- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
๏ จะกล่าวถึงสินสมุทรบุตรนางยักษ์ | กำลังรักพระธิดามารศรี |
เมื่อเรือแตกแบกมาในวารี | ไม่มีที่หยุดหย่อนจนอ่อนแรง |
ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนแต่คลื่นซัด | นางกษัตริย์โศกศัลย์เฝ้ากันแสง |
เห็นมัจฉาปลาร้ายขึ้นว่ายแซง | ยิ่งแสยงสยองเกล้าเยาวมาลย์ |
จึงว่าพ่อสินสมุทรสุดสวาท | เหนื่อยอนาถนักหนาน่าสงสาร |
จงวางแม่เสียในวนชลธาร | เร่งคิดอ่านตามติดพระบิดร ฯ |
๏ สินสมุทรสุดเหนื่อยด้วยเมื่อยล้า | สู้อุตส่าห์ทรงกายสายสมร |
แล้วตอบคำร่ำว่าด้วยอาวรณ์ | แม่ม้วยมรณ์ก็จะม้วยเสียด้วยกัน |
ลูกหมายเหมือนชนนีเป็นที่ยิ่ง | ไม่ทอดทิ้งมารดาให้อาสัญ |
อันกำลังยังไปได้อีกวัน | อย่าทรงกันแสงนักจงหักใจ ฯ |
๏ นางฟังคำซ้ำสวาทราชโอรส | ยิ่งกำสรดสุดจะขืนสะอื้นไห้ |
กุมาราพาว่ายคล้ายคล้ายไป | เห็นเกาะใหญ่ยินดีค่อยมีแรง |
อุตส่าห์รีบถีบเข้าถึงเขาหลวง | พอลับดวงสุริเยนทร์ไม่เห็นแสง |
หน่อนรินทร์สินสมุทรก็สุดแรง | ถึงที่แห้งเสือกซบสลบไป ฯ |
๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ | เห็นหน่อกษัตริย์นิ่งอนาถไม่หวาดไหว |
เข้ากอดแอบแนบอกด้วยตกใจ | ร่ำพิไรเรียกพลางในกลางคืน |
สินสมุทรสุดสวาทของแม่เอ๋ย | ไฉนเลยลูกยาไม่ฝ่าฝืน |
แม่ปลุกเจ้าเท่าไรก็ไม่ฟื้น | พลางสะอื้นอ่อนองค์ทรงโศกี |
จะหาไหนได้เหมือนพ่อเพื่อนยาก | สู้ลำบากแบกพามารดาหนี |
ไม่ม้วยมอดรอดมาในวารี | จนถึงที่หยุดแล้วเจียวแก้วตา |
ควรหรือพ่อหน่อนาถมาขาดจิต | สิ้นชีวิตสิ้นชาติวาสนา |
ให้แม่อยู่ผู้เดียวเปลี่ยววิญญาณ์ | อนิจจาเจ้าไม่สั่งแม่มั่งเลย |
มาทอดกายวายวางอยู่กลางหาด | ไม่มีอาสน์อุ่นอ่อนที่นอนเขนย |
ระคายคันขวัญใจเจ้าไม่เคย | พ่อคุณเอ๋ยอนิจจาน่าปรานี |
นางสอดกรช้อนเกศขึ้นประทับ | ดังจะดับดวงชีวามารศรี |
แสนวิโยคโศกศัลย์พันทวี | วิสัญญีภาพนิ่งไม่ติงกาย |
ยะเยือกเย็นเส้นหญ้ารุกขาเขา | สงัดเหงาเงียบเสียงสำเนียงหาย |
จันทร์กระจ่างพ่างพื้นโพยมพราย | เรไรรายหริ่งร้องทั้งลองไน |
แจ้วแจ้วจักจั่นสนั่นเสนาะ | ดังบัณเฑาะว์ดนตรีปี่ไฉน |
น้ำค้างพรมลมพาสุมาลัย | เย็นระรื่นชื่นใจพระเทพิน |
นางฟื้นองค์ทรงกายกระหายหิว | ให้หวิวหวิวหวาดไหวฤทัยถวิล |
ภาณุมาศผาดเยี่ยมเหลี่ยมเมฆิน | นางปลุกสินสมุทรไม่ไหวกายา |
ดูลูกรักพักตร์เผือดเลือดสลด | แสนรันทดแทบชีวังจะสังขาร์ |
ด้วยความรักลูกเลี้ยงเพียงชีวา | เฝ้าโศกากอดไว้ไม่ไกลกัน |
ประหลาดเหลือเนื้อพ่อยังอุ่นอ่อน | หรืออดนอนนิทราไม่อาสัญ |
นางยอกรวอนไหว้ไทเทวัญ | ทุกช่องชั้นฉกามาวจร |
ที่ขึ้นล่องท้องทะเลทุกเทเวศร์ | รุกขาเขตเขาเขินเนินสิงขร |
แม้นพระหน่อบดินทร์นรินทร | จะม้วยมรณ์มรณานิคาลัย |
ชีวิตข้าอย่าให้รอดจงมอดม้วย | ขอตายด้วยลูกรักที่ตักษัย |
แม้นบุญหลังยังจะรอดตลอดไป | ขอจงให้ลูกน้อยข้าค่อยคลาย |
พอขาดคำรำพันพิษฐาน | พระกุมารฟื้นสมอารมณ์หมาย |
นางนวดเคล้นเส้นศอหน่อนารายณ์ | ร้องเรียกสายสวาทพลางไม่วางใจ ฯ |
๏ ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร | หิวหาวนอนเหนื่อยซบสลบไสล |
ต้องน้ำค้างกลางคืนชื่นฤทัย | จึงกลับได้สมประดีค่อยมีแรง |
ลืมพระเนตรเห็นองค์นางนงลักษณ์ | เฝ้าฟูมฟักนวดฟั้นแล้วกันแสง |
เหมือนแม่ลูกผูกจิตไม่คิดแคลง | อุตส่าห์แข็งขืนอารมณ์บังคมคัล |
จึงทูลว่าข้าน้อยนี้ม่อยหลับ | เปรียบเหมือนกับกายาจะอาสัญ |
พระมารดามาด้วยได้ช่วยกัน | หาไม่วันนี้เห็นไม่เป็นตัว ฯ |
๏ นางฟังตอบปลอบประโลมพระลูกน้อย | แม่ได้พลอยพึ่งบุญพ่อทูนหัว |
สารพัดศัตรูไม่สู้กลัว | ได้รอดตัวมาถึงเกาะเพราะโอรส |
เจ้าม้วยมอดวอดวายจะตายด้วย | เป็นเพื่อนม้วยมรณาให้ปรากฏ |
พ่อกลับคืนฟื้นพ้นชีวงคต | ค่อยเปลื้องปลดทุกข์ทนของชนนี ฯ |
๏ พระหน่อไทได้สดับอภิวาท | ยิ่งรักราชธิดามารศรี |
จึงเชิญนางย่างเยื้องขึ้นคิรี | ให้อยู่ที่เงื้อมผาศิลาลาย |
แล้วเที่ยวไปในเกาะเสาะลูกไม้ | เก็บได้ใส่ห่อผ้ามาถวาย |
นางเสวยส้มสูกกับลูกชาย | ค่อยเหือดหายหิวโหยที่โรยรา ฯ |
๏ จะกล่าวฝ่ายนายโจรใจฉกาจ | เป็นเชื้อชาติอังกฤษริษยา |
คุมสลัดอัศตันวิลันดา | เป็นโจราห้าหมื่นพื้นทมิฬ |
มีกำปั่นนั้นยาวยี่สิบเส้น | กระทำเป็นตึกกว้านสถานถิ่น |
หมากมะพร้าวส้มสูกปลูกไว้กิน | ไม่รู้สิ้นเอมโอชโภชนา |
เลี้ยงทั้งแพะแกะไก่สุกรห่าน | คชสารม้ามิ่งมหิงสา |
มีกำปั่นห้าร้อยลอยล้อมมา | เครื่องศัสตราสำหรับรบครบทุกลำ |
คอยตีเรือเหนือใต้ได้สิ่งของ | เที่ยวแล่นล่องตามคลื่นทุกคืนค่ำ |
มาถึงกลางหว่างบรรพตพออดน้ำ | จึงทอดกำปั่นใหญ่ในนที |
ให้เรือน้อยลอยแล่นเข้าเหลี่ยมเขา | แต่ล้วนเหล่าวิลันดากะลาสี |
ประทับจอดทอดท่าหน้าคิรี | พวกโยธีหาบหามตามกันมา |
ขึ้นตักน้ำลำธารละหานหิน | พอเห็นสินสมุทรอยู่ที่ภูผา |
กับหญิงสาวขาวผ่องต้องติดตา | พวกโยธาซักถามตามทำนอง |
กุมารานารีนี้ไฉน | เป็นอย่างไรจึงมานั่งอยู่ทั้งสอง |
เป็นภรรยาสามีหรือพี่น้อง | พลางมุ่งมองดูนางไม่วางตา ฯ |
๏ สินสมุทรพูดจาภาษาแขก | นัยน์ตาแตกใครอย่าแลดูแม่ข้า |
เราเสียเรือเชื้อกษัตริย์พลัดพารา | นี่ท่านมาแต่ข้างไหนได้เอ็นดู |
โดยสารด้วยช่วยส่งให้ถึงฝั่ง | จะไปยังรัตนาพาราปู่ |
จะรับได้หรือมิได้จะใคร่รู้ | เฝ้าแลดูมารดาเราว่าไร ฯ |
๏ ทหารโจรแจ้งความขามขยาด | เห็นเกินวาสนาตนพ้นวิสัย |
แต่เสียดายหมายว่าจะพาไป | ให้นายใหญ่ของเราเอารางวัล |
จึงพูดปลอบตอบว่าอย่าปรารภ | จะให้พบกันกับนายมาผายผัน |
แล้วแห่ห้อมล้อมลงสลุบพลัน | ไปกำปั่นลำใหญ่ในคงคา |
ครั้นถึงเทียบเรียบเรียงเข้าเคียงท้าย | แล้วบอกนายว่ามีนางต่างภาษา |
จะโดยสารวานส่งจึงลงมา | จะโปรดปรานีนางเป็นอย่างไร ฯ |
๏ ฝ่ายสุหรั่งอังกฤษพิศเพ่ง | เห็นปลั่งเปล่งปลื้มจิตพิสมัย |
ด้วยลูกเมียยังไม่มีก็ดีใจ | หมายจะได้เล้าโลมนางโฉมยง |
จึงเสแสร้งแกล้งว่าได้มาพึ่ง | จะให้ถึงฟากฝั่งดังประสงค์ |
แล้วจัดแจงแต่ห้องให้สององค์ | เชิญโฉมยงไปอยู่กับกุมาร |
แล้วรีบร้อนถอนสมอไม่รอรั้ง | พร้อมสะพรั่งเรือเรียงเคียงขนาน |
พอลมคล่องล่องแล่นแสนสำราญ | เที่ยวรังควานขวางทางมากลางทะเล ฯ |
๏ ฝ่ายสุหรั่งนั่งที่เก้าอี้ใหญ่ | กับพวกไพร่กล่าวชวนกันสรวลเส |
ให้เหิมฮึกนึกนิยมสมคะเน | ด้วยได้เทวีไว้ที่ในเรือ |
ต้องตำราว่าดีไม่มีร้าย | เป็นแม่ม่ายลูกติดสนิทเหลือ |
จะฝังปลูกผูกมิตรให้ชิดเชื้อ | อยู่ในเนื้อมือแล้วไม่แคล้วเรา |
แต่ลูกนางขวางกีดอยู่นิดหนึ่ง | คิดรำพึงอ้อมค้อมจะมอมเหล้า |
ให้หลับใหลลืมตัวด้วยมัวเมา | แม้นซึมเซาแล้วจะเกี้ยวประเดี๋ยวใจ |
คิดพลางทางสั่งปังกะโละ | ให้ยกโต๊ะเหล้าเข้มมาเต็มไห |
ทั้งของกินสิ้นทุกอย่างมาวางไว้ | แล้วเรียกให้กุมาราออกมากิน |
พอกุมารขานขาลาแม่เลี้ยง | มานั่งเคียงโจรสุหรั่งดังถวิล |
นายโจรจับจอกสุราออกมาริน | สอนให้กินแก้ทุกข์สนุกใจ ฯ |
๏ สินสมุทรสุดซื่อถือว่าน้ำ | เขาส่งซ้ำรับซดจนหมดไห |
เมาสุราตาแดงดังแสงไฟ | ฉวยเป็ดไก่เคี้ยวขยอกจนออกเรอ |
ฝ่ายฝรั่งนั่งล้อพระหน่อน้อย | สอพลอพลอยพูดพร่ำพะย่ำเผยอ |
เสียงฮาเฮเสสรวลชวนเป็นเกลอ | กุมารเออเองกับกูมาสู้กัน |
แล้วลุกขึ้นมึนหน้าถลาล้ม | ไม่เป็นสมประดีเฟือนเหมือนกับฝัน |
โจรสุหรั่งสั่งให้ไพร่ทั้งนั้น | เข้าช่วยกันยกไปวางกลางที่นอน |
พระหน่อไทไม่เคยเสวยเหล้า | กำลังเมาม่อยหลับลงกับหมอน |
พอสมหมายนายโจรพเนจร | ให้อาวรณ์หวังประโลมนางโฉมยง |
จึงแต่งกายชายชำเลืองค่อยเยื้องย่อง | เข้าในห้องทรามสงวนนวลหง |
กระแทกก้นลงบนเตียงเคียงอนงค์ | นางลุกลงเสียข้างล่างให้ห่างกาย |
ตะโกนเรียกสินสมุทรจนสุดเสียง | เงียบสำเนียงนึกพรั่นพระขวัญหาย |
ส่วนสุหรั่งนั่งยิ้มอยู่พริ้มพราย | พูดภิปรายประสาโจรโลนลำพอง |
นี่แน่เจ้าเข้ามานี่อย่าหนีเร้น | หรือไม่เห็นหน้าผัวให้มัวหมอง |
นิจจาเอ๋ยเคยอยู่เป็นคู่ครอง | จะมาต้องเป็นม่ายตะกายดิน |
เอ็นดูเจ้าเราจึงมาว่าจะเลี้ยง | เป็นคู่เคียงครองชมสมถวิล |
ทั้งแม่ลูกปลูกฝังให้นั่งกิน | อย่าดีดดิ้นดึงดื้อทำอื้ออึง |
ไม่อวดอ้างอย่างพี่นี้จะเจ้า | กับผัวเก่าเห็นเปรียบไม่เทียบถึง |
อย่านิ่งนึกบึกบึนทำมึนตึง | ถึงจะอึงอื้อไปก็ไม่พ้น |
จงผันผ่อนอ่อนน้อมยอมด้วยพี่ | เสียดีดีจะได้ยืดเป็นพืชผล |
เคาะพนักพยักหน้ามาข้างบน | ช่วยถอนขนรักแร้พี่ทีเถิดนาง ฯ |
๏ ยุพยงทรงฟังอ้ายอังกฤษ | ดังพ่นพิษพูดสำรากทั้งถากถาง |
มิตอบตามความอายเห็นหลายทาง | นึกแล้วนางแสร้งเสด้วยเล่ห์ลวง |
ซึ่งเมตตาว่าจะเลี้ยงไว้เคียงคู่ | พระคุณอยู่ข้าพเจ้าเท่าเขาหลวง |
แต่อย่าให้ได้อายชายทั้งปวง | ค่อยหนักหน่วงอย่าเพ่อด่วนทำลวนลาม |
ทั้งเดินทางกลางชลาเป็นพาณิช | สมสนิทเสน่หาตำราห้าม |
ถ้าถึงฝั่งยั้งหยุดสุดแต่งาม | จะผ่อนตามสารพัดไม่ตัดรอน |
ทั้งลูกน้อยกลอยใจจะได้พึ่ง | ไม่ดื้อดึงดอกจะฟังท่านสั่งสอน |
ใช่จะดิ้นสิ้นชีพอย่ารีบร้อน | นางผันผ่อนเพทุบายให้ตายใจ ฯ |
๏ โจรสุหรั่งฟังนางว่าช่างพูด | บิดตะกูดเกเรทำเผลไพล่ |
จะพาเจ้าเข้าฝั่งก็ยังไกล | อดอยู่ไม่ได้ดอกบอกจริงจริง |
แต่เมียตายหลายปีเข้านี่แล้ว | ยังไม่แผ้วพบรสอดผู้หญิง |
อย่าปดโป้โว้เว้ประเว่ประวิง | ถึงตลิ่งแล้วจะไปเสียไกลมือ |
มิโอนอ่อนผ่อนผันทำปั้นปึ่ง | จะให้ถึงปล้ำปลุกสนุกหรือ |
จงผินผันหันหน้ามาหารือ | เจ้าจะถือตามตำราว่ากระไร |
เป็นผัวเมียเสียเรือไม่เชื่อน้อง | พี่ได้ลองแล้วก็เห็นไม่เป็นไฉน |
อย่าหนักหน่วงหวงห้ามความในใจ | แล้วกราบไหว้วอนว่าได้ปรานี ฯ |
๏ สงสารนางอย่างจะดิ้นสิ้นชีวิต | กลัวอังกฤษมันจะปล้ำทำบัดสี |
ต้องเอาใจอ้ายขโมยแต่โดยดี | แม้นหม่อมพี่ขืนใจไม่เมตตา |
มิขออยู่สู้ตายด้วยอายเขา | ทั้งลูกเต้าก็ยังไม่ได้ปรึกษา |
ท่านกลับไปให้สินสมุทรมา | จะพูดจาอ่อนน้อมให้พร้อมใจ |
จงหยุดยั้งรั้งรอแต่พอพลบ | ข้าไม่หลบหลีกลี้หนีไปไหน |
อย่าอยู่เกี้ยวเคี่ยวขับจงกลับไป | อโณทัยลงลับจึงกลับมา ฯ |
๏ ฝ่ายสุหรั่งยังไม่เคยได้เชยชู้ | จึงเสียรู้เพราะรักนั้นนักหนา |
จะด่วนได้ให้ขัดอัธยา | ก็กลัวว่าโฉมฉายจะวายวาง |
จึงตอบคำทำเป็นว่าถ้าเช่นนั้น | จะผ่อนผันตามผัดไม่ขัดขวาง |
ขอเล่นนอกหยอกเอินพอเพลินพลาง | อย่าให้ค้างมรสุมเลยพุ่มพวง |
น้อยหรือน้องสองแก้มดูแย้มยิ้ม | พี่ขอชิมโฉมงามอย่าห้ามหวง |
ให้เห็นแท้แน่ใจว่าไม่ลวง | ช่วยเสียขวงเสียสักหน่อยเถิดกลอยใจ ฯ |
๏ นางฟังคำทำว่าน่าบัดสี | อะไรนี่น่าชังยังสงสัย |
ยิ่งโอนอ่อนผ่อนตามยิ่งลามไป | เดี๋ยวก็ได้เดือดดอกบอกให้รู้ |
ถ้ารักจริงสิ่งไรที่ได้ห้าม | อย่าลวนลามเลี้ยวลดให้อดสู |
ไม่สิ้นวันฉันไหว้ได้เอ็นดู | จะขืนอยู่ไยเล่าให้เขาแคลง ฯ |
๏ โจรสุหรั่งอังกฤษติดจะโง่ | เห็นนางโกรธาเถียงจนเสียงแข็ง |
ฉวยเฉินฉุกจุกจิกจะพลิกแพลง | ทำยิ้มแห้งห้ามว่าเจ้าอย่าอึง |
เพลานี้พี่จะอดสะกดจิต | พอมืดมิดก็จะมาหาให้ถึง |
แล้วผันผายกายก่ำดังตำลึง | ให้รุมรึงร้อนรนสกนธ์กาย |
จึงแก้ไขให้สินสมุทรฟื้น | กุมารตื่นตาสว่างค่อยสร่างหาย |
จึงว่าเหล้าเมาเหลือเบื่อจะตาย | จริงนะนายแต่นี้ไปฉันไม่กิน |
แล้วลุกมาหาองค์นางนงลักษณ์ | เห็นซบพักตร์โศกศัลย์ไม่ผันผิน |
นึกสงสัยไต่ถามพระเทพิน | นางเห็นสินสมุทรมาจึงจาบัลย์ |
สะอื้นพลางทางว่านิจจาเอ๋ย | พ่อละเลยมารดาให้อาสัญ |
แม่มีกรรมจำตายวายชีวัน | นางก้มกันแสงกำสรดสลดใจ ฯ |
๏ สินสมุทรบุตรเลี้ยงเข้าเคียงอาสน์ | อภิวาทวอนถามตามสงสัย |
อยู่ดีดีชีวันจะบรรลัย | เป็นไฉนเช่นนั้นฉันยังแคลง ฯ |
๏ ยุพยงสงสารกุมารน้อย | กระซิบค่อยเบาเบาเล่าแถลง |
อ้ายอังกฤษคิดหมายทำร้ายแรง | มันจึงแกล้งให้พ่อไปเสียไกลตา |
มาเกี้ยวพานรานรุกทำอุกอาจ | มันเกรี้ยวกราดหยาบคายร้ายหนักหนา |
แม่เรียกเจ้าเท่าไรก็ไม่มา | ดังมารดานี้จะดิ้นสิ้นชีวัน |
ต้องหนักหน่วงลวงล่อว่าพอค่ำ | มันเชื่อคำนัดหมายจึงผายผัน |
เป็นการด่วนจวนจนไม่พ้นมัน | จะอาสัญเสียมิให้มันใกล้กราย |
พ่ออยู่หลังฟังแม่ช่วยแก้แค้น | ทำทดแทนให้เหมือนจิตที่คิดหมาย |
เอาเพลิงเผาสำเภาใหญ่ให้ทลาย | แล้วจึงสายสวาทไปในคงคา |
ถ้าพบปะพระบิตุเรศเจ้า | เผื่อผ่านเกล้าคิดความจะตามหา |
ทูลแถลงแจ้งการณ์ว่ามารดา | บังคมลาสู่สวรรคครรไล |
อันชาตินี้มิได้อยู่เป็นคู่ชื่น | ต่อชาติอื่นจึงค่อยชิดพิสมัย |
นางครวญคร่ำกำสรดระทดใจ | พลางลูบไล้ลูกเลี้ยงเคียงประคอง ฯ |
๏ สินสมุทรสุดแสนแค้นสุหรั่ง | ขึ้นเสียงดังเดือดด่าว่าจองหอง |
ตัวเป็นกามาประสงค์ซึ่งหงส์ทอง | จะไปถองเสียให้สมอารมณ์มัน |
นางยุดหัตถ์ตรัสห้ามด้วยความรัก | ยังเด็กนักหนาพ่อคุณอย่าหุนหัน |
ล้วนพวกพ้องของสุหรั่งอยู่ทั้งนั้น | จะสู้มันที่ไหนได้อย่าไปเลย |
เช่นนี้ต้องตรองตรึกให้ลึกซึ้ง | อย่าดื้อดึงดูถูกนะลูกเอ๋ย |
จะสู้รบผู้ใหญ่พ่อไม่เคย | อย่าอยู่เลยหลีกไปเสียให้พ้น ฯ |
๏ กุมาราว่าการจะราญรบ | ลูกรู้จบการศึกได้ฝึกฝน |
พระโยคีวิเศษให้เวทมนตร์ | ทั้งคงทนแทงฟันไม่บรรลัย |
แม่ผีเสื้อเมื่ออยู่ในคูหา | ให้มนต์ข้าที่มนุษย์ยุดไม่ไหว |
สิ้นทั้งลำกำปั่นไม่พรั่นใคร | ลูกจะไปถองทุบให้ยุบยับ |
แล้ววิ่งผลุนหมุนออกมานอกห้อง | นางรื้อร้องเรียกไว้ก็ไม่กลับ |
ถึงสุหรั่งตั้งกระทู้ขู่สำทับ | มึงพูดกับมารดากูว่าไร |
จะปลุกปล้ำทำดูดังชู้ผัว | หมายว่ากลัวเกรงฝีมือหรือไฉน |
อย่าปั้นเจ๋อเย่อหยิ่งมาชิงชัย | จะฆ่าให้ตายสิ้นเหมือนริ้นยุง |
แล้วกำหมัดกัดฟันกระชั้นชิด | ถีบอังกฤษตกเตียงเสียงดังผลุง |
สุหรั่งร้องเรียกไพร่ให้พยุง | เป็นหมู่มุงมาพร้อมล้อมกุมาร |
บ้างฉวยได้ไม้พลองกระบองสั้น | เข้ารุมรันรอบกายหมายประหาร |
สินสมุทรผุดโลดโดดทะยาน | ฉวยได้ขวานขว้างแขกแตกกระจาย |
เห็นนายโจรโผนจับสัประยุทธ์ | ทะยานยุดเหยียบอกผงกหงาย |
กระชากฉีกซีกโครงครากทลาย | เอาศพนายตีไพร่ไล่กระพือ |
แขกฝรั่งอังกฤษไม่คิดรบ | ถลาหลบล้มกลิ้งบ้างวิ่งตื๋อ |
บ้างหมอบราบกราบก้มประนมมือ | เสียงอึงอื้ออ่อนน้อมไม่ยอมตาย ฯ |
๏ สินสมุทรหยุดยั้งตั้งสง่า | ตวาดว่าเหวยทมิฬสิ้นทั้งหลาย |
ใครไม่สู้กูไม่ล้างให้วางวาย | แค้นแต่นายเองดอกบอกให้รู้ |
ประมาทเล่นเห็นว่าเป็นทารก | จึงฉีกอกออกให้หายอายอดสู |
แม้นมึงยอมพร้อมใจไปกับกู | จะเลี้ยงดูโดยดีไม่ตีรัน ฯ |
๏ ฝ่ายผู้ร้ายนายกองรองสุหรั่ง | เป็นชาติอังกุหร่าปัญญาขยัน |
สารภาพกราบก้มบังคมคัล | ขอชีวันไว้เป็นข้าฝ่าธุลี |
เสด็จไปข้างไหนจะไปด้วย | จนมอดม้วยมิได้อางขนางหนี |
อันพวกไพร่ไว้ข้าจะพาที | ให้ภักดีด้วยพระองค์ทรงศักดา |
แล้วตีฆ้องร้องป่าวเหล่าทหาร | มาหมอบกรานเรียงรายทั้งซ้ายขวา |
หน่อนรินทร์สินสมุทรก็พูดจา | ภิปรายปราศรัยทั่วทุกตัวคน |
แล้วว่าเราเยาว์อยู่ไม่รู้ถ้อย | จะได้พลอยไต่ถามตามฉงน |
ใครรู้แห่งแขวงแควกระแสชล | พวกต้นหนล้าต้าบรรดานาย |
จะพาไปให้เฝ้าพระเจ้าแม่ | ก็ตามแต่จะโปรดปรานท่านทั้งหลาย |
แล้วนำหน้าพาพวกเป็นตัวนาย | มายังท้ายห้องสถิตพระธิดา ฯ |
๏ ฝ่ายสุวรรณมาลีไม่มีชื่น | ซบสะอื้นอ่อนแรงกันแสงหา |
มองเขม้นเห็นสินสมุทรมา | กับอังกุหร่าแขกสลัดอัศตัน |
นางดีใจวิ่งไปรับโอรสราช | ขึ้นนั่งอาสน์แอบประทับแล้วรับขวัญ |
ฝ่ายล้าต้าต้นหนคนทั้งนั้น | บังคมคัลคอยสดับรับบัญชา ฯ |
๏ สินสมุทรสุดสวาทฉลาดแถลง | ลูกลองแรงรบสุหรั่งสิ้นสังขาร์ |
คนทั้งหลายนายกองรองลงมา | ขอเป็นข้าไปไหนจะไปตาม |
ลูกจึงพามาเฝ้าให้เล่าเรื่อง | รู้จักเมืองเราหรือไม่จะไต่ถาม |
พวกเสียเรือเผื่อรอดได้รู้ความ | จะติดตามต่อไปข้างไหนดี ฯ |
๏ ยุพยงทรงฟังพระหน่อนาถ | แสนสวาทดังชีวามารศรี |
ประโลมลูบลูกยาแล้วพาที | ชนนีนึกอยู่ไม่รู้วาย |
จะเที่ยวรอบขอบมหามหรณพ | กว่าจะพบภูวนาถเหมือนมาดหมาย |
แม้นคลาดแคล้วแล้วไม่อยู่จะสู้ตาย | พลางฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย |
แล้วไต่ถามพวกพ้องของสุหรั่ง | เดิมท่านทั้งปวงนี้อยู่ที่ไหน |
มาลดเลี้ยวเที่ยวตระเวนระวังภัย | หรืออยู่ในคงคาทั้งตาปี |
เหล่าล้าต้าต้นหนคนสันทัด | เคยแล่นลัดแหลมคุ้งทุกกรุงศรี |
เมืองผลึกรัตนาสองธานี | ในแผนที่มีบ้างหรืออย่างไร ฯ |
๏ อังกุหร่าฝรั่งได้ฟังถาม | จึงทูลความจริงแจ้งแถลงไข |
อันสุหรั่งอังกฤษที่บรรลัย | เป็นโจรใหญ่ในนทีเที่ยวตีเรือ |
ข้าชาวเมืองสำปะหลังฝรั่งเศส | เอาโหมดเทศขึ้นไปขายข้างฝ่ายเหนือ |
เขาจับได้ไว้ชีวิตใช้ชิดเชื้อ | เที่ยวตีเรือกับสุหรั่งตั้งเป็นนาย |
แล้วสั่งให้ต้นหนไปค้นหา | เอาผืนผ้าแผนที่มาคลี่ถวาย |
ถิ่นประเทศเขตแขกฝรั่งราย | มีจุดหมายปากน้ำเป็นสำคัญ |
เมืองโสฬสแหลมชวาพาราสุหรัด | โรมพัฒน์กว้างใหญ่ไอศวรรย์ |
ปังกะหล่ามลายูอยู่ด้วยกัน | ถนนคั่นข้ามฝั่งไปลังกา |
อันขอบคุ้งกรุงผลึกจารึกไว้ | ตะวันตกวกออกไปไกลนักหนา |
เอาแผนที่ชี้แจงแจ้งกิจจา | พระธิดานั่งดูกับกุมาร |
จนจำได้ใต้เหนือสำเหนียกแน่ | ทุกแขวงแควถิ่นประเทศเขตสถาน |
จึงแต่งตั้งอังกุหร่าปรีชาชาญ | ให้สิทธิ์ขาดราชการงานโยธา |
มีนายกองรองกันเป็นหลั่นลด | ตามกำหนดหน้าท้ายทั้งซ้ายขวา |
อันเงินทองของสุหรั่งเรียกเอามา | แจกบรรดาบ่าวไพร่ได้ทุกคน |
แล้วว่าเราเรือแตกต้องแยกย้าย | ยังพลัดพรายตายเป็นไม่เห็นหน |
จะแล่นเลี้ยวเที่ยวหาในสาชล | เผื่อผู้คนที่ในเรือจะเหลือตาย |
ให้เภตราห้าร้อยออกลอยล่อง | ไปตามท้องทะเลวนชลสาย |
แล้วบอกกันเสียให้ทั่วทุกตัวนาย | อย่าทำร้ายเรือจรเหมือนก่อนมา ฯ |
๏ อังกุหร่ารับรสพจนารถ | สั่งประกาศกฎหมายทั้งซ้ายขวา |
แล้วยิงปืนครืนครั่นเป็นสัญญา | เรียกเภตราห้าร้อยมาลอยเรียง |
ให้นายท้ายบ่ายหน้านาวาข้าม | อ้อมออกตามแหลมแล่นเลี้ยวเฉลียง |
กำปั่นน้อยลอยล้อมมาพร้อมเพรียง | บ้างแล่นเลี่ยงลดเลี้ยวให้เกี่ยวกัน |
ครั้นพลบค่ำโคมรายทุกปลายเสา | ทหารเป่าแตรสัญญาดังฟ้าลั่น |
ยิงปืนตึงปึงปังประดังกัน | เป็นสำคัญทุ่มยามตามสัญญา ฯ |
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ | กับกษัตริย์ทรงยศโอรสา |
เข้าอยู่ห้องของสุหรั่งทั้งสองรา | ค่อยเป็นผาสุกสบายคลายอารมณ์ |
สินสมุทรบุตรเลี้ยงอยู่เคียงข้าง | ไม่แหห่างต่างชิดสนิทสนม |
ครั้นพลบค่ำขึ้นบนเตียงเคียงประทม | นางจูบเกล้าเผ้าผมแล้วชมเชย |
มิเสียทีมีฤทธิ์แต่น้อยน้อย | แม่ได้พลอยพึ่งบุญพ่อคุณเอ๋ย |
ทุกวันคืนชื่นใจกระไรเลย | บุญแม่เคยทำไว้จึงได้พบ |
พ่อม้วยมอดวอดวายจะตายด้วย | แม้นแม่ม้วยหมายฝากซึ่งซากศพ |
แล้วปรับทุกข์ลูกยาด้วยปรารภ | ทำไฉนจะได้พบภูวไนย |
อันองค์พระอัยกาบิดาเจ้า | เมื่อสำเภาแตกเห็นเป็นไฉน |
ยังพากเพียรเวียนว่ายหรือหายไป | แม่นี้ไม่ได้อารมณ์สมประดี ฯ |
๏ กุมาราว่าเมื่อเรือจะแตก | เสียงร้องแรกอยู่แต่เหล่านางสาวศรี |
สองกษัตริย์พลัดไปในนที | เมื่อราตรีมิได้เห็นว่าเป็นตาย |
พระมารดาอาลัยถึงใครมาก | ลูกนึกอยากรู้ในพระทัยหมาย |
แล้วแอบอ้อนวอนถามตามสบาย | นางแย้มเยื้อนเอื้อนอายอดสูใจ |
จึงแกล้งบอกหยอกเย้าว่าเจ้าแม่ | แม่รักแต่เจ้าดอกจะบอกให้ |
พระโยคีที่ชื่อพระอภัย | ไม่มีใครเขารักอย่าซักเลย ฯ |
๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรพูดฉอเลาะ | นี่เนื้อเคราะห์พระบิดานิจจาเอ๋ย |
ส่วนลูกเต้าเอาเป็นสิทธิ์เฝ้าชิดเชย | แล้วเฉยเมยมิได้คิดถึงบิดา |
แล้วแกล้งทำสำออยตะบอยบ่น | เห็นยากจนจึงไม่มาดปรารถนา |
แม้นมั่งมีเช่นเขาชาวลังกา | พระมารดาก็จะไม่ได้ตัดรอน ฯ |
๏ นางกอดจูบลูบหลังพระลูกน้อย | ช่างตะบอยร่ำบ่นดังคนสอน |
อย่าถือโทษโกรธขึ้งตะบึงตะบอน | แม่ว่าหยอกดอกมานอนเถิดพ่อมา |
แต่นี้ไปไม่ขัดอย่าตัดพ้อ | หลวงพ่อพ่อแม่จะรักให้หนักหนา |
ชวนสำรวลสรวลสันต์จำนรรจา | ตามประสาไม่สบายพอคลายใจ |
ครั้นลูกหลับกลับลุกทุกข์สะอื้น | จนดึกดื่นเดือนลับไม่หลับใหล |
เผยหน้าต่างวังเวงวิเวกใจ | ละห้อยไห้หวนคิดถึงบิดา |
ทูลกระหม่อมจอมโลกของลูกเอ๋ย | พระองค์เคยกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรักษา |
บริบูรณ์พูนสุขทุกเวลา | คราวนี้มาพลัดพรากได้ยากเย็น |
ลูกแลรอบขอบสมุทรจนสุดเนตร | ทั่วประเทศทางเปลี่ยวไม่เหลียวเห็น |
หรือมอดม้วยด้วยคลื่นไม่คืนเป็น | จึงเขม่นมิได้ขาดประหลาดลาง |
โอ้สงสารผ่านเกล้าเจ้าประคุณ | เมื่อมีบุญสารพัดไม่ขัดขวาง |
จากสมบัติพลัดพรายมาวายวาง | เสียในกลางเกลียวคลื่นไม่คืนเมือง |
น่าสงสารป่านฉะนี้พระแม่เจ้า | จะโศกเศร้าทุกข์ตรอมจนผอมเหลือง |
ทั้งไพร่ฟ้าสารพัดจะขัดเคือง | ใครจะเปลื้องปลดร้อนให้ผ่อนเย็น |
ชาวประเทศเขตแคว้นแผ่นพิภพ | จะเซาซบสิ้นสุขด้วยยุคเข็ญ |
นางนึกน้ำตาตกซกกระเซ็น | ปิ้มจะเป็นบ้าหลังนั่งรำลึก |
จนเดือนชายบ่ายแสงเข้าแฝงเมฆ | ให้วิเวกหวั่นวิญญาณ์เวลาดึก |
เอนองค์ลงกับอาสน์อนาถนึก | หวนรำลึกถึงพ่อพระหน่อน้อย |
นิจจาเอ๋ยเคยคิดพิศวาส | จะนิราศแรมโรยโหยละห้อย |
พระพลัดพรากจากน้องเที่ยวล่องลอย | จะโศกสร้อยเศร้าใจอาลัยลาน |
ยิ่งคิดไปใจหายไม่วายโศก | ยามวิโยคยากแค้นแสนสงสาร |
สะอื้นอ้อนร้อนฤทัยดังไฟกาฬ | กอดกุมารม่อยหลับระงับไป ฯ |
๏ ครั้นรุ่งรางนางตื่นค่อยฝืนทุกข์ | แล้วปลอบปลุกลูกยาอัชฌาสัย |
ให้แต่งองค์สรงเสวยสบายใจ | แล้วออกไปนั่งที่เก้าอี้ทอง |
แขกฝรั่งอังกุหร่าก็มาเฝ้า | ทั้งเย็นเช้าคอยฟังรับสั่งสนอง |
เหล่าเภตราห้าร้อยลอยประลอง | เที่ยวแล่นล่องเลียบมาในสาคร ฯ |