- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๔๔)
- คำนำ (พ.ศ. ๒๕๒๙)
- คำนำเมื่อพิมพ์ครั้งแรก
- ประวัติสุนทรภู่
- บันทึกเรื่องผู้แต่งนิราศพระแท่นดงรัง
- อธิบาย ว่าด้วยเรื่องพระอภัยมณีของสุนทรภู่
- ปกิรณะกะประวัติของสุนทรภู่
- ตอนที่ ๑ พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเรียนวิชา
- ตอนที่ ๒ นางผีเสื้อลักพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๓ ศรีสุวรรณเข้าเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๔ ศรีสุวรรณพบนางเกษรา
- ตอนที่ ๕ ศรีสุวรรณเกี้ยวนางเกษรา
- ตอนที่ ๖ ศรีสุวรรณรบท้าวอุเทน
- ตอนที่ ๗ ศรีสุวรรณพยาบาลนางเกษรา
- ตอนที่ ๘ อภิเษกศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๙ พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ
- ตอนที่ ๑๐ พระอภัยได้นางเงือก
- ตอนที่ ๑๑ นางสุวรรณมาลีไปเที่ยวทะเล
- ตอนที่ ๑๒ พระอภัยมณีพบนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๓ พระอภัยมณีโดยสารเรือนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๑๔ พระอภัยมณีเรือแตก
- ตอนที่ ๑๕ สินสมุทรโดยสารเรือโจรสุหรั่ง
- ตอนที่ ๑๖ สินสมุทรพบศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๑๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๑๘ พระอภัยมณีโดยสารเรืออุศเรน
- ตอนที่ ๑๙ พระอภัยมณีพบศรีสุวรรณกับสินสมุทร
- ตอนที่ ๒๐ สินสมุทรรบกับอุศเรน
- ตอนที่ ๒๑ พระอภัยมณีเกี้ยวนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๒ พระอภัยมณีครองเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี
- ตอนที่ ๒๔ กำเนิดสุดสาคร
- ตอนที่ ๒๕ สุดสาครเข้าเมืองการะเวก
- ตอนที่ ๒๖ อุศเรนตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๗ เจ้าละมานตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๒๘ สุดสาครตามพระอภัยมณี
- ตอนที่ ๒๙ ศึกเก้าทัพตีเมืองผลึก
- ตอนที่ ๓๐ พระอภัยมณีตีเมืองใหม่
- ตอนที่ ๓๑ พระอภัยมณีพบนางละเวง
- ตอนที่ ๓๒ ศรีสุวรรณอาสาตีด่านดงตาล
- ตอนที่ ๓๓ ย่องตอดสะกดทัพ
- ตอนที่ ๓๔ นางละเวงคิดหย่าทัพ
- ตอนที่ ๓๕ พระอภัยติดท้ายรถ
- ตอนที่ ๓๖ พระอภัยมณีทำผูกคอตายได้นางละเวง
- ตอนที่ ๓๗ ศรีสุวรรณกับสินสมุทรถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๓๘ นางสุวรรณมาลีข้ามไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ
- ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์
- ตอนที่ ๔๑ นางสุวรรณมาลีหึงหน้าป้อม
- ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
- ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม
- ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี
- ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขุดโคตรเพชร
- ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง
- ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุทร
- ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
- ตอนที่ ๔๙ นางเสาวคนธ์แปลงเป็นฤๅษี
- ตอนที่ ๕๐ นางเสาวคนธ์ได้เมืองวาหุโลม
- ตอนที่ ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์
- ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์
- ตอนที่ ๕๓ มังคลาครองเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
- ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
- ตอนที่ ๕๗ สุดสาครรบมังคลา
- ตอนที่ ๕๘ นางละเวงวัณฬาช่วยนางสุวรรณมาลีแลท้าวทศวงศ์
- ตอนที่ ๕๙ พระอภัยมณีศรีสุวรรณไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๐ พระอภัยมณีรบกับมังคลา
- ตอนที่ ๖๑ สังฆราชบาทหลวงเผาเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๒ พระอภัยเข้าเมืองลังกา
- ตอนที่ ๖๓ อภิเษกหัสไชย
- ตอนที่ ๖๔ พระอภัยมณีออกบวช
- ตอนที่ ๖๕ พระบาทหลวงพาพระมังคลาหนีทัพไปเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๖๖ วลายุดาครองเมืองสินชัย
- ตอนที่ ๖๗ วายุพัฒน์เป็นอุปราชเมืองเซ็น
- ตอนที่ ๖๘ หัสกันครองเมืองสุลาลัย
- ตอนที่ ๖๙ พระอภัยมณีเยี่ยมศพนางมณฑา
- ตอนที่ ๗๐ พระมังคลายกทัพเรือมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๗๑ นางรำภา นางยุพาผกาและนางสุลาลีวันออกรบ
- ตอนที่ ๗๒ สุดสาคร สินสมุทรรบกับพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๓ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันเข้าเฝ้าศรีสุวรรณ
- ตอนที่ ๗๔ ทัพพันธมิตรเมืองกำพลเพชรยกมาช่วยพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๕ พระมังคลาล่าทัพไปถึงเกาะกาหวี
- ตอนที่ ๗๖ ทหารเมืองกำพลเพชรตามนางกฤษณาพบพระมังคลา
- ตอนที่ ๗๗ พระมังคลาได้นางดวงแขลูกสาวเจ้าเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๗๘ อภิเษกพระกฤษณากับนางเทพินไปครองเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๗๙ วลายุดา วายุพัฒน์และหัสกันลามารดากลับไปเมือง
- ตอนที่ ๘๐ พระมังคลายกทัพเมืองสำปันหนาไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๑ ศรีสุวรรณออกรับศึกพระมังคลา
- ตอนที่ ๘๒ โจรสลัดคุมกำปั่นปล้นเมืองรมจักร
- ตอนที่ ๘๓ ศรีสุวรรณมาช่วยเมืองรมจักรรบโจรสลัด แล้วอภิเษกตรีพลำกับอัมพวันและเทวัญกับนิลกัณฐี
- ตอนที่ ๘๔ พระมังคลากับพระบาทหลวงแตกทัพไปเกลี้ยกล่อมเมืองต่าง ๆ
- ตอนที่ ๘๕ พระมังคลาไปถึงเมืองโรมพัฒน์ได้นางบุษบง
- ตอนที่ ๘๖ พระบาทหลวงกับพระมังคลายกทัพเรือเมืองโรมพัฒน์ไปตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๘๗ สุดสาครทราบข่าวศึก
- ตอนที่ ๘๘ พระมังคลากับพระบาทหลวงตีได้เมืองด่านลังกา
- ตอนที่ ๘๙ ทัพสุดสาครตีทัพพระมังคลาพ่าย จนเทวสินธุ์ตามไปถึงเมืองสำปันหนา
- ตอนที่ ๙๐ ท้าวรายากับพระเทวสินธุ์ไปถึงเมืองกำพลเพชร แล้วยกทัพไปเมืองลังกา
- ตอนที่ ๙๑ หกกษัตริย์ยกทัพมาช่วยเมืองลังกาทำศึก
- ตอนที่ ๙๒ พระบาทหลวงรบศึกหกกษัตริย์จนลมแดงซัดเรือรบพลัดกัน
- ตอนที่ ๙๓ สุดสาครตีเมืองด่านแตก
- ตอนที่ ๙๔ พระเทวสินธุ์พบพระมังคลาจนเจ็ดกษัตริย์เตรียมรบ
- ตอนที่ ๙๕ พระมังคลากับพระบาทหลวงยกทัพเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๙๖ ทัพเจ็ดกษัตริย์ตีทัพพระบาทหลวงแตก
- ตอนที่ ๙๗ พระบาทหลวงเตรียมตีเมืองปากน้ำคืน
- ตอนที่ ๙๘ พระบาทหลวงขับท้าวรายากับนางบุษบงไปจากกองทัพ จนพระมังคลาหนี
- ตอนที่ ๙๙ พระบาทหลวงยกเข้าตีเมืองปากน้ำ
- ตอนที่ ๑๐๐ สินสมุทรตีทัพพระบาทหลวงจนถูกยาเบื่อ
- ตอนที่ ๑๐๑ พระอภัยมณีเยือนลังกา
- ตอนที่ ๑๐๒ พระบาทหลวงปล่อยโคมไฟไปตกเมืองลังกา จนถึงพระอภัยมณีห้ามทัพ
- ตอนที่ ๑๐๓ หกกษัตริย์ตีโต้ทัพพระบาทหลวงล่าไปเมืองปตาหวี
- ตอนที่ ๑๐๔ พระอภัยมณีกลับไปเขาสิงคุตร
- ตอนที่ ๑๐๕ อภิเษกหัสกันกับนางวันชายา
- ตอนที่ ๑๐๖ พระอภัยมณีไปเยี่ยมนางเงือกที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๐๗ พระบาทหลวงเข้าเมืองปตาหวีแล้วตามไปพบพระมังคลาที่เมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๐๘ พระมังคลาและนางบุษบงออกมารับพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๐๙ ท้าวโกสัยบอกพระมังคลาให้รู้อุบายพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๐ พระบาทหลวงตีด่านเมืองกำพลเพชร
- ตอนที่ ๑๑๑ พระมังคลามีสารง้อศรีสุวรรณสุดสาครและสินสมุทร ให้มาช่วยรบพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๒ ทัพพระมังคลารบกับทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๓ ทัพศรีสุวรรณกับสี่กษัตริย์ตีกระหนาบทัพพระบาทหลวง
- ตอนที่ ๑๑๔ ทัพเรือพระบาทหลวงเข้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๕ ศรีสุวรรณกับพวกพาพระมังคลากลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๑๖ ท้าวกุลามาลีได้นางดวงประไพลูกสาวท้าวสินชัยเจ้าเมืองกาศึก
- ตอนที่ ๑๑๗ พระมังคลาไปงานโสกันต์ระเด่นกินเรศ
- ตอนที่ ๑๑๘ เจ้าเมืองปตาหวีพานางดวงประไพกลับเมือง
- ตอนที่ ๑๑๙ สุดสาครไปเยี่ยมนางเงือกและพระฤๅษีที่เกาะแก้วพิสดาร
- ตอนที่ ๑๒๐ สุดสาครกลับเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๒๑ ศรีสุวรรณให้นรินทร์รัตน์ไปครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๒ อภิเษกนรินทร์รัตน์ครองเมืองรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๓ เจ็ดกษัตริย์ยกทัพมาตีเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๔ นรินทร์รัตน์ขอราเมศมาเป็นอุปราชกรุงรัตนา
- ตอนที่ ๑๒๕ นรินทร์รัตน์กับราเมศมาช่วยเมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๖ เจ็ดกษัตริย์ตายสี่หนีสาม
- ตอนที่ ๑๒๗ นรินทร์รัตน์หลงนางเกศพัฒน์เมืองเหมรา
- ตอนที่ ๑๒๘ อภิเษกพระราเมศกับนางดวงประภา
- ตอนที่ ๑๒๙ ภัทวงศ์ไปไหว้เทวรูปจนพบนางเกสรสุมาลัย
- ตอนที่ ๑๓๐ เจ้าเมืองวายุภักษ์ขอนางเกสรสุมาลัยให้ภัทวงศ์
- ตอนที่ ๑๓๑ พระสังฆราชบาทหลวงยกทัพมาตีเมืองลังกา
- ตอนที่ ๑๓๒ ตัดหางสุพรรณมัจฉาแล้วสถาปนาเป็นจันทวดีพันปีหลวง
ตอนที่ ๔๘ นางเสาวคนธ์หนี
๏ จะกลับกล่าวเจ้าพาราการะเวก | หวังภิเษกลูกรักเป็นศักดิ์ศรี |
ด้วยเดือนเจ็ดเสร็จพระอภัยมณี | มาบุรีเริ่มงานการวิวาห์ |
พอเดือนหกตกแรมดำรัสสั่ง | ให้แต่งวังที่ประทับรับวงศา |
เป็นสามแห่งแต่งไว้ใกล้คงคา | เสร็จคอยท่าเกี่ยวดองทั้งสองเมือง |
หน่อกษัตริย์หัสไชยไปกำกับ | ทำวังรับเมืองผลึกตึกฝาเฝือง |
ล้วนก่ออิฐปิดทองดูรองเรือง | มุงกระเบื้องโบกปูนทั้งพูนดิน ฯ |
๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลโฉม | เป็นทุกข์โทมนัสในฤทัยถวิล |
แต่ทูตถือหนังสือมาถึงธานินทร์ | นางทราบสิ้นศุภสารการวิวาห์ |
ครั้นจะอยู่สู้ดื้อด้วยถือสัตย์ | สุดจะขัดบิตุรงค์พระวงศา |
วิบากกรรมจำหนีพระพี่ยา | นางตรึกตราเตรียมการมานานครัน |
คิดความลับกับกะเทยที่เคยใช้ | ชื่อมาลัยมาลาปัญญาขยัน |
อยู่ในวังทั้งสองพี่น้องกัน | เลี้ยงเป็นชั้นคนสนิทช่วยคิดการ |
ให้ลอบทำสำเภายาวเก้าเส้น | สำหรับเล่นทะเลลึกฝึกทหาร |
เลือกล้าต้าต้นหนพวกคนงาน | ล้วนชำนาญนาวาในสาชล |
พวกนารีที่เป็นข้าทั้งห้าร้อย | เคยใช้สอยการศึกได้ฝึกฝน |
จะไปด้วยช่วยเจ้าเมื่อคราวจน | ทั้งพวกพลขอเฝ้าตามเจ้านาย |
ขนข้าวน้ำลำเลียงเสบียงไพร่ | บรรทุกไว้ในเรือนั้นเหลือหลาย |
กำหนดนัดจัดแจงไม่แพร่งพราย | ทั้งไพร่นายพันร้อยรอคอยฟัง ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยใช้ใบแล่น | เรือแห่แหนซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง |
ทั้งทัพพระอนุชาดาประดัง | ลำที่นั่งสินสมุทรอยู่สุดท้าย |
ได้เดือนหนึ่งถึงพาราการะเวก | ต้นหนเอกหยั่งดิ่งให้ทิ้งสาย |
ทอดสมอรอเคียงอยู่เรียงราย | เสนานายนำข่าวทูลท้าวไท ฯ |
๏ ฝ่ายปิ่นปักนัคราการะเวก | จึงสั่งเอกเสนาอัชฌาสัย |
จัดเกณฑ์แห่แตรสังข์เรือดั้งไว้ | เราจะไปรับกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ ฯ |
๏ ฝ่ายขุนนางต่างตำแหน่งจัดแจงเสร็จ | พระเสด็จจรลีเข้าที่สรง |
ครั้นเสร็จสรรพกับโอรสยศยง | ต่างลงทรงเรือที่นั่งบัลลังก์ทอง |
ไปเชิญพระอภัยเจ้าไตรจักร | เรือคู่ชักดั้งกันผันผยอง |
ประโคมทั้งสังข์แตรเสียงแซ่ซ้อง | ทั้งฆ้องกลองก้องมาถึงธานี |
ประทับท่าหน้าแพเกณฑ์แห่แหน | ชุนนางแน่นแนวทางกลางวิถี |
เชิญเผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์สวัสดี | มาพร้อมที่ปรางค์มาศปราสาทชัย |
เชิญนั่งที่ยี่ภู่ซึ่งปูลาด | ตรัสประภาษพูดจาอัชฌาสัย |
ทั้งเผ่าพงศ์วงศ์พระสุริโยไทย | บังคมพระอภัยศรีสุวรรณ |
ด้วยอ่อนกว่าสององค์ลงเป็นน้อง | กษัตริย์สองอวยชัยเจ้าไอศวรรย์ |
ส่วนสามพราหมณ์มเหสีบุตรีนั้น | ต่างคำนับรับกันจำนรรจา ฯ |
๏ กษัตริย์สุริโยไทยปราศรัยสนอง | ขอบคุณสองทรงเดชพระเชษฐา |
สู้ล้าเลื่อยเหนื่อยเหน็ดเสด็จมา | ในมรรคาข้ามสุดสมุทรไท |
อันเสนีรี้พลพหลทหาร | ร้อนรำคาญเคืองเข็ญเป็นไฉน |
หรือพร้อมมูลพูนสวัสดิ์กำจัดภัย | ทั้งนายไพร่พร้อมพรั่งหรือยังมา ฯ |
๏ สองกษัตริย์ตรัสสนองว่ากองทัพ | มาเสร็จสรรพพร้อมกันต่างหรรษา |
เดชะสัตย์ปัถพีจะปรีดา | กลางชลาลมคลื่นรื่นสำราญ |
เหมือนจะส่งตรงมากรุงการะเวก | ช่วยอภิเษกสืบสมบัติพัสถาน |
แม้สามเมืองเคืองขัดขอปฏิญาณ | ให้มีสารทราบด้วยจะช่วยกัน |
เจ้าพาราการะเวกก็รับสัตย์ | โสมนัสตรัสชวนกันสรวลสันต์ |
ฝ่ายห้ามแหนแสนสุรางค์นางกำนัล | ล้วนรู้ชั้นเชิงฉลาดราชการ |
เวลาเลี้ยงเมียงหมอบคอยนอบน้อม | เชิญเครื่องพร้อมทั้งพระเต้าของคาวหวาน |
เทียบถวายรายองค์พระวงศ์วาน | นางอยู่งานที่เสวยล้วนเคยใช้ |
ช้อยจริตกรีดกระหวัดปัดพระแส้ | ชำเลืองแต่หางตาอัชฌาสัย |
นางสำหรับขับร้องทำนองใน | ก็ท้าทับขับไม้มโหรี |
ร้องลำนำทำนองพระทองหวน | เสนาะสำนวนนิ้วกรีดเพลงดีดสี |
ซอประสานหวานเสียงสำเนียงดี | ดังดนตรีไกรลาสสังวาสวอน |
นางสำหรับจับระบำก็ทำบท | น้อมประณตน่าเอ็นดูด้วยครูสอน |
ใส่จริตกรีดกรายถวายกร | ชะอ้อนอ่อนเอวองค์ตีวงเวียน |
ไว้จังหวะประท้าวก้าวสกัด | ประคองเกี้ยวเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน |
ดูช้อยชดบทแบบช่างแนบเนียน | เหมือนนางเขียนคิ้วค้อมละม่อมละไม |
สามกษัตริย์ขัตติย์วงศ์ประจงเสวย | นางรำเพยพัดประคองให้ผ่องใส |
ฟังขับลำคำร้องทำนองใน | เพลินพระทัยทุกองค์พระวงศ์วาน |
บ้างกรายกรีดดีดเพลงกระจับปี่ | รับซอสีเสียงเอกวิเวกหวาน |
จนอิ่มหนำสำรวลสรวลสำราญ | ดูงานการฟ้อนรำระบำบรรพ์ ฯ |
๏ ฝ่ายองค์พระอภัยเห็นใกล้พลบ | ลาปิ่นภพภูวไนยเจ้าไอศวรรย์ |
มาอยู่วังตั้งทัพลำดับกัน | ศรีสุวรรณอัคเรศเกษรา |
นางโฉมยงองค์อรุณรัศมี | ไปอยู่ที่บิตุเรศหนีเชษฐา |
สินสมุทรหยุดประทับอยู่พลับพลา | คอยวิวาห์หวังใจจะได้พลอย |
หน่อกษัตริย์หัสไชยไปอยู่ที่ | สุมาลีอาศัยให้ใช้สอย |
พอพูดเล่นเห็นสองพระน้องน้อย | ด้วยรักสร้อยสุวรรณจันทร์สุดา |
พระบิตุราชมาตุรงค์ก็ปลงให้ | แกล้งทำไม่รู้ความตามประสา |
หน่อกษัตริย์จัดตุ๊กตางา | ให้น้องยาหลากหลากฉากเล็กเล็ก |
นางเกล้าจุกตุ๊กตาตัดผ้าถุง | ให้ลูกนุ่งเหมือนหนึ่งลาวสาวเด็กเด็ก |
หน่อกษัตริย์จัดแจงแต่งเป็นเจ๊ก | ตัวเล็กเล็กเล่นกับลาวลูกสาวนาง |
แต่เปรียบเทียบเลียบและกระแชะชิด | จะมอบมิตรไม่ถนัดยังขัดขวาง |
พูดกับพี่ทีน้องข้องระคาง | ครั้นปลอบนางน้องทีข้างพี่ชัง |
ต้องของ้อของอนวิงวอนปลอบ | จะชวนชอบชิดชมไม่สมหวัง |
จนราตรีมิได้ไปที่ในวัง | อยู่เล่นฟังขับร้องกับน้องยา ฯ |
๏ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลสมร | จะจำจรจากประเทศหนีเชษฐา |
คิดอาลัยในพระอนุชา | ทั้งบิดามารดรจะร้อนรน |
ครั้นจะอยู่บุรีร่วมภิเษก | ไม่เป็นเอกอายหญิงชาวสิงหล |
ยิ่งตรึกตราอาวรณ์ยิ่งร้อนรน | สายสุชลเนตรนางลงพร่างพราย |
เพราะเพลงยาวคราวลังกาเก็บมาไว้ | อ่านทีไรแค้นเดือดไม่เหือดหาย |
เป็นมนุษย์สุดจะรับความอับอาย | ไปสู้ตายเสียให้พ้นคนนินทา |
จึงตรัสสั่งทั้งหลายฝ่ายข้าหลวง | ให้ทั้งปวงปิดความใครถามหา |
บอกว่าเราเข้าบำเพ็ญภาวนา | ไม่พูดจากว่าจะเสร็จสักเจ็ดวัน |
แล้วเขียนคำอำลาสมาโทษ | ตามประโยชน์อยากจะใคร่ไปสวรรค์ |
กับเพลงยาวคราวลังกาเก็บมานั้น | ไว้บนบรรจถรณ์สถิตปิดทวาร |
สลักในใส่ซ้ำพอค่ำพลบ | ค่อยหลีกหลบลงปราสาทราชฐาน |
กับพวกหญิงสิงห์ทรงของนงคราญ | ออกไปชานชายทะเลลงเภตรา |
ให้ใช้ใบไปทางทิศพายัพ | ออกลึกลับลำเดียวเปลี่ยวหนักหนา |
หมายจะเข้าอ่าวสินธุ์มิถิลา | สายคงคายมนาแนวสาชล |
ด้วยโฉมยงทรงเพียรเรียนตำรับ | ได้ฉบับโลกเชษฐ์แจ้งเหตุผล |
ดูแผนที่มีสังเกตเขตตำบล | กับพวกพลพันร้อยแล่นลอยไป ฯ |
๏ จะกลับกล่าวเจ้าพาราการะเวก | จวนอภิเษกฤกษ์แรมอันแจ่มใส |
แต่บุตรีศรีสวัสดิ์กับหัสไชย | ไปไหนไม่เห็นหายหลายเวลา |
มเหสีอัญชลีสนองถ้อย | พระหน่อน้อยนั้นเห็นรักเขาหนักหนา |
ไปสิงสู่อยู่ที่น้องสองสุดา | ไม่เข้ามาในวังกำลังเพลิน |
อันบุตรีมิได้ออกข้างนอกห้อง | เห็นทำนองนั้นจะอายระคายเขิน |
แต่ทัพกลับกับพี่ทีสะเทิน | เรียนเจริญบำเพ็งเห็นเคร่งครัน |
แล้วสั่งเหล่าสาวใช้ให้ไปหา | มาทูลว่าห้ามกำกับกันขับขัน |
ปิดทวารบานบังเสียทั้งวัน | เข้าผลักดันดูข้างในก็ใส่ดาล |
พระบิตุรงค์ทรงพระสรวลว่าครวญใคร่ | เห็นน้ำใจเจ้าสาวจะร้าวฉาน |
หน่อยจะคิดบิดเบือนให้เลื่อนงาน | ไปว่าขานเกลี่ยไกล่เสียให้ดี |
นางคำนับรับรสพจนารถ | มาปราสาทพระธิดามารศรี |
ผลักทวารบานติดเห็นผิดที | ให้หาพี่เลี้ยงทั้งหลายก็หายไป |
เห็นผิดอย่างนางกษัตริย์จึงตรัสสั่ง | ให้ชาวคลังเปิดทวารลูกดาลไข |
สลักเลื่อนเคลื่อนคล่องเข้าห้องใน | ไม่เห็นใครในปราสาทประหลาดนัก |
ดูบนที่มีหนังสือหยิบถืออ่าน | ได้ทราบสารแสนวิตกเพียงอกหัก |
จะเสกลูกปลูกฝังกำลังรัก | มาลับพักตร์หนีหายไปหลายวัน |
วิบากกรรมจำเป็นไม่เว้นว่าง | ให้อ้างว้างวิญญาณ์เพียงอาสัญ |
ระทวยองค์ลงบนที่บุตรีนั้น | สะอื้นอั้นอ่อนซบสลบไป ฯ |
๏ ฝ่ายแสนสาวท้าวนางต่างเข้าแก้ | เห็นนิ่งแน่จึงว่ากรรมจะทำไฉน |
ไปทูลท้าวเจ้านครร้อนฤทัย | เสด็จไปสู่ปราสาทราชบุตรี |
เข้าเคียงนางข้างแท่นเห็นแผ่นกระดาษ | ภูวนาถนิ่งอ่านดูสารศรี |
ทราบพระทัยในอารมณ์ไม่สมประดี | มิรู้ที่คิดอ่านประการใด |
ทั้งเกี่ยวดองสองเมืองมาเนืองแน่น | ความอายแสนสุดจิตคิดไฉน |
สงสารท้าวหาวหวอดทอดฤทัย | สลบไปเป็นครู่ไม่รู้องค์ ฯ |
๏ พวกผู้หญิงวิ่งเพรียกร้องเรียกหมอ | ให้ผูกคอกรมวังกำลังหลง |
บ้างไปทูลพระโอรสยศยง | ทราบถึงองค์พระอภัยไหววิญญาณ์ |
ชวนพระน้องสองพระมเหสี | ทั้งบุตรีพร้อมหมดโอรสา |
ตามกษัตริย์หัสไชยรีบไคลคลา | ขึ้นมหาปรางค์ทองเข้าห้องกลาง |
พอสององค์ทรงฟื้นลุกขึ้นนั่ง | เห็นพร้อมพรั่งเกี่ยวดองยิ่งหมองหมาง |
ท้าวถวายลายมือหนังสือนาง | ให้อ่านกลางสุริย์วงศ์พงศ์ประยูร ฯ |
๏ ข้าพเจ้าเสาวคนธ์วิมลสมร | ชลีกรกราบปิ่นบดินทร์สูร |
ซึ่งพระองค์ทรงพระอนุกูล | จะเพิ่มพูนอภิเษกเป็นเอกองค์ |
อายฝรั่งลังกาเหมือนข้าชั่ว | ไปชิงผัวเขามาตามความประสงค์ |
จึงจำลาฝ่าพระบาทญาติวงศ์ | ไปเที่ยวทรงศีลวัตรตามศรัทธา |
เป็นอันขาดชาตินี้ไม่มีคู่ | จะบวชสู่สุขสวรรค์ให้หรรษา |
ด้วยเพลงยาวคราวครั้งเมืองลังกา | เหมือนศัสตราตรึงประจำให้ช้ำใจ |
ขอพระองค์จงสละอนุญาต | อย่ากริ้วกราดเคลือบแคลงแหนงไฉน |
แม้พระพี่มีคู่แล้วรู้ไป | จึงจะได้คืนมาเยี่ยมธานี |
อย่าควรคิดติดตามด้วยความยาก | จงบริจาคให้ลูกถือเป็นฤๅษี |
ขอพระคุณมุลิกาฝ่าธุลี | จงเปรมปรีดิ์โปรดช่วยอำนวยพร ฯ |
๏ พอจบคำซ้ำให้อ่านสารฝรั่ง | ต่างทรงฟังศุภลักษณ์ในอักษร |
ว่าสารศรีพี่ยาสุดสาคร | เจริญพรโฉมเฉลาเสาวคนธ์ |
เมื่อแรกเริ่มเดิมทีเราพี่น้อง | หมายจะครองความรักเป็นพักผล |
บุญหาไม่ให้พี่จากนีรมล | เป็นต่างคนขาดกันแต่วันมา |
เดี๋ยวนี้พี่มีคู่ที่ชูชื่น | อันหญิงอื่นตัดขาดไม่ปรารถนา |
ซึ่งน้องตามข้ามฝั่งมาลังกา | พระบิดาจะให้อยู่เป็นคู่ครอง |
เดี๋ยวนี้เราเข้ารีตฝรั่งแล้ว | จึงคลาดแคล้วเสาวคนธ์อย่าหม่นหมอง |
จะรับเจ้าเข้าไปเลี้ยงเคียงประคอง | ฝรั่งสองเมียห้ามบอกตามจริง |
จึงออกมาหาให้พบประสบพักตร์ | พอสมรักร่วมห้องแม่น้องหญิง |
จงกลับหลังยังนครอย่าวอนวิง | อุส่าห์นิ่งนอนอยู่ในบูรี |
คงได้คู่สู่ขอหน่อกษัตริย์ | ครองสมบัติการะเวกภิเษกศรี |
นี่เป็นหญิงวิ่งมาเหมือนกาลี | จะไม่มีใครสู่เป็นคู่ครอง |
หรือรักเราเจ้าไม่กลับจะรับเลี้ยง | อย่าทุ่มเถียงทะเลาะเขาเป็นเจ้าของ |
จงวันทาลาลีเป็นที่รอง | จะเลี้ยงลองไว้สักครั้งที่ลังกา ฯ |
๏ พอจบเรื่องเคืองจิตบิตุเรศ | จึงว่าเหตุนิดหนึ่งมาหึงสา |
หนังสือนี้อีลีวันใช้ปัญญา | ประดิษฐ์แต่งแกล้งว่าสุดสาคร |
แต่ลูกเราเฉาโฉดหลงโกรธขึ้ง | ไม่รู้ถึงกลศึกที่ฝึกสอน |
มาปลดเปลื้องเคืองขัดถึงตัดรอน | จะง้องอนเอามาไว้ทำไมมี |
สู้กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกจะปลูกฝัง | ว่าไม่ฟังแล้วมิหนำยังซ้ำหนี |
ให้เสียงานการค้างถึงอย่างนี้ | ก็เสียทีเลี้ยงไว้จนใหญ่มา ฯ |
๏ พระอภัยให้ระทดกำสรดเศร้า | สงสารเสาวคนธ์น้อยละห้อยหา |
ทั้งพระน้องสองนางต่างโศกา | เวทนานงเยาว์เสาวคนธ์ |
จึงทูลท้าวเจ้าพาราการะเวก | จะอภิเษกศรีสวัสดิ์ยังขัดสน |
ซึ่งบุตรีหนีไปกับไพร่พล | เพราะอายคนขอจงโปรดซึ่งโทษทัณฑ์ |
จะตามหาว่ากล่าวค่อยน้าวโน้ม | ปลอบประโลมทรามวัยมาไอศวรรย์ |
ถึงเร็วช้ากว่าจะได้พร้อมใจกัน | ไม่เดียดฉันท์โฉมเฉลายังเยาว์ความ |
ไว้ธุระจะขอลาพาพระน้อง | รีบยกกองทัพไปเที่ยวไต่ถาม |
แม้โฉมตรูอยู่ไหนจะไปตาม | ให้ได้ทรามสวาทมายังธานี |
ขอพระองค์ทรงพระอนุญาต | อย่ากริ้วกราดโกรธามารศรี |
จะสืบวงศ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี | ไม่ราคีเคืองระคางที่ค้างงาน ฯ |
๏ กษัตริย์สุริโยไทยได้สดับ | น้อมคำนับรับสุนทรด้วยอ่อนหวาน |
ซึ่งทรงธรรม์กรุณาบัญชาการ | กระหม่อมฉานมิได้ขัดพระอัชฌา |
จะทำตามพระประสงค์จำนงสนอง | ด้วยหวังสองทรงเดชเป็นเชษฐา |
แม้ตามไปได้องค์ธิดามา | จะวิวาห์เสกสองให้ครองกัน ฯ |
๏ สุดสาครถอนสะอื้นสู้ฝืนพักตร์ | ทูลทรงศักดิ์ตามจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
อันหนังสือคืออีลาลีวัน | กระหม่อมฉันมิได้ทราบที่หยาบคาย |
เพราะเหตุนี้ศรีสวัสดิ์จึงขัดข้อง | เป็นกรรมของลูกจึงช้ำระส่ำระสาย |
แม้นงเยาว์เล่าแจ้งให้แพร่งพราย | มันหยาบคายควรว่าจะฆ่าตี |
นี่ทรามวัยไม่แถลงให้แจ้งเรื่อง | มาขัดเคืองคิดอางขนางหนี |
ด้วยสาราน่าแค้นแสนทวี | เหตุทั้งนี้ก็เพราะลูกต้องถูกมนต์ |
พลอยพระน้องข้องขัดต้องพลัดพราก | จะลำบากทางทะเลระเหระหน |
ขอกราบบังคมลาฝ่ายุคล | ไปตามจนจะได้พบประสบกัน |
แล้วจะฆ่าลาลีเอาศีรษะ | มาให้พระน้องหญิงเห็นจริงฉัน |
ยิ่งฉุนแค้นแสนเสียดายทั้งอายครัน | สะอื้นอั้นอ่อนซบสลบไป ฯ |
๏ พระบิตุราชมาตุรงค์พงศ์กษัตริย์ | เห็นอั้นอัดนิ่งแน่เข้าแก้ไข |
ค่อยฟื้นกายฝ่ายพระสุริโยไทย | จึงเกลี่ยไกล่ตรัสว่าสุดสาคร |
อย่าโกรธาฝรั่งทำหนังสือ | ไม่รู้หรือกลศึกเขาฝึกสอน |
น้องสาวเจ้าเฉาโฉดถือโทษกรณ์ | ปัญญาอ่อนกว่าอีลาลีวัน |
อย่าเพ่อคิดติดตามคอยถามข่าว | ได้เรื่องราวมั่นหมายจึงผายผัน |
อันฝรั่งลังกาอย่าฆ่าฟัน | เสียสัตย์ธรรม์ทศพิธผิดโบราณ ฯ |
๏ สุดสาครร้อนอกวิตกนัก | ด้วยน้องรักร้างเขตนิเวศน์สถาน |
จึงทูลความตามใจอาลัยลาน | ลูกสงสารแสนสุดด้วยนุชน้อง |
แม้พบปะจะได้ให้ความสัตย์ | ศรีสวัสดิ์จะสว่างที่หมางหมอง |
ประการหนึ่งถึงมิอยู่เป็นคู่ครอง | เป็นพี่น้องอยู่ด้วยกันจนวันตาย |
ได้พบเห็นเย็นเช้าเคยเฝ้าแหน | ลูกสุดแสนอาลัยจิตใจหาย |
ขืนให้อยู่แล้วอุระจะทลาย | พลางฟูมฟายชลนาร่ำพาที |
โอ้น้องเอ๋ยเคยเห็นทุกเย็นเช้า | จะเปลี่ยวเปล่าวิญญาณ์มารศรี |
ทั้งเป็นหญิงทิ้งขว้างเสียอย่างนี้ | จะรู้ที่ผินหน้าไปหาใคร ฯ |
๏ พระบิตุราชมาตุรงค์ต่างสงสาร | ทั้งวงศ์วานเวทนาน้ำตาไหล |
วิบากกรรมจำจะปละสละไป | จึงสั่งให้โหรทายทำนายนาง |
โหรชำระพระชาตาธิดาท้าว | เห็นจวบคราวเคราะห์วิบัติจึงขัดขวาง |
จึงทูลความตามดิถีต้องตรียางค์ | ว่าไปทางทิศพายัพจะลับนาน |
แม้ตามไปในตำราว่าจะพบ | แต่เกลื่อนกลบกลับกลายหลายสถาน |
ต่อสิบสี่ปีเศษสังเกตกาล | เยาวมาลย์จึงจะมาอยู่ธานี ฯ |
๏ กรุงกษัตริย์ตรัสว่าถ้าเช่นนั้น | แต่งกำปั่นไปเที่ยวหามารศรี |
สุดสาครวอนว่าจะช้าที | ลูกจะขี่แต่พระยาม้ามังกร |
ไปตามนางกลางชลามหรณพ | กว่าจะพบพุ่มพวงดวงสมร |
เห็นท้าวนิ่งกริ่งใจมิให้จร | ชลีกรกราบก้มบังคมลา |
ไปแต่งองค์ทรงไม้ท้าวของดาบส | น้อมประณตนึกพระคุณอุ่นเกศา |
แล้วรีบออกนอกวังไม่รั้งรา | ขึ้นทรงม้าที่นั่งนิลมังกร |
หมายพายัพขับใหญ่วิ่งไวว่อง | ระเริงร้องเร็วรีบโถมถีบถอน |
ถึงหาดทรายชายชลาลงสาคร | อัสดรโดดน้ำด้วยกำลัง |
ประเดี๋ยวเดียวเหลียวกลับลับประเทศ | ทุกข์เทวษหวั่นทรวงเป็นห่วงหลัง |
เห็นแต่ปลาสาชลกับวนวัง | อุส่าห์ตั้งตามสำเภาเสาวคนธ์ ฯ |
๏ หน่อนรินทร์สินสมุทรก็สุดเศร้า | แต่หมอบเฝ้าฟังรหัสเห็นขัดสน |
หมายว่าน้องสองสมรเข้าผ่อนปรน | จะพลอยพ้นทุกข์ด้วยก็ป่วยการ |
เขาซ้ำเป็นเช่นนี้แล้วที่ไหน | เราจะได้ร่วมรักสมัครสมาน |
จะดึงดื้อถือสัตย์ปฏิญาณ | เหลือรำคาญคิดถนอมยิ่งตรอมตรม |
ดูอรุณฉุนเฉียวเสียวสวาท | ใจจะขาดเสียด้วยรักที่หมักหมม |
กำเริบโรคโศกสะอื้นฝืนอารมณ์ | จนเป็นลมจับนิ่งไม่ติงกาย ฯ |
๏ สามกษัตริย์อัศจรรย์ให้หวั่นหวาด | เห็นหน่อนาถนิ่งไปก็ใจหาย |
ช่วยแก้ไขพอค่อยทรงดำรงกาย | แกล้งอุบายบ่นว่าเคยมาพบ |
ผู้ที่นั่งทั้งปราสาทประหลาดนัก | หมายว่ารักเสาวคนธ์จนสลบ |
ทั้งหัสไชยในอุราให้ปรารภ | กันแสงซบโศกีถึงพี่ยา |
ทั้งอาลัยในลูกสาวเจ้าผลึก | จวนสมนึกจะได้ชิดกนิษฐา |
จะเหินห่างร้างรักไปนัครา | ยิ่งโศกาตรอมจิตดังพิษปืน |
ทั้งพงศ์เผ่าเศร้าหมองจนฆ้องย่ำ | ต่างกลืนกล้ำกันแสงสู้แข็งขืน |
หน่อกษัตริย์หัสไชยมิใคร่ฟื้น | สะอึกสะอื้นอืดอืดยังยืดยาว |
เพราะรักหญิงจริงจังคนทั้งนั้น | ว่าโศกศัลย์โศกีถึงพี่สาว |
ฝ่ายองค์พระอภัยทูลไทท้าว | พรุ่งนี้เช้าฉันจะใช้ใบเภตรา |
ขอพระองค์จงสำราญผ่านสมบัติ | ไม่เคืองขัดคิดคงเป็นวงศา |
สามกษัตริย์ตรัสไว้อาลัยลา | แล้วลงมาที่ประทับหยุดยับยั้ง ฯ |
๏ กษัตริย์สุริโยไทยตามไปส่ง | พร้อมพระวงศ์อวยไชยดังใจหวัง |
จนดึกดื่นคืนเขตนิเวศน์วัง | ยังรอรั้งอยู่แต่พระหัสไชย |
ค่อยสั่งสองน้องน้อยละห้อยละเหี่ย | ต่างสั่งเสียเศร้าหมองไม่ผ่องใส |
นางให้ลูกตุ๊กตากับผ้าสไบ | พระหัสไชยให้แหวนทดแทนกัน ฯ |
๏ ส่วนสุวรรณมาลีศรีสวัสดิ์ | เห็นหน่อกษัตริย์สินสมุทรสุดโศกศัลย์ |
ต่อจะไม่ได้เขาเปล่าทั้งนั้น | มาด้วยกันทีเดียวกรรมทำอย่างไร |
เห็นท่าทางนางจะลวงแกล้งหน่วงเหนี่ยว | ไม่รู้เกี้ยวก็ไม่ดื้อดอกหรือไฉน |
ช่างโง่งงสงสารรำคาญใจ | จำจะไปสอนสิกขาเป็นอาจารย์ |
จึงลงลำกำปั่นสินสมุทร | เห็นอยู่สุดท้ายเภตราน่าสงสาร |
เข้าห้องแนบแอบโอรสแล้วพจมาน | พ่อรำคาญขัดขวางเป็นอย่างไร |
หรือทุกข์โศกโรคร้อนมานอนนิ่ง | บอกจริงจริงเถิดนะแม่จะแก้ไข |
ความรักเจ้าเท่าชีวิตเป็นจิตใจ | เห็นหม่นไหม้แม่นี้ไม่มีสบาย |
ไม่อยู่ห้องน้องสาวหรือร้าวฉาน | จงแจ้งการเถิดจะให้เหมือนใจหมาย |
สินสมุทรทรุดคำนับแล้วกลับอาย | แต่ก้มกายแกะเล็บนึกเจ็บใจ |
จะมิทูลมูลความแต่ตามซื่อ | ก็สุดมือมิได้ชิดพิสมัย |
แต่ยิ้มเยื้อนเอื้อนอึ้งตะลึงตะไล | อยากใคร่ได้แยบยลของชนนี |
จึงทูลฟ้องน้องรักที่หนักหน่วง | ว่าลามล่วงแล้วก็เห็นจะเป็นผี |
อ้อนวอนเขาเท่าไรไม่ไยดี | เหตุทั้งนี้วาสนาลูกอาภัพ |
แต่กลางวันนั้นจะไปปราศรัยบ้าง | ก็เมินหมางมัวหมองปิดห้องหับ |
แรกลงเรืออยู่แต่สองในห้องลับ | ฉวยมีดพับมาจะขอเชือดคอเอง |
ถ้าขืนทำจำตายไปภายหน้า | ก็จะว่าลูกรักหักข่มเหง |
จึงหนีนอนซ่อนตัวด้วยกลัวเกรง | เห็นสุดเพลงที่จะปลอบให้ชอบที ฯ |
๏ นางฟังคำรำพันกลั้นพระสรวล | ทำเบือนบ้วนโอษฐ์เลยเสวยพระศรี |
จะแนะให้ไม่ถนัดเป็นสตรี | แกล้งพาทีชักทำเนียบมาเปรียบปราย |
อันวิสัยใจจริงหญิงมนุษย์ | รักบุรษสุดรักสมัครหมาย |
ซึ่งมารยาพาทีเพราะมีอาย | เขาไม่ตายจริงดอกบอกให้รู้ |
ด้วยรุ่นราวสาวแส้แล้วแต่แรก | เปรียบเหมือนแขกคิดเดียดด้วยเกลียดหมู |
ต่อเมื่อไรได้เป็นเหมือนเช่นชู้ | จึงกลับรู้รักชายถวายตัว |
อรุณเขาเจ้ากระบวนสำนวนมาก | ทั้งฝีปากคารมจะข่มผัว |
ถ้าทีหลังฟังแม่ว่าเถิดอย่ากลัว | เข้าถึงตัวแล้วไม่ตายสบายใจ |
ถ้าแม้น้องของพ่อม้วยลงด้วยรัก | แม่นี้จักไปช่วยรับที่ปรับไหม |
แล้วเสสรวลจวนเวลาจะคลาไคล | นางกลับไปสู่พลับพลาพระสามี |
เห็นกษัตริย์หัสไชยยังไม่กลับ | นั่งพูดกับพี่น้องทั้งสองศรี |
รักลูกเขยเลยมานั่งพาที | ชนนีนี้จะลาพ่อคลาไคล |
พระลูกน้อยค่อยอยู่อย่ารู้โรค | จงดับโศกเศร้าหมองให้ผ่องใส |
รำลึกถึงจึงทูลลาบิดาไป | หาแม่ได้เล่นกับน้องทั้งสองรา |
แต่เดี๋ยวนี้พี่นางไปกลางสมุทร | มิได้หยุดยั้งจะตามเที่ยวถามหา |
พลางลูบหลังสั่งสะอื้นกลืนน้ำตา | พอเวลาย่ำสามยามประโคม ฯ |
๏ ได้ฤกษ์ดีศรีสุวรรณให้ลั่นฆ้อง | เสียงแซ่ซ้องสังข์แตรพลแห่โหม |
ทั้งโห่รับทัพผลึกเสียงครึกโครม | พระชวนโฉมธิดาสุมาลี |
ออกลำทรงหงส์บินฝ่ายสินสมุทร | ออกเรือครุฑรีบล่องกลัวน้องหนี |
ทั้งสองทัพรับโห่เสียงโยธี | ปถพีเพียงคว่ำจะทำลาย |
พอออกจากปากน้ำเกณฑ์กำปั่น | ให้แยกกันไปทุกทิศเหมือนคิดหมาย |
พระอนุชาลาแล่นแสนสบาย | ไปฝั่งฝ่ายรมจักรนัครา |
พระอภัยให้แล่นตามแผนนอก | ต่างตัดออกลึกรายไปฝ่ายขวา |
พระทรงส่องกล้องสว่างกลางคงคา | เหมือนต่อตาช่วงโชติสามโยชน์ยาว |
แลเขม้นเห็นรอบทั้งขอบเขต | สาคเรศเรือใช้ใบขาวขาว |
พบลูกค้ามาทุกเมืองถามเรื่องราว | ไม่ได้ข่าวเลยมาในสาคร ฯ |
๏ ฝ่ายพระหน่อวรนาถราชบุตร | สินสมุทรตั้งแต่พระแม่สอน |
ค่อยคิดเห็นเล่นสนุกไม่ทุกข์ร้อน | ร้องละครเมื่ออิเหนาเข้ามะละกา |
พระอุ้มองค์นงลักษณ์ใส่ตักไว้ | ชี้ขวนให้ศรีสวัสดิ์ชมมัจฉา |
หนุ่มน้อยน้อยคอยรับทับรำมะนา | ค่อยช้าช้าเฉื่อยเสียงสำเนียงนวล |
แล้วลืมองค์หลงร้องว่าน้องเอ๋ย | อยากใคร่เชยชื่นอารมณ์เมื่อลมหวน |
ได้นั่งตักสักทีจะชี้ชวน | ชมแต่ล้วนเหล่าปลาในวาริน |
แล้วรู้สึกนึกอายแปลงปลายบท | เป็นพระรถชมสวนหวนถวิล |
พลางตีทับขับเพลงบรรเลงพิณ | จนพลบสิ้นสุริยงลับคงคา |
ดาวสว่างกลางคืนทั้งคลื่นเงียบ | ดูเรือเลียบแล่นรายทั้งซ้ายขวา |
พระแต่งองค์สรงชลสุคนธา | ลีลามาเข้าห้องพระน้องนาง |
ขึ้นนั่งเตียงเคียงองค์นางนงลักษณ์ | ยิ้มพยักคนสนิทไม่กีดขวาง |
รับขวัญน้องลองลูบพระปฤษฎางค์ | นางข่วนพลางผลักพลิกซ้ำหยิกตี |
แล้วว่าเบื่อเมื่อสัญญาว่าเป็นแน่ | สุดแล้วแต่นุชน้องทั้งสองศรี |
เขายอมกันฉันจะได้รับไมตรี | นี่เขาหนีไปเสียแล้วเป็นแคล้วกัน |
ยังกลับมาหาสู่ทำจู้จี้ | ประเดี๋ยวนี้ก็ได้วุ่นจะหุนหัน |
มาทำเทียมเลียมเล่นเหมือนเช่นนั้น | ผิดก็ฉันเชือดคอให้มรณา ฯ |
๏ พระยิ้มเยาะเคราะห์กรรมก็จำดื้อ | ไม่รู้หรือว่าพี่รักนั้นหนักหนา |
ถึงพระน้องสองศรีหนีวิวาห์ | เจ้าสัญญาว่าจะยอมให้พร้อมใจ |
จริงไหมเล่าเจ้าว่าต่อหน้าพี่ | พยานมีแม่นแท้อย่าแก้ไข |
จะคอยน้องสองราอยู่ว่าไร | เมื่อพี่ได้แต่งงานประทานน้อง |
มิเคียงคู่อยู่ตามความรับสั่ง | เหมือนชิงชังจึงไม่ชมประสมสอง |
จะเคืองขัดอัธยาฝ่าละออง | จึงจำต้องตามรับสั่งไม่ฟังกัน ฯ |
๏ นางนิ่งนั่งฟังพระพี่ตีฝีปาก | ดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อนรู้ผ่อนผัน |
หรือใครสอนวอนว่าสารพัน | อัศจรรย์จำจะลวงดูท่วงที |
ซึ่งโปรดให้ใช่จะสั่งให้สังวาส | ให้รับราชกิจการผ่านกรุงศรี |
จึงต้องตามความรับสั่งมาดังนี้ | หมายพระพี่คงจะไม่ทำไมน้อง |
ถ้าขืนคิดชิดเชื้อเหนือรับสั่ง | ห้ามไม่ฟังแล้วก็จะทูลฉลอง |
อย่าเลียมล่อคลอเคลียใช่เมียรอง | ฉันเป็นน้องไม่ใช่อย่างนางยุพา ฯ |
๏ สินสมุทรพูดคล่องว่าน้องแก้ว | พี่ทิ้งแล้วลูกฝรั่งชังน้ำหน้า |
จะเชยชมสมสองกับน้องยา | อย่าขืนว่ารักฝรั่งเหมือนอย่างนี้ |
จะใคร่ให้ประจักษ์ว่ารักสุด | ตรงพระนุชคู่เสน่ห์มเหสี |
มีรับสั่งทั้งชนกชนนี | พระอัยกีอัยกาส่งมาเรือ |
ให้จูบกอดยอดหญิงจริงนะน้อง | พี่ก็ต้องตามคำไม่ล้ำเหลือ |
พลางอิงแอบแนบสนิททำชิดเชื้อ | แม่ไม่เชื่อทูลถามเถิดทรามวัย |
จงโอนอ่อนผ่อนตามความรับสั่ง | พลางลูบหลังนงลักษณ์นางผลักไส |
เออพระพี่นี้ข่มเหงไม่เกรงใจ | มาลูบไล้เลียมทำให้ช้ำมือ |
หมายว่าพี่ที่พึ่งเหมือนหนึ่งพี่ | ไม่ปรานีน้องแก้วแน่แล้วหรือ |
จะสู้ตายวายชนม์ให้คนลือ | ทำเอื้อมมือหยิบมีดจะกรีดคอ |
สินสมุทรยุดแย่งแล้วแกล้งลูบ | แต่ถูกจูบนิดก็เดือดจะเชือดศอ |
ไว้ค่อยตายภายหลังจงรั้งรอ | เดี๋ยวนี้ข้อความผิดยังติดพัน |
ไม่อ่อนน้อมยอมตามความรับสั่ง | พี่ก็ยังมิให้เจ้าไปสวรรค์ |
แม้จะใคร่ได้ตายง่ายง่ายนั้น | จงผ่อนผันพอได้หว่านเป็นว่านเครือ |
ให้สำเร็จเสร็จสรรพข้อรับสั่ง | แล้วทีหลังจึงค่อยตายสบายเหลือ |
แล้วพาดพิงอิงแอบอุ้มแนบเนื้อ | นางว่าเบื่อเบือนหยิกทำพลิกแพลง |
ทั้งข่วนผลักสักเท่าไรก็ไม่เจ็บ | จนเสียเล็บหักหมดกำสรดกันแสง |
พระสวมสอดกอดกระหวัดนางวัดแวง | จนสิ้นแรงอ่อนพับนิ่งหลับตา |
พระกอดเกยเชยปรางถึงอย่างยอด | เสียงฟอดฟอดเฟ้นซ้ายแล้วย้ายขวา |
ถนอมแนบแอบอรุณอุ่นอุรา | เหมือนสายฟ้าแลบรอบขอบทะเล |
สลาตันลั่นพิลึกเสียงครึกครื้น | โคลงเคลงคลื่นโดนดันกำปั่นเห |
กลับท้ายหกผกโผนดังโยนเปล | ปลิงทะเลลอยเกลือกทั้งเงือกงู |
ข้างในน้ำดำด้นไล่ชนเงือก | ลงงาเกลือกเสยกลอกกระบอกหู |
นาคราชผาดผยองพ่นฟองฟู | เสียงซู่ซู่สายฝนปนน้ำเค็ม |
สำเภาโยงโคลงเคลงเขย่งโขยด | ทะลึ่งโลดเลี้ยวท้ายตามปลายเข็ม |
ถูกคลื่นสาดดาดฟ้าคงคาเต็ม | ต้องและเล็มแล่นกระดืดด้วยมืดมัว |
เมื่อเดิมทีพี่น้องร่วมห้องหับ | แล้วก็กลับได้เสียเป็นเมียผัว |
นางน้องสาวคราวอ่อนวอนฝากตัว | ฉันได้ชั่วดีด้วยช่วยเอ็นดู |
อย่าทิ้งขว้างร้างเสียมีเมียอื่น | ทั้งอย่าคืนไปที่เคยเสวยหมู |
สินสมุทรสุดอุ่นคิดคุณครู | คราวนี้รู้ฤทธิ์ผู้หญิงไม่วิงวอน |
แม้พบปะแล้วประเดี๋ยวเกี้ยวสำเร็จ | กัลเม็ดมีอยู่เหมือนครูสอน |
ถ้าพบปะอนุชาสุดสาคร | จะบอกหล่อนเสียให้รู้เชิงชู้เชย |
แล้วชมโฉมโลมลูบเฝ้าจูบกอด | พี่ไม่ทอดทิ้งแล้วน้องแก้วเอ๋ย |
เนื้อละมุนอุ่นใจกระไรเลย | ต่างชื่นเชยชิดเสียดเบียดกระแซะ |
นาสิกสูดพูดหยอกว่าดอกไม้ | ไม่ชื่นใจเหมือนหนึ่งเนื้อเจือกระแจะ |
พระแนบเน้นเคล้นไคล้เฝ้าไค้แคะ | ปะเหลาะปะแหละโลมเล้าคลึงเคล้ากัน ฯ |
๏ อันหว่างทางถ้ากล่าวจะยาวเรื่อง | ไปถึงเมืองเสียเถิดท่านอ่านขยัน |
อันองค์พระอภัยมณีศรีสุวรรณ | เกณฑ์กำปั่นไปทุกทิศเที่ยวติดตาม ฯ |