- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
๏ ป่างพระสุดสาครบวรนาถ | พร้อมพระญาติเผ่าพงศ์พวกวงศา |
ต่างนัดหมายถึงกันให้สัญญา | แต่บรรดาพลรบสมทบกัน |
ยกเข้าล้อมป้อมปราการชานสมุทร | ฤทธิรุทรเรี่ยวแรงเข้มแข็งขัน |
พอฤกษ์ดีตีกลองฆ้องสำคัญ | โห่สนั่นครั่นครื้นยิงปืนไฟ ฯ |
๏ ฝ่ายพหลพลรบที่ในด่าน | อลหม่านเรียกกันเสียงหวั่นไหว |
บ้างขึ้นป้อมพร้อมพรั่งระวังภัย | ลากปืนใหญ่ขึ้นเชิงเทินเนินกำแพง |
ท้าวโกสัยให้ทหารชำนาญรบ | เร่งสมทบโรมรันด้วยขันแข็ง |
ทั้งปีกซ้ายปีกขวาประดาแซง | คอยต่อแย้งฟาดฟันประจัญบาน |
พระมังคลาพาทหารออกต้านหลัง | ไม่รอรั้งขึ้นม้าด้วยกล้าหาญ |
ถือง้าวทวนวิ่งโลดโดดทะยาน | เข้าต่อต้านชิงชัยทั้งไพร่นาย ฯ |
๏ ฝ่ายพหลพลลังกาอาณาจักร | เข้าพร้อมพรักรบพุ่งยุ่งใจหาย |
พวกฝรั่งหลอมตะกั่วทั้งคั่วทราย | เอาสาดปรายเทลงมาหน้าเชิงเทิน |
พวกทัพไทยคอยบังเอาหนังปิด | ตรงเข้าชิดไล่วกระหกระเหิน |
บันไดพาดดาษดาหน้าเชิงเทิน | เอาพะเนินตีฝรั่งพังเสมา |
ทหารพวกวาโหมเข้าโจมจับ | ฝรั่งรับยิงพื้นแต่ปืนผา |
พวกวาโหมคงทนด้วยมนตรา | ตีประดาเข้าไปได้ในปราการ |
ท้าวโกสัยมังคลานราราช | ไล่พิฆาตพวกพหลพลทหาร |
ชักกระบี่ตีม้าอาชาชาญ | ต้อนทหารกองแซงแกว่งสาตรา |
ทั้งกองหลังมลายูธนูศิลป์ | ปืนคาบหินเขนทองกองอาสา |
ถือเสน่าหลาวโล่โตมรา | เครี่องสาตราถ้วนทั่วทุกตัวคน |
เข้ารับรองป้องกันกระชั้นชิด | สำแดงฤทธิ์พุ่งสาตราดั่งห่าฝน |
ตะลุมบอนต้อนขับถึงอับจน | แต่พวกพลข้างฝรั่งไม่ตั้งกาย |
ดีแต่รบห่างห่างทางปืนใหญ่ | แม้นเข้าใกล้เต็มทีต้องหนีหาย |
จะยิงปืนไม่ถนัดกระจัดกระจาย | พลนิกายแตกยับถอยทัพมา |
บ้างแตกกลาดดาษดาถูกอาวุธ | ที่สิ้นสุดดับชีวังถึงสังขาร์ |
ทั้งเจ็ดทัพคับคั่งประดังมา | เข้าพาราด่านได้ดั่งใจปอง |
พระมังคลาพาพหลพลทหาร | ออกนอกด่านไปกับเมียเสียข้าวของ |
แตกตะเพิ่นเยินยับทุกทัพกอง | เห็นเป็นรองถอยไปไกลทะเล |
พวกกำปั่นเทวสินธุ์นรินทร์รัตน์ | จึงให้จัดเรือกำปั่นออกหันเห |
แล่นเข้าไปชายหาดคาดคะเน | คอยเอาเภตราประทับจะรับพล ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาเจ้าฝาหรั่ง | ถอยมาตั้งชายทะเลระเหระหน |
กับท่านท้าวโกสัยแลไพร่พล | คิดผ่อนปรนที่จะกลับกองทัพไป ฯ |
๏ จะกล่าวถึงสังฆราชพระบาทหลวง | แกนั่งง่วงอยู่ท้ายเรือเหลือวิสัย |
ทั้งหิวหอบบอบช้ำระกำใจ | พอคลื่นใหญ่ค่อยสงบกระทบเรือ |
คลานออกมาจากห้องเดินซ่องแซ่ง | สิ้นเรี่ยวแรงยืนหันให้ฟั่นเฝือ |
ร้องเรียกคนพลไพร่ที่ในเรือ | ให้ขนเสื้อขนผ้าออกมากอง |
จะเผาไฟเสียให้สิ้นมลทินโทษ | เพราะพระโกรธพวกเราจึ่งเศร้าหมอง |
บันดาลให้มืดมัวขนหัวพอง | จำจะต้องเผาไฟให้ไหม้โชน |
จึ่งจะสิ้นเคราะห์กรรมเหมือนคำกล่าว | อันเรื่องราวเช่นเขาว่าตำราโหร |
เอาผ้าผ่อนเผาไฟให้ไหม้โชน | แล้วหยิบโยนเสียในน้ำดั่งตำรา |
กูเห็นจะบางเบาบรรเทาโทษ | พระคงโปรดพวกเราเอาเถิดหวา |
แม้นกลับไปได้ถึงฝั่งเกาะลังกา | ทั้งเสื้อผ้าถมไปคงได้การ ฯ |
๏ ฝ่ายล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น | จึ่งว่าท่านสนทนาดั่งว่าขาน |
ข้าพเจ้าคนจนเหลือทนทาน | หนาวสะท้านยังไม่คลายวายอาวรณ์ |
เมื่อเกณฑ์มาผ้าเสื้อใช่เหลือล้น | จะได้ขนเผาไฟให้ไหม้หมอน |
แม้นมิถึงลังกาเหมือนอาวรณ์ | จะมินอนหนาวตายในทะเล |
บาทหลวงโกรธโกรธาด่าโขมง | อ้ายพวกโกงนี่กระไรพูดไพล่เผล |
ไม่อยู่ในถ้อยคำทำเกเร | พูดโว้เว้ขัดกูผู้เป็นนาย |
แม้นมิถอดเสื้อผ้าออกมาเผา | พระเป็นเจ้าท่านจะริบมึงฉิบหาย |
เหมือนเราว่าจะสะเดาะให้เคราะห์คลาย | ตามอุบายมีไว้ในตำรา |
พวกต้นหนคนเหล่านั้นหันมาถาม | ว่าเคราะห์นามใครลำคุณเจ้าขา |
กระผมเป็นพลไพร่เขาใช้มา | อันเสื้อผ้าของท่านเล่าเผาเหมือนกัน |
หรืออย่างไรโปรดให้ข้าแจ้งก่อน | ที่ทุกข์ร้อนโดยจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
บาทหลวงโกรธโกรธาตาเป็นมัน | แกดุดันด่าเปรี้ยงขึ้นเสียงอึง |
กูจะเผาทำไมใช่ธุระ | กูเป็นพระเป็นครูกูรู้ถึง |
จะดับทุกข์ให้สะดวกที่พวกมึง | จึ่งรำพึงโดยฉบับตำหรับตำรา ฯ |
๏ ฝ่ายล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น | จึงว่าท่านจะมาสั่งยังกังขา |
จะให้เผาเสื้อไพร่ที่ใส่มา | แต่บรรดาคนทั้งหลายเขาไม่ยอม |
ถึงจะตายไปก็ตามเมื่อยามเข็ญ | จะยากเย็นมิได้กลัวจะคั่วหลอม |
สะเดาะเคราะห์เช่นนี้ข้ามิยอม | จะรอมชอมเผาจี่เช่นชีเปลือย |
กลัวเปลี่ยวดำจับตายวายชีวิต | คุณช่างคิดให้ลำบากยากใจเหือย |
แม้นมิสมว่าไว้เช่นไก่เดือย | มิขันเจื้อยอยู่เปล่าเปล่าหรือเจ้าคุณ ฯ |
๏ บาทหลวงโกรธเต็มประดาแกด่าโผง | อ้ายพวกโกงขาดเหลือไม่เกื้อหนุน |
กูคิดซึ่งการดีจะมีคุณ | เดชะบุญจะได้ไปเหมือนใจจง |
อันตัวกูผู้แม่ทัพบังคับขาด | ใครองอาจจะกระจุยเป็นผุยผง |
เอากฎหมายใส่บทถึงปลดปลง | กูจะลงโทษมึงให้ถึงตาย ฯ |
๏ ฝ่ายล้าต้าต้นหนพลทหาร | จึงว่าขานโดยคดีไม่หนีหาย |
อาญาศึกย่อมรู้เป็นผู้ชาย | แต่กฎหมายบทนี้ยังมิเคย |
ครูที่ไหนที่จะให้เอาเสื้อเผา | ผิดสำเนาผู้มีบุญเจ้าคุณเอ๋ย |
อาญาทัพอย่างไรยังไม่เคย | ผิดก็เลยกฎหมายถึงวายปราณ ฯ |
๏ บาทหลวงแค้นเต็มประดาเหมือนยาพิษ | แต่จนจิตร้อนเริงดั่งเพลิงผลาญ |
แม้นมังคลามาด้วยได้ช่วยการ | จะล้างผลาญอ้ายเหล่านี้ที่ไม่กลัว |
แล้วอดใจยับยั้งช่างมันก่อน | พอหายร้อนกูจะมัดจับตัดหัว |
ให้สมแค้นแน่นใจที่ไม่กลัว | แกหมองมัวใจจิตคิดรำพึง |
พอพบอ้ายมังคลาสานุศิษย์ | จะจับผิดมันให้ได้เมื่อไปถึง |
ปรึกษาโทษที่มันดื้อไม่อื้ออึง | พอไปถึงกูจะทำให้หนำใจ |
ครั้นจะขืนแข็งขันมันก็มาก | แล้วก็ยากที่จะคิดผิดวิสัย |
เพราะกูเป็นแต่คนเดียวเปล่าเปลี่ยวใจ | ด้วยมิใช่ถิ่นฐานในบ้านเมือง |
จำจะต้องชวนชี้เอาดีต่อ | แล้วจึงก่อไปข้างหน้าให้ตาเหลือง |
คงจะคิดตอบแทนที่แค้นเคือง | ยกเอาเรื่องอาญาศึกค่อยตรึกตรอง |
พอจวนรุ่งสุริยาภาณุมาศ | ที่อากาศค่อยสว่างกระจ่างหมอง |
ลมค่อยเลิกไม่สู้แรงเห็นแสงทอง | อาทิตย์ส่องในนภางค์เหมือนอย่างเย็น |
พวกพหลพลไกรในกำปั่น | ก็ชวนกันเซ็งแซ่เพราะแลเห็น |
ค่อยสบายคลายคราวที่หนาวเย็น | จึงค่อยเว้นวายวิตกในอกใจ ฯ |
๏ บาทหลวงค่อยอิ่มเอมเกษมสุข | บรรเทาทุกข์นึกพะวงให้สงสัย |
เอาแผนที่คลี่วางตรวจทางไป | หลงมาไกลเต็มประดาสักห้าวัน |
แกสั่งให้ไพร่พลคนทั้งหลาย | ทั้งนายท้ายรีบร้อนเร่งผ่อนผัน |
ให้ตั้งเข็มไว้ให้คงตรงตะวัน | แม้นสุริย์ฉันฉายส่องท้องนภางค์ |
ให้ชักใบใส่รอกออกกำปั่น | จงพร้อมกันเร่งรัดอย่าขัดขวาง |
พอสุริเยนทร์เด่นดวงช่วงนภางค์ | แจ่มกระจ่างทั่วชลาในสาคร |
บาทหลวงค่อยบางเบาบรรเทาทุกข์ | เกษมสุขภิญโญสโมสร |
ได้ลมดีมีมาในสาคร | ให้รีบร้อนชักใบในเภตรา |
แล่นสลับคับคั่งตั้งแต่เช้า | ได้ลมว่าวพัดผันต่างหรรษา |
ต่างแล่นรายหมายจำเพาะเกาะลังกา | บาทหลวงว่าแก่ทหารชาญณรงค์ |
นี่หากว่าพระเป็นเจ้าของเราช่วย | จะไม่ม้วยมรณาพากันหลง |
เพราะกูสวดอวยชัยให้พระองค์ | จึ่งได้คงชีวามาด้วยกัน |
บาทหลวงเฒ่าเข้าห้องนอนตรองตรึก | จะทำศึกเอาให้ได้ไอศวรรย์ |
ผลาญอ้ายพวกปัจจามิตรมาติดพัน | เอาให้มันย่อยยับอัปรา |
แล้วลุกจากห้องหับจับเอากล้อง | เขม้นมองดูพลันด้วยหรรษา |
เห็นไรไรแถวละเมาะเกาะลังกา | ให้ล้าต้าต้นหนคนในเรือ |
เอาเข็มตั้งข้างอิสานต่อบูรพทิศ | แล่นไปชิดคุ้งใหญ่ข้างฝ่ายเหนือ |
แล้วดูลมติดใบข้างท้ายเรือ | ไปข้างเหนือลมจัดถนัดใบ |
พอจวนค่ำย่ำแสงพระสุริยง | จะอัสดงลับเงาเขาไสว |
กำปั่นแล่นตามเรียงเคียงกันไป | เกือบจะใกล้ฟากฝั่งเกาะลังกา ฯ |
๏ บาทหลวงจับเอากล้องมองเขม้น | พอแลเห็นเรือทอดจอดนักหนา |
ให้รอรั้งฟังกระบวนจวนเวลา | แม้นเสียท่าจะวิบัติกำจัดไกล |
เห็นกำปั่นนั้นก็มากที่ปากน้ำ | ทอดประจำรายเรียงเคียงไสว |
เราหยุดยั้งฟังดูอยู่แต่ไกล | ฉวยเข้าไปปัวเปียจะเสียเชิง |
ฉวยมันบุกรุกรบหลบไม่ได้ | จะแตกไปร้างเริศเตลิดเหลิง |
เข้าแอบเกาะฟังดูคงรู้เชิง | จะแล่นเหลิงเข้าไปใกล้ถ้าไม่ดี |
พวกต้นหนคนประจำเรือกำปั่น | ให้แล่นหันเข้าไปทางหว่างวิถี |
เห็นเกาะขวางกลางวนชลธี | ก็แล่นรี่เข้าจอดทอดเภตรา |
ทั้งเรือรบเรือไล่เข้าไปแอบ | ที่ช่องแคบชายกระสินธุ์บังหินผา |
บาทหลวงให้พวกพหลพลเภตรา | ถือปืนผาคอยระวังทั้งนั่งยาม |
ผลัดกันนั่งผลัดกันนอนได้ผ่อนพัก | หยุดสำนักเข้าไปทอดจอดออกหลาม |
พอเดือนแจ้งแสงดาวขึ้นวาววาม | แสงอร่ามจับละเมาะตามเกาะเกียน |
บาทหลวงออกนอกห้องมองเขม้น | เห็นเมฆเด่นสีขาวราวกับเขียน |
เป็นรูปสัตว์มัจฉาปลาตะเพียน | ฉวัดเฉวียนบนอากาศดาษดา |
ขึ้นลอยเด่นเห็นข้างบูรพทิศ | เป็นนิมิตที่ในทางกลางเวหา |
แกเปิดแผนที่ดูรู้ตำรา | อันเมฆคือนิมิตพิสดาร |
เขาทำนายทายว่าประจามิตร | ที่ในทิศบูรพาทิศาศาน |
จะกล้าแข็งแรงฤทธิ์คิดรำคาญ | เมฆบันดาลบนนภางค์กลางโพยม |
พิเคราะห์ดูในตำราว่าข้าศึก | จะหาญฮึกแรงนักเข้าหักโหม |
จำจะคิดคลึงเคล้าค่อยเล้าโลม | แม้นรุกโรมจะได้รับกองทัพชัย |
แกตรองตรึกนึกจะแก้ค่อยแปรผัน | ที่ในชั้นเชิงตรองให้ผ่องใส |
คงจะคิดผ่อนปรนให้พ้นภัย | ตามที่ในกลศึกค่อยตรึกตรอง |
ไม่หลับนอนร้อนใจจนไก่ขัน | คิดผ่อนผันจะแก้กลที่หม่นหมอง |
ดูตำนานการศึกนั่งตรึกตรอง | คีตหาช่องในตำหรับไม่หลับนอน |
จนเกือบรุ่งรางรางน้ำค้างหยัด | พระพายพัดโรยรินกลิ่นเกสร |
บุปผาสดรสจรุงฟุ้งขจร | บนสิงขรกลางวนชลธาร |
ฝูงวิหคนกร้องก้องสนั่น | ไก่กระชั้นขันเอกวิเวกหวาน |
โกกิลากาสักบนคัคนานต์ | เสียงประสานกึกก้องท้องชลา |
ทั้งเหมหงส์ส่งเสียงสำเนียงแจ้ว | ดุเหว่าแว่วร่ำร้องก้องเวหา |
ภุมรินบินเคล้าเฝ้าผกา | พระสุริยาไขสีรวีวรรณ |
กระจ่างแจ้งแสงทองส่องอากาศ | ภาณุมาศลอยสว่างทางสวรรค์ |
พวกพหลคนตื่นฟื้นขึ้นพลัน | ก็ชวนกันหุงหาข้าวปลากิน |
บ้างขึ้นเกาะเสาะหาผลาผล | ที่ลางคนลงท่าชลาสินธุ์ |
จับปูหอยมัจฉาในวาริน | ขึ้นมากินตามประสงค์จำนงปอง ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชชาติอังกฤษ | แกนั่งคิดหมกมุ่นให้ขุ่นหมอง |
ลุกออกจากท้ายบาหลีให้ตีกลอง | โดยทำนองคนประจำทุกลำเรือ |
แล้วเรียกหานายกองรองฝรั่ง | เข้ามาสั่งเองจงไปข้างฝ่ายเหนือ |
ไปสืบข่าวให้ได้ความดูตามเรือ | เห็นล้นเหลือแต่กำปั่นสักพันลำ |
เองจะไปให้เขาเห็นเป็นลูกค้า | ไปพูดจาลวงล่อเอาข้อขำ |
ให้จงได้ในประสงค์แล้วจงจำ | เอาข้อคำนั้นมาแจ้งอย่าแพร่งพราย |
จงรีบรัดจัดแจงแปลงเป็นแขก | ให้มันแปลกเหมือนกับมาเที่ยวค้าขาย |
เอาให้ได้เหตุผลกลอุบาย | ฟังแยบคายเร่งไปให้ได้การ |
กูจะคอยอยู่ที่นี่เห็นลี้ลับ | จงกำชับพวกเราเหล่าทหาร |
แกสั่งเสร็จโดยพลันมิทันนาน | พวกทหารถอนสมอขันช่อใบ |
ออกกำปั่นแล่นมาจากหน้าเกาะ | ข้ามละเมาะล่องตามสายน้ำไหล |
เห็นกำปั่นทอดเคียงเรียงแต่ไกล | จึงเข้าไปส่งภาษามลายู ฯ |
๏ ฝ่ายพวกท้าวรายาชวาแขก | เห็นเรือแปลกพูดเพราะเสนาะหู |
จึ่งปราศรัยไต่ถามพวกล่ามดู | ว่าท่านผู้นายกำปั่นจะสัญจร |
ไปเมืองไหนบอกให้เราแจ้งเหตุ | อยู่ประเทศทิศใดใกล้สิงขร |
หรือมาเที่ยวในทะเลพเนจร | หรือการร้อนจะไปหนตำบลใด ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งแปลงกายเป็นชายแขก | เห็นพูดแปลกกิริยาอัชฌาสัย |
จึงสั่งพวกล้าต้าให้ซาใบ | แอบเข้าไปทอดเคียงพอเรียงลำ |
พวกชวาปราศรัยแล้วไต่ถาม | จึ่งแจ้งความว่าจะไปเมืองไหหลำ |
เห็นท่านทอดจอดรายอยู่หลายลำ | แต่ล้วนกำปั่นรบสมทบกัน |
จะมาตีลังกาอาณาเขต | หรือมีเหตุสิ่งไรในไอศวรรย์ |
ข้าพเจ้าขอถามเนื้อความพลัน | เราเป็นพรรค์ลูกค้าเที่ยวหากิน ฯ |
๏ ประเทศใดเป็นสุขไม่ทุกข์ร้อน | ก็ผันผ่อนเที่ยวไปดั่งใจถวิล |
ไปค้าขายจ่ายแจกเที่ยวแลกกิน | ตามแถวถิ่นที่ประสงค์ในคงคา ฯ |
๏ ฝ่ายพวกแขกเมืองชวาอาณาเขต | จึ่งเล่าเหตุให้ฟังที่กังขา |
อันกำปั่นท่านท้าวเจ้าชวา | เสด็จมากับหลานผ่านบุรินทร์ |
จากประเทศเขตพาราเมืองกาหวี | กษัตริย์ศรีทรงพระนามเทวสินธุ์ |
พระอนุชาที่สองครองบุรินทร์ | เทพจินดารัตน์กษัตรา |
องค์ที่สามราเมศเกศมงกุฎ | กษัตริย์สุดเรืองฤทธิ์ทุกทิศา |
กับไทท้าวเจ้าประเทศเขตชวา | ท้าวเธอพาพระเจ้าหลานในว่านเครือ |
มาตามองค์มังคลาเจ้าฝาหรั่ง | ไปเที่ยวทั้งปากใต้ทั้งฝ่ายเหนือ |
พอมาพบรบรันกันเป็นเบือ | จึ่งรอเรือคอยท่าในสาคร |
แม้นข้าศึกใดมาจากท่าน้ำ | ให้ประจำชายตลิ่งริมสิงขร |
สั่งให้คอยป้องกันหน้าสันดอน | จะคอยต้อนรบรับกองทัพไทย |
พวกเรือใช้ได้ความตามประสงค์ | สมจำนงยินดีจะมีไหน |
จึ่งเสแสร้งแกล้งว่าขอลาไป | อยู่ไม่ได้รบพุ่งกันรุงรัง |
ข้าพเจ้าเล่าก็เป็นแต่ลูกค้า | เกิดรบราพวกน้อยต้องถอยหลัง |
ขอลาท่านไปให้พ้นจากวนวัง | แล้วถอยหลังเรือออกนอกสันดอน |
พวกชวาว่าไปเสียให้ลับ | จงรีบกลับไปแอบอิงริมสิงขร |
แล้วข้ามไปเสียให้ไกลเขตนคร | เขาราญรอนรบกันจะบรรลัย |
อันเรือเราเล่าก็เล็กเหมือนเด็กน้อย | กระจ้อยร่อยรีบไปหาที่อาศัย |
ก็พากันรีบกลับไปฉับไว | แล้วใช้ใบแล่นมาจากท่าพลัน |
ถึงละเมาะเกาะขวางหนทางแอบ | เข้าช่องแคบปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ |
บาทหลวงเห็นเภตรากลับมาพลัน | แกลุกหันออกมานั่งจะฟังความ ฯ |