- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
๏ จะกล่าวถึงพระธิดาพระยาแขก | พึ่งรุ่นแรกสาวสำอางค์ดั่งนางเขียน |
ดูจิ้มลิ้มพริ้มพร้อมละม่อมละเมียน | ดั่งเทพเจียนเจียระไนมาไว้วาง |
ขนงเนตรเกศแก้มเมื่อแย้มยิ้ม | ราวกับพิมพ์ทองเจือเนื้อไม่ขวาง |
จะพิศไหนก็วิไลวิลาสนาง | สวนสำอางดังยุพินกินรี |
เมื่อวันพระมังคลาจะมาถึง | ให้รุมรึงในอุรามารศรี |
พอม่อยหลับกลับนิมิตว่านาคี | มาอยู่ที่แท่นรัตน์ชัชวาล |
รวบกระหวัดรัดนางทั้งปรางค์มาศ | ดูร้ายกาจเรี่ยวแรงกำแหงหาญ |
แล้วพ่นพิษปิดพื้นโพยมมาน | สุริย์ฉานบดบังทั้งวังเวียง |
นางพลิกฟื้นตื่นคว้าผวาหวาด | ร้องกรีดกราดมิได้หยุดจนสุดเสียง |
บรรดาเหล่าสาวใช้นอนใกล้เคียง | นางพี่เลี้ยงตกใจกระไรเลย |
ผวากอดยอดมิ่งวิมลโฉม | ปลอบประโลมเป็นไรเล่าแม่เจ้าเอย |
จงบอกพี่เถิดหนาน้องอย่าร้องเลย | ขอเชิญเผยเสาวนีย์ช่วยชี้แจง ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ธิดาพระยาหญิง | สมรมิ่งเธอจึงกล่าวเล่าแถลง |
ฉันฝันเห็นนาคานัยน์ตาแดง | มันเรี่ยวแรงรัดรึงไว้ตรึงตรา |
ทั้งปราสาทราชวังในจังหวัด | ก็รวบรัดเขตแดนไว้แน่นหนา |
แล้วพ่นพิษปิดแสงพระสุริยา | น้องผวาพลิกฟื้นพอตื่นนอน ฯ |
๏ นางพี่เลี้ยงรู้ตำราภาษาแขก | เทวดามาแทรกจึ่งสังหรณ์ |
คงได้คู่สู่สมสยมพร | ต่างนครคงจะมาไม่ช้านาน |
จึงทูลกับพุ่มพวงนางดวงแข | นี่แน่แม่จะได้คู่สู่สมาน |
ร่วมภิรมย์สมองค์สมวงศ์วาน | จึงบันดาลให้แม่ฝันอย่ารัญจวน |
พระธิดาว่าตัวของน้องนี้ | ไม่อยากมีคู่ครองประคองสงวน |
เหมือนอย่างเขาว่าไว้น้องใคร่ครวญ | เป็นที่กวนใจนักไม่รักมี ฯ |
๏ จะกล่าวถึงมังคลานราราช | กับครูบาทหลวงแล่นตามแผนที่ |
ถึงปากน้ำสำปันหนาไม่ช้าที | ให้ทอดที่เมืองด่านชานชลา |
ขุนชำนาญด่านนอกเขียนบอกส่ง | ให้ทูลองค์นครำสำปันหนา |
ว่ากำปั่นที่ไปทัพนั้นกลับมา | พบมังคลาเจ้าประเทศเขตกำพล |
มาประทับยับยั้งตั้งอยู่ด่าน | จะโปรดปรานอย่างไรบ้างยังฉงน |
ทั้งพวกเหล่าชาวเมืองเพชรกำพล | พร้อมพหลจัตุรงค์เธอตรงมา ฯ |
๏ พวกเสมียนเขียนคำทำอักษร | ไปนครเร็วพลันด้วยหรรษา |
ถึงแล้วเข้ากราบทูลมูลิกา | เจ้าชวาทราบสิ้นก็ยินดี |
ให้จัดแจงแต่งเรือลงไปรับ | มาประทับอยู่พลับพลาหลังคาสี |
ให้เลี้ยงดูหมู่พหลแลมนตรี | จงเป็นที่เปรมปราสถาวร |
ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร | ขึ้นปรางค์มาศเนาวรัตน์ประภัสสร |
พวกจัดแจงแต่งที่นั่งอลังกรณ์ | เรือไกรสรสิงหราชสะอาดตา |
เรือกระบวนทวนธงเอาลงปัก | ทั้งคู่ชักแห่แหนดูแน่นหนา |
มยุรฉัตรพัดบังอย่างชวา | ร่มระย้ายาวสั้นกั้นขุนนาง |
พลพายรายเรียงเคียงขนัด | สารวัตรจัดเสร็จพอสางสาง |
สามโมงครึ่งถึงด่านท่านขุนนาง | ให้นำทางไปกำปั่นเหมือนสัญญา |
พวกเรือแห่แออัดจัดกันเสร็จ | เชิญเสด็จขึ้นไปวังอย่ากังขา |
ว่าบัดนี้องค์ท้าวเจ้าชวา | มาคอยท่าภูวไนยอยู่ท้ายวัง ฯ |
๏ ป่างพระจอมมังคลานราราช | กับครูบาทหลวงสมอารมณ์หวัง |
ที่ทุกข์โศกมาแต่ก่อนผ่อนประทัง | แล้วจึ่งสั่งสอนศิษย์เหมือนคิดตรอง |
เรื่องเสน่ห์ที่กูว่าเมตตาจิต | แม้นเขาชิดแล้วก็ดีไม่มีสอง |
เองอุตส่าห์จารึกไว้ตรึกตรอง | ตามทำนองแยบยลกลอุบาย |
พระแต่งองค์ทรงเครื่องเรืองจำรัส | เพชรรัตน์พลอยพร่างกระจ่างฉาย |
ฉลององค์ทรงกระสันพรรณราย | แล้วสอดสายรัดองค์อลงกรณ์ |
ทรงมหามาลาจินดาประดับ | กระจ่างจับแจ่มจำรัสประภัสสร |
ธำมรงค์เรืองจินดาค่านคร | ถือตรีเพชรเสด็จจรลงนาวา |
บาทหลวงแต่งตัวใหม่ลงไปด้วย | จะได้ช่วยป้องกันให้หรรษา |
แล้วรีบเร่งเรือใช้ให้ไคลคลา | โห่สามลาตีฆ้องกลองประโคม |
กระบวนแห่แซ่ซ้องก้องสนั่น | พลขันธ์ครื้นครึกแห่ฮึกโหม |
ทั้งสังข์แตรแซ่สำเนียงเสียงครึกโครม | บาทหลวงโสมนัสรื่นชื่นอุรา |
พอเรือแห่มากระทั่งวังนิเวศน์ | ถิ่นประเทศเมืองแขกแปลกภาษา |
พอแลเห็นท่านท้าวเจ้าชวา | เธอลงมาคอยอยู่ท้ายบูรี ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช | ยุรยาตรขึ้นไปเฝ้าเจ้ากรุงศรี |
ท้าวรายาปราศรัยเป็นไมตรี | เชิญเข้าไปในบุรีด้วยปรีดา |
พระยาแขกขึ้นรถมีกลดกั้น | เป็นหลั่นหลั่นแลรายทั้งซ้ายขวา |
รถกระจกยกให้พระมังคลา | ขึ้นกับอาจารย์เจ้าเข้านคร |
ครั้นถึงวังยั้งยับประทับที่ | พวกมนตรีคับคั่งนั่งสลอน |
ท้าวลงจากราชรถบทจร | เข้านครเขตขัณฑ์สวรรยา |
แล้วจูงหัตถ์มังคลาเจ้าฝาหรั่ง | เข้าไปยังพระโรงคัลด้วยหรรษา |
ให้นั่งแท่นมรกตรจนา | พระมังคลาอภิวันท์อัญชุลี |
พร้อมเสนาเข้าทูลละอองบาท | แล้วถามนาถหน่อกษัตริย์พลัดกรุงศรี |
เราสงสารท่านนักด้วยภักดี | พวกมนตรีเขามาเล่าให้เราฟัง |
ว่าตกทุกข์ได้ยากลำบากเหลือ | เสียดายเนื้อหน่อกษัตริย์ประหวัดหวัง |
พ่อจะได้คืนคงดำรงวัง | แต่ยับยั้งอยู่สักหน่อยจึ่งค่อยไป ฯ |
๏ พระมังคลาว่าข้าพเจ้านี้ | ไม่มีที่พึ่งพาจะอาศัย |
ขอพึ่งบุญกรุณาเหมือนข้าไท | พระอย่าได้ถือโทษจงโปรดปราน |
แล้วนิ่งนึกตรึกตรองให้หมองจิต | คะนึงคิดมากมายหลายสถาน |
ยังไม่เคยนบนอบเคยหมอบกราน | พวกเจ้าบ้านเมืองไรก็ไม่มี |
เราก็เป็นหน่อเนื้อในเชื้อแถว | ลังกาแก้วเคยบำรุงซึ่งกรุงศรี |
มาต้องไหว้แขกชวาเจ้าธานี | มิรู้ที่จะดำริจะตริตรอง |
แล้วหวนคิดผิดพลั้งก็ช่างเถิด | เหมือนทองเกิดเป็นตะกั่วย่อมมัวหมอง |
ถ้าตกยากกรากกรำตามทำนอง | เหมือนเพลงร้องว่าสิบนิ้วต้องพลิ้วเอา |
ด้วยเจ้าแขกกรุณาเมตตาจิต | ก็ต้องคิดขอบคุณเพราะบุญเขา |
สารพัดศัตรูไม่ดูเบา | เพราะบุญเจ้าจอมจังหวัดปฐพี |
แล้วทูลท้าวเจ้าชวาอาณาเขต | ขอพระเดชท้าวไทใส่เกศี |
จะขอเป็นเกือกทองรองธุลี | กว่าชีวีนั้นจะวายทำลายลาญ ฯ |
๏ ฝ่ายไทท้าวเจ้าชวาอาณาจักร | ให้แสนรักน้ำคำซ้ำสงสาร |
จึ่งโลมเล้าเอาใจอาลัยลาน | จะคิดอ่านช่วยบำรุงให้รุ่งเรือง |
แล้วพิศพักตร์ลักขณาหน่อกษัตริย์ | งามจำรัสรัศมีล้วนสีเหลือง |
เสียดายศักดิ์จักรพรรดิมาขัดเคือง | แม้นมิเปลื้องทุกขาจะอาดูร |
ทั้งรูปทรงโสภาดูน่ารัก | มาเสื่อมศักดิ์โภไคยทั้งไอศูรย์ |
อย่าทุกข์เลยเราจะอนุกูล | ให้เพิ่มพูนในสมบัติกษัตรา |
แล้วสั่งให้ไปอยู่ที่ตึกตั้ง | ให้ยับยั้งอยู่สนุกเป็นสุขา |
แม้นมีเรื่องเคืองขัดหัทยา | พ่อจงมาบอกกล่าวเล่าคดี ฯ |
๏ ครั้นสั่งเสร็จพระเสด็จยุรยาตร | เข้าในวังสั่งนาฏมเหสี |
เอาใจใส่หน่อกษัตริย์พลัดบุรี | คุณจะมีมากมายหลายประการ |
มเหสีรับสั่งฟังกระแส | ชำเลืองแลน้อมคำนับรับบรรหาร |
แล้วสั่งเล่าสาวสวรรค์พนักงาน | แต่งเครื่องอานออกถวายพระมังคลา |
๏ ฝ่ายหน่อนาถบาทหลวงออกจากเฝ้า | พากันเข้าไปอยู่ตึกนั่งปรึกษา |
ควรจะต้องหยุดสำนักพักโยธา | เจ้าชวาเล่าก็เห็นเธอเอ็นดู |
เมื่อวันมาถึงข้างในกูได้ข่าว | ว่าลูกท้าวงามนักหนาหวาอ้ายหนู |
อายุย่างเข้าสิบสี่มีระดู | เองได้อยู่เป็นลูกเขยคงเลยดี |
พระมังคลาว่าเราอยู่โนปรางค์รัตน์ | จะลอดลัดเข้าไปหามารศรี |
เห็นขัดสนจนใจเพราะไม่มี | ผู้ใดที่จะเข้าไปให้ถึงนาง ฯ |
๏ บาหหลวงว่าแต่เท่านี้สิขี้ขลาด | มิใช่ชาติเจ้าชู้แล้วหูหาง |
ค่อยสืบเสาะเหมาะใจที่ไว้วาง | ให้ถึงนางพี่เลี้ยงเคียงประคอง |
เองแอบอิงพิงพึ่งให้ถึงเขา | ประโลมประเล้าฝากตัวเห็นมัวหมอง |
เอาสินทรัพย์นับให้ดังใจปอง | อันเงินทองใครเขาชังเองฟังดู |
ขี้คร้านวิ่งตอแหลเป็นแม่สื่อ | ถึงจะดื้อดุจริงคงวิ่งหู |
เจ้าประคุณเงินทองเองลองดู | ผิดปากกูเอ็งจงว่ากูสามัญ ฯ |
๏ พระมังคลาว่าเจ้าคุณการุญรัก | ช่างรู้จักท่วงทีดีขยัน |
พรุ่งนี้เช้าเหล่าพวกนางกำนัล | มาสั่งฉันแล้วจะบาดเข้าพาดพิง |
แต่ปรึกษาหารือกันทั้งสอง | เฝ้าตรึกตรองหวังจะให้ได้ผู้หญิง |
อุตส่าห์พูดลูบไล้ให้ได้จริง | เหมือนปากปลิงเกาะติดอย่าคิดวาง |
แล้วก็บอกหยูกยามหาเสน่ห์ | อุปเทห์สารพัดไม่ขัดขวาง |
อุตส่าห์บ่นสนธยายที่ไว้วาง | เอาให้นางในวิมานคลานลงมา |
แต่สั่งสอนกันจนสางสว่างแจ้ง | ที่เคลือบแคลงมิได้ปิดบอกศิษย์หา |
พอสายแสงพวกที่แต่งโภชนา | ส่งให้ทาสีออกมานอกวัง |
ถวายองค์พงศ์กษัตริย์เสวยเสร็จ | แล้วสำเร็จนางคำนับแล้วกลับหลัง |
เชิญเครื่องอานพานทองของในวัง | ตามรับสั่งองค์ท้าวเจ้าบุรินทร์ ฯ |
๏ จะกล่าวถึงพระธิดาพระยานั้น | ถึงเจ็ดวันเคยไปลงสรงกระสินธุ์ |
ที่ในสวนอุทยานเป็นอาจิณ | นอกบุรินทร์สร้างสมไว้ชมเชย |
มีบุปผาสารพัดจัดมาปลูก | ทั้งดอกลูกมีพร้อมหอมระเหย |
สระปทุมตูงตั้งกำลังเชย | ลมรำเพยพัดพาสุมาลัย |
มีมัจฉาปลาว่ายอยู่คลายคล่ำ | บ้านพ่นน้ำฟองฟูดูไสว |
ทั้งเต่าหอยลอยกระสินธุ์เที่ยวกินไคล | อยู่ที่ในสระสนานชานชลา |
กระจับจอกดอกผลปนสาหร่าย | กระแสสายใสเย็นเห็นมัจฉา |
ที่ประทับยับยั้งตั้งพลับพลา | เป็นที่ผาสุกเกษมเปรมฤทัย ฯ |
๏ ถึงวันเจ็ดนางเสด็จขึ้นไปเฝ้า | แล้วก้มเกล้าทูลลาอัชฌาสัย |
เที่ยวเล่นสวนสระสนานสำราญใจ | ฝ่ายท้าวไทสั่งสนมกรมวัง |
ว่าวันนี้พระบุตรจะไปสวน | เจ้าจงชวนกันประชุมช่วยคุมขัง |
จงเอารถซุ้มระย้ามีฝาบัง | เป็นที่นั่งทรงธิดาเอ็งพาจร |
เอาโขลนจ่าไปให้มากช่วยลากรถ | ให้สมยศพระบุตรีศรีสมร |
ท้าวรับสั่งเสนีชุลีกร | ก็รีบร้อนบาดหมายสั่งนายเวร |
สารถีที่สำหรับขึ้นขับรถ | ใส่เกราะนวมสวมหมดทั้งดั้งเขน |
มาเตรียมคอยเสด็จทั้งเจ็ดเวร | พวกลูกเกณฑ์นายหมวดต่างตรวจตรา ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ธิดาพระยาหญิง | สมรมิ่งโสรจสรงทรงภูษา |
ประดับเครื่องเรืองงามอร่ามตา | ทรงมหาเนาวรัตน์จำรัสเรือง |
กรอบนลาฏคาดเข็มขัดรัดกระสัน | สะพักถันตาดทองละอองเหลือง |
ธำมรงค์เรือนมณีสีประเทือง | แล้วย่างเยื้องขึ้นรถบทจร |
นางพี่เลี้ยงเคียงข้างไม่ห่างโฉม | คอยประโลมพุ่มพวงดวงสมร |
พวกนางเชิญเครื่องยศบทจร | ล้วนงามงอนรุ่นราวขาวละออง |
ตามเสด็จอรไทออกไปสวน | เดินลอยนวลตามเจ้าไม่เศร้าหมอง |
บ้างผัดหน้านวลใสเป็นใยยอง | ตามทำนองนางแขกแปลกกับไทย ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาปรีชาฉลาด | กับสังฆราชรู้แจ้งแถลงไข |
ว่าวันนี้พระธิดาจะคลาไคล | ไปเล่นสวนดอกไม้ที่ท้ายวัง |
เองรีบไปคอยดูอยู่ริมสระ | ให้นางประเนตรสมอารมณ์หวัง |
เป่าเสน่ห์ผูกจิตให้ติดตัง | คงสมหวังเหมือนกับฝันอย่ารัญจวน |
พลางจัดแจงแต่งกายเป็นชายไพร่ | แอบเข้าไปหาตาเฒ่าที่เฝ้าสวน |
ส่งภาษามลายูรู้กระบวน | แล้วทำชวนพูดจาทีหารือ |
ข้าพเจ้าเป็นชาวสำปะหลัง | เป็นนายช่างต่อเรือคนเชื่อถือ |
แต่เรือไฟไม่สันทัดเที่ยวหัดปรือ | เขาเล่าลือทุกสถานมานานครัน |
อุตส่าห์มาหมายจะใคร่ได้ความรู้ | เที่ยวหาครูรู้หลักทำจักรหัน |
อยู่บ้านใดในประเทศขอบเขตคัน | โปรดดีฉันนำไปให้อาจารย์ ฯ |
๏ ทั้งตายายหมายว่าจริงนิ่งพินิจ | แล้วก็คิดรักใคร่ไปสิหลาน |
แต่วันนี้พระธิดายุพาพาล | จะมาสนานที่ในสระธุระมี |
แล้วก็ว่าตาจะช่วยไปฝากฝัง | ให้สมดั่งหลานคิดไม่บิดหนี |
คอยดูเขาเล่นสักวันขยันดี | ต่อพรุ่งนี้จึงค่อยไปดั่งใจจง |
แอบดูเหล่าชาววังบ้างสิหลาน | เขางามปานกินราพระยาหงส์ |
แต่ออกไปเสียให้ไกลเขาล้อมวง | ที่ในดงคัดเค้าเหล่าต้นจันทน์ |
พระมังคลาดีใจเห็นได้ช่อง | ค่อยย่างย่องเข้าไปในสวนขวัญ |
เข้าแฝงพุ่มชงโคตะโกวัน | ริมขอบคันสระศรีมีปทุม ฯ |
๏ จะกล่าวถึงนางพระยามาถึงสวน | พร้อมกระบวนกันทั่วมามั่วสุม |
แล้วนั่งกองกำชับคอยจับกุม | พวกหนุ่มหนุ่มล้อมไว้มิให้เดิน |
พอรถทรงพระธิดามาถึงสวน | พี่เลี้ยงชวนเสด็จนางไม่ห่างเหิน |
เก็บบุปผามาลัยพอใจเพลิน | เสด็จดำเนินกรีดเล็บเก็บจำปี |
ประทานเหล่าสาวสรรค์นางข้าหลวง | คนละพวงส่งให้ใส่เกศี |
ทั้งปาหนันกรรณิการ์สารภี | ตันหยงมีดอกพร้อมหอมขจร |
เห็นสาวหยุดฉุดชิงจนกิ่งค้อม | เอาไม้ซ่อมสอยร่วงพวงเกสร |
นางสาวสรรค์เก็บดวงพวงขจร | ให้พี่เลี้ยงสายสมรเที่ยวเรียงราย |
บ้างเก็บผลไม้ลูกทั้งสุกห่าม | ทำไม้ง่ามน้อยน้อยสอยถวาย |
ละมุดม่วงพวงผลหล่นกระจาย | เที่ยวเรี่ยรายตกกลาดดาษดา |
ลิ้นจี่ต้นผลแดงดังแสงชาติ | มะตูมมะตาดดกดื่นพื้นพฤกษา |
มะหาดเหียงเรียงต้นผลผกา | ย้อยระย้าสุกเหลืองดูเรืองรอง |
เสด็จดำเนินเดินทางมากลางสวน | อนงค์นวลอื่นจะเปรียบไม่เทียบสอง |
ไปถึงสระปะพระมังคลามอง | สองต่อสองเนตรสบประจบกัน |
ให้ปลาบปลื้มลืมเล็งแต่เพ่งพิศ | ยิ่งเสียวจิตนึกขยับจะรับขวัญ |
ดั่งอัปสรในสถานวิมานจันทร์ | ทั้งผิวพรรณผ่องพักตร์ลักขณา |
ขนงเนตรเกศแก้มเมื่อแย้มยิ้ม | ประไพพริ้มเหลือดีเจ้าพี่จ๋า |
ทั้งสองเต้าเท่าเปรียบปทุมา | แม้นจะหาเหมือนเจ้าไม่เท่าเทียม ฯ |
๏ ฝ่ายระเด่นดวงแขแลชม้อย | นี่นะรอยมาแต่ไกลนึกอายเหนียม |
หรือฝรั่งลังกามาเลียบเลียม | ดูเสงี่ยมกิริยาเหมือนนารี |
ดูรูปทรงองค์เอวก็อ้อนแอ้น | ละม้ายแม้นเทวดาในราศี |
แต่ผ้าเสื้อเหลืออดสูดูเต็มที | เหมือนกับที่ชาวไร่พวกไถนา |
แล้วโฉมยงทรงชี้ให้พี่เลี้ยง | ใครมาเมียงมองแลชะแง้หา |
พี่ไปถามตามสงสัยใครใช้มา | บอกให้ข้ารู้เรื่องอยู่เมืองใด ฯ |
๏ พี่เลี้ยงรับเสาวนีย์มีกระทู้ | นี่นายอยู่แห่งหนตำบลไหน |
จงบอกความตามจริงทุกสิ่งไป | รับสั่งให้ถามนายจงให้การ ฯ |
๏ ฝ่ายพระจอมมังคลานราราช | ได้โอกาสเพื่อจะแจ้งแสดงสาร |
ค่อยเป่ามนต์ดลคาถาไม่ช้านาน | ที่อาจารย์สอนสั่งให้ตั้งใจ |
เดชะเวทวิทยามหาเสน่ห์ | ให้รวนเรร้อนจิตพิสมัย |
ทั้งพี่เลี้ยงสาวสรรค์กำนัลใน | องค์อรไทดวงแขแลตะลึง ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลานั้น | บอกว่าฉันนี้นะขาพึ่งมาถึง |
มาเที่ยวเล่นเห็นเขาลือกันอื้ออึง | ว่าสวนซึ่งจอมกษัตริย์ขัตติยา |
สนุกสนานปานสวนสรวงสวรรค์ | ในช่อชั้นแดนดาวดึงสา |
อยากจะใคร่ชมอนันต์เป็นขวัญตา | พอฉันมาปะกระบวนก็จวนตัว |
จึงหลบลี้หนีแอบมาซ่อนเร้น | กลัวจะเป็นดูแลแม่อยู่หัว |
จึ่งมาเที่ยวลัดแลงแอบแฝงตัว | เพราะความกลัวท่านจะโกรธลงโทษทัณฑ์ |
จะออกไปเสียข้างนอกออกไม่ได้ | เขาล้อมไว้ยิ่งยวดทั้งกวดขัน |
ไหนจะกลัวอาญาสารพัน | หม่อมโปรดฉันด้วยเถิดขาจงปรานี |
ช่วยเพ็ดทูลอย่าให้สูญไมตรีจิต | ที่ชอบผิดช่วยขยายอย่าหน่ายหนี |
จะขอบคุณกรุณาที่ปรานี | จริงนะพี่จะให้สัตย์ปฏิญาณ ฯ |
๏ นางรับคำซ้ำว่าถ้าเช่นนั้น | จะผ่อนผันทูลอนงค์เพราะสงสาร |
จะจดจำคำนายที่ให้การ | ไปทูลมิ่งเยาวมาลย์เหมือนถ้อยคำ |
แล้วลุกลามาถึงพระนุชนาฏ | อภิวาททูลแต่พอที่ข้อขำ |
ทั้งพูดจาสารภาพว่าหลาบจำ | ให้พี่นำกราบทูลมูลคดี ฯ |
๏ นางทราบสิ้นผินพักตร์มาซักถาม | ให้มีความรักใคร่ไม่หน่ายหนี |
เสน่หาอาวรณ์ร้อนฤดี | นางเทวีหันกลับขึ้นพลับพลา |
แล้วเรียกสี่พี่เลี้ยงมาเคียงข้าง | พระนุชนางแดดิ้นถวิลหา |
จนมิได้สระสรงพระคงคา | ให้เรียกราชรัถามาเร็วพลัน |
จะกลับวังสั่งเหล่าพวกข้าหลวง | ทุกกระทรวงเร่งรัดไปจัดสรร |
มาพร้อมเสร็จนางเสด็จจรจรัล | จากอนันต์อุทยาน์เข้าธานี |
ขึ้นบรรจถรณ์ร้อนจิตด้วยฤทธิ์เสน่ห์ | ให้ว้าเหว่วิญญาณ์มารศรี |
แสนวิโยคโศกศัลย์พันทวี | นางเข้าที่พระบรรทมให้ตรมทรวง ฯ |
๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงเข้าเคียงแท่น | ให้โศกแสนร้อนใจเป็นใหญ่หลวง |
นางทูลถามความรักที่หนักทรวง | แม่เหงาง่วงเป็นไฉนไม่สบาย |
จงบอกพี่ชี้แจงให้แจ้งเรื่อง | จะปลดเปลื้องอนุกูลให้สูญหาย |
ที่โรคร้อนผ่อนใจให้สบาย | อย่าวุ่นวายเลยแม่น้องจะหมองมอม |
พี่เป็นหมอขอแก้ที่แผลเจ็บ | อันเมื่อยเหน็บเสียรูปซีดซูบผอม |
จะแก้ไขมิให้น้องนั้นต้องตรอม | ฉันจะยอมอาสาเหมือนม้าทรง ฯ |
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ | นางกษัตริย์ชื่นชมสมประสงค์ |
แต่ความอายมิใคร่บอกออกให้ตรง | เพราะเขาจงใจแก้ที่แผลคัน |
จึงว่าน้องเหมือนต้องโอสถพิษ | กำเริบฤทธิ์ร้อนในน้ำใจฉัน |
พี่ช่วยคิดปิดป้องของสำคัญ | อย่าให้ฉันอายหน้าประชาชน ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลาเจ้าฝาหรั่ง | กลับมายังที่สำนักพักพหล |
บาทหลวงถามความในที่ไกกล | ทั้งเวทมนตร์ทางเสน่ห์เพทุบาย |
ได้ใช้บ้างหรือหาหรือว่าเปล่า | หรือได้เข้าไปสมอารมณ์หมาย |
พระบอกกล่าวเล่าแต่ต้นไปจนปลาย | ที่คิดหมายเห็นจะสมอารมณ์ปอง |
นางใช้สี่พี่เลี้ยงมาถามซัก | ที่จะชักชวนชิดสนิทสนอง |
เชิงพูดจาปราศรัยในทำนอง | เห็นมีช่องชอบกลเป็นหนทาง |
แต่ฟังดูพรุ่งนี้แม้นมีข่าว | ได้เรื่องราวแล้วไม่ยากต้องถากถาง |
บาทหลวงว่าลูกครูมันรู้ทาง | เหมือนเช่นอย่างพ่อเองกูเกรงมือ |
อันเรื่องราวเขาเที่ยวเกี้ยวผู้หญิง | ทั้งอ้อยอิ่งกลอกกลับหญิงนับถือ |
ถึงแม่เองรบตีมีฝีมือ | ยังต้องรื้อกลับเป็นเมียเขาเคลียคลอ |
ชะเจ้าพรรณลูกไม้ไม่ไกลต้น | มันร่วงหล่นอยู่ริมกิ่งจริงจริงหนอ |
มิเสียแรงเกิดกับต้นเจ้าผลยอ | พลางพูดพ้อกันพอให้ใจสบาย ฯ |
๏ พระสุริยงเย็นพยับลงลับฟ้า | ดวงดาราจันทร์กระจ่างสว่างฉาย |
น้ำค้างพรมลมเรื่อยเฉื่อยสบาย | บาทหลวงทายดาราพยากรณ์ |
อันดวงดาวเจ้าชวาอาณาเขต | จะเรืองเดชภิญโญสโมสร |
เองคงได้เสกสมสยมพร | ด้วยฤทธิรอนองค์ท้าวเจ้าชวา ฯ |
๏ จะกลับกล่าวพระบุตรีนารีราช | ครั้นภาณุมาศเย็นพยับลับเวหา |
ศศิธรจรกระจ่างสว่างตา | ด้วยฤทธิ์อาคมขลังกำลังมนต์ |
เทพรำจวนจิตฤทธิ์เสน่ห์ | ให้รวนเรร้อนรุมทุกขุมขน |
เสน่หากล้าหาญเหลือทานทน | ให้ร้อนรนไม่สบายหลายประการ |
แล้วเรียกสี่พี่เลี้ยงมาเคียงอาสน์ | พระนุชนาฏมีสุนทรด้วยอ่อนหวาน |
ประหลาดใจตั้งแต่ไปอุทยาน | หนาวสะท้านเป็นไฉนไม่สบาย ฯ |
๏ นางพี่เลี้ยงรู้เล่ห์เสน่หา | จะวางยาแก้ไขเสียให้หาย |
แล้วทูลว่าหน้าไข้ไม่สบาย | อย่าวุ่นวายพรุ่งนี้พี่จะไป |
หาโอสถรสรื่นที่ชื่นชอบ | มาประกอบผันแปรคิดแก้ไข |
ให้หายโรคโศกเศร้าเบาพระทัย | แล้วจะได้เห็นหมอขอตำรา |
มาถวายโฉมยงให้จงได้ | ขอแก้ไข้ฟูมฟักช่วยรักษา |
เหมือนศุภลักษณ์ยักษีผู้ปรีชา | ไปอุ้มพาอุณรุทภุชพงศ์ |
มาสมสู่อุษาธิดายักษ์ | ได้ร่วมรักร่วมชมสมประสงค์ |
ขออาสากว่าชีวิตจะปลิดปลง | ให้ได้องค์มังคลาไม่ช้าที |
อย่าทุกข์ร้อนนอนเถิดแม่โฉมฉาย | คงสมหมายดอกพระน้องอย่าหมองศรี |
ที่ประสงค์จงรักขอภักดี | วันพรุ่งนี้จะออกไปให้ได้ความ |
แต่ปรึกษาห้าคนจนสว่าง | นางเยื้องย่างออกไปแล้วไต่ถาม |
มาเรียกบ่าวสาวใช้ให้ไปตาม | แล้วเดินข้ามท้องฉนวนรัญจวนใจ ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์มังคลาราช | พอภาณุมาศไตรตรัสจำรัสไข |
แล้วสระสรงทรงเครื่องเรืองอำไพ | จะขึ้นไปเฝ้าท้าวจ้าวนคร |
พอสี่นางต่างพากันมาถึง | พลางรำพึงอยู่ในทรวงดวงสมร |
เหตุไฉนหน่อกษัตริย์พลัดนคร | วานนี้จรไปเป็นคนจนเข็ญใจ |
ไม่รู้เลยว่าเป็นหน่อวรนาถ | ขู่ตวาดพูดจาไม่ปราศรัย |
ให้นึกกลัวตัวสั่นพรั่นหัวใจ | พอหน่อไทสบพักตร์ร้องทักทาย |
เชิญพี่มาหาน้องสักหน่อยก่อน | ธุระร้อนใจอยู่ไม่รู้หาย |
พี่มิช่วยไหนจะรอดคงวอดวาย | ดั่งหนึ่งว่ายสายสมุทรสุดกำลัง ฯ |
๏ ฝ่ายทั้งสี่พี่เลี้ยงค่อยเมียงหมอบ | แล้วก็ตอบพจนารถสวาทหวัง |
ขอสนองรองบาทากว่าชีวัง | จะรับสั่งใส่เกล้าทุกเช้าเย็น |
๏ ฝ่ายพระหน่อบดินทร์นรินทร์ราช | ที่คิดคาดไว้ได้ช่องพอมองเห็น |
จึงเขียนคำทำเป็นกลอนบอกร้อนเย็น | ทับสนิทมินเม้นไม่เห็นรอย |
กับธำมรงค์ทรงถอดออกจากหัตถ์ | เพชรรัตน์เรือนอุทัยที่ใช้สอย |
ส่งให้นางพลางทำเป็นสำออย | ว่าแหวนก้อยฉันถวายเหมือนหมายใจ |
ทูลฉลองเถิดว่าน้องนี้คนยาก | จะหมายฝากชีวงอย่างสงสัย |
เป็นคนพลัดซัดเซว้าเหว่ใจ | เหมือนนกไร้รังนอนจนอ่อนแรง |
ได้มาหยุดสำนักพอพักกึ่ง | ให้สมซึ่งปรารถนาพี่อย่าแหนง |
ยกเอาคำนำคดีน้องชี้แจง | ทูลแถลงพระธิดายุพาพาล ฯ |
๏ พี่เลี้ยงรับสารศรีคดีสดับ | ทูลลากลับมาปราสาทราชฐาน |
แล้วขึ้นเฝ้าโฉมยงนางนงคราญ | ถวายสารธำมรงค์อลงกรณ์ |
จึงทูลความตามเรื่องหน่อกษัตริย์ | ให้แจ้งอรรถว่าพระรักสมัครสมร |
ที่เรื่องราวกล่าวคำเธอร่ำวอน | ดวงสมรแม่จงแจ้งอย่าแพร่งพราย ฯ |
๏ นางรับสารอ่านกลอนอักษรสนอง | ฉันจำลองลายหัตถ์จัดถวาย |
กระดาษแทนแผ่นสุวรรณพรรณราย | เพราะมุ่งหมายพระธิดายุพาพิน |
แต่เรียมจนเพราะเป็นคนอนาถา | แม้นเมตตาก็จะหายวายถวิล |
เพราะความรักหนักเท่าพระธรณิน | เชิญยุพินทราบคำที่รำพัน |
อันตัวพี่เหมือนกระต่ายมาหมายแข | ตะลึงแลแสงช่วงดวงบุหลัน |
ก็สุดหมายที่จะมาดสวาทจันทร์ | อยู่ถึงชั้นดาวดึงส์เห็นกึ่งเกิน |
เมื่อไรเลยจันทราดวงดารก | จะร่วงตกลงมาบ้างเห็นห่างเหิน |
ขอเสี่ยงบุญหนุนนำให้จำเจริญ | เป็นที่เยินยอยศปรากฏไป |
แม้นคู่เคียงเรียงหมอนแต่ก่อนสร้าง | อย่าให้ร้างเชยชิดพิสมัย |
ให้เหมือนพวงบุปผาสุมาลัย | มาสวมใส่หัตถาศิลาลอย |
เชิญพระนุชบุตรีนารีรัก | ช่วยเชิดพักตร์พี่ไว้ได้ใช้สอย |
อย่าบากบั่นผันพักตร์ให้รักลอย | จงตอบถ้อยศุภสารสมานเอย ฯ |
๏ พระเทพินยินคำดั่งน้ำทิพย์ | อันลอยลิบตกลงมาสรงเสวย |
ชื่นอารมณ์คมคายภิปรายเปรย | ด้วยจะเชยชมชื่นระรื่นเย็น |
จำจะร่างเรื่องสารสมานสมัคร | ที่ความรักทูลเสนอให้เธอเห็น |
แล้วนางคิดตอบคำพอย่ำเย็น | เขียนด้วยเส้นดินสอดำคำสารา |
พับผนิดปิดผนึกจารึกหลัง | แล้วซ้ำสั่งนางกำนัลด้วยหรรษา |
กับขันทองของทรงเครื่องลงยา | ใส่บุหงาส่งให้เอาไปพลัน |
ถวายพระมังคลาเจ้าฝาหรั่ง | กำชับสั่งพวกเหล่านางสาวสรรค์ |
กับพี่เลี้ยงร่วมใจไปด้วยกัน | พอสายัณห์รีบมาอย่าช้าที ฯ |
๏ พี่เลี้ยงรับสาราเรียกข้าทาส | ยุรยาตรออกประตูบูรีศรี |
ถึงตึกตั้งวังอยู่ของภูมี | ขึ้นเฝ้าที่ห้องกลางที่ข้างใน ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระมังคลานราราช | เห็นนางนาฏกลับมาพระปราศรัย |
น้องเห็นพี่มานี่ค่อยคลายใจ | พลางพิไรถามซักที่ชักพา |
อันทรวงน้องเหมือนหนึ่งกองอัคคีสุม | ให้ร้อนรุ่มจนกระทั่งถึงมังสา |
พี่ไม่ช่วยเห็นม้วยชีวาลา | แล้วมารยาทำเหมือนไข้ไม่สบาย ฯ |
๏ ฝ่ายพี่เลี้ยงเคียงองค์แล้วส่งสาร | กับทั้งพานใส่บุหงามาถวาย |
พลางทูลความตามทำเนียบทั้งเปรียบปราย | พระสมหมายที่มาดสวาทปอง |
แล้วคลี่สารอ่านคำของทรามสวาท | บังคมบาทบาทามาทั้งสอง |
ซึ่งโปรดปรานการข้างหน้าฝ่าละออง | ว่ารักน้องเหมือนหนึ่งคำที่รำพัน |
ก็เห็นจริงสิ่งใดไม่หน่ายแหนง | น้องก็แจ้งความจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
แต่เรื่องว่าเหมือนกระต่ายมาหมายจันทร์ | ที่ข้อนั้นยังไม่เห็นเป็นอย่างไร |
หรือตัวน้องอยู่บนฟ้าเวหาหน | นี่ก็คนเดินดินสิ้นวิสัย |
มิใช่องค์เทวาสุราลัย | พระจะได้คอยแหงนแสนรำคาญ |
ที่ยกยอขอประทานเถิดผ่านฟ้า | เหมือนเขาว่าร้อยลิ้นที่กินหวาน |
น้องมิใช่มดดำเห็นน้ำตาล | รับประทานกินนักมักเป็นลม |
อันถ้อยคำที่พระร่ำว่ารักน้อง | ขอเชิญครองสัตย์ไว้อย่าให้ขม |
ข้อที่พระปรารถนาอย่าปรารมภ์ | คงจะสมความสัตย์ปฏิญาณ |
อันตัวน้องก็จะรองธุลีบาท | จนสิ้นชาติมิได้ร้างห่างสมาน |
แต่มีข้อเกียดกันในสันดาน | แม้นโปรดปรานน้องจะเห็นว่าเอ็นดู |
ด้วยว่าพระเชษฐาเป็นฝาหรั่ง | อยู่เวียงวังพระสิเคยเสวยหมู |
น้องเป็นพวกแขกชวามลายู | ที่เรื่องหมูเกลียดจ้านรำคาญจริง |
แม้นรับคำสำคัญที่มั่นหมาย | ชอฝากกายฝากชีวาประสาหญิง |
จะได้พึ่งฝ่าพระบาทพอพาดพิง | เป็นที่จริงแม่นมั่นเหมือนสัญญา |
ค่ำวันนี้เชิญพระองค์พงศ์กษัตริย์ | มาปรัศว์พบฉันให้หรรษา |
น้องจะได้ทูลสนองรองบาทา | ขอเป็นข้าเบื้องพระบาททุกชาติเอย ฯ |
๏ พระฟังสารหวานเพราะเสนาะโสต | ละอองโอษฐ์นุชนวลหวนระเหย |
งามละม่อมยอมกายภิปรายเปรย | ควรจะเชยกลิ่นหอมถนอมนวล |
แล้วเอื้อนโอษฐ์โปรดสั่งนางทั้งสี่ | ขอเชิญพี่ไปประคองรองสงวน |
พอค่ำคล้อยคอยฉันอย่ารัญจวน | เวลาควรน้องจะไปเหมือนใจจง ฯ |
๏ ฝ่ายนารีพี่เลี้ยงทูลลากลับ | น้อมคำนับหน่อนาถราชหงส์ |
ถึงปรางค์ทองย่องเข้าเฝ้าอนงค์ | นางโฉมยงตรัสถามเนื้อความพลัน |
ทั้งสี่นางต่างทูลสนองสาร | เยาวมาลย์อย่าวิโยคเศร้าโศกศัลย์ |
เธอสั่งให้คอยท่าไม่ช้าพลัน | พอสายัณห์จึงจะมาในราตรี |
นางโฉมยงทรงฟังดั่งได้แก้ว | พระพักตร์แผ้วผุดผ่องละอองฉวี |
ครั้นพลบค่ำคล้ำฟ้าในราตรี | สั่งให้พี่เลี้ยงเสนอเมื่อเธอจร ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์พระมังคลาราช | ภาณุมาศเย็นพยับลับสิงขร |
จันทร์กระจ่างแจ่มฟ้าดารากร | พระภูธรแต่งองค์อลงการ์ |
ทรงเครื่องต้นอย่างแขกให้แปลกเพศ | แล้วร่ายเวทฤทธิรณมนต์คาถา |
เหน็บกริชเพชรสองข้างอย่างชวา | ถือเช็ดหน้าขลิบตาดแล้วนาดกราย |
ลงจากตึกที่ประทับไม่ยับยั้ง | เห็นคนนั่งพร้อมกันรีบผันผาย |
แล้วอ่านมนต์ดลขลังกำบังกาย | ค่อยแวดชายแอบดูปลอมผู้คน |
พอพบสี่พี่เลี้ยงมาคอยรับ | แล้วคำนับให้เดินกลางหว่างถนน |
ค่อยห้อมล้อมปลอมเหล่าพวกชาวพล | ไม่มีคนสงสัยเข้าในปรางค์ |
แล้วเชิญองค์มังคลาเจ้าฝาหรั่ง | ให้หยุดยั้งที่สงัดปรัศว์ขวาง |
ค่อยแหวกม่านคลานไปเชิญเสด็จนาง | ที่ห้องกลางปรางค์มาศปราสาทชัย ฯ |
๏ ฝ่ายพระนุชบุตรีนารีราช | กัมปนาทนึกพรั่นให้หวั่นไหว |
องค์ระทวยขวยเขินสะเทิ้นใจ | จะออกไปก็กระดากวิบากจริง |
ให้นึกอายหลายอย่างระคางเขิน | สะท้านสะเทิ้นไม่รู้หายวิสัยหญิง |
แล้วกล่าวแกล้งแสร้งเสประเวประวิง | น้องเป็นหญิงออกไปเห็นไม่ดี |
พี่กลับไปเชิญพระองค์พงศ์กษัตริย์ | มาแท่นรัตน์ปรางค์ทองอันผ่องศรี |
พี่เลี้ยงบังคมคัลอัญชลี | กลับมาที่หน่อกษัตริย์ขัตติยา |
เชิญเสด็จเข้าไปในปรางค์มาศ | พระหน่อนาถจรจรัลด้วยหรรษา |
ขึ้นประทับแท่นสถิตพระธิดา | พระมังคลาเป่าเสน่ห์ด้วยเล่ห์กล |
ต้องพระนุชบุตรีศรีสวัสดิ์ | เกิดกำหนัดร้อนรุ่มทุกขุมขน |
ให้ปลาบปลื้มลืมตัวด้วยกลัวมนต์ | เปรียบเหมือนคนเมาสุรานัยน์ตาลาย |
พระปราศรัยไต่ถามด้วยความรัก | เชิญผินพักตร์พี่ขอยลวิมลฉาย |
อย่าขวยเขินเมินหน้าระอาอาย | ไม่ทักทายแขกมาหาถึงปรางค์ ฯ |
๏ นางทรุดองค์ลงคำนับอภิวาท | พระนุชนาฏนึกอายไม่หายหมาง |
แต่ความรักหักหันออกกั้นกาง | พระนุชนางทูลสนองทำนองใน |
พระคุณของทรงฤทธิ์เหมือนบิตุเรศ | ทั้งประเทศดินฟ้าจะหาไหน |
ขอรองเบื้องบาทาเหมือนข้าไท | จะไปไหนมิได้ขัดพระอัธยา ฯ |
๏ พระปลอบนางทางว่านิจจานุช | พี่แสนสุดรักมิตรกนิษฐา |
ขอฝากกายกว่าจะวายชีวาลา | เป็นสัจจาของพี่แท้ไม่แปรปรวน |
เจ้าพุ่มพวงดวงแขแม่อย่าหมอง | ไม่ขัดข้องโฉมงามทรามสงวน |
พลางอิงแอบแนบชิดสนิทนวล | พี่เลี้ยงชวนกันออกมานอกปรางค์ |
นางถอยหลังลดองค์ลงจากอาสน์ | พระหน่อนาถค่อยประคองอย่าหมองหมาง |
แล้วกุมกรช้อนองค์ประจงปราง | พระนุชนางผลักหัตถ์กษัตรา |
แล้วทูลห้ามตามกระบวนอย่าด่วนนัก | ขอผ่อนพักพอให้หายอายนักหนา |
แม้นคนผู้รู้สิ้นจะนินทา | จะเอาหน้าลงไปแฝงไว้แห่งไร ฯ |
๏ พระเชยปรางทางว่านิจจาน้อง | อยู่ในห้องใครจะเห็นว่าเป็นไฉน |
ไม่บกพร่องหมองช้ำจะทำไม | มันมิใช่โถเถาจะร้าวราน |
พลางประคองต้องเต้าเต็มพระหัตถ์ | นางป้องปัดพอประจักษ์ไม่หักหาญ |
ค่อยผันผ่อนหย่อนตามความสำราญ | ปทุมมาลย์พึ่งพ้นชลธี |
ค่อยอิงแอบแนบเนื้อที่เจือจิต | นางเบือนบิดพระก็เบียดพอเสียดสี |
ปทุมมาลย์ยังไม่บานเกสรดี | พึ่งจะคลี่ยังไม่จริงก็ชิงบาน |
แมงภู่ผึ้งคลึงเคล้าเกสรอ่อน | ลงเฟ้นฟอนของสดเพราะรสหวาน |
พิรุณโรยโปรยช่อพอประมาณ | ในท้องธารไม่สู้ชุ่มพอนุ่มนวล |
พยุพยับอับพื้นเวหาหาว | ทั้งเดือนดาวลับจมเป็นลมหวน |
สนั่นเปรี้ยงเสียงสุนีคะนองครวญ | พระพายหวนหอมบุปผาสุมามาลย์ |
ทะเลลมยมนาสาคเรศ | ทั่วประเทศเป็นระลอกกระฉอกฉาน |
มัติมิงคล์กลิ้งท้องชโลธาร | ก้องสะท้านธรณินในสินธู |
เขาพระเมรุเอนเอียงเพียงจะคว่ำ | ทุกเถื่อนถ้ำครื้นครั่นสนั่นหู |
นาคราชผาดผยองขึ้นฟ่องฟู | มังกรชูแก้วสว่างกลางทะเล ฯ |
๏ สองภิรมย์สมสวาทในอาสน์รัตน์ | นางกษัตริย์เคียงข้างไม่ห่างเห |
พระมังคลาชื่นชมสมคะเน | ไม่ห่างเหพระธิดายุพาพิน |
เมื่อแรกเริ่มเดิมได้กับยายเฒ่า | เหมือนกินข้าวแฉะบูดสุดถวิล |
เป็นจำใจจำกลืนสู้ขืนกิน | มันเลือกลิ้นมากมายหลายประการ |
มาปะของเมืองชวาโอชารส | แต่ล้วนสดสารพันทั้งมันหวาน |
ดังเครื่องทิพย์หยิบใส่มาในจาน | แสนสำราญนุ่มนิ่มชิมไม่วาย |
อัศจรรย์บ่อยบ่อยเหมือนลอยแก้ว | มันหวานแจ้วจับใจมิใคร่หาย |
ถนอมแนบแอบนุชสุดเสียดาย | จึงภิปรายปราศรัยเป็นไมตรี |
พี่ขอลาทรามสงวนจวนจะรุ่ง | แต่ค่ำพรุ่งนี้จะกลับมาปรางค์ศรี |
ค่อยอยู่เถิดแก้วตาอย่าราคี | แม้นต้วพี่จะมิไปก็ใช่เชิง |
ถ้าทราบถึงบิตุรงค์จะลงโทษ | เสียประโยชน์แล้วสิเปิดเตลิดเหลิง |
เหมือนเปลวไฟไหม้หลังคาจะพาเปิง | จะเสียเชิงพากันชั่วให้มัวมอม |
นางดวงแขแทบจะแดฤๅดีดิ้น | แสนถวิลไม่รู้วายคลายถนอม |
แม้นเมตตาอย่าให้น้องนี้ต้องตรอม | เชิญพระจอมจักรพงษ์จงคงคืน |
เมตตาจริงแล้วอย่าทิ้งให้น้องเริศ | จงโปรดเถิดกรุณาให้ฝ่าฝืน |
พระได้ฟังน้ำเสียงเพียงจะกลืน | นางสะอื้นโศกศัลย์พันทวี |
พระปลอบพลางทางว่านิจจาน้อง | ไม่ขัดข้องแล้วไม่อางขนางหนี |
พลางชุบเช็ดชลนาแล้วพาที | อันตัวพี่จะต้องลาสุดาดวง |
แม้นขืนอยู่รู้ไปถึงไทท้าว | จะเกิดฉาวอึงดังทั้งวังหลวง |
จวนจะรุ่งอยู่แล้วหนาสุดาดวง | อย่าหนักหน่วงพี่จะลาพะงางาม |
พลางเสด็จจากแท่นรัตน์ปัจถรณ์ | สายสมรตามเสด็จไม่เข็ดขาม |
พระกุมกรสอนสั่งจงฟังความ | พรุ่งนี้ยามหนึ่งจะมาอย่าปรารมภ์ |
ออกจากปรางค์ย่างเยื้องชำเลืองเหลียว | ให้เสียวเสียวปะสุรางค์นางสนม |
แล้วร่ายเวทวิทยาทั้งอาคม | ให้เป็นลมบังตาพวกนารี |
แล้วปีนข้ามกำแพงลัดแลงออก | มาชั้นนอกเดินทางกลางวิถี |
กลับไปยังที่อยู่ของภูมี | แล้วจรลีเข้าไปหาพระอาจารย์ ฯ |
๏ ฝ่ายบาทหลวงง่วงเหงาบนเก้าอี้ | เห็นศิษย์รี่เข้ามาหาจึงว่าขาน |
แล้วถามไต่เองไปหาเห็นช้านาน | มันเป็นการหรือหาไม่ตั้งใจคอย |
พระมังคลาว่าได้สมอารมณ์นึก | ที่ตรองตรึกไว้คงได้เครื่องใช้สอย |
พอตั้งตัวได้สักพักไม่หลักลอย | จึงจะค่อยพยายามไปตามบุญ |
บาทหลวงว่าถ้าเองเลยเป็นเขยเขา | ธุระเราขาดเหลือคงเกื้อหนุน |
พ่อตาดีมีปัญญาช่วยการุญ | จะได้อุ่นอกใจกลับไปเมือง |
กำพลเพชรเขตแดนของยายเฒ่า | ไปตีเอาลังกาให้ตาเหลือง |
จับอ้ายพวกพงศ์เผ่าเป็นเจ้าเมือง | แก้แค้นเคืองมันให้ได้ดังใจปอง |
พระมังคลาสาธุสะคุณพระช่วย | ขอให้รวยเหมือนกับคำที่ร่ำสนอง |
คุณโปรดด้วยช่วยดำริคิดตริตรอง | แม้นสมปองจะได้ไปตั้งใจจง |
อาจารย์คิดศิษย์ฟังสังรเสริญ | พูดกันเพลินเหมือนหนึ่งจิตคิดประสงค์ |
แต่เช้ามาค่ำไปเหมือนใจจง | ยุพยงมิได้ขัดอัธยา ฯ |