- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
๏ จะกล่าวกลับจับเรื่องเมืองฝรั่ง | ที่ในวังวัณฬามารศรี |
ได้ครองคู่อยู่กับพระอภัยมณี | แต่เดือนยี่ยามหนาวคราวเหมันต์ |
เฝ้าคลึงเคล้าเช้าเย็นไม่เว้นว่าง | จนถึงกลางเดือนห้าหน้าคิมหันต์ |
พอฝนตกหกห่าเวลานั้น | สบกำลังตั้งครรภ์นางวัณฬา |
เคลิ้มระงับหลับใหลมิใคร่ตื่น | ฝันว่ากลืนดาวจระเข้ในเวหา |
มีเทวัญพลันเสด็จระเห็จมา | ถือสายฟ้าฟาดนางเหมือนอย่างไฟ |
แล้วก็ควักจักษุทั้งสองสิ้น | ไม่เห็นดินเห็นฟ้าเลือดตาไหล |
ตื่นผวาคว้าปะพระอภัย | ร้องทูลให้ช่วยด้วยจะม้วยมรณ์ ฯ |
๏ พระแว่วเสียงเคียงน้องประคองกอด | ระทวยทอดประทับทรวงดวงสมร |
แม่เป็นไรไหวหวั่นขวัญบังอร | อย่าอาวรณ์เชิญแถลงให้แจ้งการ |
นางก้มเกล้าเล่าตามเนื้อความฝัน | ยังหวาดหวั่นวรองค์น่าสงสาร |
พระแย้มสรวลชวนชื่นรื่นสำราญ | เยาวมาลย์มีท้องแล้วน้องรัก |
เตรียมยี่ภู่อู่ทองไว้เถิดเจ้า | พี่เลี้ยงเหล่านางนมให้สมศักดิ์ |
ลูกผู้ชายสายใจวิไลลักษณ์ | อย่าเมินพักตร์ผินหน้าพูดจากัน |
เห็นแล้วหรือมือเก่านะเจ้าพี่ | ไม่ถึงปีก็ได้เชื้อเหลือขยัน |
ไม่นับถือหรือจะว่าเล่นพนัน | คนละปีมิให้คั่นจนวันตาย ฯ |
๏ นางอายเอียงเถียงองค์พระทรงศักดิ์ | อย่ามาทักทายหม่อมฉันพรั่นใจหาย |
ถ้าท้องไส้ใหญ่โตต้องโย้ย้าย | อายเขาตายเสียแล้วกรรมทำอย่างไร |
โอ้แสนเข็ญเห็นไม่รอดเมื่อคลอดลูก | ต้องกินหยูกกินยาเลือดตาไหล |
ยังมิหนำซ้ำจะร้อนต้องนอนไฟ | ยิ่งทุกข์ใจเฝ้าสะอื้นกลืนน้ำตา ฯ |
๏ พระสวมสอดกอดประทับแล้วรับขวัญ | อย่าหวาดหวั่นพรั่นจิตกนิษฐา |
จะช่วยครางบ้างให้เจ้าเบาโรคา | แม้กินยาขมขื่นจะกลืนแทน |
พลางแย้มสรวลชวนชิดพิศวาส | พี่ผูกขาดของหลวงอย่าหวงแหน |
นางว่าเบื่อเหลือระอาช่างน่าแค้น | ยังขืนแค่นไค้แคะเฝ้าและเลียม |
แต่ตรงที่มีท้องน้องเป็นทุกข์ | จะต้องซุกซ่อนกายเพราะอายเหนียม |
ยิ่งตรึกตราปรารมภ์ให้ตรมเกรียม | อย่าและเลียมเลยมิได้แล้วไม่ยอม |
จะเหมือนนางมาลีมีฝาแฝด | จนแก่แรดโรครูปก็ซูบผอม |
เป็นสตรีมีลูกต้องทุกข์ตรอม | ทูลกระหม่อมเป็นผู้ชายสบายใจ |
พระจุมพิตชิดชวนสำรวลเย้ย | นิจจาเอ๋ยมีท้องก็ร้องไห้ |
พลางยั่วเย้าเฝ้าล้ออรไท | ตามวิสัยเซ้าซี้ด้วยปรีดา |
จนรุ่งรางต่างองค์สรงสนาน | พนักงานคอยถวายเครื่องซ้ายขวา |
ตั้งโต๊ะทองของเสวยสามเวลา | พระผ่านฟ้าฟั่นเฟือนไม่เคลื่อนคลาย ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาสมร | ตั้งอุทรทุกข์ใจมิใคร่หาย |
คิดถึงฝันนั้นก็รู้อยู่ว่าร้าย | พระทำนายยังไม่สิ้นที่กินใจ |
อันพี่น้องสองสุดาตำราแน่ | จะให้แก้ฝันเห็นว่าเป็นไฉน |
ดำริพลางย่างย่องจากห้องใน | เสด็จไปตึกลมที่ชมจันทร์ |
ให้หาสองธิดารำภาสะหรี | มานั่งที่พระแกลแล้วแก้ฝัน |
ตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุบินนั้น | เจ้าช่วยกันทำนายร้ายหรือดี ฯ |
๏ ฝ่ายยุพาผกาธิดาผู้ใหญ่ | นางเข้าใจจับยามตามดิถี |
ด้วยได้เรียนรู้ตำราพระบาลี | เห็นจะมีเหตุร้ายจึงทายทูล |
ซึ่งชมชื่นกลืนดาวจระเข้นั้น | จะทรงครรภ์สืบปิ่นบดินทร์สูร |
ได้ปรากฏยศยงพงศ์ประยูร | ให้เพิ่มพูนภิญโญในโลกา |
ซึ่งอารักษ์ควักเนตรนั้นเหตุใหญ่ | จะจำให้ห่างเหเสนหา |
เป็นเหตุใหญ่ไพรีจะมีมา | กำหนดไว้ในสิบห้าทิวาวัน |
นางฟังคำทำนายใจหายวับ | เคยได้นับถือแน่เชิงแก้ฝัน |
จึงตรัสว่าถ้าจะเป็นไปเช่นนั้น | จะผันแปรแก้กันทำฉันใด |
นางยุพาผกาทูลแถลง | จะต้องแต่งบัตรพลีคัมภีร์ไสย |
ประตูทั้งแปดทิศให้ปิดไว้ | อย่าให้ใครเข้าออกบอกกิจจา |
ในเจ็ดวันนั้นพระองค์จงทรงศิล | ตัดให้สิ้นพยาบาทปรารถนา |
สังเวยไหว้ไทเทวโลกา | ให้รักษาสะเดาะพระเคราะห์นาม |
นางวัณฬาว่าเจ้ารู้เอ็นดูแม่ | สุดแล้วแต่เจ้าจะสั่งเถิดทั้งสาม |
ปิดประตูผู้คนเร่งห้ามปราม | จงทำตามแบบฉบับระงับภัย ฯ |
๏ นางรำภาว่าหม่อมฉันฝันประหลาด | ว่าฟ้าฟาดเปรื่องเปรี้ยงวังเวียงไหว |
แต่ขวานฟ้ามาเหมือนแก้ววับแววไว | วาบเข้าในปากกลืนพอตื่นนอน |
นางยุพาว่าหม่อมฉันก็ฝันเห็น | ว่าเมฆเป็นเกลียวกลีบมีครีบหงอน |
เหมือนสายรุ้งพุ่งลงตรงอุทร | พอตื่นนอนนึกอนาถประหลาดใจ |
สุลาลีว่าหม่อมฉันก็ฝันหลาก | ว่าอ้าปากกลืนแผ่นดินกินเสียได้ |
ต้องว่ายน้ำสำลักกระอักกระไอ | ตื่นตกใจก็พอแจ้งแสงตะวัน ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์วัณฬาสุดาสดับ | รู้ตำรับเรื่องทายทำนายฝัน |
จึงว่าเจ้าเหล่านี้จะมีครรภ์ | ช่างพร้อมกันกับข้าน่ารำคาญ |
อย่าบอกให้ใครรู้อดสูเขา | ช่างมาเข้าท้องพลุกทั้งลูกหลาน |
แต่ปลายฝันนั้นสังเกตเป็นเหตุการณ์ | จงคิดอ่านกันไปจัดตั้งบัตรพลี |
ทั้งสามนางต่างคำนับพลางรับสั่ง | ออกไปนั่งหน้าพลับพลาหลังคาสี |
เรียกสนมกรมวังสั่งคดี | องค์เทพีจะสะเดาะพระเคราะห์ร้าย |
ประตูรอบขอบวังให้ตั้งศาล | เครื่องคาวหวานนมเนยสังเวยถวาย |
สุกรแกะแพะโคสิงโตควาย | ล้มถวายกว่าจะเสร็จทั้งเจ็ดวัน |
ปิดประตูผู้คนห้ามให้ขาด | ใครล่วงราชอาชญาถึงอาสัญ |
เร่งปักธงตรงทวารศาลสำคัญ | ให้ทันวันฤกษ์รุ่งขึ้นพรุ่งนี้ ฯ |
๏ ฝ่ายสนมกรมวังรับสั่งพร้อม | ประนมน้อมลามาเกณฑ์หน้าที่ |
บ้างปลูกศาลบ้างก็จัดทำบัตรพลี | เครื่องพลีกรรมแกะทั้งแพะโค |
ปักธงเทียวเขียวดำประจำศาล | เขียนรูปท่านพระมหาเยวาโห |
ทั้งแปดด้านศาลเทวอิศโร | ให้ภิญโญอย่างฝรั่งตั้งบูชา |
ประตูทั้งแปดทิศก็ปิดหมด | บอกกำหนดนายประตูผู้รักษา |
แต่งสำเร็จเสร็จสรรพแล้วกลับมา | แจ้งกิจจาตัวนายทูลรายงาน ฯ |
๏ ฝ่ายสามนางต่างจัดปรัศว์ซ้าย | ให้วงสายสิญจน์ตั้งที่นั่งสนาน |
น้ำมนต์รดกลดสังข์ให้ตั้งพาน | ดาดเพดานม่านบังบัลลังก์ทรง |
ครั้นเสร็จสรรพกลับมาเฝ้าเยาวราช | อภิวาททูลความตามประสงค์ |
อรุณฤกษ์เบิกแสงพระสุริยง | เชิญพระองค์สรงน้ำสุรามฤต |
แล้วแต่งองค์ทรงดำทั้งสำรับ | ไปคำนับศาลสุรากลากิจ |
วันละหนจนทั่วทั้งแปดทิศ | เทวฤทธิ์จะรักษาให้ถาวร ฯ |
๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาสุดาสดับ | ดำรัสรับตามคำแล้วร่ำสอน |
ทั้งสามเจ้าเหล่านี้มีอุทร | ที่เผ็ดร้อนสิ่งไรอย่าได้กิน |
จะคลอดบุตรสุดลำบากยากสาหัส | จงถือสัตย์สุจริตเป็นนิจสิน |
ไปด้วยกันวันทาเจ้าฟ้าดิน | จะได้สิ้นทุกข์โศกทั้งโรคภัย |
กลัวแต่พระจะเสด็จออกไปด้วย | ให้นึกขวยเขินจิตจะคิดไฉน |
ทั้งสามนางต่างว่าถ้าเสด็จไป | ที่ร่วมใจเห็นจะตามทั้งสามองค์ |
ต่างชื่นแช่มแย้มยิ้มพริ้มพระพักตร์ | ด้วยผัวรักไม่รู้เบื่อจนเหลือหลง |
นางวัณฬาว่าค่ำเย็นย่ำลง | ทั้งสามองค์เจ้าจงกลับไปหลับนอน |
ทั้งสามนางต่างคำนับแล้วกลับหลัง | ขึ้นนั่งยังสุวรรณบรรจถรณ์ |
ต่างแอบผัวยั่วเย้าเฝ้าชะอ้อน | แต่ล้วนหล่อนล่อแพนแสนสันทัด |
เมื่อคราวมัวผัวเหมือนหนึ่งขี้ผึ้งเคล้น | จะปั้นเป็นรูปอะไรก็ไม่ขัด |
ปูว่าหอยพลอยว่าด้วยสารพัด | เพราะรู้กลปรนนิบัติช่างดัดแปลง ฯ |
๏ ฝ่ายละเวงวัณฬาพระยาหญิง | ชะอ้อนอิงพระอภัยพิไรแถลง |
หม่อมฉันฝันข้างปลายเห็นร้ายแรง | ให้จัดแจงจะสะเดาะพระเคราะห์ร้าย |
เวลารุ่งพรุ่งนี้จะพลีศาล | ทุกทวารวังเวียงจนเที่ยงสาย |
เชิญบรรทมชมนางห้ามตามสบาย | อย่าใกล้กรายกว่าจะเสร็จเพียงเจ็ดวัน |
พระกอดเกยเชยปรางว่านางอื่น | ไม่ชุ่มชื่นเหมือนกับกลิ่นดินถนัน |
เจ้าจากไปไกลพักตร์เพียงสักวัน | เหมือนจากกันร้อยปีไม่มีสบาย |
เจ้าอยู่ใกล้ได้เห็นอยู่เช่นนี้ | ถึงจะมีทุกข์ร้อนก็ผ่อนหาย |
จะไปด้วยช่วยสะเดาะพระเคราะห์ร้าย | ลูกผู้ชายเหมือนพ่อหน่อนงลักษณ์ ฯ |
๏ นางว่าเบื่อเหลือรำคาญด้วยผ่านเกล้า | ขืนยั่วเย้ายามวิตกเพียงอกหัก |
พระกอดเกยเชยชิดจุมพิตพักตร์ | เสียงขิกขักซักไซ้จนไสยา ฯ |
๏ จะกล่าวกลับจับเรื่องบาทหลวงเฒ่า | เมื่อเสียเขาเจ้าประจัญขันอาสา |
แปลงเป็นเหล่าชาวพลคนชรา | ลูกศิษย์พาไปอยู่บ้านสะพานยนต์ |
แต่ตรอมจิตคิดอายไม่หายเหือด | เจียนจะเชือดคอตายเสียหลายหน |
สำคัญว่าข้าศึกทำซ้อนกล | ที่แยบยลหญิงลวงไม่ล่วงรู้ |
ให้คนใช้ไปลอบคอยฟังข่าว | ได้เรื่องราวจริงหมดคิดอดสู |
พระอภัยไม่ตายกลายเป็นชู้ | เข้าไปอยู่กับลูกสาวเจ้าลังกา |
แขกฝรั่งทั้งหลายพวกนายไพร่ | ก็พร้อมใจกันให้ขาดศาสนา |
ยิ่งแค้นขัดอัดอั้นตันอุรา | ดังเลือดตาแกจะตกตีอกตึง |
คิดน่าแค้นตัวของตัวจนหัวหงอก | เด็กมันหลอกลวงได้ไม่รู้ถึง |
จนฟุ้งเฟื่องเลื่องลือออกอื้ออึง | ดูประหนึ่งโง่เง่าเหมือนเต่าตาย |
แกชกหัวตัวเองเสียงโกกโกก | กำเริบโรครากเลือดไม่เหือดหาย |
สลบล้มลมจับพับเจียนตาย | ศิษย์ทั้งหลายแก้ไขจึงได้ฟื้น |
เจ็บอยู่ป่าห้าเดือนเหมือนจะม้วย | แต่รอดด้วยหยูกยาค่อยฝ่าฝืน |
พอพ่วงพีมีกำลังลุกนั่งยืน | ทุกค่ำคืนแค้นลูกสาวเจ้าลังกา |
จึงบอกเหล่าชาวบ้านทหารศิษย์ | เดิมกูคิดกลศึกลึกหนักหนา |
แนะความในให้มันอีวัณฬา | เจียนจะฆ่าพระอภัยได้หลายครั้ง |
มันสับปลับกลับเอาเขาเป็นผัว | ช่างชาติชั่วผิดคนแต่หนหลัง |
ถึงฆ่าฟันฉันใดกูไม่ฟัง | จะไปวังด่าว่าให้สาใจ ฯ |
๏ แล้วจัดแจงแต่งตัวกลัวจะช้า | เหล่าพวกสานุศิษย์หามตามไสว |
ออกจากบ้านดั้นดงตัดตรงไป | หนทางไกลกับลังกาสามราตรี |
ค่ำที่ไหนให้ประทับคนรับสิ้น | ทุกบ้านถิ่นนับถือเหมือนฤๅษี |
บ้างช่วยหามตามมาในธานี | ชาวบูรีพรูวิ่งทั้งหญิงชาย |
มาดาษดื่นยื่นไหว้แล้วไต่ถาม | ได้แจ้งความหนหลังสิ้นทั้งหลาย |
นางวัณฬาจะสะเดาะพระเคราะห์ร้าย | พอแดดสายจะออกมาบูชายัญ |
บาทหลวงดูรู้การว่าศาลนี้ | ชื่อพลีโลกาบูชาขยัน |
นางวัณฬาน่าที่จะมีครรภ์ | คงพบกันแล้วสินะกูจะคอย |
ถึงจะมาฆ่าตีเอาชีวิต | กูไม่คิดแล้วกูแค้นแน่นคอหอย |
แล้วหยุดยั้งนั่งหน้าศาลาน้อย | ให้ศิษย์คอยนั่งดูประตูกลาง ฯ |
๏ ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาเวลาอรุณ | น้ำมันมุ่นมวยประจงทรงพระสาง |
ประดับองค์ทรงดำดูสำอาง | พร้อมสามนางสามกษัตริย์ภัสดา |
แล้วเชิญองค์ทรงยศบทบาท | ออกลีลาศนำนางไปข้างหน้า |
ศรีสุวรรณนั้นนำนางรำภา | สองสุดาสินสมุทรสุดสาคร |
ขึ้นเชิงเทินเดินเรียงเคียงเคียงคู่ | ข้าหลวงหมู่นางห้ามตามสลอน |
ต่างเดินดูหมู่พหลพลนิกร | ที่สัญจรเดินทางข้างกำแพง |
แล้วดูพลบนปราการข้างด่านนอก | ถือดาบหอกปืนประจำล้วนกำแหง |
ตั้งรายรอบขอบเมืองเขียวเหลืองแดง | เลียบกำแพงวังสูงดูฝูงคน ฯ |
๏ ถึงประตูบูรพาตรงหน้าศาล | สมมติท่านเทวาสถาผล |
นางยั้งหยุดจุดเทียนเวียนมณฑล | เจิมสุคนธ์จวงจันทน์แล้ววันทา |
บรรดาสัตว์มัดเชือดเอาเลือดสด | สุรารดเซ่นถวายทั้งซ้ายขวา |
ขอสังเวยเนยนมทั้งถั่วงา | สวดมนตราสะเดาะพระเคราะห์นาม |
ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมาบูชาศาล | ทุกทวารถวายของที่สองสาม |
อร่ามเรืองเครื่องบูชาสง่างาม | แล้วเลียบตามเชิงเทินดำเนินมา ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งสังฆราชพระบาทหลวง | ศิษย์ทั้งปวงบอกว่านางมาข้างหน้า |
โมโหหุนหมุนออกนอกศาลา | เห็นลูกสาวเจ้าลังกาเคียงสามี |
เลียบเชิงเทินเดินดูเป็นคู่กัน | ศรีสุวรรณเคียงหน้ารำภาสะหรี |
เป็นสี่คู่ทั้งยุพาสุลาลี | แต่ล้วนมีท้องทั่วทุกตัวคน |
พลอยขายหน้าฝรั่งทั้งประเทศ | เสียประเภทพวกหญิงชาวสิงหล |
ยิ่งฉุนคิดแม้ว่ากายกูวายชนม์ | จะให้คนเลื่องชื่อออกอื้ออึง ฯ |
๏ พลางเดินมาหน้าประตูร้องอุเหม่ | อีเจ้าเล่ห์ลวงกูไม่รู้ถึง |
กูเจ็บแค้นแทนด้วยจึงช่วยมึง | เพราะคิดถึงคุณท้าวเจ้าลังกา |
ยังลวงหลอกกลอกกลับไปรับชู้ | มาเป็นคู่หลู่ขาดพระศาสนา |
มึงผ่าเหล่าเผ่าพันธุ์อีวัณฬา | คบขี้ข้าเข้ามาเลี้ยงไว้เคียงตัว |
อีลาลีอีผการำภาสะหรี | ล้วนตัวดียอดรักช่วยชักผัว |
หาให้เจ้าเอาเองไม่เกรงกลัว | แต่ล้วนตัวตอแหลกระแตวับ |
มึงลวงกูรู้กันทำผันผ่อน | เหมือนหนึ่งหนอนบ่อนไส้กินไตตับ |
จนด่านแตกแยกย้ายล้มตายยับ | เพราะมึงกลับกลายแกล้งไปแปลงความ |
จนฝรั่งลังกาเป็นข้าเขา | เพราะมึงเข้าเพศภาษาสยาม |
เป็นเมียน้อยช้อยชดช่างงดงาม | เมียหลวงตามเข้ามาหึงถึงประตู |
กูรักใคร่ให้วิชาสารพัด | ไม่ซื่อสัตย์ซ้ำปดให้อดสู |
แกล้งคิดอ่านพาลโกรธยกโทษกู | เมื่อจืดแล้วจึงจะรู้จักคุณเกลือ |
จงเร่งมาฆ่ากูจะสู้ม้วย | ให้ตายด้วยพี่พ่ออย่าหลอเหลือ |
กูแค้นนักจักเชือดเอาเลือดเนื้อ | อีลูกเสือลูกจระเข้เนรคุณ ฯ |
๏ นางวัณฬาฝรั่งเห็นสังฆราช | มากริ้วกราดโกรธเกรี้ยวอยู่เฉียวฉุน |
ไม่ถือโทษโกรธตอบด้วยขอบคุณ | ท่านการุญรักใคร่จึงได้แค้น |
นางนบนอบตอบว่าสมาบาป | ที่ปรามปราบศึกเสือยากเหลือแสน |
ทุกภาษาสมทบช่วยรบแทน | ก็แตกแตนตายยับทุกทัพไป |
จนศึกข้ามตามมาประดารบ | หลายตลบเหลือจิตจะคิดไฉน |
ด้วยเป็นหญิงยิ่งยากลำบากใจ | สงสารไพร่ใหญ่น้อยจะพลอยตาย |
จึงมีผัวกลัวว่าวงศ์ฝรั่ง | ในเกาะลังกาทวีปจะฉิบหาย |
สิ้นที่พึ่งจึงต้องรับความอับอาย | ศึกจึงวายรบพุ่งที่กรุงไกร |
ประทานโทษโปรดเกล้าเถิดเจ้าคะ | ไม่ทิ้งพระศาสนาหามิได้ |
เจ้าคุณมาธานีฉันดีใจ | นิมนต์ไปวัดวาให้ถาวร ฯ |
๏ พระฝรั่งฟังนางค่อยสร่างโกรธ | จึงยกโทษที่ไม่ทำตามคำสอน |
จนข้าศึกฮึกหาญมาราญรอน | แผ่นดินร้อนไปทั่วเพราะผัวมึง |
แต่ทัพชายนายไพร่ยังไม่กลับ | เดี๋ยวนี้ทัพเมียหลวงล่วงมาถึง |
เจ้าช่างคิดกลศึกอย่างลึกซึ้ง | ทำไมจึงหลบตัวน่าหัวเราะ ฯ |
๏ นางละเวงเกรงกลัวพาผัวรัก | รีบหลบพักตร์ท่านผู้เฒ่าเดินเหย่าเหยาะ |
ทั้งสามนางต่างเรียงเถียงทะเลาะ | เป็นเหตุเพราะผู้เป็นเจ้าเฒ่าชรา |
ออกไปด้วยช่วยแก้ก็แพ้พ่าย | เช่นนั้นอายหรือไม่เล่าพระเจ้าข้า |
ที่ด่านเขาเจ้าประจัญคุณสัญญา | ให้เข่นฆ่าแล้วกระไรจึงไม่ตาย ฯ |
๏ บาทหลวงเฒ่าเกาอกโกรธงกเงิ่น | อุสาห์เดินตามด่าแหงนหน้าหงาย |
อีแม่สื่อถือดีไม่มีอาย | เที่ยวชักชายชักผัวให้ตัวเอง |
ไม่ถึงปีมีท้องกระปองเหยาะ | ยังมีหน้ามาทะเลาะล้วนเหมาะเหมง |
อวดฝีมือถือตัวไม่กลัวเกรง | จะเท้งเต้งตามกันเป็นมั่นคง |
กูสัญญาว่าจะทำให้สำเร็จ | มึงกลับเท็จลวงให้กูใหลหลง |
จึงเสียทีชีวิตแทบปลิดปลง | มึงจะลงขุมนรกหกคะเมน |
เพราะสับปลับลับลวงกูผู้มีศีล | ทั้งมือตีนจะต้องถ่างบนกางเขน |
น้อยหรือรุมทุ่มเถียงขึ้นเสียงเกน | อีเมียเถนเทวทัตสัตว์นรก |
ทำปั้นเจ๋อเย่อหยิ่งเป็นกิ้งก่า | หน้าจะดำคล้ำฝ้าน้ำตาตก |
อีกาฝากปากกล้าทำลามก | กลับมายกโทษทัณฑ์ให้พันพัว |
ทั้งสามนางต่างล้อว่าขอถาม | อยากแจ้งความอนุกูลเถิดทูนหัว |
ว่ามีท้องมองเห็นมันเป็นตัว | หรือตามัวดูให้แน่อย่าแลเกิน ฯ |
๏ นางละเวงเกรงบาปไม่หยาบช้า | จึงได้พาสามนางไปห่างเหิน |
แกตามด่ามาจนรอบขอบเชิงเทิน | นางนิ่งเมินลงบันไดเข้าในวัง |
บาทหลวงเฒ่าจะเข้าไปไม่ได้ด้วย | หอบระหวยหิววับต้องกลับหลัง |
ลูกศิษย์หามข้ามทุ่งพะรุงพะรัง | ไปหยุดยั้งวัดวาประสาใจ ฯ |
๏ จะกล่าวท้าวทศวงศ์ดำรงร่าง | ซึ่งแรมทางทัพเดินเนินไศล |
ทั้งโยธาการะเวกสองเวียงชัย | ถึงกรุงไกรลังกาพอราตรี |
เข้าค่ายศรีสุวรรณพร้อมกันหมด | ท้าวทรงยศขึ้นพลับพลาหลังคาสี |
ฝ่ายโฉมยงองค์สุวรรณมาลี | พาบุตรีกับกษัตริย์หัสไชย |
ไปเฝ้าท้าวทศวงศ์ดำรงราชย์ | อภิวาทวันทาต่างปราศรัย |
น้อมคำนับรับกันเป็นหลั่นไป | แล้วท้าวไทถามเรื่องเมืองลังกา ฯ |
๏ ส่วนสุวรรณมาลีมีแต่เศร้า | จะร่ำเล่าแล้วให้แค้นนั้นแสนสา |
ต้องทูลตามความหลังหลั่งน้ำตา | พรรณนาตามเรื่องเคืองรำคาญ |
พอสิ้นคำสำลักพักตร์สลด | ทรงกำสรดทรวงผ่าวเพียงร้าวฉาน |
บรรดาเหล่าเผ่าพงศ์พระวงศ์วาน | พลอยสงสารโศกาด้วยอาลัย |
ท้าวทศวงศ์ทรงฟังแล้วนั่งบ่น | ชะเวทมนตร์มันขลังอย่างไฉน |
ทั้งหนุ่มแก่แปรปรวนรัญจวนใจ | ใครเข้าไปก็เป็นสิทธิ์เหมือนติดตัง |
แล้วตรัสเล่าเสาวคนธ์มาตามพี่ | ได้พราหมณ์ชีโลกเชษฐ์พระเวทขลัง |
แกรับว่าถ้าแม้ออกมานอกวัง | จะแก้คลั่งเสียให้หายเหมือนหมายใจ |
แต่เดี๋ยวนี้สี่องค์ยังหลงอยู่ | ท่านพราหมณ์ครูจะได้ปะพระที่ไหน |
จะพูดจาว่าขานประการใด | จึงจะได้พานพบประสบองค์ ฯ |
๏ นางทูลว่าอาการนั้นพานเคลิ้ม | แต่ความเดิมจำได้ไม่ใหลหลง |
แม้ทราบว่าฝ่าพระบาทญาติวงศ์ | มาถึงคงจะออกมาเฝ้าฝ่าธุลี |
แล้วทูลความตามที่ให้คนไปอยู่ | คอยสืบรู้สารพัดน่าบัดสี |
เสด็จมาหน้าฉานเมื่อวานนี้ | พร้อมทั้งสี่คู่เปรียบเที่ยวเลียบเดิน |
เขาเห็นแซ่แลดูด้วยอยู่สูง | ผัวนั้นจูงมือนางไม่ห่างเหิน |
นางเมียนั้นลอยดอกให้หยอกเอิน | เลียบเชิงเทินเที่ยวสะเดาะพระเคราะห์นาม |
หน่อกษัตริย์หัสไชยเคยไปเฝ้า | แต่ก่อนเข้าออกได้เขาไม่ห้าม |
แต่เดี๋ยวนี้ที่คนไปสืบความ | ว่าห้ามปรามกวดขันหลายวันมา |
ปิดประตูผู้คนห้ามเข้าออก | มิให้บอกถ้อยความห้ามหนักหนา |
ต่อเจ็ดวันจึงจะเลิกสิ้นฤกษ์พา | ต้องรอท่ากว่าจะได้ไขทวาร ฯ |
๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์เห็นกลศึก | นางนิ่งนึกตรึกตราแล้วว่าขาน |
ถ้าละไว้ให้เสร็จสำเร็จการ | จะเชี่ยวชาญเชิงมนต์กลวิชา |
คิดเข้าไปให้ถึงจึงจะค้าง | ทำลายล้างพิธีดีหนักหนา |
อันท่านครูผู้เจริญซึ่งเชิญมา | มีตำรารู้จบภพไตร |
จะพรายแพร่งแจ้งรหัสที่ขัดข้อง | ให้ทั้งสองพราหมณ์แก่คิดแก้ไข |
การเพียงนี้ทีเห็นไม่เป็นไร | คงจะได้ด้วยปัญญาท่านอาจารย์ |
จำจะให้ไปอยู่ที่เงียบเงียบ | ตามระเบียบพฤฒามหาศาล |
หน่อกษัตริย์หัสไชยเห็นได้การ | จึงกราบกรานทูลความตามปัญญา |
อันค่ายที่พี่สินสมุทรตั้ง | ยังพร้อมพรั่งไพร่พลคนรักษา |
เชิญพี่นางไปประทับที่พลับพลา | กับพฤฒาทั้งสองตริตรองการ ฯ |
๏ ท้าวทศวงศ์ทรงฟังตรัสสรรเสริญ | ฉลาดเกินชันษาหนักหนาหลาน |
ทั้งสององค์จงพาท่านอาจารย์ | ไปคิดอ่านอนุกูลอย่าสูญใจ |
พระพี่น้องสองสดับแล้วรับสั่ง | ไปอยู่ยังพลับพลาที่อาศัย |
พวกแสนสาวท้าวนางอยู่ข้างใน | ทั้งนายไพร่พร้อมหน้ารักษาองค์ ฯ |
๏ ส่วนสุวรรณมาลีกับสี่กษัตริย์ | ยังนั่งตรัสความเมืองด้วยเรื่องหลง |
แต่โฉมแก้วเกษรานั้นว่าตรง | จะโทษองค์ภูวไนยนั้นไม่ควร |
เขาทำถูกหยูกยานิจจาเอ๋ย | จึงหลงเลยลืมอารมณ์ดั่งลมหวน |
จะหิวหอบบอบช้ำประช่ำประชวร | น้องใคร่ครวญให้สงสารรำคาญแทน ฯ |
๏ พระมารดาว่าผัวของตัวรัก | มันหาญหักชิงช่วงไม่หวงแหน |
ชอบชี้หน้าด่ามันให้ทันแค้น | ทำทดแทนจึงจะถูกสิลูกรัก |
แม่มาลีดีจริงใครชิงผัว | มันถือตัวตบมันให้ฟันหัก |
ท้าวทศวงศ์ทรงพระสรวลเสียงคักคัก | ท่านยายยักษ์อย่าไปสอนลูกอ่อนเลย |
เมื่อชาติหน้าข้าจะมีสักทีหนึ่ง | ยายจึงหึงให้แทบตายเถิดยายเอ๋ย |
แม่เกษรามาลีหล่อนมิเคย | อย่าหึงเลยลูกรักขายพักตรา |
ถึงดีชั่วผัวผิดอย่าคิดโรธ | รู้สึกโทษแล้วเธอรักเสียหนักหนา |
แม้หึงหวงล่วงพระราชอาชญา | จะขัดเคืองเบื้องหน้าเป็นราคี |
นางฟังคำไม่คำนับไม่รับสั่ง | ด้วยแค้นคั่งเคืองอุรามารศรี |
พอโพล้เพล้เวลาเข้าราตรี | สุมาลีลากลับคืนพลับพลา ฯ |
๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลพักตร์ | ถามน้องรักรู้เหตุพระเชษฐา |
เป็นทุกข์ร้อนซ่อนสะอื้นกลืนน้ำตา | พอเวลาย่ำฆ้องชวนน้องชาย |
ไปบูชาปาโมกข์โลกเชษฐ์ | แล้วเล่าเหตุหนหลังสิ้นทั้งหลาย |
นางวัณฬาสะเดาะพระเคราะห์ร้าย | หรืออุบายล่อลวงจะหน่วงนาน ฯ |
๏ พฤฒาเฒ่าเข้าใจทางไสยศาสตร์ | จึงว่าราชพิธีบัตรพลีศาล |
เขาทรงครรภ์ฝันร้ายกลัววายปราณ | จึงบนบานบวงสรวงไม่ลวงใคร |
นางวอนว่าการุญพระคุณช่วย | จะแก้ด้วยมนต์เวทวิเศษไฉน |
ทั้งหยูกยาสารพัดให้หัสไชย | เข้าไปได้ถึงที่ทั้งสี่องค์ ฯ |
๏ พราหมณ์พฤฒาว่ากระนั้นวันพรุ่งนี้ | จะแก้ผีภูตพรายให้หายหลง |
แล้วพราหมณ์เอาทองคำทำเป็นธง | มาเขียนลงอักขระพระศุลี |
แล้วลงยันต์พระพิเนกเสกสะกด | ดังจักรกรดพระนารายณ์ทำลายผี |
ให้น้องนางพลางสอนซ่อนให้ดี | ไปให้พี่เผ่าพงศ์องค์ละคัน |
แม้ถือธงคงหายเคลื่อนคลายคลั่ง | อย่ารอรั้งพามานี่ขมีขมัน |
ที่ประตูผู้คนเขาป้องกัน | จงผ่อนผันพูดความตามอุบาย |
แล้วลงเลขเสกข้าวตอกเป็นดอกฟ้า | ล้ำบุปผาในแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย |
ยื่นดอกไม้ให้กุมารเหมือนหลานชาย | สอนอุบายที่จะให้เข้าในวัง ฯ |
๏ พระพี่น้องสองสมอารมณ์นึก | พอจวนดึกคำนับลากลับหลัง |
มาเข้าห้องน้องรักร่วมบัลลังก์ | บรรทมฟังกล่อมขับเลยหลับไป ฯ |
๏ พอดาวเดือนเลื่อนลับพยับโพยม | เสียงประโคมดนตรีปี่ไฉน |
ต่างฟื้นองค์สรงสนานสำราญใจ | พระหัสไชยแต่งองค์ทรงสำอาง |
โฉมเฉลาเสาวคนธ์ช่วยผัดพักตร์ | ให้น้องรักแล้วหวีเกศีสาง |
เกล้ากระหมวดกวดรัดปิ่นกลัดกลาง | เคยเป็นช่างเกล้าเจ้าจุกตุ๊กตา |
แล้วแต่งองค์ทรงเสื้อสีม่วงอ่อน | ธงทองซ่อนไปกับกายทั้งซ้ายขวา |
สังวาลวงทรงประดับทับอุรา | เหน็บสาตรากริชสั้นไว้ชั้นใน |
เอาพานทองรองใส่ดอกไม้เสก | กลีบเป็นเลขลงอักษรซ้อนไสว |
ผู้ใดดมสูบกลิ่นสิ้นจัญไร | ถึงเจ็บไข้ค่อยสบายไม่วายวาง ฯ |
๏ ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมาหน้าสนาม | พี่เลี้ยงตามเคียงประคองทั้งสองข้าง |
หนุ่มขนาดมหาดเล็กลูกขุนนาง | ล้วนรูปร่างรุ่นราวคราวพระองค์ |
เชิญเครื่องอานพานพระศรีพระแสงเพชร | ตามเสด็จยุรยาตรดังราชหงส์ |
ให้ผูกสิงห์มิ่งม้ามังกรทรง | ไปรับองค์เชษฐาสุดสาคร |
แล้วทรงนั่งหลังสิงห์กั้นกลิ้งกลด | เผ่นพยศเยื้องไล่เช่นไกรสร |
ตำรวจเรียงเคียงข้างหนทางจร | เข้านครเสด็จมาถึงหน้าวัง |
หยุดสิงห์ทรงตรงประตูเขารู้จัก | ต่างถามทักทุกคนเหมือนหนหลัง |
พระเรียกหาฝรั่งเฝ้าเล่าให้ฟัง | เราออกนั่งหน้าพระลานชานชาลา |
พอฟ้าแลบแปลบสว่างเห็นนางหนึ่ง | มาเขียนซึ่งลายลิขิตติดบุปผา |
แล้วฝากไว้ให้ลูกสาวเจ้าลังกา | ว่าธิดาเคราะห์ร้ายให้คลายดี |
แล้วร่ำบอกดอกฟ้านี้ปรากฏ | ใครสูบรสบุปฝาเป็นราศี |
แล้วโปรดให้นายประตูดูมาลี | อักษรมีอย่างที่เราไม่เข้าใจ |
พระมาตุรงค์ทรงมหาอานุภาพ | คงจะทราบมั่นคงไม่สงสัย |
เร่งไปบอกท้าวนางที่ข้างใน | ไปทูลให้แจ้งกิจจาสารพัน ฯ |
๏ นายประตูผู้กำกับว่ารับสั่ง | ให้ระวังเวียนตรวจกันกวดขัน |
ใครเข้าออกบอกกิจจาให้ฆ่าฟัน | กระหม่อมฉันกลัวพระราชอาชญา ฯ |
๏ หน่อกษัตริย์ตรัสว่าเองโฉดเขลา | ชอบแต่เอาตัวมัดตัดเกศา |
ซึ่งห้ามปรามความแผ่นดินถิ่นสุธา | นี่เทวาอวยชัยจะให้ลือ |
แม้ปิดบังของหลวงให้ร่วงหล่น | ตัวจะพ้นความตายฉิบหายหรือ |
เป็นขุนนางช่างโง่เหมือนโคกระบือ | ดีแต่ดื้อไม่รู้จักที่หนักเบา |
กูเข้าออกนอกในไม่ทรงห้าม | มึงห้ามปรามจะเป็นโทษอ้ายโฉดเขลา |
ไม่แจ้งความตามคำก็ทำเนา | เปิดประตูกูจะเข้าไปเฝ้าเอง ฯ |
๏ นายประตูรู้น้อยพลอยเห็นชอบ | เธอรอบคอบกล่าวเพราะช่างเหมาะเหมง |
ต้องงอนง้อขอตัวด้วยกลัวเกรง | จะเปิดเองก็ขยาดพระอาชญา |
ขอบอกกล่าวท้าวนางให้ทูลก่อน | จงหยุดหย่อนงดโทษโปรดเกศา |
แล้วไปบอกในวังเช่นฟังมา | เหมือนวาจาหน่อกษัตริย์หัสไชย |
พวกในวังฟังว่าดอกฟ้าเกิด | ฟ้าผี่เถิดจะใคร่เห็นเป็นไฉน |
จะปิดป้องของสำคัญก็พรั่นใจ | ต้องจำไปทูลลูกสาวเจ้าลังกา ฯ |
๏ ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงไม่เกรงกริ่ง | คิดว่าจริงจะใคร่ดูดอกบุหงา |
หลงอุบายหมายจิตว่าเทวา | เอาดอกฟ้าลงมาให้คุ้มภัยพาล |
จึงสั่งให้ไปเปิดประตูรับ | ศาลสำหรับเซ่นวักหักทุกศาล |
เห็นศักดิ์สิทธิ์วิทยาพฤฒาจารย์ | พระกุมารดีใจเข้าในวัง |
ถึงตึกเย็นเห็นนางอยู่ข้างนอก | ถวายดอกไม้งามทูลความหลัง |
นางหลงกลล้นเหลือทรงเชื่อฟัง | ด้วยเห็นยังย่อมเยาว์ไม่เข้าใจ |
หยิบบุปผามาพินิจพิศดูดอก | อ่านไม่ออกอักขระเรียงไสว |
นิ่งตะลึงอึ้งอั้นตันพระทัย | จึงสั่งให้หายุพาสุลาลี |
นางน้อยน้อยคอยคำนับถือรับสั่ง | แยกไปยังพี่น้องทั้งสองศรี |
ทูลแถลงแจ้งความตามคดี | สองบุตรีรีบมาพร้อมหน้ากัน ฯ |
๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยเห็นได้ช่อง | ลามาห้องหาพี่ขมีขมัน |
เข้านั่งใกล้ให้ธงองค์ละคัน | แล้วรำพันชี้แจงให้แจ้งใจ |
สุดสาครร้อนจิตได้คิดหมด | เสียดายยศราวกับว่าเลือดตาไหล |
หยิบธงทองน้องยารีบคลาไคล | พากันไปห้องที่พระพี่ยา |
ประณตนอบยอบองค์ยื่นธงให้ | เอาความในแจ้งเหตุพระเชษฐา |
สินสมุทรถือธงทรงศักดา | ที่ฤทธิ์ยาแฝดเฟือนก็เคลื่อนคลาย |
รู้สึกตัวกลัวจะช้ารีบพาน้อง | เข้าในห้องบิตุรงค์ยื่นธงถวาย |
พระอภัยได้ธงดำรงกาย | ที่คลั่งคลายเคลิ้มตะลึงคำนึงใน ฯ |
๏ นางวัณฬาแอบมองตามช่องฉาก | พอเห็นหลากจิตพรั่นประหวั่นไหว |
เข้าชิงธงที่องค์พระอภัย | มาหักให้ย่อยยับสำทับความ |
น้อยหรือเจ้าเหล่านี้หนามาถึงแท่น | ทะลวงแล่นเข้ามาเองไม่เกรงขาม |
แล้วว่าชะพระองค์ถือธงงาม | จะวิ่งตามเขาไปไหนจะใคร่รู้ |
พระกลับหลงธงหักให้รักหญิง | พลอยว่าจริงเหมือนแม่ว่าน่าอดสู |
ทะลวงทะลึ่งตึงตังมาพรั่งพรู | พลางขับขู่เคืองค้อนขว้างหมอนอิง ฯ |
๏ หน่อกษัตริย์หัสไชยเข้าไปฉุด | สินสมุทรกับพระพี่วิ่งหนีหญิง |
แต่พอออกนอกได้ดีใจจริง | ขึ้นทรงสิงห์ทรงพระยาม้ามังกร |
ไปกองทัพพลับพลาตรงมาที่ | ห้องสุวรรณมาลีศรีสมร |
ต่างกราบกรานมารดาด้วยอาวรณ์ | พระมารดรดีใจวิ่งไปรับ |
แล้วกอดจูบลูบหลังเจ้าทั้งสอง | พ่อคุณของแม่ฟื้นได้คืนกลับ |
สินสมุทรสุดสาครอ่อนคำนับ | แล้วลมจับนิ่งซบสลบไป ฯ |
๏ พระชนนีตีอกตกประหม่า | ร้องเรียกหาหมอออกแซ่ช่วยแก้ไข |
ไม่ฟื้นกายหมายมั่นว่าบรรลัย | ต่างตกใจวุ่นวิ่งเป็นสิงคลี |
ท้าวทศวงศ์องค์อรุณพอรู้เหตุ | ทั้งแก้วเกษรามารศรี |
มากองทัพพลับพลาสุมาลี | พอพระพี่น้องฟื้นค่อยชื่นใจ |
นางเชิญองค์ทรงนั่งบัลลังก์อาสน์ | พร้อมพระญาติวงศาอัชฌาสัย |
ท้าวทศวงศ์สงสารสองหน่อไท | จึงปราศรัยสินสมุทรค่อยพูดจา |
คนนี้หรือชื่อสุดสาครน้อง | ดูผุดผ่องน่ารักเป็นนักหนา |
พระพี่น้องสองคำนับรับบัญชา | แล้วไหว้อาสะใภ้นางให้พร ฯ |
๏ ฝ่ายอรุณรัศมีเป็นที่น้อง | บังคมสองพี่ชายสายสมร |
จอมกษัตริย์ตรัสว่าสุดสาคร | อายุอ่อนแต่เป็นที่พระพี่ยา |
จงรู้จักรักใคร่กันไว้เถิด | เสียแรงเกิดร่วมชาติวาสนา |
เออหลากจิตบิตุรงค์องค์พระอา | ไยไม่มาด้วยกันเหตุฉันใด ฯ |
๏ สินสมุทรสุดสาครถอนสะอื้น | อุสาห์ฝืนพักตร์แจ้งแถลงไข |
เหมือนความหลังพลั้งพลาดประมาทใจ | จนเสียไม้เท้าครูคู่ชีวี |
อันทรงฤทธิ์บิดาพระอานั้น | ผู้หญิงมันคุมตัวกลัวจะหนี |
เข้าชิงชักหักธงเป็นผงคลี | จึงเสียทีผีซ้ำประจำไว้ ฯ |
๏ สุมาลีขี้หึงว่าถึงหาย | เธอเสียดายอีวัณฬาไม่มาได้ |
แต่ถือธงลงยันต์ไว้กันภัย | ยังนิ่งได้ให้มันหักเพราะรักมัน |
นางเกษราว่าสงสารพระผ่านเกล้า | โอ้ใครเล่าจะช่วยแก้ให้แปรผัน |
ถึงกระไรได้ธงที่ลงยันต์ | พอทรงธรรม์รู้องค์แล้วคงมา |
ประเดี๋ยวนี้อีฝรั่งมันขังไว้ | จะได้ใครลอบลักไปรักษา |
เสียแรงตามข้ามฝั่งมาลังกา | ถึงกระไรได้วันทาพระสามี |
แม้ไม่เลี้ยงเคียงองค์พระทรงศักดิ์ | จะสมัครอยู่เป็นข้าเหมือนทาสี |
วิบากกรรมถึงรำภาจะด่าตี | ก็ตามทีเถิดสู้ทนไปจนตาย |
สนองคุณมุลิกาฝ่าพระบาท | จนสิ้นชาติชาตินี้ไม่หนีหาย |
ถึงชาติอื่นหมื่นชาติไม่คลาดคลาย | พลางฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย |
พระญาติวงศ์สงสารรำคาญจิต | เป็นสุดคิดพลอยพาน้ำตาไหล |
แต่สุวรรณมาลีว่านี่อะไร | เฝ้าร้องไห้สมเพชแม่เกษรา |
จะยอมเป็นทาสีอีฝรั่ง | ไม่ขอฟังแล้วฉันแค้นมันแสนสา |
แม้มิตายหมายมั่นอีวัณฬา | จะแล่เนื้อเกลือทาให้สาใจ ฯ |
๏ ท้าวทศวงศ์ทรงตรึกเห็นลึกซึ้ง | ไม่รู้ถึงบาดแผลจะแก้ไข |
จึงห้ามว่าอย่าหึงให้อึงไป | เร่งคิดให้ได้ผัวของตัวมา |
ไปบนบานท่านปาโมกข์โลกเชษฐ์ | ให้แจ้งเหตุธงหักได้รักษา |
จะไปด้วยช่วยอ้อนวอนพฤฒา | แล้วท้าวพาเผ่าพงศ์รีบตรงไป |
ถึงที่อยู่ผู้เฒ่าเข้าไปพร้อม | คำนับน้อมพฤฒาอัชฌาสัย |
พราหมณ์คำนับรับเสด็จด้วยดีใจ | ถวายชัยมงคลด้วยมนต์พราหมณ์ |
แล้วทูลว่าข้าแต่พระทรงภพ | แม้ปรารภข้อไรจงไต่ถาม |
ท้าวทศวงศ์โองการวิถารความ | เล่าให้พราหมณ์ตามผู้หญิงมันชิงธง |
แต่สินสมุทรสุดสาครหล่อนมาได้ | พระอภัยศรีสุวรรณนั้นยังหลง |
ช่วยแก้ไขให้ฟื้นกลับคืนคง | ทั้งเงินทองสององค์คงรางวัล |
ฝ่ายสองนางต่างว่าข้าพเจ้า | จะกราบเท้าทองคำเต็มกำปั่น |
คนละลำบำรุงพระคุณครัน | ช่วยแก้กันผ่อนปรนให้พ้นภัย ฯ |
๏ พราหมณ์เคารพนบนอบตอบสนอง | พระคุณของวนิดาจะหาไหน |
แต่ตรองตรึกนึกวิตกในอกใจ | ด้วยอยู่ในเวียงวังกำบังกาย |
ถ้าแม้ว่าข้าพเจ้าได้เข้าชิด | คงจะคิดแก้ไขเสียให้หาย |
นี่ยากนักจักใคร่วานให้ท่านยาย | คิดอุบายแก้ไขเข้าในวัง |
ซึ่งพี่น้องสองออกมานอกได้ | มันจะใช้ผีทับให้กลับหลัง |
ภาวนาอย่าประมาทให้พลาดพลั้ง | ด้วยเคราะห์ยังอีกสิบห้าทิวาวัน |
ท้าวทศวงศ์ทรงฟังจึงสั่งซ้ำ | จงฟังคำอาจารย์นะหลานขวัญ |
สองกุมารกรานก้มบังคมคัล | ต่างพากันสอบถามพราหมณ์พฤฒา ฯ |
๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลพักตร์ | รู้ประจักษ์แจ้งเหตุว่าเชษฐา |
ออกมาได้ไปอยู่ห้องสองพฤฒา | อยากเห็นหน้าพระพี่ด้วยดีใจ |
จึงมาที่ท่านผู้เฒ่าคลานเข้าห้อง | พอเห็นสองเชษฐาเธอปราศรัย |
นางไหว้องค์พงศ์กษัตริย์ถัดถัดไป | แต่ไม่ไหว้เชษฐาสุดสาคร |
แค้นว่าพี่มีเมียพลอยเสียหน้า | พระบิดาสอนสั่งไม่ฟังสอน |
ด้วยนางถือซื่อแท้ไม่แง่งอน | สะกิดกรเชษฐาแล้วพาที |
พระอยู่วังลังกาสาพิภักดิ์ | ได้ยศศักดิ์สมคะเนมเหสี |
พระบิตุราชมาตุรงค์ทรงโศกี | ถึงพระพี่เช้าเย็นไม่เว้นวัน |
จึงใช้ให้ฉันข้ามมาตามเสด็จ | แม้หลาบเข็ดเชิญไปไอศวรรย์ |
หรือรักเมียเสียญาติเป็นขาดกัน | กระหม่อมฉันจะได้ลาพระคลาไคล ฯ |
๏ สุดสาครถอนสะอื้นแล้วฝืนพักตร์ | ปลอบน้องรักร่ำว่าอัชฌาสัย |
พี่ผิดแล้วแก้วตาว่าอย่างไร | ก็มิได้เคืองขัดเป็นสัจจา |
มิห่วงน้องสองชนกที่ปกเกล้า | พี่จะเผาตัวตายเพราะขายหน้า |
ถึงอยู่ไปก็ไม่พ้นคนนินทา | จนม้วยฟ้าสูญดินไม่สิ้นอาย |
จนพระน้องต้องข้ามมาตามด้วย | แล้วได้ช่วยแก้ไขจึงได้หาย |
จะตามไปรอใจยังไม่ตาย | พอถวายอภิวาทบาทบงสุ์ |
ได้ทูลลาฝ่าละอองสองกษัตริย์ | แล้วจะตัดโลกข้ามตามประสงค์ |
พระร่ำพลางทางระทดระทวยองค์ | กำสรดทรงโศกาไม่พาที ฯ |
๏ ท้าวทศวงศ์พงศ์กษัตริย์จึงตรัสห้าม | อย่าวู่วามเลยพี่น้องทั้งสองศรี |
แม่ก็รู้อยู่ว่าเป็นไปเช่นนี้ | เพราะว่าพี่ตามติดพระบิดา |
จะเด็ดด่วนชวนชักไปนัคเรศ | สองทรงเดชใครจักช่วยรักษา |
เอ็นดูพ่อรอรั้งอยู่ลังกา | ช่วยพระอาบิตุรงค์ให้คงคืน |
แม่นงเยาว์เสาวคนธ์อย่าบ่นโกรธ | พี่ขอโทษสารพัดไม่ขัดขืน |
ซึ่งผิดพลั้งทั้งนั้นจงกลั้นกลืน | ใช่คนอื่นคนไกลหาไหนมา ฯ |
๏ นางตกใจได้คิดผิดถนัด | ชลีหัตถ์ก้มเกศกราบเชษฐา |
น้องว่าหยอกดอกเมื่อกี้พระพี่ยา | ฉันขมาขอโทษได้โปรดปราน ฯ |
๏ พระญาติวงศ์ทรงพระสรวลไม่ควรโกรธ | รู้ขอโทษพร่ำว่าน่าสงสาร |
สินสมุทรพูดกลับไม่อัประมาน | กระหม่อนฉานดอกไม่ตายไม่อายใคร |
มันติฉินนินทาฆ่ามันเสีย | แต่มีเมียนี่หรืออายจนตายได้ |
ยิ่งได้แปลกแขกฝรั่งทั้งมอญไทย | ยิ่งดีใจอีกขอรับไม่อับอาย |
เขาได้เมียได้ผัวทั่วพิภพ | เขาไม่หลบหลีกลี้ไม่หนีหาย |
ก็เห็นอยู่ผู้ใหญ่เขาไม่ตาย | เราจะอายเขาไยเล่าไม่เข้ายา ฯ |
๏ สุดสาครร้อนจิตถึงบิตุเรศ | ไม่แจ้งเหตุเห็นจะคอยละห้อยหา |
จึงพรายแพร่งแจ้งความพราหมณ์พฤฒา | อันหยูกยาของมันขลังทั้งรังควาน |
จึงแก้ไขไม่ถนัดมันขัดข้อง | พระคุณสองโปรดประสาทนุญาตหลาน |
จะลาไปเกาะแก้วพิสดาร | นิมนต์ท่านโยคีซึ่งมีพรต |
มาแก้ไขให้คลายหายเคลิ้มคลั่ง | ด้วยผีทั้งจักรวาลกลัวท่านหมด |
แล้วร่ำเล่าคราวกระนั้นตกบรรพต | พระดาบสช่วยทันไม่บรรลัย ฯ |
๏ ตาพราหมณ์ตอบชอบอยู่ท่านครูเฒ่า | เขาลือเล่าเหลือดีจะมีไหน |
ต่างพูดกันผันผ่อนพอหย่อนใจ | ต่างลาไปพลับพลาทั้งนารี |
สุดสาครเสาวคนธ์วิมลพักตร์ | กับน้องรักร่วมพลับพลาหลังคาสี |
สินสมุทรอยู่พลับพลาสุมาลี | ต่างพาทีไต่ถามเนื้อความกัน ฯ |