- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
๏ ส่วนกษัตริย์หัสไชยมิได้หยุด | ขับสิงห์รุดเร่งไพร่เดินไพรสณฑ์ |
ออกทุ่งกว้างทางเตียนไม่เวียนวน | ถึงสิงหลลังกาไปหน้าวัง |
พบหนุ่มสาวชาวผลึกอยู่ตึกนอก | ถามเขาบอกเรื่องต้นจนหนหลัง |
หาท้าวนางพวกข้างในเล่าให้ฟัง | ตามรับสั่งสารศรีที่มีมา |
ฝ่ายท้าวนางต่างไปเฝ้าพระเยาวเรศ | ปิ่นประเทศเกศสิงหลภาษา |
เหมือนหัสไชยให้ทูลมุลิกา | นางวัณฬาสุมาลีต่างดีใจ ฯ |
๏ ท้าวทศวงศ์องค์พระมเหสี | สมถวิลยินดีจะมีไหน |
ลงจากปรางค์ต่างตามกันหลามไป | รับกษัตริย์หัสไชยเข้าในวัง |
ให้นั่งบนมนเทียรวิเชียรรัตน์ | พร้อมกษัตริย์ตรัสถามเนื้อความหลัง |
สร้อยสุวรรณจันทร์สุดาละล้าละลัง | วิ่งมาทั้งสองศรีเห็นพี่ยา |
ยังซูบทรงสงสารต่างคลานเข้า | ไปกราบเพลาพี่ชายทั้งซ้ายขวา |
ทั้งแสนแค้นแสนรักซบพักตรา | ชลนาไหลหลั่งลงพรั่งพราย ฯ |
๏ พระสวมสอดกอดสองพระน้องนุช | สงสารสุดสวาทให้จิตใจหาย |
สะอึกสะอื้นฝืนดำรงไม่ทรงกาย | ทั้งพี่ชายน้องซบสลบลง |
ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ | เข้ากอดหัสไชยชิดพิศวง |
มเหสีทรงยศท้าวทศวงศ์ | ต่างองค์ทรงโศกาด้วยอาลัย |
นางละเวงเร่งรำภาให้หาหมอ | วิ่งสอสอเซ็งแซ่มาแก้ไข |
บ้างโบกลมพรมพร่ำน้ำดอกไม้ | ค่อยชื่นใจได้อารมณ์สมประดี |
ต่างเล่าความตามเรื่องที่เคืองขัด | ให้พระหัสไชยอ่านเรื่องสารศรี |
ในสาราว่าพระอภัยมณี | จอมโมลีโลกาสถาวร |
เมื่อครองวังลังกาวัณฬาราช | พระวรนาถร่วมสุวรรณบรรจถรณ์ |
ทรงทศธรรม์กรุณาประชากร | ราษฎรได้เป็นสุขทุกตำบล |
จนเกิดบุตรสุดสวาทราชโอรส | ได้ปรากฏยศยิ่งในสิงหล |
กลับผ่าเผ่าเหล่ากอเป็นทรชน | เหมือนลูกยางห่างต้นเที่ยวปล้นเมือง |
แล้วซ้ำเผาข้าวปลากระยาหาร | ให้เกิดการโกลาท้องฟ้าเหลือง |
ให้ผู้อื่นหมื่นแสนได้แค้นเคือง | จับสามเมืองมาขังไว้ลังกา |
หากพระน้องครองสัตย์บรรทัดเที่ยง | ไม่รักเลี้ยงลูกจระเข้เสนหา |
จึงเชิญองค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา | ไปไว้วังลังกาพยาบาล |
ถึงโทษบุตรทุจริตทำผิดเหลือ | เป็นหน่อเนื้อนวลหงก็สงสาร |
ช่วยว่ากล่าวน้าวโน้มประโลมลาน | ให้ลูกหลานคิดคงเป็นพงศ์พันธุ์ |
จะผาสุกทุกอาณาประชาราษฎร์ | ได้สืบชาติเชื้อฝรั่งนรังสรรค์ |
ไม่อ่อนน้อมยอมด้วยจึงช่วยกัน | ทำโทษทัณฑ์ลูกหลานอย่างมารดา |
ฝ่ายพวกพี่มิใช่แม่เป็นแต่พ่อ | จึงรั้งรอการศึกมาปรึกษา |
แม้คิดเห็นเป็นธรรม์เชิญวัณฬา | ยกโยธามากระหนาบช่วยปราบปราม |
จะปรากฏยศไกรเมืองใหญ่น้อย | จะเรียบร้อยราบเตียนที่เสี้ยนหนาม |
ขอเชิญน้องตรองตริดำริความ | ให้สมตามลูกเต้าพงศ์เผ่าพันธุ์ ฯ |
๏ นางฟังจบนบนอบเห็นชอบด้วย | จะไปช่วยเข่นฆ่าให้อาสัญ |
แล้วจะเถือเนื้อพะแนงเที่ยวแบ่งปัน | ให้พงศ์พันธุ์พ่อแม่กินแก้แค้น |
เคยเลี้ยงดูสู้ถนอมเฝ้ากล่อมเกลี้ยง | เหมือนหลงเลี้ยงลูกเสือมันเหลือแสน |
สู้แม่พ่อทรยศคิดทดแทน | ให้หายแค้นคิดหมายไม่วายวัน |
แล้วทูลสั่งสุมาลีศรีสวัสดิ์ | ทั้งกษัตริย์หัสไชยอยู่ไอศวรรย์ |
แต่รำภายุพาลาลีวัน | ไปด้วยกันจะได้คิดเรื่องกิจการ |
สั่งให้หาพวกฝรั่งสิ้นทั้งหลาย | ล้วนหมื่นขุนมุลนายฝ่ายทหาร |
ให้ถือน้ำทำสัตย์ปฏิญาณ | คุมไพร่พร้อมล้อมปราการทวารวัง |
พระหัสไชยให้สำหรับบังคับขาด | ตามประกาศกฎหมายอยู่ภายหลัง |
ใครขัดขวางล้างชีวาเสียอย่าฟัง | พลางตรัสสั่งหัสเกนเวรศาลา |
จัดโยธีสี่ทัพสำหรับรบ | ให้สมทบทัพละหมื่นล้วนปืนผา |
อำมาตย์รับอภิวาทกลัวอาชญา | เร่งตรวจตราเตรียมพลสกลไกร |
หมวดละหมื่นพื้นพวกเสื้อหมวกสี | เหน็บกระบี่แบกปืนยืนไสว |
ทหารแห่แลล้วนทวนธงชัย | ทั้งนอกในหน้าหลังคนคั่งคับ |
รถที่นั่งหลังคามีฝากระจก | เทียมม้าหกคู่เคียงเรียงสลับ |
รถสามนางต่างเตรียมเทียมประทับ | คอยคำนับรับเสด็จสำเร็จการ ฯ |
๏ ส่วนลูกสาวเจ้าลังกาเวลาสว่าง | ชวนสามนางนวลหงสรงสนาน |
ประดับเครื่องเรืองจำรัสชัชวาล | แก้วประพาฬเพชรพลอยแพรวพรอยพราว |
แล้วทรงช้องป้องพักตร์ปิ่นปักผม | ดูสวยสมคมคายคล้ายกับสาว |
พระธำมรงค์ทรงสลับวะวับวาว | ดูพลอยพราวนิ้วพระหัตถ์จัดประจง |
ครั้นเสร็จสรรพจับกระบี่แล้วลีลาศ | ยุรยาตรเยื้องย่างดังนางหงส์ |
เห็นไพร่พร้อมน้อมประณตขึ้นรถทรง | ดำเนินธงทัพละหมื่นเสียงครื้นครึก |
ลาลีวันนั้นกำกับกองทัพหน้า | ยกโยธาโห่ร้องเสียงก้องกึก |
ทัพยุพาคลาเคลื่อนสะเทือนสะทึก | ทหารฮึกโหมแห่เซ็งแซ่ซ้อง |
ถึงทัพกลางนางละเวงเสียงเครงครื้น | ม้าลาตื่นแตกเต้นเผ่นผยอง |
แล้วทัพหลังนางรำภารถาทอง | รีบเดินกองทัพหลามไปตามกัน |
ทั้งหน้าหลังสังข์แตรเป่าแห่โหม | กลองประโคมครื้นป่าพนาสัณฑ์ |
ค้างคืนหนึ่งถึงเขาเจ้าประจัญ | ลาลีวันทัพหน้าปัญญาไว |
ร้องเรียกคนบนเชิงเทินเนินหอรบ | มานอบนบอยู่ตรงหน้านางปราศรัย |
จงเปิดรับทัพเสด็จจะด่วนไป | ช่วยชิงชัยให้แผ่นดินสิ้นสงคราม ฯ |
๏ ฝ่ายขุนนางต่างว่าข้าพเจ้า | จะรับเล่าเกรงผิดให้คิดขาม |
จะบอกไปให้ทูลมูลความ | คอยฟังตามแต่รับสั่งโปรดรั้งรอ |
นางลาลีชี้หน้าด่าอำมาตย์ | หัวจะขาดญาติเชื้อไม่เหลือหลอ |
แค้นลูกเต้าเมามุมึงยุยอ | ให้สู้พ่อสู้แม่ถือแต่ดี |
ฝ่ายพระบาทมาตุรงค์พระทรงยศ | ถอดโอรสรับบำรุงชาวกรุงศรี |
ลูกเมียมึงซึ่งอยู่ในบูรี | โทษจะมีเพราะมึงขัดพระอัชฌา |
ส่วนฝรั่งทั้งหลายนายทหาร | เห็นเสียการเกิดไส้ศึกต่างปรึกษา |
ขุนนางเก่าเข้าข้างนางวัณฬา | เคยเป็นข้ามาแต่ก่อนไม่ร้อนรน |
เพราะลูกหลานผ่านกรุงทำยุ่งยิ่ง | พลอยฉิบหายชายหญิงทั้งสิงหล |
เปิดทางรับทัพเสด็จให้เดินพล | จึงจะพ้นโทษทั่วทุกตัวนาย |
พวกที่มาสาพิภักดิ์รักโอรส | ว่าแต่แรกแจกบทมีกฎหมาย |
ให้เชื่อฟังบังคับแล้วกลับกลาย | เราเป็นชายควรฟังพระมังคลา |
พระชนนีเป็นวิสัยน้ำใจหญิง | จะทอดทิ้งถอยยศโอรสา |
แล้วทำไมจึงไม่ทวงเอาดวงตรา | มาชิงว่าราชการเปิดด่านทาง |
อำมาตย์เก่าเข้ากันอย่างขันแข็ง | ไล่ฟันแทงทัพปลัดพวกขัดขวาง |
เปิดประตูดูทัพคอยรับนาง | ฝ่ายพวกข้างมังคลาไล่ฆ่าฟัน |
ขุนนางเก่าบ่าวไพร่พร้อมใจรบ | ต่างหลีกหลบเลี้ยวลัดสะพัดผัน |
ทั้งสองข้างต่างตายล้มก่ายกัน | ลาลีวันขับทหารเข้าราญรอน |
ช่วยขุนนางต่างก็เปิดประตูรับ | ทั้งหน้าหลังคั่งคับสลับสลอน |
พวกมังคลากล้าหาญเข้าราญรอน | จนเหนื่อยอ่อนออกประตูบูรพา |
พวกเกลี้ยกล่อมยอมสมัครล้วนรักเจ้า | ต่างหนีเข้าเขาไม้ไพรพฤกษา |
พอทัพหลังนางวัณฬารำภาผกา | ตามทัพหน้ามาถึงเขาเจ้าประจัญ |
นางลาลีดีใจออกไปรับ | ทั้งสามทัพขับพหลพลขันธ์ |
เข้าอาศัยที่ในด่านปราการกัน | ขึ้นอยู่ชั้นเชิงเทินเนินหอรบ |
แต่งกองร้อยคอยเหตุทุกเขตขอบ | ตระเวนรอบรายกันเที่ยวบรรจบ |
พอมืดมนสนธยาเวลาพลบ | จุดโคมคบเพลิงสว่างดังกลางวัน ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งทั้งหลายนายทหาร | หนีจากด่านดั้นไปในไพรสัณฑ์ |
มาถึงค่ายรายทางกลางอรัญ | ต่างพากันเข้าไปเฝ้าเจ้าลังกา |
กราบทูลความตามที่ชนนีนาถ | มาถอดราชโอรสจากยศถา |
ขุนนางเก่าเขาไม่ขัดพระอัธยา | แต่พวกข้าคนใหม่มิให้รับ |
มันรุมกันฟันแทงทั้งแย้งยุทธ์ | รบจนสุดแรงเรี่ยวเหลือเคี่ยวขับ |
พวกคนใหม่ไพร่นายล้มตายยับ | มันไล่จับกลับพลัดกระจัดกระจาย ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งมังคลานุชาหลาน | เห็นเกิดการเกินคาดประมาทหมาย |
ยิ่งแสนแค้นแสนสลดเหลืออดอาย | มากลับกลายกลางศึกเหลือตรึกตรอง |
แต่พ่อมาราวีแล้วมิหนำ | แม่ยังซ้ำทำเข็ญให้เป็นสอง |
เหลือดีแท้แม่พ่อเราหนอน้อง | จะรับรองรบราญประการใด ฯ |
๏ วลายุดาวายุพัฒน์คิดขัดขวาง | แค้นสี่นางอย่างว่าเลือดตาไหล |
สะอื้นอั้นตันตึงตะลึงตะไล | พอม้าใช้ชาวด่านดงตาลมา |
กราบทูลความตามรับทัพผลึก | ขังข้าศึกไว้ในค่ายทั้งซ้ายขวา |
ถึงแปดทัพกลับคืนฟื้นกายา | ยังกลับมารายล้อมป้อมปราการ |
พระหัสกันนั้นกำกับกองทัพรบ | หลายตลบเหลือกำลังทั้งทหาร |
ส่วนข้าศึกฮึกโหมเข้าโรมราญ | ขอประทานทัพสมทบช่วยรบรับ ฯ |
๏ พระมังคลาฝรั่งได้ฟังบอก | พูดไม่ออกอั้นอารมณ์จนลมจับ |
เอนอิงหมอนอ่อนท้อพระศอพับ | พระน้องรับกับหลานอยู่งานพลาง |
ร้องเรียกหมอรอลมยาดมรื่น | ฝืนสะอื้นอกอัดลมขัดขวาง |
กลับทอดองค์ลงประชวรคร่ำครวญคราง | พวกขุนนางต่างก็มาพยาบาล |
พยุงให้ไสยาสน์บนอาสน์อ่อน | ต่างทุกข์ร้อนสอนห้ามปรามทหาร |
อย่าให้ใครพูดจาพระอาการ | สั่งนายด่านนอกในตรวจไพร่พล ฯ |
๏ ฝ่ายฝรั่งมังคลานิทราตรึก | ถึงการศึกนึกจะชิงเอาสิงหล |
อุสาห์ฝืนขืนกำลังประทังทน | พวกหมอฝนยาถวายละลายสุรา |
เสวยเหล้าเมามายพอคลายทุกข์ | ทำผาสุกสรวลสันต์เหมือนหรรษา |
เชิญผู้รู้ผู้วิเศษเวทวิชา | มาพูดจาแจ้งเรื่องเคืองรำคาญ |
พระมาตุรงค์ลงมาเป็นข้าศึก | สมทบกับทัพผลึกเห็นฮึกหาญ |
ท่านโปรดด้วยช่วยคิดกิจการ | เอาถิ่นฐานที่ตั้งเมืองลังกา ฯ |
๏ ส่วนผู้รู้ผู้วิเศษเห็นเหตุใหญ่ | ผิดวิสัยในมนุษย์สุดอาสา |
จะสู้พ่อต่อต้านผลาญมารดา | จะนินทาทั่วจังหวัดปัถพี |
จึงทูลห้ามตามอย่างแต่ปางก่อน | อันบิดรมารดาเป็นราศี |
ไม่ควรรบนบนอบจึงชอบที | คงคืนดีด้วยพระองค์อย่าสงกา |
จะรบพุ่งมุ่งหมายทำลายล้าง | ผิดเยี่ยงอย่างควรจำบาปกรรมหนา |
ทุกแว่นแคว้นแดนดินจะนินทา | แม้คิดฆ่าแม่พ่อเหมือนทรยศ |
แม้ว่าพระจะกำจัดที่สัตว์บาป | จะอยู่ด้วยช่วยบำราบปราบให้หมด |
แต่พระบิตุราชมาตุรงค์พระจงงด | ควรจะทดแทนคุณอย่าวุ่นวาย ฯ |
๏ พระฟังคำร่ำเรื่องคิดเคืองขัด | ก็กริ้วตรัสกลบเกลื่อนที่เงื่อนสาย |
ดูดู๋ผู้วิเศษผิดเพศชาย | ที่ดีร้ายก็ย่อมรู้อยู่ด้วยกัน |
เรารบรับกับพาราการะเวก | เพราะเพชรเอกเอามาไว้ไอศวรรย์ |
พระบิตุราชมาตุรงค์เผ่าพงศ์พันธุ์ | ไม่เที่ยงธรรม์ไต่ถามตามโบราณ |
มารบรุมคุมเหงเองก็รู้ | ให้ศัตรูดูถูกล้างลูกหลาน |
ซึ่งผู้ใหญ่ไม่ตรงผลาญวงศ์วาน | แต่โบราณมีบ้างหรืออย่างนี้ |
เหมือนพวกมึงพึ่งพาเข้ามาอยู่ | คิดว่าผู้วิเศษเป็นเปรตผี |
ให้แพ้เขาเอาสิเหวยเฮ้ยเสนี | จับอ้ายสี่คนจำตรากตรำไว้ |
ได้ฤกษ์ทัพจับมัดตัดศีรษะ | จะชนะสงครามตามวิสัย |
ตำรวจรับจับตัวจิกหัวไป | โซ่ตรวนใส่เต็มตัวทั่วทุกคน |
ครั้นเสร็จสรรพกลับดูผู้วิเศษ | หายจากเขตตามจับวิ่งสับสน |
ไม่พบเห็นเป็นเหตุด้วยเวทมนตร์ | แล้วต่างคนเข้าไปทูลมูลความ |
พระมังคลาอาลัยกลับได้คิด | ทำความผิดผู้วิเศษนึกเข็ดขาม |
ยิ่งมานะจะณรงค์ทำสงคราม | จึงสั่งความหมื่นขุนพวกมุลนาย |
จงพาคนพลไพร่ลอบไปเข้า | พวกด่านเขาเจ้าประจัญเหมือนมั่นหมาย |
ยกไปตีทีจะได้ด้วยง่ายดาย | แล้วสั่งฝ่ายน้องหลานคิดอ่านกัน |
แม้นพวกเราเข้าได้เป็นไส้ศึก | เวลาดึกเดินพหลพลขันธ์ |
ตีด้านใต้ไล่ประชิดตามติดพัน | เข้าเขตขัณฑ์คืนเอาวังเมืองลังกา ฯ |
๏ ส่วนขุนนางต่างรับคำนับน้อม | มาจัดพร้อมไพร่นายทั้งซ้ายขวา |
ไปด่านเขาเจ้าประจัญตามบัญชา | ต่างเข้าหาพวกพ้องพี่น้องกัน |
พาเข้าเฝ้าเยาวมาลย์สงสารไพร่ | ให้รับไว้ไม่รังเกียจคิดเดียดฉันท์ |
แล้วนางนาฏมาตุรงค์สามองค์นั้น | ปรึกษากันแต่งสารเตรียมการไว้ |
ให้ม้าใช้ไปหาเจ้าวาโหม | พูดเล้าโลมเล่าแจ้งแถลงไข |
บอกเรื่องความตามกษัตริย์หัสไชย | รับสั่งให้ไปเฝ้าพระเสาวนีย์ ฯ |
๏ ฝ่ายวาโหมโสมนัสไม่ขัดขวาง | ทรงเครื่องอย่างยศศักดิ์เหมือนปักษี |
แล้วขึ้นนั่งหลังแรดเรียกมนตรี | ตามแต่สี่คนมากับม้าใช้ |
ถึงด่านเขาเจ้าประจัญพากันเข้า | ไปที่เฝ้านางวัณฬาอัชฌาสัย |
ดูรูปกายคล้ายครุฑวุฒิไกร | ทั้งสูงใหญ่จ้ำม้ำเหมือนน้ำรัก |
จึงออกโอษฐ์โปรดประทานพานพระศรี | ให้นั่งที่โอรสสมยศศักดิ์ |
พระแย้มยิ้มพริ้มพรายภิปรายทัก | เจ้ารู้จักกันไว้ได้ไปมา |
พระหัสไชยให้ถือหนังสือลับ | ไปกองทัพทูลพระบาทนาถนาถา |
พลางให้สารพานทองรองสารา | ส่วนเจ้าวาโหมรับคำนับนาง |
แล้วทูลว่าถ้าพระองค์ประสงค์ไฉน | บัญชาใช้สารพัดไม่ขัดขวาง |
แล้วกราบกรานคลานออกมาพาขุนนาง | ตัดไปทางด่านบ้านสะพานยนต์ |
ให้เสนาการะเวกระวังด่าน | คุมทหารอยู่รับทัพสิงหล |
แล้วขึ้นนั่งหลังแรดบ่าวแปดคน | ข้ามเขาด้นเดินทางตามหว่างเนิน ฯ |
๏ ฝ่ายกษัตริย์หัสไชยฤทัยชื่น | ทุกค่ำคืนเคียงนางไม่ห่างเหิน |
สุมาลีมิได้ห้ามปล่อยตามเกิน | ร่ำสรรเสริญเพลินตรัสกับหัสไชย |
สู้อุส่าห์มาตามด้วยความรัก | สงสารนักภักดีจะมีไหน |
เมื่อกองทัพจับมาแม่อาลัย | พ่อเคยได้อยู่ด้วยช่วยชีวา |
รบฝรั่งครั้งแรกเมื่อแตกทัพ | ได้รอดกลับเพราะพ่อคุณบุญหนักหนา |
เดี๋ยวนี้เล่าเขาขังไว้ลังกา | พ่อตามมาแม่หมายไม่วายวาง |
พ่อรักใคร่ใจจริงไม่ทิ้งสัตย์ | พ่อปรารถนาสารพัดไม่ขัดขวาง |
ตรัสจนค่ำย่ำฆ้องมาห้องกลาง | แต่สองนางพี่น้องอยู่ห้องใน |
กับทั้งหน่อวรนาถร่วมอาสน์รัตน์ | นั่งนวดพัดพี่ยาอัชฌาสัย |
ต่างพูดพลอดกอดรัดพระหัสไชย | พระลูบไล้โลมประคองเคียงสองนาง |
ถนอมเชยเคยชมโสมนัส | ยังข้องขัดอยู่นิดด้วยกีดขวาง |
ที่ความในให้เผอิญเขินระคาง | ด้วยพี่น้องสองนางไม่ห่างไกล |
พระแกล้งเฉยเลยหลับนิ่งตรับเสียง | เงียบสำเนียงนึกว่าหลับขยับไหว |
จะโลมพี่มิทันต้องนางน้องไอ | พระตกใจจำค้างคิดหมางเมิน |
ครั้นพี่หลับกลับประคองเคียงน้องสาว | พอพี่หาวหันจามก็ขามเขิน |
แต่เคล้าเคล้นเล่นนอกเฝ้าหยอกเอิน | ไม่ห่างเหินเพลินพระทัยเมื่อไสยา |
ยามกลางวันนั้นไปตรวจหมวดทหาร | ป้อมปราการไพร่นายทั้งซ้ายขวา |
แล้วหยุดยั้งนั่งประทับบนพลับพลา | พระตรึกตราตรองความถึงทรามเชย |
จะผ่อนผันฉันใดไฉนหนอ | มาคร่อมตอเสียอย่างนี้เจ้าพี่เอ๋ย |
ถึงร่วมเตียงเคียงใกล้เมื่อไรเลย | จะได้เชยชมชิดสนิทใน |
คะนึงความยามรักยิ่งหนักอก | เหมือนอย่างยกเมรุมาศไม่หวาดไหว |
หวนระลึกนึกสะท้อนถอนฤทัย | เสด็จไปปรางค์มาศปราสาททอง |
ระทวยองค์ลงบนแท่นแสนระทด | นางประณตแนบนั่งอยู่ทั้งสอง |
พระพาดพิงอิงเอียงเคียงประคอง | ต่างยิ้มย่องยียวนรัญจวนใจ ฯ |
๏ ส่วนวาโหมโสมนัสเดินดัดดั้น | จากด่านชั้นเชิงเทินเนินไศล |
พอพ้นดงตรงมาชลาลัย | ถึงเมืองใหม่รู้ว่าไปป่าตาล |
รีบติดตามสามคืนถึงค่ายตั้ง | เข้าไปนั่งน้อมกายถวายสาร |
พระอภัยได้หนังสือรื้อรำคาญ | คลี่ออกอ่านอักขระดูฉะฟัน ฯ |
๏ ในสาราว่าละเวงกลัวเกรงกราบ | อิสรภาพจอมวังนรังสรรค์ |
ด้วยโอรสยศยงเผ่าพงศ์พันธุ์ | ไม่เหมือนกันกับฝรั่งทั้งลังกา |
จะเหมือนใครก็ไม่ทราบทำหยาบหยาม | เที่ยวลวนลามญาติวงศ์เผ่าพงศา |
ไปตีทัพจับกษัตริย์ขัตติยา | มากักขังยังแต่ว่าจะฆ่าฟัน |
ตามไปขอก็ไม่ให้ใช้ทหาร | ออกรอนราญเข่นฆ่าคนอาสัญ |
ได้สองท้าวสาวสุรางค์พี่นางนั้น | กับสร้อยสุวรรณจันทร์สุดามาธานี |
ถนอมไว้ในวังที่บังร่ม | ทั้งแดดลมมิได้ต้องให้หมองศรี |
จะรีบส่งนงลักษณ์ด้วยภักดี | มันคอยตีตัดทางอยู่กลางไพร |
จึงจนจิตคิดสงสารพระผ่านเกล้า | จะเปลี่ยวเปล่าเศร้าหมองไม่ผ่องใส |
เพราะลูกเต้าเจ้ากรรมให้ช้ำใจ | ช่างกระไรไม่เหมือนแม่แต่สักคน |
จึงขัดขวางทางเดินต้องเนิ่นช้า | จะไปมาสารพัดก็ขัดสน |
ต่อหัสไชยไปแถลงแจ้งยุบล | จึงทราบว่าฝ่ายุคลคุมพลมา |
ความยินดีที่ว่าจะพึ่งพระเดช | ช่วยโปรดเกศแก้คดโอรสา |
จะสั่งสอนผ่อนผันสุดปัญญา | จึงยกมาหมายจะจับช่วยสับฟัน |
พวกฝรั่งมังคลารักษาด่าน | ออกต่อต้านทานรับที่คับขัน |
สุลาลีตีได้เขาเจ้าประจัญ | เข้าตั้งมั่นกั้นหลังข้างลังกา |
ขอพระองค์จงเข้าตีตัดศีรษะ | เป็นของพระบิตุราชนาถนาถา |
อันพวกพ้องของหม่อมฉานเป็นมารดา | จะแล่ผ่าอกล้วงเอาดวงใจ |
จะได้ส่งองค์พระมเหสี | คืนบุรีร่วมห้องให้ผ่องใส |
ข้าทั้งสี่นี้จะช่วยกันอวยชัย | สิ้นห่วงใยอยู่ประสาเป็นนารี ฯ |
๏ พอจบคำรำพันเหลือกลั้นสรวล | ฟังสำนวนรู้เล่ห์มเหสี |
พระอนุชาว่าถึงหึงก็ดี | ไม่เหมือนพี่นางผลึกเหลือครึกโครม |
ต่างแย้มสรวลชวนสบายพอคลายจิต | แล้วทรงฤทธิ์ตรึกตราสั่งวาโหม |
ไปอยู่กำกับทัพพาราวาหุโลม | คอยรุมโรมรบระวังข้างลังกา |
วาโหมรับอภิวันท์แล้วผันผาย | ทั้งบ่าวนายรีบเดินตามเนินผา |
พระอภัยให้พระอนุชา | เป็นทัพหน้าพาทหารเข้าราญรอน |
สินสมุทรให้กำกับกองทัพหนุน | ล้วนหนุ่มรุ่นราญศึกเคยฝึกสอน |
เสาวคนธ์มณฑาสุดสาคร | คุมนิกรเกียกกายตั้งรายเรียง |
ได้ฤกษ์ดีตีฆ้องฆาตกลองศึก | ทหารฮึกโห่ลั่นสนั่นเสียง |
ต่างขับไพร่ไล่ล้อมเข้าพร้อมเพรียง | ฝรั่งเรียงรายทัพออกรับรบ |
เจ้าหัสกันนั้นเป็นหนุ่มคุมทหาร | เกณฑ์ละหม่านห้าพันเข้าบรรจบ |
ทั้งกองร้อยคอยระดมช่วยสมทบ | ออกตั้งรบรับกันประจัญบาน ฯ |
๏ ฝ่ายบุตรพราหมณ์ตามติดพระกฤษณา | ขับโยธารมจักรเข้าหักหาญ |
ต่างแหกค่ายไล่บุกเข้ารุกราน | ฝรั่งต้านต่อแย้งทิ่มแทงฟัน |
ทั้งสองฝ่ายตายล้มพวกรมจักร | ยิ่งหนุนหนักหักโหมโถมถลัน |
ผลาญฝรั่งทั้งหลายวายชีวัน | หัสกันกระชั้นทัพเข้ารับรบ |
พวกละหม่านหาญกล้าต้องอาวุธ | ล้มแล้วผุดลุกอีกไม่หลีกหลบ |
ไล่โยธีตีกลมล้มกระทบ | ต่างถอยรบรับปืนเสียงครื้นครึก |
พวกฟันเสี้ยมเหี้ยมห้าวถือหลาวแหลน | ทะลวงแล่นไล่ล้างมากลางศึก |
เป็นกลุ่มกลมรมจักรแตกคักคึก | ทัพผลึกไล่ทหารเข้าราญรอน |
สินสมุทรขับสิงห์วิ่งกระโดด | ทะลวงโลดไล่ละหม่านชาญสมร |
บ้างรบรับจับกุมตะลุมบอน | สุดสาครเสาวคนธ์ช่วยพลรบ |
บ้างรุกโรมโหมหักยักษ์ละหม่าน | บ้างต่อต้านตายยับซับซ้อนศพ |
เจ้าหัสกันหันกลับขับสินธพ | ทหารหลบล้มตายแตกพรายพลัด |
พลผลึกครึกโครมไล่โหมหัก | ทั้งรมจักรพรักพร้อมล้อมสกัด |
นางเสาวคนธ์วนเที่ยวไล่เลี้ยวลัด | พอเห็นหัสกันบุตรสุดสาคร |
นางควบสิงห์วิ่งขวางหนทางถาม | ตัวนายนามใดบอกอย่าหลอกหลอน |
แม้บุตรลาลีวันเป็นมารดร | จะหยุดหย่อนยังไม่ล้างให้วางวาย |
หัสกันนั้นเห็นว่าเป็นหญิง | ยืนม้านิ่งดาลเดือดไม่เหือดหาย |
มาหมิ่นกูดูถูกลูกผู้ชาย | นี่ดีร้ายเสาวคนธ์สุมณฑา |
จึงย้อนถามนามนางบอกบ้างก่อน | สุดสาครเขาเป็นผัวหรือมัวหา |
พลางหุนหันฟันฟาดด้วยสาตรา | นางล่อล่าลวงให้เลี้ยวไล่ทัน |
หวดด้วยทวนม้วนคว่ำเอาด้ามฟาด | ถูกแพลงพลาดพลิกพลัดต่างผัดผัน |
ขับม้าวิ่งสิงห์สกัดจับหัสกัน | พัลวันเวียนปนพลรบ |
สินสมุทรสุดสาครไล่ต้อนหลัง | ฟันฝรั่งตายยับกลับตลบ |
หัสกันนั้นลงวิ่งทิ้งสินธพ | พอค่ำพลบรบรุมตะลุมบอน |
อ่อนระอาพาไพร่เข้าในด่าน | บ้างเซซานซ้อนซับสลับสลอน |
มิทันสิ้นสินสมุทรสุดสาคร | ไล่ตีต้อนเข้าไปในกำแพง |
กองทัพหน้าพาทหารเข้าด่านได้ | จุดคบไฟเพลิงสว่างกระจ่างแสง |
เห็นตะคุ่มรุมกันไล่ฟันแทง | สกัดสแกงฆ่าฝรั่งพวกลังกา |
ฝ่ายกองล้อมป้อมหอรบต่างหลบวิ่ง | เห็นจวนจริงโจนกำแพงเสียแข้งขา |
หัสกันนั้นผู้รู้วิชา | พาขึ้นม้าฝ่าฟันป้องกันไป |
เปิดประตูพรูออกได้นอกด่าน | ต่างลนลานเลี้ยววงเวียนหลงใหล |
หัสกันนั้นพาพวกข้าไท | รีบตรงไปเฝ้าพระมังคลา |
ส่วนกองทัพพระอภัยเข้าในด่าน | พร้อมทหารไพร่นายทั้งซ้ายขวา |
หยุดเลี้ยงดูหมู่หมวดต่างตรวจตรา | กินเหล้ายาฮาลั่นสนั่นไป ฯ |
๏ ฝ่ายพระอนุชนัดดาพาทหาร | เข้าตีด่านเจ้าประจัญเสียงหวั่นไหว |
พวกไส้ศึกครึกครื้นจุดฟืนไฟ | เปิดด่านให้ทัพล้อมเข้าพร้อมเพรียง |
ฝ่ายโฉมยงองค์วัณฬารำภาสะหรี | กับบุตรีหนีเพลิงลงเชิงเฉลียง |
ขึ้นทรงม้าพาขอเฝ้าเหล่าพี่เลี้ยง | รีบหลีกเลี่ยงหลบออกนอกกำแพง |
พบโยธาวายุพัฒน์สกัดกั้น | พวกลังกาฝ่าฟันล้วนขันแข็ง |
ต่างพุ่งหอกกลอกทวนเข้าสวนแทง | ถูกเลือดแดงดื่นตายลงก่ายกัน |
นางละเวงเกรงศึกเห็นดึกดื่น | พวกพลตื่นแตกไปในไพรสัณฑ์ |
ชวนรำภาผกาสุลาลีวัน | ขับม้าดั้นด้นทางมากลางคืน |
เหลือพวกพลคนตามสามสี่ร้อย | ต่างคอยค่อยบุกป่าไม่ฝ่าฝืน |
เสียงทัพไล่ใกล้กระชั้นโห่ครั่นครื้น | พากันตื่นตัดทางไปกลางดง |
พอเดือนดับลับฟ้าในป่ามืด | เดินเป็นยืดชักเพื่อนฟั่นเฟือนหลง |
เห็นรางรางนางวัณฬาขับม้าทรง | วกเลี้ยวลงไปทางบ้านสะพานยนต์ ฯ |
๏ ฝ่ายวลายุดาเจ้าวายุพัฒน์ | ต่างรีบรัดจะไปชิงเอาสิงหล |
ให้จุดคบครบทั่วทุกตัวคน | ออกเดินพลทัพละหมื่นเสียงครื้นเครง |
พบพวกหมอขอเฝ้าคนเฒ่าแก่ | ริบเอาแต่ผ้าห่มทำข่มเหง |
บ้างถอดเครื่องเปลื้องทั้งเสื้อกังเกง | ต่างเท้งเต้งเที่ยวตะโกนเดินโดนกัน |
ด้วยพลพระชนนีถึงสี่หมื่น | ล้มตายดื่นดาษป่าพนาสัณฑ์ |
เสียหูตาขาแข้งถูกแทงฟัน | เรียกเพื่อนกันครวญครางอยู่กลางแปลง |
ฝ่ายวลาวายุพัฒน์เร่งรัดไพร่ | จุดคบไต้ตามทางสว่างแสง |
ทั้งคนม้าล้าเลื่อยด้วยเหนื่อยแรง | อุส่าห์แข็งใจตามกันหลามไป ฯ |
๏ ฝ่ายโยธาการะเวกวาโหมพร้อม | รักษาป้อมปิดทางที่หว่างไศล |
สืบเรื่องราวข่าวฝรั่งระวังระไว | พอม้าใช้มาแถลงแจ้งคดี |
ว่ากองทัพพระอภัยตีได้ด่าน | พวกป่าตาลแตกตายพลัดพรายหนี |
พวกหนึ่งมาว่าเมื่อเย็นเห็นโยธี | ยกไปตีด่านเขาเจ้าประจัญ |
จึงแต่งองค์ขึ้นทรงแรดที่นั่ง | ยกพลพรั่งไพร่นายรีบผายผัน |
เข้าหว่างเนินเดินทางกลางอรัญ | พบพวกวัณฬามาในป่ารัง |
เห็นโฉมยงทรงม้าพาทหาร | ก้มกราบกรานทูลถามถึงความหลัง |
นางเทวีดีใจเล่าให้ฟัง | เสียด่านทั้งเสียทัพแทบอับจน |
จะกลับวังลังกาเกรงข้าศึก | จะเหิมฮึกขึ้นไปชิงเอาสิงหล |
ไม่เห็นทางกลางดงเที่ยวหลงวน | ท่านพาพลมาทำไมในไพรวัน ฯ |
๏ วาโหมทูลมูลความตามรับสั่ง | ให้ระวังลังกามหาสวรรค์ |
ทราบว่าศึกฮึกโหมเข้าโรมรัน | จึงพากันรีบมาช่วยราวี |
ซึ่งเสียด่านการศึกจะฮึกโหม | ไปรุกโรมรบพุ่งถึงกรุงศรี |
เชิญกลับยังลังกาพวกข้านี้ | จะภักดีด้วยพระองค์ช่วยสงคราม |
นางดีใจให้ทหารชำนาญป่า | เป็นกองหน้านำเสด็จไม่เข็ดขาม |
พบฝรั่งลังกาพากันตาม | ได้สักสามพันถ้วนรีบด่วนเดิน ฯ |
๏ ฝ่ายหัสกันนั้นพาโยธาหาญ | จากดงตาลตัดทางหว่างเขาเขิน |
ถึงค่ายตั้งมังคลาตรงหน้าเนิน | ลงม้าเดินเข้าไปเฝ้าเจ้าลังกา |
กราบทูลความตามด่านดงตาลแตก | ทหารแยกย้ายไปไพรพฤกษา |
ทัพผลึกฮึกเหิมซ้ำเติมมา | พระมังคลาเหลือวิตกตันอกใจ |
ตะลึงนิ่งอิงองค์ดำรงนั่ง | พอฝรั่งเข้ามาแจ้งแถลงไข |
ว่าองค์พระอนุชานัดดาไป | เข้าตีได้ด่านเขาเจ้าประจัญ |
แล้วยกทัพนับหมื่นเมื่อคืนนี้ | จะรีบตีตามไปไอศวรรย์ |
พระทราบสิ้นยินดีที่สำคัญ | พอยับยั้งตั้งมั่นประจัญบาน |
จะรอรับทัพใหญ่อยู่ในป่า | เราน้อยกว่าข้าศึกจะฮึกหาญ |
แล้วหลีกทัพที่มาแต่ป่าตาล | ไปตั้งด่านเจ้าประจัญที่มั่นคง |
แล้วคิดว่าธานีจะตีได้ | หรือจะไม่เหมือนจิตคิดประสงค์ |
สารพัดขัดขวางอยู่กลางดง | จึงสั่งองค์นัดดาอย่าช้าที |
จงจัดทัพขับไพร่ตามไปด้วย | จะได้ช่วยรบพุ่งเอากรุงศรี |
พอเสร็จตรัสหัสกันอัญชลี | มาเตรียมกรีธาพลสกลไกร |
เกณฑ์โยธาห้าพันล้วนสันทัด | ถือหอกซัดปืนดาบกำซาบไสว |
แล้วแต่งองค์ทรงม้าเคลื่อนคลาไคล | ขับพลไพร่พร้อมเดินขึ้นเนินทราย ฯ |
๏ ฝ่ายทัพพระอนุชาวายุพัฒน์ | ต่างเร่งรัดพลขันธ์รีบผันผาย |
พอพ้นดงลงเนินเดินสบาย | ตะวันบ่ายปลายรังถึงลังกา |
เห็นพวกพลบนเชิงเทินเนินหอรบ | อาวุธครบไพร่นายรายรักษา |
จึงหยุดทัพยับยั้งรอรั้งรา | ขับม้ามาหน้ากำแพงแจ้งคดี |
พระปิ่นเกล้าเจ้าลังกาบัญชาใช้ | ให้คุมไพร่มาบำรุงชาวกรุงศรี |
เร็วเร็วเถิดเปิดประตูพระบูรี | อย่าช้าทีโทษมึงจะถึงตาย ฯ |
๏ ฝ่ายนายกองร้องว่าพระมาตุรงค์ | มิให้องค์โอรสถือกฎหมาย |
พระหัสไชยได้ตราว่าไพร่นาย | อย่าใกล้กรายกลับไปเสียให้พ้น |
พระอนุชาว่าภิเษกเอกโอรส | ย่อมรู้หมดชายหญิงทั้งสิงหล |
ให้พราหมณ์แขกแปลกภาษาเข้ามาปน | จะพาพลไพร่นายวายชีวัน |
เหวยฝรั่งพรั่งพร้อมจงยอมเข้า | ด้วยปิ่นเกล้าเจ้าลังกานราสรรค์ |
ช่วยกันมัดหัสไชยพร้อมใจกัน | จะรางวัลเงินทองที่ต้องใจ ฯ |
๏ ฝ่ายขุนนางต่างเมินแกล้งเดินหนี | พวกชาวที่ทูลแจ้งแถลงไข |
เขาวุ่นวายฝ่ายกษัตริย์หัสไชย | ไม่ห่างไกลสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา |
อยู่ในห้องสองนางเคียงข้างที่ | พูดเซ้าซี้สรวลสันต์ด้วยหรรษา |
พระชวนน้องสององค์ทรงสกา | ทอดหกห้าหูช้างได้ข้างซ้าย |
นางทอดถูกลูกบาศก์เดินพลาดแต้ม | ต้องปรับแถมทับเบี้ยต้องเสียหาย |
ต้องถูกจูบลูบแก้มยิ้มแย้มพราย | พอขรัวนายเข้ามาทูลมูลความ |
ว่ากองทัพคับคั่งมาตั้งล้อม | ดูพรั่งพร้อมไพร่พลออกล้นหลาม |
พระหัสไชยไม่พรั่นคิดครั่นคร้าม | ทูลลาสามกษัตริย์สองพระน้องนาง |
พี่จะไปไล่ฆ่าอ้ายฝรั่ง | อยู่ในวังเถิดน้องอย่าหมองหมาง |
พลางจัดแจงแต่งองค์ทรงสำอาง | ทั้งสองนางนั่งพัดพระหัสไชย ฯ |
๏ พระสอดซับสนับเพลาเนากระหนก | ทรงผ้ายกแย่งทองผุดผ่องใส |
คาดเข็มขัดรัดหน่วงขัดควงไก | แล้วสอดใส่เสื้อสวมเกราะนวมทับ |
สังวาลแววแก้ววาวดังดาวช่วง | ใส่ทับทรวงสายสร้อยพลอยประดับ |
ทองพระกรชัชวาลผูกบานพับ | มงกุฎเก็จเพชรสลับดูวับวาม |
ธำมรงค์ทรงรายพรายพระหัตถ์ | พระขรรค์ขัดเอวเสร็จไม่เข็ดขาม |
สองน้องนุชยุดไว้วอนไปตาม | กับทั้งสามกษัตริย์ปลอบหัสไชย |
ขอไปด้วยช่วยรับทัพฝรั่ง | อยู่ในวังยังให้พรั่นประหวั่นไหว |
พระทูลทัดตรัสห้ามสองทรามวัย | อย่าตามไปให้ระวังเป็นกังวล |
แล้ววอนน้องสองนางให้วางหัตถ์ | ต่างองค์ช่วยอวยสวัสดิ์พิพัฒน์ผล |
พระรับพรถอนฤทัยจากไพชนต์ | ขึ้นตรวจพลบนเชิงเทินเที่ยวเดินกราย ฯ |
๏ เห็นฝรั่งตั้งทัพอยู่คับคั่ง | ยิ่งคิดชังดุเดือดไม่เหือดหาย |
จึงเลือกสรรบรรดาเสนานาย | เป็นเกียกกายซ้ายขวากล้าสงคราม |
ให้คุมคนพลรบพอครบหมื่น | ต่างเริงรื่นรับเสด็จไม่เข็ดขาม |
กับเสนีที่สนิทเคยติดตาม | ได้ฤกษ์ยามยกออกนอกกำแพง |
พระทรงนั่งหลังสิงห์กั้นกลิ้งกลด | เผ่นพยศแยกเขี้ยวเสียวแสยง |
สี่เท้าเต้นเล่นหางมากลางแปลง | ทหารแซงซ้ายขวาแกว่งอาวุธ |
วลายุดาวายุพัฒน์จัดทหาร | ออกต่อต้านตีทัพสัประยุทธ์ |
ต่างป้องกันฟันแทงต่างแย้งยุทธ์ | อุตลุดตะลุมบอนไล่รอนราญ |
พวกกองทัพคับคั่งประดังรบ | ต่างพุ่งหลบแหลนหลาวฟาดง้าวขวาน |
เข้าต่อแย้งแทงฟันประจัญบาน | ต่างต้านทานหาญฮึกเสียงครึกโครม |
ฝ่ายบุตรท้าวเจ้าพาราการะเวก | ทหารเอกพร้อมพรักเข้าหักโหม |
ไล่ห้ำหั่นฟันฟาดเลือดสาดโซม | ขับสิงห์โถมฆ่าตายเรี่ยรายไป ฯ |
๏ พวกกองทัพยับแยกต่างแตกตื่น | ทั้งสองหมื่นครื้นครั่นเสียงหวั่นไหว |
วิ่งกระจายพรายพลัดพวกหัสไชย | ชวนกันไล่ลัดแลงทิ่มแทงฟัน |
พระหัสไชยไล่วลาวายุพัฒน์ | ต่างเลี้ยวลัดสะบัดเวียนวนเหียนหัน |
พระตามติดคิดว่าจะฆ่าฟัน | เป็นพงศ์พันธุ์พี่ยาสุดสาคร |
นึกเกรงใจด้วยไม่ควรพอจวนค่ำ | จะต้องทำมันเสียมั่งเหมือนสั่งสอน |
พลางควบสิงห์วิ่งทะยานเข้าราญรอน | อัสดรโดดหนีไล่ตีรัน |
ถูกวลาวายุพัฒน์ต่างพลัดตก | น้ำตาซกซบหน้าเพียงอาสัญ |
พระยืนดูอยู่ตรงหน้าไม่ฆ่าฟัน | แกล้งเย้ยหยันเยาะว่าช่างน่าอาย |
ยังอ่อนแอแม่พ่อก็ต่อสู้ | ตีเมืองกูรวบริบเอาฉิบหาย |
หือรือโหดโทษมึงจะถึงตาย | แต่กูอายแก่ใจจึงไว้มือ |
ส่วนสององค์ฝืนกำลังขึ้นหลังม้า | กระซิบว่าแต่เบาเบาเอาเถิดหรือ |
พึ่งแรกรุ่นฉุนใจดังไฟฮือ | ขับม้ารื้อรำทวนเข้าสวนแทง |
พระหัสไชยไวว่องปัดป้องปิด | ไล่ตามติดโรมรันด้วยขันแข็ง |
วลายุดาวายุพัฒน์หลบลัดแลง | ต่างพลัดแพลงพลบค่ำถูกซ้ำเติม |
พวกตามไล่ไต้คบจุดรบศึก | บ้างแทงฟันครั่นครึกต่างฮึกเหิม |
พวกทัพหลังทั้งปวงข้าหลวงเดิม | ขับพลเพิ่มเสริมไล่ล้างไพรี ฯ |