวะถามตามประสงค์เดินวงเวียน | ดูอาเกียรณ์เต่าปลาพากันตาย |
พลางแวะเข้าถามไต่ไฉนหนอ | ขอเชิญพ่อผู้เฒ่าเล่าขยาย |
แต่พอรู้เรื่องแถลงไม่แพร่งพราย | เราดูสายน้ำเขียวเชี่ยวจริงจริง ฯ |
๏ ฝ่ายผู้เฒ่าเล่าความไปตามเรื่อง | ที่ในเมืองรู้คดีผีมาสิง |
บอกว่าพวกฝรั่งมันชังชิง | เอายาทิ้งโรยลงในคงคา |
เจ้าแผ่นดินปิ่นพิภพจบจังหวัด | โองการตรัสปราบปรามห้ามนักหนา |
มิให้พวกพลไพร่ในพารา | เที่ยวตักวารีไปที่ในธาร |
มากินอยู่พูวายในคงคา | หุงข้าวปลาอาบกินทุกถิ่นฐาน |
ในเจ็ดวันมั่นหมายหลายประการ | ทุกเรือนบ้านขุดบ่อต่อกันไป |
เจ้าดูเถิดแต่ปลามัจฉาชาติ | ตายออกกลาดตามลำแม่น้ำไหล |
ทั้งนกกาแม่ลงกินก็สิ้นใจ | คนเขาไม่กินทั่วเพราะกลัวตาย |
ฝรั่งแปลงแจ้งเรื่องชาวเมืองรู้ | ทำเที่ยวดูเพื่อนกันแล้วผันผาย |
พลางรีบออกนอกแต่เช้าทั้งบ่าวนาย | ก็ผันผายรีบไปยังค่ายพลัน ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายข้างไทยที่ไปสอด | ก็เล็ดลอดลัดไม้เข้าไพรสัณฑ์ |
กลับมาทูลบาทบงสุ์พระทรงธรรม์ | ว่าพวกมันคิดจะเข้าเอาบุรี |
หมายว่าถูกยาเบื่อไม่เหลือหลอ | มันหัวร่อปรีดิ์เปรมเกษมศรี |
เกณฑ์พหลพลไพร่ไม่ได้ที | จะให้ตีแหกเข้าเอาพารา |
พระทรงฟังสั่งเหล่าพระเจ้าหลาน | ให้เตรียมการค่ายคูดูรักษา |
จงตั้งมั่นกันศัตรูดูปัญญา | มันจะมารุกรานสถานใด ฯ |
๏ ป่างพระองค์พงศ์นรินทร์สินสมุทร | กับราชบุตรทูลแจ้งแถลงไข |
ขอเชิญองค์พระเจ้าอารีบคลาไคล | เสด็จไปเมืองด่านชานบุรี |
ขอแต่องค์อนุชายุดาราช | กับข้าบาทจะอยู่ท่าหน้ากรุงศรี |
จะคอยรับกับฝรั่งฟังคดี | รักษาที่ข้างท้ายชายทะเล |
พระทรงฟังสั่งพหลพลทหาร | ยกเข้าด่านโดยพลันอย่าหันเห |
คอยป้องกันอันตรายคิดถ่ายเท | คาดคะเนแสนยาพลากร ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายเสนาข้างฝาหรั่ง | ยกไปตั้งรายเรียงเคียงสิงขร |
เที่ยวสืบข่าวราชการด่านนคร | ราษฎรมิได้ตายวายชีวา |
ไม่กินอาบน้ำในท่ามหาสมุทร | เขาสู้ขุดบ่อใช้ไว้นักหนา |
ทุกบ้านช่องไม่ต้องไปในชลา | หุงข้าวปลาเสร็จสิ้นกินทุกวัน |
ทั้งประเทศเขตลังกาอาณาจักร | คนพร้อมพรักทั้งในไอศวรรย์ |
เข้าไปฟังชาวพาราพูดจากัน | ว่าผีนั้นบอกเหตุซึ่งเภทภัย |
เขาจึ่งรู้ทั้งพาราลังกาเกาะ | ข้าสืบเสาะรู้แจ้งแถลงไข |
เขาไม่เป็นเหตุการณ์สถานใด | ทั่วทั้งในนคราไม่อาวรณ์ ฯ |
๏ บาทหลวงตบอกผางเอะอย่างนี้ | อ้ายพวกผีขี้ถังมาสั่งสอน |
จำพวกไหนอดอยากทำปากบอน | แต่ครั้งก่อนเป่ายาน่าจะตาย |
อ้ายยักษ์หมีผีดิบมันคอยแก้ | จะผันแปรก็ลำบากยากใจหาย |
แกแค้นคั่งดั่งจะดิ้นสิ้นใจตาย | การอุบายคราวนี้ว่าดีครัน |
แต่ปกปิดว่ามิให้ผู้ใดแจ้ง | ผีมาแกล้งยอกย้อนคิดผ่อนผัน |
บอกอุบายหลายท่าสารพัน | จนมันกันตัวได้ไม่วายวาง |
พลางเรียกท้าวโกสัยไปในห้อง | แกหมางหมองไม่สบายหลายสถาน |
อันครั้งนี้กูเห็นจะเป็นการ | กลับฟุ้งซ่านเพราะปีศาจประหลาดใจ |
มันแกล้งไปบอกกล่าวให้เขารู้ | จะนั่งอยู่เหมือนจนพ้นวิสัย |
เองจะช่วยคิดอ่านสถานใด | จงว่าไปให้กูรู้ปัญญา |
ท้าวโกสัยนั่งนิ่งเหมือนลิงจุ่น | บาทหลวงวุ่นเพราะไม่สมปรารถนา |
พลางทุกข์ร้อนถอนใจใหญ่อยู่ไปมา | เรียกสุราออกมารินกินลนลาน |
แล้วหยิบเอาตำรับฉบับใหญ่ | มาขับไล่หาอุบายหลายสถาน |
เรื่องพิชัยสงครามตามบุราณ | จะคิดการตรองตรึกนึกรำพึง |
แล้วจึงว่าพระเป็นเจ้าของเราเอ๋ย | ไม่ช่วยเลยให้ผีป่ามันมาหึง |
จนเสียการเสียกลคนรู้อึง | พวกไทยจึ่งอิ่มเอิบกำเริบแรง |
พลางสวดวอนพระเป็นเจ้าเอาเหล้าดื่ม | เสียงพึมพึมเมาสุรากลับกล้าแข็ง |
เฮ้ยอ้ายท้าวโกสัยอย่าได้แคลง | กูเหมือนแสงพระอาทิตย์ฤทธิรงค์ |
จะสว่างกลางฟ้าเวหาหน | ให้ฝูงคนรื่นเริงละเลิงหลง |
ไม่ย่อท้อเป็นอันขาดการอาจอง | กูก็คงคิดไปจนได้เมือง |
แต่มึงอย่าหนีหายเป็นชายเชื้อ | ให้เหมือนเสือฟังกูว่าอย่าตาเหลือง |
คงจะคิดตอบแทนที่แค้นเคือง | ชิงเอาเมืองให้จงได้ดั่งใจปอง |
มึงก็เสือกูก็เสือเหมือนเรือใหญ่ | จงตั้งใจผ่อนปรนขนเอาของ |
มานะให้ได้สมอารมณ์ปอง | กูจะตรองเรื่องตำรับฉบับครู |
เอาให้ได้ลังกาสุธาทวีป | จะคิดรีบยอกย้อนให้อ่อนหู |
กำลังเมาเหล้าเข้มเต็มประตู | แกอวดรู้กล้าหาญการณรงค์ |
เอาใจดีแก้เบี้ยพูดเกลี่ยไกล่ | แต่ในใจร้อนรนเหมือนคนหลง |
จะผ่อนผันฉันใดดั่งใจจง | เหมือนเข้าดงเขตแคว้นแสนกันดาร |
ไม่เห็นช่องตรองไปในตำรับ | คิดจะกลับไปหาเขตประเทศสถาน |
เพื่อจะพบคนดีปรีชาชาญ | ได้คิดการแก้แค้นเอาแดนดาว |
แล้วหวนฮึกนึกมานะเหมือนสระใหญ่ | ชลาลัยวารีก็สีขาว |
ทั้งโกสุมปทุมมาลย์บานออกพราว | ก้านก็ยาวบานแบ่งรับแสงทอง |
เหมือนตัวกูผู้เป็นพระสังฆราช | เฉลียวฉลาดสอนสั่งคนทั้งผอง |
จะตีตนก่อนไข้ไยมิตรอง | คิดหาช่องในตำราทั้งสามัญ |
แกสอนสั่งตัวเองอย่าเกรงขาม | พยายามเอาให้ได้ไอศวรรย์ |
เสียแรงเกิดมาเป็นปราชญ์ฉลาดครัน | เหมือนช้างมันเคยประชนะงา |
อย่าย่อท้อรอถอยแต่หอยทาก | ยังเอาปากเดินไปได้นักหนา |
เราก็เป็นพระใหญ่ในลังกา | จะเที่ยวหาคนรู้อดสูใจ |
แกสั่งสอนตัวเองอย่าเกรงขาม | พยายามกัดก้อนเกลือจนเหงื่อไหล |
เอาให้ลุความประสงค์ที่จงใจ | คิดแก้ไขผ่อนพักยักกระบวน |
ดูตำรับจับกระดาษที่วาดเขียน | ค่อยพากเพียรตามระบอบที่สอบสวน |
หาอุบายถ่ายเทยังเรรวน | แต่ใคร่ครวญยักย้ายหลายประการ ฯ |