๏ จะกล่าวกลับจับเรื่องเมืองฝรั่ง |
ที่ในวังวัณฬามารศรี |
ได้ครองคู่อยู่กับพระอภัยมณี |
แต่เดือนยี่ยามหนาวคราวเหมันต์ |
เฝ้าคลึงเคล้าเช้าเย็นไม่เว้นว่าง |
จนถึงกลางเดือนห้าหน้าคิมหันต์ |
พอฝนตกหกห่าเวลานั้น |
สบกำลังตั้งครรภ์นางวัณฬา |
เคลิ้มระงับหลับใหลมิใคร่ตื่น |
ฝันว่ากลืนดาวจระเข้ในเวหา |
มีเทวัญพลันเสด็จระเห็จมา |
ถือสายฟ้าฟาดนางเหมือนอย่างไฟ |
แล้วก็ควักจักษุทั้งสองสิ้น |
ไม่เห็นดินเห็นฟ้าเลือดตาไหล |
ตื่นผวาคว้าปะพระอภัย |
ร้องทูลให้ช่วยด้วยจะม้วยมรณ์ ฯ |
๏ พระแว่วเสียงเคียงน้องประคองกอด |
ระทวยทอดประทับทรวงดวงสมร |
แม่เป็นไรไหวหวั่นขวัญบังอร |
อย่าอาวรณ์เชิญแถลงให้แจ้งการ |
นางก้มเกล้าเล่าตามเนื้อความฝัน |
ยังหวาดหวั่นวรองค์น่าสงสาร |
พระแย้มสรวลชวนชื่นรื่นสำราญ |
เยาวมาลย์มีท้องแล้วน้องรัก |
เตรียมยี่ภู่อู่ทองไว้เถิดเจ้า |
พี่เลี้ยงเหล่านางนมให้สมศักดิ์ |
ลูกผู้ชายสายใจวิไลลักษณ์ |
อย่าเมินพักตร์ผินหน้าพูดจากัน |
เห็นแล้วหรือมือเก่านะเจ้าพี่ |
ไม่ถึงปีก็ได้เชื้อเหลือขยัน |
ไม่นับถือหรือจะว่าเล่นพนัน |
คนละปีมิให้คั่นจนวันตาย ฯ |
๏ นางอายเอียงเถียงองค์พระทรงศักดิ์ |
อย่ามาทักทายหม่อมฉันพรั่นใจหาย |
ถ้าท้องไส้ใหญ่โตต้องโย้ย้าย |
อายเขาตายเสียแล้วกรรมทำอย่างไร |
โอ้แสนเข็ญเห็นไม่รอดเมื่อคลอดลูก |
ต้องกินหยูกกินยาเลือดตาไหล |
ยังมิหนำซ้ำจะร้อนต้องนอนไฟ |
ยิ่งทุกข์ใจเฝ้าสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ |
๏ พระสวมสอดกอดประทับแล้วรับขวัญ |
อย่าหวาดหวั่นพรั่นจิตกนิษฐา |
จะช่วยครางบ้างให้เจ้าเบาโรคา |
แม้กินยาขมขื่นจะกลืนแทน |
พลางแย้มสรวลชวนชิดพิศวาส |
พี่ผูกขาดของหลวงอย่าหวงแหน |
นางว่าเบื่อเหลือระอาช่างน่าแค้น |
ยังขืนแค่นไค้แคะเฝ้าและเลียม |
แต่ตรงที่มีท้องน้องเป็นทุกข์ |
จะต้องซุกซ่อนกายเพราะอายเหนียม |
ยิ่งตรึกตราปรารมภ์ให้ตรมเกรียม |
อย่าและเลียมเลยมิได้แล้วไม่ยอม |
จะเหมือนนางมาลีมีฝาแฝด |
จนแก่แรดโรครูปก็ซูบผอม |
เป็นสตรีมีลูกต้องทุกข์ตรอม |
ทูลกระหม่อมเป็นผู้ชายสบายใจ |
พระจุมพิตชิดชวนสำรวลเย้ย |
นิจจาเอ๋ยมีท้องก็ร้องไห้ |
พลางยั่วเย้าเฝ้าล้ออรไท |
ตามวิสัยเซ้าซี้ด้วยปรีดา |
จนรุ่งรางต่างองค์สรงสนาน |
พนักงานคอยถวายเครื่องซ้ายขวา |
ตั้งโต๊ะทองของเสวยสามเวลา |
พระผ่านฟ้าฟั่นเฟือนไม่เคลื่อนคลาย ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสมร |
ตั้งอุทรทุกข์ใจมิใคร่หาย |
คิดถึงฝันนั้นก็รู้อยู่ว่าร้าย |
พระทำนายยังไม่สิ้นที่กินใจ |
อันพี่น้องสองสุดาตำราแน่ |
จะให้แก้ฝันเห็นว่าเป็นไฉน |
ดำริพลางย่างย่องจากห้องใน |
เสด็จไปตึกลมที่ชมจันทร์ |
ให้หาสองธิดารำภาสะหรี |
มานั่งที่พระแกลแล้วแก้ฝัน |
ตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุบินนั้น |
เจ้าช่วยกันทำนายร้ายหรือดี ฯ |
๏ ฝ่ายยุพาผกาธิดาผู้ใหญ่ |
นางเข้าใจจับยามตามดิถี |
ด้วยได้เรียนรู้ตำราพระบาลี |
เห็นจะมีเหตุร้ายจึงทายทูล |
ซึ่งชมชื่นกลืนดาวจระเข้นั้น |
จะทรงครรภ์สืบปิ่นบดินทร์สูร |
ได้ปรากฏยศยงพงศ์ประยูร |
ให้เพิ่มพูนภิญโญในโลกา |
ซึ่งอารักษ์ควักเนตรนั้นเหตุใหญ่ |
จะจำให้ห่างเหเสนหา |
เป็นเหตุใหญ่ไพรีจะมีมา |
กำหนดไว้ในสิบห้าทิวาวัน |
นางฟังคำทำนายใจหายวับ |
เคยได้นับถือแน่เชิงแก้ฝัน |
จึงตรัสว่าถ้าจะเป็นไปเช่นนั้น |
จะผันแปรแก้กันทำฉันใด |
นางยุพาผกาทูลแถลง |
จะต้องแต่งบัตรพลีคัมภีร์ไสย |
ประตูทั้งแปดทิศให้ปิดไว้ |
อย่าให้ใครเข้าออกบอกกิจจา |
ในเจ็ดวันนั้นพระองค์จงทรงศิล |
ตัดให้สิ้นพยาบาทปรารถนา |
สังเวยไหว้ไทเทวโลกา |
ให้รักษาสะเดาะพระเคราะห์นาม |
นางวัณฬาว่าเจ้ารู้เอ็นดูแม่ |
สุดแล้วแต่เจ้าจะสั่งเถิดทั้งสาม |
ปิดประตูผู้คนเร่งห้ามปราม |
จงทำตามแบบฉบับระงับภัย ฯ |
๏ นางรำภาว่าหม่อมฉันฝันประหลาด |
ว่าฟ้าฟาดเปรื่องเปรี้ยงวังเวียงไหว |
แต่ขวานฟ้ามาเหมือนแก้ววับแววไว |
วาบเข้าในปากกลืนพอตื่นนอน |
นางยุพาว่าหม่อมฉันก็ฝันเห็น |
ว่าเมฆเป็นเกลียวกลีบมีครีบหงอน |
เหมือนสายรุ้งพุ่งลงตรงอุทร |
พอตื่นนอนนึกอนาถประหลาดใจ |
สุลาลีว่าหม่อมฉันก็ฝันหลาก |
ว่าอ้าปากกลืนแผ่นดินกินเสียได้ |
ต้องว่ายน้ำสำลักกระอักกระไอ |
ตื่นตกใจก็พอแจ้งแสงตะวัน ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์วัณฬาสุดาสดับ |
รู้ตำรับเรื่องทายทำนายฝัน |
จึงว่าเจ้าเหล่านี้จะมีครรภ์ |
ช่างพร้อมกันกับข้าน่ารำคาญ |
อย่าบอกให้ใครรู้อดสูเขา |
ช่างมาเข้าท้องพลุกทั้งลูกหลาน |
แต่ปลายฝันนั้นสังเกตเป็นเหตุการณ์ |
จงคิดอ่านกันไปจัดตั้งบัตรพลี |
ทั้งสามนางต่างคำนับพลางรับสั่ง |
ออกไปนั่งหน้าพลับพลาหลังคาสี |
เรียกสนมกรมวังสั่งคดี |
องค์เทพีจะสะเดาะพระเคราะห์ร้าย |
ประตูรอบขอบวังให้ตั้งศาล |
เครื่องคาวหวานนมเนยสังเวยถวาย |
สุกรแกะแพะโคสิงโตควาย |
ล้มถวายกว่าจะเสร็จทั้งเจ็ดวัน |
ปิดประตูผู้คนห้ามให้ขาด |
ใครล่วงราชอาชญาถึงอาสัญ |
เร่งปักธงตรงทวารศาลสำคัญ |
ให้ทันวันฤกษ์รุ่งขึ้นพรุ่งนี้ ฯ |
๏ ฝ่ายสนมกรมวังรับสั่งพร้อม |
ประนมน้อมลามาเกณฑ์หน้าที่ |
บ้างปลูกศาลบ้างก็จัดทำบัตรพลี |
เครื่องพลีกรรมแกะทั้งแพะโค |
ปักธงเทียวเขียวดำประจำศาล |
เขียนรูปท่านพระมหาเยวาโห |
ทั้งแปดด้านศาลเทวอิศโร |
ให้ภิญโญอย่างฝรั่งตั้งบูชา |
ประตูทั้งแปดทิศก็ปิดหมด |
บอกกำหนดนายประตูผู้รักษา |
แต่งสำเร็จเสร็จสรรพแล้วกลับมา |
แจ้งกิจจาตัวนายทูลรายงาน ฯ |
๏ ฝ่ายสามนางต่างจัดปรัศว์ซ้าย |
ให้วงสายสิญจน์ตั้งที่นั่งสนาน |
น้ำมนต์รดกลดสังข์ให้ตั้งพาน |
ดาดเพดานม่านบังบัลลังก์ทรง |
ครั้นเสร็จสรรพกลับมาเฝ้าเยาวราช |
อภิวาททูลความตามประสงค์ |
อรุณฤกษ์เบิกแสงพระสุริยง |
เชิญพระองค์สรงน้ำสุรามฤต |
แล้วแต่งองค์ทรงดำทั้งสำรับ |
ไปคำนับศาลสุรากลากิจ |
วันละหนจนทั่วทั้งแปดทิศ |
เทวฤทธิ์จะรักษาให้ถาวร ฯ |
๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาสุดาสดับ |
ดำรัสรับตามคำแล้วร่ำสอน |
ทั้งสามเจ้าเหล่านี้มีอุทร |
ที่เผ็ดร้อนสิ่งไรอย่าได้กิน |
จะคลอดบุตรสุดลำบากยากสาหัส |
จงถือสัตย์สุจริตเป็นนิจสิน |
ไปด้วยกันวันทาเจ้าฟ้าดิน |
จะได้สิ้นทุกข์โศกทั้งโรคภัย |
กลัวแต่พระจะเสด็จออกไปด้วย |
ให้นึกขวยเขินจิตจะคิดไฉน |
ทั้งสามนางต่างว่าถ้าเสด็จไป |
ที่ร่วมใจเห็นจะตามทั้งสามองค์ |
ต่างชื่นแช่มแย้มยิ้มพริ้มพระพักตร์ |
ด้วยผัวรักไม่รู้เบื่อจนเหลือหลง |
นางวัณฬาว่าค่ำเย็นย่ำลง |
ทั้งสามองค์เจ้าจงกลับไปหลับนอน |
ทั้งสามนางต่างคำนับแล้วกลับหลัง |
ขึ้นนั่งยังสุวรรณบรรจถรณ์ |
ต่างแอบผัวยั่วเย้าเฝ้าชะอ้อน |
แต่ล้วนหล่อนล่อแพนแสนสันทัด |
เมื่อคราวมัวผัวเหมือนหนึ่งขี้ผึ้งเคล้น |
จะปั้นเป็นรูปอะไรก็ไม่ขัด |
ปูว่าหอยพลอยว่าด้วยสารพัด |
เพราะรู้กลปรนนิบัติช่างดัดแปลง ฯ |
๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาพระยาหญิง |
ชะอ้อนอิงพระอภัยพิไรแถลง |
หม่อมฉันฝันข้างปลายเห็นร้ายแรง |
ให้จัดแจงจะสะเดาะพระเคราะห์ร้าย |
เวลารุ่งพรุ่งนี้จะพลีศาล |
ทุกทวารวังเวียงจนเที่ยงสาย |
เชิญบรรทมชมนางห้ามตามสบาย |
อย่าใกล้กรายกว่าจะเสร็จเพียงเจ็ดวัน |
พระกอดเกยเชยปรางว่านางอื่น |
ไม่ชุ่มชื่นเหมือนกับกลิ่นดินถนัน |
เจ้าจากไปไกลพักตร์เพียงสักวัน |
เหมือนจากกันร้อยปีไม่มีสบาย |
เจ้าอยู่ใกล้ได้เห็นอยู่เช่นนี้ |
ถึงจะมีทุกข์ร้อนก็ผ่อนหาย |
จะไปด้วยช่วยสะเดาะพระเคราะห์ร้าย |
ลูกผู้ชายเหมือนพ่อหน่อนงลักษณ์ ฯ |
๏ นางว่าเบื่อเหลือรำคาญด้วยผ่านเกล้า |
ขืนยั่วเย้ายามวิตกเพียงอกหัก |
พระกอดเกยเชยชิดจุมพิตพักตร์ |
เสียงขิกขักซักไซ้จนไสยา ฯ |
๏ จะกล่าวกลับจับเรื่องบาทหลวงเฒ่า |
เมื่อเสียเขาเจ้าประจัญขันอาสา |
แปลงเป็นเหล่าชาวพลคนชรา |
ลูกศิษย์พาไปอยู่บ้านสะพานยนต์ |
แต่ตรอมจิตคิดอายไม่หายเหือด |
เจียนจะเชือดคอตายเสียหลายหน |
สำคัญว่าข้าศึกทำซ้อนกล |
ที่แยบยลหญิงลวงไม่ล่วงรู้ |
ให้คนใช้ไปลอบคอยฟังข่าว |
ได้เรื่องราวจริงหมดคิดอดสู |
พระอภัยไม่ตายกลายเป็นชู้ |
เข้าไปอยู่กับลูกสาวเจ้าลังกา |
แขกฝรั่งทั้งหลายพวกนายไพร่ |
ก็พร้อมใจกันให้ขาดศาสนา |
ยิ่งแค้นขัดอัดอั้นตันอุรา |
ดังเลือดตาแกจะตกตีอกตึง |
คิดน่าแค้นตัวของตัวจนหัวหงอก |
เด็กมันหลอกลวงได้ไม่รู้ถึง |
จนฟุ้งเฟื่องเลื่องลือออกอื้ออึง |
ดูประหนึ่งโง่เง่าเหมือนเต่าตาย |
แกชกหัวตัวเองเสียงโกกโกก |
กำเริบโรครากเลือดไม่เหือดหาย |
สลบล้มลมจับพับเจียนตาย |
ศิษย์ทั้งหลายแก้ไขจึงได้ฟื้น |
เจ็บอยู่ป่าห้าเดือนเหมือนจะม้วย |
แต่รอดด้วยหยูกยาค่อยฝ่าฝืน |
พอพ่วงพีมีกำลังลุกนั่งยืน |
ทุกค่ำคืนแค้นลูกสาวเจ้าลังกา |
จึงบอกเหล่าชาวบ้านทหารศิษย์ |
เดิมกูคิดกลศึกลึกหนักหนา |
แนะความในให้มันอีวัณฬา |
เจียนจะฆ่าพระอภัยได้หลายครั้ง |
มันสับปลับกลับเอาเขาเป็นผัว |
ช่างชาติชั่วผิดคนแต่หนหลัง |
ถึงฆ่าฟันฉันใดกูไม่ฟัง |
จะไปวังด่าว่าให้สาใจ ฯ |
๏ แล้วจัดแจงแต่งตัวกลัวจะช้า |
เหล่าพวกสานุศิษย์หามตามไสว |
ออกจากบ้านดั้นดงตัดตรงไป |
หนทางไกลกับลังกาสามราตรี |
ค่ำที่ไหนให้ประทับคนรับสิ้น |
ทุกบ้านถิ่นนับถือเหมือนฤๅษี |
บ้างช่วยหามตามมาในธานี |
ชาวบูรีพรูวิ่งทั้งหญิงชาย |
มาดาษดื่นยื่นไหว้แล้วไต่ถาม |
ได้แจ้งความหนหลังสิ้นทั้งหลาย |
นางวัณฬาจะสะเดาะพระเคราะห์ร้าย |
พอแดดสายจะออกมาบูชายัญ |
บาทหลวงดูรู้การว่าศาลนี้ |
ชื่อพลีโลกาบูชาขยัน |
นางวัณฬาน่าที่จะมีครรภ์ |
คงพบกันแล้วสินะกูจะคอย |
ถึงจะมาฆ่าตีเอาชีวิต |
กูไม่คิดแล้วกูแค้นแน่นคอหอย |
แล้วหยุดยั้งนั่งหน้าศาลาน้อย |
ให้ศิษย์คอยนั่งดูประตูกลาง ฯ |
๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาเวลาอรุณ |
น้ำมันมุ่นมวยประจงทรงพระสาง |
ประดับองค์ทรงดำดูสำอาง |
พร้อมสามนางสามกษัตริย์ภัสดา |
แล้วเชิญองค์ทรงยศบทบาท |
ออกลีลาศนำนางไปข้างหน้า |
ศรีสุวรรณนั้นนำนางรำภา |
สองสุดาสินสมุทรสุดสาคร |
ขึ้นเชิงเทินเดินเรียงเคียงเคียงคู่ |
ข้าหลวงหมู่นางห้ามตามสลอน |
ต่างเดินดูหมู่พหลพลนิกร |
ที่สัญจรเดินทางข้างกำแพง |
แล้วดูพลบนปราการข้างด่านนอก |
ถือดาบหอกปืนประจำล้วนกำแหง |
ตั้งรายรอบขอบเมืองเขียวเหลืองแดง |
เลียบกำแพงวังสูงดูฝูงคน ฯ |
๏ ถึงประตูบูรพาตรงหน้าศาล |
สมมติท่านเทวาสถาผล |
นางยั้งหยุดจุดเทียนเวียนมณฑล |
เจิมสุคนธ์จวงจันทน์แล้ววันทา |
บรรดาสัตว์มัดเชือดเอาเลือดสด |
สุรารดเซ่นถวายทั้งซ้ายขวา |
ขอสังเวยเนยนมทั้งถั่วงา |
สวดมนตราสะเดาะพระเคราะห์นาม |
ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมาบูชาศาล |
ทุกทวารถวายของที่สองสาม |
อร่ามเรืองเครื่องบูชาสง่างาม |
แล้วเลียบตามเชิงเทินดำเนินมา ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง |
ศิษย์ทั้งปวงบอกว่านางมาข้างหน้า |
โมโหหุนหมุนออกนอกศาลา |
เห็นลูกสาวเจ้าลังกาเคียงสามี |
เลียบเชิงเทินเดินดูเป็นคู่กัน |
ศรีสุวรรณเคียงหน้ารำภาสะหรี |
เป็นสี่คู่ทั้งยุพาสุลาลี |
แต่ล้วนมีท้องทั่วทุกตัวคน |
พลอยขายหน้าฝรั่งทั้งประเทศ |
เสียประเภทพวกหญิงชาวสิงหล |
ยิ่งฉุนคิดแม้ว่ากายกูวายชนม์ |
จะให้คนเลื่องชื่อออกอื้ออึง ฯ |
๏ พลางเดินมาหน้าประตูร้องอุเหม่ |
อีเจ้าเล่ห์ลวงกูไม่รู้ถึง |
กูเจ็บแค้นแทนด้วยจึงช่วยมึง |
เพราะคิดถึงคุณท้าวเจ้าลังกา |
ยังลวงหลอกกลอกกลับไปรับชู้ |
มาเป็นคู่หลู่ขาดพระศาสนา |
มึงผ่าเหล่าเผ่าพันธุ์อีวัณฬา |
คบขี้ข้าเข้ามาเลี้ยงไว้เคียงตัว |
อีลาลีอีผการำภาสะหรี |
ล้วนตัวดียอดรักช่วยชักผัว |
หาให้เจ้าเอาเองไม่เกรงกลัว |
แต่ล้วนตัวตอแหลกระแตวับ |
มึงลวงกูรู้กันทำผันผ่อน |
เหมือนหนึ่งหนอนบ่อนไส้กินไตตับ |
จนด่านแตกแยกย้ายล้มตายยับ |
เพราะมึงกลับกลายแกล้งไปแปลงความ |
จนฝรั่งลังกาเป็นข้าเขา |
เพราะมึงเข้าเพศภาษาสยาม |
เป็นเมียน้อยช้อยชดช่างงดงาม |
เมียหลวงตามเข้ามาหึงถึงประตู |
กูรักใคร่ให้วิชาสารพัด |
ไม่ซื่อสัตย์ซ้ำปดให้อดสู |
แกล้งคิดอ่านพาลโกรธยกโทษกู |
เมื่อจืดแล้วจึงจะรู้จักคุณเกลือ |
จงเร่งมาฆ่ากูจะสู้ม้วย |
ให้ตายด้วยพี่พ่ออย่าหลอเหลือ |
กูแค้นนักจักเชือดเอาเลือดเนื้อ |
อีลูกเสือลูกจระเข้เนรคุณ ฯ |
๏ นางวัณฬาฝรั่งเห็นสังฆราช |
มากริ้วกราดโกรธเกรี้ยวอยู่เฉียวฉุน |
ไม่ถือโทษโกรธตอบด้วยขอบคุณ |
ท่านการุญรักใคร่จึงได้แค้น |
นางนบนอบตอบว่าสมาบาป |
ที่ปรามปราบศึกเสือยากเหลือแสน |
ทุกภาษาสมทบช่วยรบแทน |
ก็แตกแตนตายยับทุกทัพไป |
จนศึกข้ามตามมาประดารบ |
หลายตลบเหลือจิตจะคิดไฉน |
ด้วยเป็นหญิงยิ่งยากลำบากใจ |
สงสารไพร่ใหญ่น้อยจะพลอยตาย |
จึงมีผัวกลัวว่าวงศ์ฝรั่ง |
ในเกาะลังกาทวีปจะฉิบหาย |
สิ้นที่พึ่งจึงต้องรับความอับอาย |
ศึกจึงวายรบพุ่งที่กรุงไกร |
ประทานโทษโปรดเกล้าเถิดเจ้าคะ |
ไม่ทิ้งพระศาสนาหามิได้ |
เจ้าคุณมาธานีฉันดีใจ |
นิมนต์ไปวัดวาให้ถาวร ฯ |
๏ พระฝรั่งฟังนางค่อยสร่างโกรธ |
จึงยกโทษที่ไม่ทำตามคำสอน |
จนข้าศึกฮึกหาญมาราญรอน |
แผ่นดินร้อนไปทั่วเพราะผัวมึง |
แต่ทัพชายนายไพร่ยังไม่กลับ |
เดี๋ยวนี้ทัพเมียหลวงล่วงมาถึง |
เจ้าช่างคิดกลศึกอย่างลึกซึ้ง |
ทำไมจึงหลบตัวน่าหัวเราะ ฯ |
๏ นางละเวงเกรงกลัวพาผัวรัก |
รีบหลบพักตร์ท่านผู้เฒ่าเดินเหย่าเหยาะ |
ทั้งสามนางต่างเรียงเถียงทะเลาะ |
เป็นเหตุเพราะผู้เป็นเจ้าเฒ่าชรา |
ออกไปด้วยช่วยแก้ก็แพ้พ่าย |
เช่นนั้นอายหรือไม่เล่าพระเจ้าข้า |
ที่ด่านเขาเจ้าประจัญคุณสัญญา |
ให้เข่นฆ่าแล้วกระไรจึงไม่ตาย ฯ |
๏ บาทหลวงเฒ่าเกาอกโกรธงกเงิ่น |
อุสาห์เดินตามด่าแหงนหน้าหงาย |
อีแม่สื่อถือดีไม่มีอาย |
เที่ยวชักชายชักผัวให้ตัวเอง |
ไม่ถึงปีมีท้องกระปองเหยาะ |
ยังมีหน้ามาทะเลาะล้วนเหมาะเหมง |
อวดฝีมือถือตัวไม่กลัวเกรง |
จะเท้งเต้งตามกันเป็นมั่นคง |
กูสัญญาว่าจะทำให้สำเร็จ |
มึงกลับเท็จลวงให้กูใหลหลง |
จึงเสียทีชีวิตแทบปลิดปลง |
มึงจะลงขุมนรกหกคะเมน |
เพราะสับปลับลับลวงกูผู้มีศีล |
ทั้งมือตีนจะต้องถ่างบนกางเขน |
น้อยหรือรุมทุ่มเถียงขึ้นเสียงเกน |
อีเมียเถนเทวทัตสัตว์นรก |
ทำปั้นเจ๋อเย่อหยิ่งเป็นกิ้งก่า |
หน้าจะดำคล้ำฝ้าน้ำตาตก |
อีกาฝากปากกล้าทำลามก |
กลับมายกโทษทัณฑ์ให้พันพัว |
ทั้งสามนางต่างล้อว่าขอถาม |
อยากแจ้งความอนุกูลเถิดทูนหัว |
ว่ามีท้องมองเห็นมันเป็นตัว |
หรือตามัวดูให้แน่อย่าแลเกิน ฯ |
๏ นางละเวงเกรงบาปไม่หยาบช้า |
จึงได้พาสามนางไปห่างเหิน |
แกตามด่ามาจนรอบขอบเชิงเทิน |
นางนิ่งเมินลงบันไดเข้าในวัง |
บาทหลวงเฒ่าจะเข้าไปไม่ได้ด้วย |
หอบระหวยหิววับต้องกลับหลัง |
ลูกศิษย์หามข้ามทุ่งพะรุงพะรัง |
ไปหยุดยั้งวัดวาประสาใจ ฯ |
๏ จะกล่าวท้าวทศวงศ์ดำรงร่าง |
ซึ่งแรมทางทัพเดินเนินไศล |
ทั้งโยธาการะเวกสองเวียงชัย |
ถึงกรุงไกรลังกาพอราตรี |
เข้าค่ายศรีสุวรรณพร้อมกันหมด |
ท้าวทรงยศขึ้นพลับพลาหลังคาสี |
ฝ่ายโฉมยงองค์สุวรรณมาลี |
พาบุตรีกับกษัตริย์หัสไชย |
ไปเฝ้าท้าวทศวงศ์ดำรงราชย์ |
อภิวาทวันทาต่างปราศรัย |
น้อมคำนับรับกันเป็นหลั่นไป |
แล้วท้าวไทถามเรื่องเมืองลังกา ฯ |
๏ ส่วนสุวรรณมาลีมีแต่เศร้า |
จะร่ำเล่าแล้วให้แค้นนั้นแสนสา |
ต้องทูลตามความหลังหลั่งน้ำตา |
พรรณนาตามเรื่องเคืองรำคาญ |
พอสิ้นคำสำลักพักตร์สลด |
ทรงกำสรดทรวงผ่าวเพียงร้าวฉาน |
บรรดาเหล่าเผ่าพงศ์พระวงศ์วาน |
พลอยสงสารโศกาด้วยอาลัย |
ท้าวทศวงศ์ทรงฟังแล้วนั่งบ่น |
ชะเวทมนตร์มันขลังอย่างไฉน |
ทั้งหนุ่มแก่แปรปรวนรัญจวนใจ |
ใครเข้าไปก็เป็นสิทธิ์เหมือนติดตัง |
แล้วตรัสเล่าเสาวคนธ์มาตามพี่ |
ได้พราหมณ์ชีโลกเชษฐ์พระเวทขลัง |
แกรับว่าถ้าแม้ออกมานอกวัง |
จะแก้คลั่งเสียให้หายเหมือนหมายใจ |
แต่เดี๋ยวนี้สี่องค์ยังหลงอยู่ |
ท่านพราหมณ์ครูจะได้ปะพระที่ไหน |
จะพูกจาว่าขานประการใด |
จึงจะได้พานพบประสบองค์ ฯ |
๏ นางทูลว่าอาการนั้นพานเคลิ้ม |
แต่ความเดิมจำได้ไม่ใหลหลง |
แม้ทราบว่าฝ่าพระบาทญาติวงศ์ |
มาถึงคงจะออกมาเฝ้าฝ่าธุลี |
แล้วทูลความตามที่ให้คนไปอยู่ |
คอยสืบรู้สารพัดน่าบัดสี |
เสด็จมาหน้าฉานเมื่อวานนี้ |
พร้อมทั้งสี่คู่เปรียบเที่ยวเลียบเดิน |
เขาเห็นแซ่แลดูด้วยอยู่สูง |
ผัวนั้นจูงมือนางไม่ห่างเหิน |
นางเมียนั้นลอยดอกให้หยอกเอิน |
เลียบเชิงเทินเที่ยวสะเดาะพระเคราะห์นาม |
หน่อกษัตริย์หัสไชยเคยไปเฝ้า |
แต่ก่อนเข้าออกได้เขาไม่ห้าม |
แต่เดี๋ยวนี้ที่คนไปสืบความ |
ว่าห้ามปรามกวดขันหลายวันมา |
ปิดประตูผู้คนห้ามเข้าออก |
มิให้บอกถ้อยความห้ามหนักหนา |
ต่อเจ็ดวันจึงจะเลิกสิ้นฤกษ์พา |
ต้องรอท่ากว่าจะได้ไขทวาร ฯ |
๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์เห็นกลศึก |
นางนิ่งนึกตรึกตราแล้วว่าขาน |
ถ้าละไว้ให้เสร็จสำเร็จการ |
จะเชี่ยวชาญเชิงมนต์กลวิชา |
คิดเข้าไปให้ถึงจึงจะค้าง |
ทำลายล้างพิธีดีหนักหนา |
อันท่านครูผู้เจริญซึ่งเชิญมา |
มีตำรารู้จบภพไตร |
จะพรายแพร่งแจ้งรหัสที่ขัดข้อง |
ให้ทั้งสองพราหมณ์แก่คิดแก้ไข |
การเพียงนี้ทีเห็นไม่เป็นไร |
คงจะได้ด้วยปัญญาท่านอาจารย์ |
จำจะให้ไปอยู่ที่เงียบเงียบ |
ตามระเบียบพฤฒามหาศาล |
หน่อกษัตริย์หัสไชยเห็นได้การ |
จึงกราบกรานทูลความตามปัญญา |
อันค่ายที่พี่สินสมุทรตั้ง |
ยังพร้อมพรั่งไพร่พลคนรักษา |
เชิญพี่นางไปประทับที่พลับพลา |
กับพฤฒาทั้งสองตริตรองการ ฯ |
๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังตรัสสรรเสริญ |
ฉลาดเกินชันษาหนักหนาหลาน |
ทั้งสององค์จงพาท่านอาจารย์ |
ไปคิดอ่านอนุกูลอย่าสูญใจ |
พระพี่น้องสองสดับแล้วรับสั่ง |
ไปอยู่ยังพลับพลาที่อาศัย |
พวกแสนสาวท้าวนางอยู่ข้างใน |
ทั้งนายไพร่พร้อมหน้ารักษาองค์ ฯ |
๏ ส่วนสุวรรณมาลีกับสี่กษัตริย์ |
ยังนั่งตรัสความเมืองด้วยเรื่องหลง |
แต่โฉมแก้วเกษรานั้นว่าตรง |
จะโทษองค์ภูวไนยนั้นไม่ควร |
เขาทำถูกหยูกยานิจจาเอ๋ย |
จึงหลงเลยลืมอารมณ์ดั่งลมหวน |
จะหิวหอบบอบช้ำประช่ำประชวร |
น้องใคร่ครวญให้สงสารรำคาญแทน ฯ |
๏ พระมารดาว่าผัวของตัวรัก |
มันหาญหักชิงช่วงไม่หวงแหน |
ชอบชี้หน้าด่ามันให้ทันแค้น |
ทำทดแทนจึงจะถูกสิลูกรัก |
แม่มาลีดีจริงใครชิงผัว |
มันถือตัวตบมันให้ฟันหัก |
ท้าวทศวงศ์ทรงพระสรวลเสียงคักคัก |
ท่านยายยักษ์อย่าไปสอนลูกอ่อนเลย |
เมื่อชาติหน้าข้าจะมีสักทีหนึ่ง |
ยายจึงหึงให้แทบตายเถิดยายเอ๋ย |
แม่เกษรามาลีหล่อนมิเคย |
อย่าหึงเลยลูกรักขายพักตรา |
ถึงดีชั่วผัวผิดอย่าคิดโรธ |
รู้สึกโทษแล้วเธอรักเสียหนักหนา |
แม้หึงหวงล่วงพระราชอาชญา |
จะขัดเคืองเบื้องหน้าเป็นราคี |
นางฟังคำไม่คำนับไม่รับสั่ง |
ด้วยแค้นคั่งเคืองอุรามารศรี |
พอโพล้เพล้เวลาเข้าราตรี |
สุมาลีลากลับคืนพลับพลา ฯ |
๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลพักตร์ |
ถามน้องรักรู้เหตุพระเชษฐา |
เป็นทุกข์ร้อนซ่อนสะอื้นกลืนน้ำตา |
พอเวลาย่ำฆ้องชวนน้องชาย |
ไปบูชาปาโมกข์โลกเชษฐ์ |
แล้วเล่าเหตุหนหลังสิ้นทั้งหลาย |
นางวัณฬาสะเดาะพระเคราะห์ร้าย |
หรืออุบายล่อลวงจะหน่วงนาน ฯ |
๏ พฤฒาเฒ่าเข้าใจทางไสยศาสตร์ |
จึงว่าราชพิธีบัตรพลีศาล |
เขาทรงครรภ์ฝันร้ายกลัววายปราณ |
จึงบนบานบวงสรวงไม่ลวงใคร |
นางวอนว่าการุญพระคุณช่วย |
จะแก้ด้วยมนต์เวทวิเศษไฉน |
ทั้งหยูกยาสารพัดให้หัสไชย |
เข้าไปได้ถึงที่ทั้งสี่องค์ ฯ |
๏ พราหมณ์พฤฒาว่ากระนั้นวันพรุ่งนี้ |
จะแก้ผีภูตพรายให้หายหลง |
แล้วพราหมณ์เอาทองคำทำเป็นธง |
มาเขียนลงอักขระพระศุลี |
แล้วลงยันต์พระพิเนกเสกสะกด |
ดังจักรกรดพระนารายณ์ทำลายผี |
ให้น้องนางพลางสอนซ่อนให้ดี |
ไปให้พี่เผ่าพงศ์องค์ละคัน |
แม้ถือธงคงหายเคลื่อนคลายคลั่ง |
อย่ารอรั้งพามานี่ขมีขมัน |
ที่ประตูผู้คนเขาป้องกัน |
จงผ่อนผันพูดความตามอุบาย |
แล้วลงเลขเสกข้าวตอกเป็นดอกฟ้า |
ล้ำบุปผาในแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย |
ยื่นดอกไม้ให้กุมารเหมือนหลานชาย |
สอนอุบายที่จะให้เข้าในวัง ฯ |
๏ พระพี่น้องสองสมอารมณ์นึก |
พอจวนดึกคำนับลากลับหลัง |
มาเข้าห้องน้องรักร่วมบัลลังก์ |
บรรทมฟังกล่อมขับเลยหลับไป ฯ |
๏ พอดาวเดือนเลื่อนลับพยับโพยม |
เสียงประโคมดนตรีปี่ไฉน |
ต่างฟื้นองค์สรงสนานสำราญใจ |
พระหัสไชยแต่งองค์ทรงสำอาง |
โฉมเฉลาเสาวคนธ์ช่วยผัดพักตร์ |
ให้น้องรักแล้วหวีเกศีสาง |
เกล้ากระหมวดกวดรัดปิ่นกลัดกลาง |
เคยเป็นช่างเกล้าเจ้าจุกตุ๊กตา |
แล้วแต่งองค์ทรงเสื้อสีม่วงอ่อน |
ธงทองซ่อนไปกับกายทั้งซ้ายขวา |
สังวาลวงทรงประดับทับอุรา |
เหน็บสาตรากริชสั้นไว้ชั้นใน |
เอาพานทองรองใส่ดอกไม้เสก |
กลีบเป็นเลขลงอักษรซ้อนไสว |
ผู้ใดดมสูบกลิ่นสิ้นจัญไร |
ถึงเจ็บไข้ค่อยสบายไม่วายวาง ฯ |
๏ ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมาหน้าสนาม |
พี่เลี้ยงตามเคียงประคองทั้งสองข้าง |
หนุ่มขนาดมหาดเล็กลูกขุนนาง |
ล้วนรูปร่างรุ่นราวคราวพระองค์ |
เชิญเครื่องอานพานพระศรีพระแสงเพชร |
ตามเสด็จยุรยาตรดังราชหงส์ |
ให้ผูกสิงห์มิ่งม้ามังกรทรง |
ไปรับองค์เชษฐาสุดสาคร |
แล้วทรงนั่งหลังสิงห์กั้นกลิ้งกลด |
เผ่นพยศเยื้องไล่เช่นไกรสร |
ตำรวจเรียงเคียงข้างหนทางจร |
เข้านครเสด็จมาถึงหน้าวัง |
หยุดสิงห์ทรงตรงประตูเขารู้จัก |
ต่างถามทักทุกคนเหมือนหนหลัง |
พระเรียกหาฝรั่งเฝ้าเล่าให้ฟัง |
เราออกนั่งหน้าพระลานชานชาลา |
พอฟ้าแลบแปลบสว่างเห็นนางหนึ่ง |
มาเขียนซึ่งลายลิขิตติดบุปผา |
แล้วฝากไว้ให้ลูกสาวเจ้าลังกา |
ว่าธิดาเคราะห์ร้ายให้คลายดี |
แล้วร่ำบอกดอกฟ้านี้ปรากฏ |
ใครสูบรสบุปฝาเป็นราศี |
แล้วโปรดให้นายประตูดูมาลี |
อักษรมีอย่างที่เราไม่เข้าใจ |
พระมาตุรงค์ทรงมหาอานุภาพ |
คงจะทราบมั่นคงไม่สงสัย |
เร่งไปบอกท้าวนางที่ข้างใน |
ไปทูลให้แจ้งกิจจาสารพัน ฯ |
๏ นายประตูผู้กำกับว่ารับสั่ง |
ให้ระวังเวียนตรวจกันกวดขัน |
ใครเข้าออกบอกกิจจาให้ฆ่าฟัน |
กระหม่อมฉันกลัวพระราชอาชญา ฯ |
๏ หน่อกษัตริย์ตรัสว่าเองโฉดเขลา |
ชอบแต่เอาตัวมัดตัดเกศา |
ซึ่งห้ามปรามความแผ่นดินถิ่นสุธา |
นี่เทวาอวยชัยจะให้ลือ |
แม้ปิดบังของหลวงให้ร่วงหล่น |
ตัวจะพ้นความตายฉิบหายหรือ |
เป็นขุนนางช่างโง่เหมือนโคกระบือ |
ดีแต่ดื้อไม่รู้จักที่หนักเบา |
กูเข้าออกนอกในไม่ทรงห้าม |
มึงห้ามปรามจะเป็นโทษอ้ายโฉดเขลา |
ไม่แจ้งความตามคำก็ทำเนา |
เปิดประตูกูจะเข้าไปเฝ้าเอง ฯ |
๏ นายประตูรู้น้อยพลอยเห็นชอบ |
เธอรอบคอบกล่าวเพราะช่างเหมาะเหมง |
ต้องงอนง้อขอตัวด้วยกลัวเกรง |
จะเปิดเองก็ขยาดพระอาชญา |
ขอบอกกล่าวท้าวนางให้ทูลก่อน |
จงหยุดหย่อนงดโทษโปรดเกศา |
แล้วไปบอกในวังเช่นฟังมา |
เหมือนวาจาหน่อกษัตริย์หัสไชย |
พวกในวังฟังว่าดอกฟ้าเกิด |
ฟ้าผี่เถิดจะใคร่เห็นเป็นไฉน |
จะปิดป้องของสำคัญก็พรั่นใจ |
ต้องจำไปทูลลูกสาวเจ้าลังกา ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงไม่เกรงกริ่ง |
คิดว่าจริงจะใคร่ดูดอกบุหงา |
หลงอุบายหมายจิตว่าเทวา |
เอาดอกฟ้าลงมาให้คุ้มภัยพาล |
จึงสั่งให้ไปเปิดประตูรับ |
ศาลสำหรับเซ่นวักหักทุกศาล |
เห็นศักดิ์สิทธิ์วิทยาพฤฒาจารย์ |
พระกุมารดีใจเข้าในวัง |
ถึงตึกเย็นเห็นนางอยู่ข้างนอก |
ถวายดอกไม้งามทูลความหลัง |
นางหลงกลล้นเหลือทรงเชื่อฟัง |
ด้วยเห็นยังย่อมเยาว์ไม่เข้าใจ |
หยิบบุปผามาพินิจพิศดูดอก |
อ่านไม่ออกอักขระเรียงไสว |
นิ่งตะลึงอึ้งอั้นตันพระทัย |
จึงสั่งให้หายุพาสุลาลี |
นางน้อยน้อยคอยคำนับถือรับสั่ง |
แยกไปยังพี่น้องทั้งสองศรี |
ทูลแถลงแจ้งความตามคดี |
สองบุตรีรีบมาพร้อมหน้ากัน ฯ |
๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยเห็นได้ช่อง |
ลามาห้องหาพี่ขมีขมัน |
เข้านั่งใกล้ให้ธงองค์ละคัน |
แล้วรำพันชี้แจงให้แจ้งใจ |
สุดสาครร้อนจิตได้คิดหมด |
เสียดายยศราวกับว่าเลือดตาไหล |
หยิบธงทองน้องยารีบคลาไคล |
พากันไปห้องที่พระพี่ยา |
ประณตนอบยอบองค์ยื่นธงให้ |
เอาความในแจ้งเหตุพระเชษฐา |
สินสมุทรถือธงทรงศักดา |
ที่ฤทธิ์ยาแฝดเฟือนก็เคลื่อนคลาย |
รู้สึกตัวกลัวจะช้ารีบพาน้อง |
เข้าในห้องบิตุรงค์ยื่นธงถวาย |
พระอภัยได้ธงดำรงกาย |
ที่คลั่งคลายเคลิ้มตะลึงคำนึงใน ฯ |
๏ นางวัณฬาแอบมองตามช่องฉาก |
พอเห็นหลากจิตพรั่นประหวั่นไหว |
เข้าชิงธงที่องค์พระอภัย |
มาหักให้ย่อยยับสำทับความ |
น้อยหรือเจ้าเหล่านี้หนามาถึงแท่น |
ทะลวงแล่นเข้ามาเองไม่เกรงขาม |
แล้วว่าชะพระองค์ถือธงงาม |
จะวิ่งตามเขาไปไหนจะใคร่รู้ |
พระกลับหลงธงหักให้รักหญิง |
พลอยว่าจริงเหมือนแม่ว่าน่าอดสู |
ทะลวงทะลึ่งตึงตังมาพรั่งพรู |
พลางขับขู่เคืองค้อนขว้างหมอนอิง ฯ |
๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยเข้าไปฉุด |
สินสมุทรกับพระพี่วิ่งหนีหญิง |
แต่พอออกนอกได้ดีใจจริง |
ขึ้นทรงสิงห์ทรงพระยาม้ามังกร |
ไปกองทัพพลับพลาตรงมาที่ |
ห้องสุวรรณมาลีศรีสมร |
ต่างกราบกรานมารดาด้วยอาวรณ์ |
พระมารดรดีใจวิ่งไปรับ |
แล้วกอดจูบลูบหลังเจ้าทั้งสอง |
พ่อคุณของแม่ฟื้นได้คืนกลับ |
สินสมุทรสุดสาครอ่อนคำนับ |
แล้วลมจับนิ่งซบสลบไป ฯ |
๏ พระชนนีตีอกตกประหม่า |
ร้องเรียกหาหมอออกแซ่ช่วยแก้ไข |
ไม่ฟื้นกายหมายมั่นว่าบรรลัย |
ต่างตกใจวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี |
ท้าวทศวงศ์องค์อรุณพอรู้เหตุ |
ทั้งแก้วเกษรามารศรี |
มากองทัพพลับพลาสุมาลี |
พอพระพี่น้องฟื้นค่อยชื่นใจ |
นางเชิญองค์ทรงนั่งบัลลังก์อาสน์ |
พร้อมพระญาติวงศาอัชฌาสัย |
ท้าวทศวงศ์สงสารสองหน่อไท |
จึงปราศรัยสินสมุทรค่อยพูดจา |
คนนี้หรือชื่อสุดสาครน้อง |
ดูผุดผ่องน่ารักเป็นนักหนา |
พระพี่น้องสองคำนับรับบัญชา |
แล้วไหว้อาสะใภ้นางให้พร ฯ |
๏ ฝ่ายอรุณรัศมีเป็นที่น้อง |
บังคมสองพี่ชายสายสมร |
จอมกษัตริย์ตรัสว่าสุดสาคร |
อายุอ่อนแต่เป็นที่พระพี่ยา |
จงรู้จักรักใคร่กันไว้เถิด |
เสียแรงเกิดร่วมชาติวาสนา |
เออหลากจิตบิตุรงค์องค์พระอา |
ไยไม่มาด้วยกันเหตุฉันใด ฯ |
๏ สินสมุทรสุดสาครถอนสะอื้น |
อุสาห์ฝืนพักตร์แจ้งแถลงไข |
เหมือนความหลังพลั้งพลาดประมาทใจ |
จนเสียไม้เท้าครูคู่ชีวี |
อันทรงฤทธิ์บิดาพระอานั้น |
ผู้หญิงมันคุมตัวกลัวจะหนี |
เข้าชิงชักหักธงเป็นผงคลี |
จึงเสียทีผีซ้ำประจำไว้ ฯ |
๏ สุมาลีขี้หึงว่าถึงหาย |
เธอเสียดายอีวัณฬาไม่มาได้ |
แต่ถือธงลงยันต์ไว้กันภัย |
ยังนิ่งได้ให้มันหักเพราะรักมัน |
นางเกษราว่าสงสารพระผ่านเกล้า |
โอ้ใครเล่าจะช่วยแก้ให้แปรผัน |
ถึงกระไรได้ธงที่ลงยันต์ |
พอทรงธรรม์รู้องค์แล้วคงมา |
ประเดี๋ยวนี้อีฝรั่งมันขังไว้ |
จะได้ใครลอบลักไปรักษา |
เสียแรงตามข้ามฝั่งมาลังกา |
ถึงกระไรได้วันทาพระสามี |
แม้ไม่เลี้ยงเคียงองค์พระทรงศักดิ์ |
จะสมัครอยู่เป็นข้าเหมือนทาสี |
วิบากกรรมถึงรำภาจะด่าตี |
ก็ตามทีเถิดสู้ทนไปจนตาย |
สนองคุณมุลิกาฝ่าพระบาท |
จนสิ้นชาติชาตินี้ไม่หนีหาย |
ถึงชาติอื่นหมื่นชาติไม่คลาดคลาย |
พลางฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย |
พระญาติวงศ์สงสารรำคาญจิต |
เป็นสุดคิดพลอยพาน้ำตาไหล |
แต่สุวรรณมาลีว่านี่อะไร |
เฝ้าร้องไห้สมเพชแม่เกษรา |
จะยอมเป็นทาสีอีฝรั่ง |
ไม่ขอฟังแล้วฉันแค้นมันแสนสา |
แม้มิตายหมายมั่นอีวัณฬา |
จะแล่เนื้อเกลือทาให้สาใจ ฯ |
๏ ท้าวทศวงศ์ทรงตรึกเห็นลึกซึ้ง |
ไม่รู้ถึงบาดแผลจะแก้ไข |
จึงห้ามว่าอย่าหึงให้อึงไป |
เร่งคิดให้ได้ผัวของตัวมา |
ไปบนบานท่านปาโมกข์โลกเชษฐ์ |
ให้แจ้งเหตุธงหักได้รักษา |
จะไปด้วยช่วยอ้อนวอนพฤฒา |
แล้วท้าวพาเผ่าพงศ์รีบตรงไป |
ถึงที่อยู่ผู้เฒ่าเข้าไปพร้อม |
คำนับน้อมพฤฒาอัชฌาสัย |
พราหมณ์คำนับรับเสด็จด้วยดีใจ |
ถวายชัยมงคลด้วยมนต์พราหมณ์ |
แล้วทูลว่าข้าแต่พระทรงภพ |
แม้ปรารภข้อไรจงไต่ถาม |
ท้าวทศวงศ์โองการวิถารความ |
เล่าให้พราหมณ์ตามผู้หญิงมันชิงธง |
แต่สินสมุทรสุดสาครหล่อนมาได้ |
พระอภัยศรีสุวรรณนั้นยังหลง |
ช่วยแก้ไขให้ฟื้นกลับคืนคง |
ทั้งเงินทองสององค์คงรางวัล |
ฝ่ายสองนางต่างว่าข้าพเจ้า |
จะกราบเท้าทองคำเต็มกำปั่น |
คนละลำบำรุงพระคุณครัน |
ช่วยแก้กันผ่อนปรนให้พ้นภัย ฯ |
๏ พราหมณ์เคารพนบนอบตอบสนอง |
พระคุณของวนิดาจะหาไหน |
แต่ตรองตรึกนึกวิตกในอกใจ |
ด้วยอยู่ในเวียงวังกำบังกาย |
ถ้าแม้ว่าข้าพเจ้าได้เข้าชิด |
คงจะคิดแก้ไขเสียให้หาย |
นี่ยากนักจักใคร่วานให้ท่านยาย |
คิดอุบายแก้ไขเข้าในวัง |
ซึ่งพี่น้องสองออกมานอกได้ |
มันจะใช้ผีทับให้กลับหลัง |
ภาวนาอย่าประมาทให้พลาดพลั้ง |
ด้วยเคราะห์ยังอีกสิบห้าทิวาวัน |
ท้าวทศวงศ์ทรงฟังจึงสั่งซ้ำ |
จงฟังคำอาจารย์นะหลานขวัญ |
สองกุมารกรานก้มบังคมคัล |
ต่างพากันสอบถามพราหมณ์พฤฒา ฯ |
๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลพักตร์ |
รู้ประจักษ์แจ้งเหตุว่าเชษฐา |
ออกมาได้ไปอยู่ห้องสองพฤฒา |
อยากเห็นหน้าพระพี่ด้วยดีใจ |
จึงมาที่ท่านผู้เฒ่าคลานเข้าห้อง |
พอเห็นสองเชษฐาเธอปราศรัย |
นางไหว้องค์พงศ์กษัตริย์ถัดถัดไป |
แต่ไม่ไหว้เชษฐาสุดสาคร |
แค้นว่าพี่มีเมียพลอยเสียหน้า |
พระบิดาสอนสั่งไม่ฟังสอน |
ด้วยนางถือซื่อแท้ไม่แง่งอน |
สะกิดกรเชษฐาแล้วพาที |
พระอยู่วังลังกาสาพิภักดิ์ |
ได้ยศศักดิ์สมคะเนมเหสี |
พระบิตุราชมาตุรงค์ทรงโศกี |
ถึงพระพี่เช้าเย็นไม่เว้นวัน |
จึงใช้ให้ฉันข้ามมาตามเสด็จ |
แม้หลาบเข็ดเชิญไปไอศวรรย์ |
หรือรักเมียเสียญาติเป็นขาดกัน |
กระหม่อมฉันจะได้ลาพระคลาไคล ฯ |
๏ สุดสาครถอนสะอื้นแล้วฝืนพักตร์ |
ปลอบน้องรักร่ำว่าอัชฌาสัย |
พี่ผิดแล้วแก้วตาว่าอย่างไร |
ก็มิได้เคืองขัดเป็นสัจจา |
มิห่วงน้องสองชนกที่ปกเกล้า |
พี่จะเผาตัวตายเพราะขายหน้า |
ถึงอยู่ไปก็ไม่พ้นคนนินทา |
จนม้วยฟ้าสูญดินไม่สิ้นอาย |
จนพระน้องต้องข้ามมาตามด้วย |
แล้วได้ช่วยแก้ไขจึงได้หาย |
จะตามไปรอใจยังไม่ตาย |
พอถวายอภิวาทบาทบงสุ์ |
ได้ทูลลาฝ่าละอองสองกษัตริย์ |
แล้วจะตัดโลกข้ามตามประสงค์ |
พระร่ำพลางทางระทดระทวยองค์ |
กำสรดทรงโศกาไม่พาที ฯ |
๏ ท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์จึงตรัสห้าม |
อย่าวู่วามเลยพี่น้องทั้งสองศรี |
แม่ก็รู้อยู่ว่าเป็นไปเช่นนี้ |
เพราะว่าพี่ตามติดพระบิดา |
จะเด็ดด่วนชวนชักไปนัคเรศ |
สองทรงเดชใครจักช่วยรักษา |
เอ็นดูพ่อรอรั้งอยู่ลังกา |
ช่วยพระอาบิตุรงค์ให้คงคืน |
แม่นงเยาว์เสาวคนธ์อย่าบ่นโกรธ |
พี่ขอโทษสารพัดไม่ขัดขืน |
ซึ่งผิดพลั้งทั้งนั้นจงกลั้นกลืน |
ใช่คนอื่นคนไกลหาไหนมา ฯ |
๏ นางตกใจได้คิดผิดถนัด |
ชลีหัตถ์ก้มเกศกราบเชษฐา |
น้องว่าหยอกดอกเมื่อกี้พระพี่ยา |
ฉันขมาขอโทษได้โปรดปราน ฯ |
๏ พระญาติวงศ์ทรงพระสรวลไม่ควรโกรธ |
รู้ขอโทษพร่ำว่าน่าสงสาร |
สินสมุทรพูดกลับไม่อัประมาน |
กระหม่อนฉานดอกไม่ตายไม่อายใคร |
มันติฉินนินทาฆ่ามันเสีย |
แต่มีเมียนี่หรืออายจนตายได้ |
ยิ่งได้แปลกแขกฝรั่งทั้งมอญไทย |
ยิ่งดีใจอีกขอรับไม่อับอาย |
เขาได้เมียได้ผัวทั่วพิภพ |
เขาไม่หลบหลีกลี้ไม่หนีหาย |
ก็เห็นอยู่ผู้ใหญ่เขาไม่ตาย |
เราจะอายเขาไยเล่าไม่เข้ายา ฯ |
๏ สุดสาครร้อนจิตถึงบิตุเรศ |
ไม่แจ้งเหตุเห็นจะคอยละห้อยหา |
จึงพรายแพร่งแจ้งความพราหมณ์พฤฒา |
อันหยูกยาของมันขลังทั้งรังควาน |
จึงแก้ไขไม่ถนัดมันขัดข้อง |
พระคุณสองโปรดประสาทนุญาตหลาน |
จะลาไปเกาะแก้วพิสดาร |
นิมนต์ท่านโยคีซึ่งมีพรต |
มาแก้ไขให้คลายหายเคลิ้มคลั่ง |
ด้วยผีทั้งจักรวาลกลัวท่านหมด |
แล้วร่ำเล่าคราวกระนั้นตกบรรพต |
พระดาบสช่วยทันไม่บรรลัย ฯ |
๏ ตาพราหมณ์ตอบชอบอยู่ท่านครูเฒ่า |
เขาลือเล่าเหลือดีจะมีไหน |
ต่างพูดกันผันผ่อนพอหย่อนใจ |
ต่างลาไปพลับพลาทั้งนารี |
สุดสาครเสาวคนธ์วิมลพักตร์ |
กับน้องรักร่วมพลับพลาหลังคาสี |
สินสมุทรอยู่พลับพลาสุมาลี |
ต่างพาทีไต่ถามเนื้อความกัน ฯ |